Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

นายกฯ ประชุม บอร์ดบีโอไอ ย้ำรัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีและภาคธุรกิจ ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุน และการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ บรรเทาผลกระทบโควิด-19 

ณ ห้อง PMOC ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีและภาคธุรกิจผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนและการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบีโอไอ ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะไม่อาจคาดได้ว่าโควิด-19 จะอยู่ไปอีกถึงเมื่อไร โดยต้องทำทุกอย่างให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เป็นรูปธรรม โปร่งใส เป็นธรรม ดำเนินการอย่างสุจริต สามารถตรวจสอบได้ทุกประการ ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการการทำงานให้มีผลสัมฤทธิ์ ตามเป้าหมาย สิ่งที่ทำได้ขอให้ทำทันที ที่สำคัญ คือ การระวังไม่ทำให้คนตกงาน พร้อมหาแนวทางให้คนมาทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้มากขึ้น เพื่อคนไทย มีอาชีพสุจริต มีความมั่นคง นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน ทั้งการพัฒนาคน 4.0 อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งความคิดก็ต้อง 4.0 ด้วย หากยังปฏิบัติแบบเดิม ๆ ก็จะเดินหน้าไปไม่ได้  

ผลการประชุมบอร์ดบีโอไอที่สำคัญ 
1. บอร์ดบีโอไอเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนและ/หรือยาในประเทศ ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ ดังนี้ 1) การผ่อนผันขยายเวลาดำเนินการให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO 9002, CMMI หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า 2) การผ่อนผันการขออนุญาตหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 เดือน
2. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 
3. อนุมัติปรับปรุงประเภทกิจการการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รถสามล้อไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ และรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ และอนุมัติเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตรถจักรยานไฟฟ้า (ELECTRIC BICYCLE/ E-BIKE) 

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไออนุมัติการขอรับการส่งเสริม (ขยายกิจการ) ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำระบบ COGENERATION ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,046 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดินและทุนหมุนเวียน 5,568.0 ล้านบาท) เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น ที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง  และรับทราบภาวะการส่งเสริมการลงทุนใน 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวนโครงการ เพิ่มขึ้น 14% การขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 801 โครงการ อยู่ในพื้นที่ EEC 232 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 29 ของโครงการทั้งหมด เงินลงทุน เพิ่มขึ้น 158% เงินลงทุนทั้งสิ้น 386,200 ล้านบาท อยู่ในพื้นที่ EEC 126,640 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33 ของเงินลงทุนทั้งหมด 

'นิพิฏฐ์' โพสต์ข้อความ ฟังธรรมต้องฟังให้เกิดปัญญา ลั่น!! ท่านไม่สำรวม อายศาสนาอื่น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ เพราะมีเรา จึงมีสงฆ์ โดยระบุรายละเอียดว่า ปกติผมไม่ค่อยเขียนเรื่องพระหรอก แต่วันนี้ ต้องเขียน เพราะมีคนถามมาเยอะในฐานะที่ ผมเป็นนักการเมืองไม่กี่คนที่ได้รับพระราชทานรางวัล "เสาเสมาธรรมจักร" จึงขอแสดงความเห็นบ้าง ตามสมควร 

1.) พระพุทธองค์ทรงฝากศาสนาไว้กับภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา มิได้ฝากไว้กับสงฆ์ผู้เป็นสาวกเพียงอย่างเดียว เราเป็นผู้อุปถัมภ์สงฆ์ให้ท่านมีเวลาศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อมาสั่งสอนเรา เพราะมีเราจึงมีสงฆ์ ไม่มีเราก็ไม่มีสงฆ์ สงฆ์ท่านจึงควรรับฟังเราบ้าง

2.) ถ้าสิ่งไหนที่สงฆ์ท่านทำแล้วเป็นความสุขของท่าน ก็ให้ท่านทำไปเถอะ ผมก็ไม่อยากไปขัดความสุขของท่าน เห็นท่านพูดคุยหัวเราะร่วนกันเชียว ถ้าให้ผมเขียนตรง ๆ ก็คือ "ท่านไม่สำรวม" ผมอายคนในศาสนาอื่น กลัวเขาจะหมิ่นเอาได้ว่าสงฆ์ของเราสอนธรรมด้วยอาการไม่สำรวมอย่างนี้หรือ

3.) สำหรับชาวบ้านอย่างเรา ผมขอแนะนำให้อ่านหนังสือ "พุทธธรรม" ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เลือกอ่านบางเล่ม บางบท ถือเป็นหนังสือ 1 ใน 100 เล่มที่คนไทย "ต้องอ่าน" ครับ หนังสือ "พุทธรรม" ไม่ต้องหาซื้อ เข้าไปใน google แล้วพิมพ์คำว่า "หนังสือพุทธธรรม" แล้วโหลดอ่านได้เลย สะดวกสบาย ถ้าให้ผมแนะนำ ผมแนะนำให้อ่านภาค 3 อารยธรรมวิถี ตอนที่ 6 ชีวิตที่ดีเป็นอย่างไร ก็น่าจะพอแล้วสำหรับการเกิดมาในโลกนี้และได้พบพระพุทธศาสนา 

4.) ส่วนท่านใดจะฟังพระสงฆ์ท่านใดพูดสนุก ๆ คลายเครียด ก็ฟังไปครับ แต่สำคัญสำหรับชาวพุทธต้องฟังให้เกิด "ปัญญา" ด้วย ถ้าฟังแล้วสนุก แต่ไม่เกิดปัญญา นั่นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่เป็นการพูดตลกของพระ ก็ไม่ว่าไร ผมไม่กล้าว่าใครหรอก

ผมอาจจะพลาดตรงที่ผมไม่เคยฟังพระคุณเจ้าท่านอื่นสอนธรรม ก็ต้องกราบนมัสการขออภัยไว้ตรงนี้  ผมคงอายุมากแล้วจึงไม่มีเวลาฟังธรรมของพระสงฆ์ท่านอื่นมากนัก จึงอ่าน/ฟัง เฉพาะคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส กับ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เท่านั้น


ที่มา : https://www.facebook.com/100000777267045/posts/4244908312211702/
https://www.thaipost.net/main/detail/115748

สคบ.รื้อกฎหมายช่วยลูกหนี้เงินผ่อนไม่เจอรีดเงินเกินจริง

นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ได้รายงานที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบแนวทางช่วยผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สิน โดยสคบ. กำลังปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่เป็นลูกหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ โดยเฉพาะสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และจักรยานยนต์ หลังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 รายได้ลดลงจนหมดกำลังในการผ่อนจ่ายค่าสินค้าต่าง ๆ ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้น่าจะได้ข้อสรุปในเดือนก.ย.นี้ 

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือแบ่งออกเป็นการช่วยเหลือเรื่องของสัญญาเช่าซื้อในด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจเช่าซื้อ ที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายหรือหน่วยงานใดเข้ามากำกับดูแลในเรื่องดอกเบี้ยของธุรกิจเช่าซื้อเป็นการเฉพาะ ทำให้ไม่มีการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ จึงเป็นช่องให้มีการคิดดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงจนเป็นภาระต่อผู้บริโภค สคบ. จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมออกกฎหมายภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ประกาศเรื่องของเพดานการคิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมออกมา 

ขณะที่การพิจารณาอัตราเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้บริโภคผิดสัญญา โดยจะกำหนดอัตราของเบี้ยปรับให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 224/1 และมาตรา 7 ซึ่งกำหนดแนวทางในเรื่องนี้เอาไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งการปรับปรุงแนวทางในการขายทอดตลาด เช่น การกำหนดให้ผู้เช่าซื้อมีส่วนร่วมในการกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาด หรือในกรณีที่มีการยึดและขายทอดตลาดแล้วหากได้จำนวนเงินน้อยกว่ามูลหนี้ที่ค้างชำระ เดิมกำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบในส่วนที่ขาด แต่แนวทางใหม่ที่ออกมา เบื้องต้นอาจเปิดทางให้ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ หลังจากถูกยึดรถไปแล้ว เพราะถือว่าสิ้นสุดสัญญา 

นอกจากนี้ยังให้สิทธิกับผู้บริโภคในการคืนรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับผู้ให้เช่าซื้อได้เพื่อเป็นการยกเลิกสัญญาในทันที แต่ก็ต้องมาตกลงเรื่องของหนี้ที่ค้างชำระต่าง ๆ เช่น ค่างวด ค่าปรับ และค่าทวงถาม ให้เสร็จสิ้น หรือในกรณีรถเสื่อมค่า มีรอย หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียหาย ผู้ให้เช่าซื้อก็อาจพิสูจน์ความเสียหาย และสามารถเรียกค่าเสียหายจากส่วนนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

"พรรคกล้า" เปิดเคมเปญ "รวมพลผู้กล้า" รับสมัครลงผู้สนใจลงเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ก. สอดรับสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่น - ระดับชาติ เตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ 

เพจเฟสบุ๊ก "กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij" หัวหน้าพรรคกล้า และเพจ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก. พร้อมข้อความ รวมพล ผู้กล้า รับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.- ส.ก. พรรคกล้า ประกาศเดินหน้าเต็มตัวสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำอุดมการปฏิบัตินิยม ทำการเมืองสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ต่อสู้ระบบราชการหลัง พร้อม QR Code และลิงค์ candidate.klaparty.org ให้ผู้สนใจสมัครกรอกประวัติในระบบออนไลน์ได้ทันที 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า สัญญาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้น ทั้งรัฐสภาเตรียมลงมติวาระ 3 แก้ไขระบบเลือกตั้ง ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็เตรียมให้ ครม. พิจารณากำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบต. เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร พรรคกล้าเป็นพรรคการเมืองใหม่ ส่วนอายุรัฐบาลก็เหลืออยู่เพียง 1 ปี 10 เดือน และยังมีกระแสข่าวยุบสภาเกิดขึ้นเรื่อย ๆ พรรคกล้าในฐานะพรรคการเมืองใหม่ ต้องเตรียมความพร้อมโดยเร็ว 

"ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปข้อความประกาศรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เพราะต้องการเปิดกว้างให้ผู้สนใจในทุกช่วงอายุ ทุกสาขาอาชีพ ได้มีช่องทางเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง บนแนวทางที่ยึดถือหลักปฏิบัตินิยม ลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมสื่อสารในทางสาธารณะว่าพรรคกล้าเอาจริง ไม่ได้หวังเป็นแค่พรรคการเมืองขนาดเล็ก รวมถึงเป็นการเตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นในอนาคต" โฆษกพรรคกล้ากล่าว

"ชัยธวัช" เผย "ก้าวไกล" รอหยั่งเชิง มติครม. เคาะเลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนเปิดตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ชี้ คุณสมบัติจะต้องบริหารกทม.ช่วงวิกฤต-หลังวิกฤตโควิดได้ จ่อ ผลักดันแก้กม.เพิ่มอำนาจให้กทม. หลังพบปัญหาบริหารงานซับซ้อน

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีในวันที่ 7 ก.ย.นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา ว่า พรรคก้าวไกลจะส่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ส่วนสนาม อบต. และเมืองพัทยา จะเป็นของคณะก้าวหน้า 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อใด นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง แผนเดิมที่เราทราบคือจะมีการเลือกตั้ง อบต. ก่อน ถัดมาจะเป็น กทม. และเมืองพัทยา แต่ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอให้เลือกตั้งพร้อมกันทั้ง 3 ประเภท 

เมื่อถามถึงกระบวนการคัดเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือก จึงยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่ามีตัวเลือกกี่คน เราขอดูมติครม. ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) ก่อน โดยคุณสมบัติของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่พรรคก้าวไกลจะเสนอนั้น จะต้องมีความเป็นผู้นำ สามารถบริหารกทม.ในช่วงสถานการณ์วิกฤตและหลังวิกฤตโควิด-19 ได้ และต้องเข้าใจปัญหาพื้นฐานของกทม.ว่าจะสามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ในการแก้ปัญหาพื้นฐานได้อย่างไร ทั้งเรื่องการจัดการเมืองและเศรษฐกิจท้องถิ่น นอกจากนี้ เราจะพยายามผลักดันการแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้กทม. เพื่อให้คนกทม.มีอำนาจมากขึ้น เพราะการบริหารกทม.ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการบริหารงานซ้อนทับกันระหว่างการบริหารส่วนกลางของรัฐบาล และกทม. 

“ประวิตร” เร่ง “ยุทธศาสตร์ 5G” พัฒนาโครงการสำคัญ ลดเหลื่อมล้ำ เห็นชอบโครงการ ส่งเสริมการบริการปชช.-เข้าถึงการแพทย์ 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 4/2564  ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)เข้าร่วม 

โดยที่ประชุมเห็นชอบโครงการตามที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯแล้ว  อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์บริการการแพทย์ทางไกลเพื่อขยายการเข้าถึงการบริการประชาชน โครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์5G Smart City ในพื้นที่อีอีซี โครงการฐานบิ๊กดาต้า ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบริหารพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน โครงการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ,โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการวัดมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล และโครงการดีมีเดีย เป็นต้น และเห็นชอบโครงการตามมาตรา 26 (6) สำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทยในการต่อยอดการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีที่สำคัญ 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการติดตั้งเทคโนโลยี 5G สำหรับระบบบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ 2.โครงการนำร่องเกษตรดิจิทัล เพื่อการพัฒนาระบบส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผมนางและปลากะพงขาวในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 3.โครงการนำร่องการพัฒนาด้านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบสำหรับให้บริการประชาชน จ.เชียงใหม่ และ 4.โครงการ 5G เพื่อการคัดกรองและแจ้งเตือนสำหรับ เตรียมความพร้อมการเปิด เศรษฐกิจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กรรมการกองทุนฯและคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ให้กำกับ ติดตาม การดำเนินโครงการที่ผ่านความเห็นชอบแล้ววันนี้ ให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้กรอบเวลา และงป.ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องเกิดประโยชน์ เป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน และส่งเสริมการเข้าถึงทางการแพทย์ เพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 และ ลดความเหลื่อมล้ำประชาชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ของประเทศ

"พรรคกล้า" เปิดเคมเปญ "รวมพลผู้กล้า" รับสมัครลงผู้สนใจลงเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ก. สอดรับสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่น - ระดับชาติ เตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ 

เพจเฟซบุ๊ก "กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij" หัวหน้าพรรคกล้า และเพจ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก. พร้อมข้อความ รวมพล ผู้กล้า รับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.- ส.ก. พรรคกล้า ประกาศเดินหน้าเต็มตัวสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำอุดมการปฏิบัตินิยม ทำการเมืองสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ต่อสู้ระบบราชการหลัง พร้อม QR Code และลิงค์ candidate.klaparty.org ให้ผู้สนใจสมัคร กรอกประวัติในระบบออนไลน์ได้ทันที 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า สัญญาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้น ทั้งรัฐสภาเตรียมลงมติวาระ 3 แก้ไขระบบเลือกตั้ง ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็เตรียมให้ ครม. พิจารณากำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบต. เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร พรรคกล้าเป็นพรรคการเมืองใหม่ ส่วนอายุรัฐบาลก็เหลืออยู่เพียง 1 ปี 10 เดือน และยังมีกระแสข่าวยุบสภาเกิดขึ้นเรื่อย ๆ พรรคกล้าในฐานะพรรคการเมืองใหม่ ต้องเตรียมความพร้อมโดยเร็ว 

"ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปข้อความประกาศรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เพราะต้องการเปิดกว้างให้ผู้สนใจในทุกช่วงอายุ ทุกสาขาอาชีพ ได้มีช่องทางเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง บนแนวทางที่ยึดถือหลักปฏิบัตินิยม ลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมสื่อสารในทางสาธารณะว่าพรรคกล้าเอาจริง ไม่ได้หวังเป็นแค่พรรคการเมืองขนาดเล็ก รวมถึงเป็นการเตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นในอนาคต" โฆษกพรรคกล้ากล่าว

ประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิของทัพพาราลิมปิกไทย 'พงศกร แปยอ' ผู้คว้า 3 เหรียญทองจากการแข่งขัน Wheelchair Racing ในโตเกียวพาราลิมปิก 2020

แม้จะอยู่ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในโตเกียวพาราลิมปิก 2020 (Paralympic Tokyo 2020) ตั้งแต่ต้นจนจบ 

เริ่มตั้งแต่การผ่านคัดเลือกเข้าไปร่วมแข่งขันมากถึง 74 คนซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าพาราลิมปิกทุกครั้งที่ผ่านมา และยังคว้ามาได้ถึง 18 เหรียญ ดันไทยขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 25 ของตารางสรุปเหรียญ

ถึงกระนั้น มหกรรมกีฬาคนพิการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง 'พาราลิมปิกเกมส์' ที่จัดขึ้นครั้งที่ 16 โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็มักจะทำให้เห็นภาพเดิม ๆ นั่นคือการได้รับความสนใจและชื่นชมจากคนไทยและสื่อไทยน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่พวกเขาสามารถสร้างทั้งความภูมิใจในตนเอง ให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่า รวมถึงสามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยไปสร้างชื่อเสียงได้ในระดับโลก ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

ดังนั้น การที่ 'พงศกร แปยอ' ได้กลายเป็นนักกีฬาคนแรกของไทยที่คว้า 3 เหรียญทองรวดจาก Wheelchair Racing ระยะ 100, 400 และ 800 เมตร พร้อมทำลายสถิติสำคัญของโลกได้หมดทั้ง 3 รายการ จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา และไม่ควรเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมไทยจะเพิกเฉย 

ต่อจากนี้ไป การหันมามองและให้ความสำคัญแก่พวกเขาที่มิใช่เพียงแค่ พงศกร แต่ยังรวมถึงฮีโร่พาราลิมปิกไทยทุกคนนั้น ควรมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่านี้

สำหรับประวัติพอสังเขปของ 'กร' พงศกร แปยอ เป็นเด็กหนุ่มจากจังหวัดขอนแก่น เกิดวันที่ 1 ธันวาคม 2539 วัย 24 ปี โดยเจ้าตัวเป็นโปลิโอขาทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด และเริ่มเล่นกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งตั้งแต่อายุได้ 13 ปี จากนั้นอาจารย์ สากล ทัพสมบัติ ที่สนิทกันชักชวนให้ไปแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 30 "นครสุโขทัยเกมส์" เมื่อปี 2552 และประเดิมด้วยการคว้า 2 เหรียญทองแดงรายการ 100 ม. กับ 400 ม. ทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มคัดติดเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติหลังจากนั้น

ส่วนจุดเริ่มต้นบนเส้นทางทีมชาติชุดใหญ่ของ พงศกร นั้นเกิดขึ้นจากการที่ ประวัติ วะโฮรัมย์, เรวัฒน์ ต๋านะ และ อำไพ เสือเหลือง สามนักวีลแชร์เรซซิ่งดีกรีทีมชาติไทยเห็นแววความสามารถและรูปร่างของหนุ่มน้อยที่ตอนนั้นอายุเพียงน้อยนิด จึงตัดสินใจไปขอพ่อแม่ของ พงศกร เพื่อนำมาดูแลสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นกีฬาหรือการกินอยู่ พร้อมทั้งสัญญากับทางบ้านของพงศกรว่าจะพยายามปลุกปั้นให้พัฒนาความสามารถจนประสบความสำเร็จให้ได้ 

อีกทั้ง ประวัติ วะโฮรัมย์ เจ้าของ 2 เหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ปี 2016 ยังได้มอบรถวีลแชร์ที่เคยใช้ และสภาพยังดีอยู่ให้ พงศกร เพื่อเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จในช่วงแรก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ พงศกร จะเริ่มพัฒนาตัวเองหลังจากนั้นและกลายเป็นเบอร์ 1 ของโลกในทุกวันนี้

#ParalympicsTokyo2020


ที่มา : https://www.siamsport.co.th/other/other/view/250086

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=388822782611381&id=100044509866439

https://www.bbc.com/thai/58430656

‘ศรีสุวรรณ’ ร้องเอาผิด 2 พระสงฆ์ไลฟ์ไม่เหมาะ ชี้!! ย่ำยีศาสนา ทำให้เป็นเรื่องตลกขบขัน

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ผ่าน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอให้มีบัญชาสอบสวนเอาผิดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) ที่ชอบเล่นโชเขียลมีเดียโดยไลฟ์สดเอาธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมาก ๆ รวมทั้งมีเพจที่มาคอมเมนท์ขายสินค้า มาโปรโมทแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่เพจของตนในขณะไลฟ์สดนั้น

พฤติกรรมดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า พส. ดังกล่าวมิใช่วัตรปฎิบัติของภิกษุ ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มุ่งแสวงหาปรมัติอันเป็นทางหลุดพ้นจากกิเลสสงสาร เพื่อถึงการดับทุกข์ โดยมีพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ภิกษุทุก ๆ รูปที่บวชมาในพระศาสนาต้องปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยบัญญัติทุกรูป ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นเพียงคนโกนหัวแล้วเอาผ้ามาห่มตนให้ดูเหลืองคล้ายดั่งพระภิกษุ ที่ไม่สังวรณ์ว่าตนต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเป็นอาจิณ หาใช่มาแสวงหาเงินทองความร่ำรวยจากการบวชเป็นพระ ที่บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อเหมือนประชาชนทั่วไปเท่านั้น

ข้ออ้างของการไลฟ์สดเพื่อต้องการเผยแพร่ธรรมะให้เท่าทันยุคสมัยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่จะได้เข้าถึงธรรมะได้นั้น เห็นว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ไร้น้ำหนักของเหล่าพระสงฆ์พวกนี้เท่านั้น เพราะคนจะซาบซึ้งในธรรมะต้องมาจากระบบการสั่งสอนอบรมมาตั้งแต่ครอบครัว วัด โรงเรียนร่วมกัน มิใช่มาจากภิกษุที่ทำตนเป็นคณะตลกที่เปลี่ยนหน้าจากหม่ำ เท่ง โหน่ง มาเป็น 2 พระสงฆ์กลุ่มนี้แต่อย่างใด และเชื่อว่าไม่มีใครซาบซึ้งจากข้อธรรมะ ที่นำมาพูดให้ขบขันได้ แต่กลับเป็นการทำให้ศาสนามัวหมองถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากเหล่าพระสงฆ์ดังกล่าว โดยสังเกตดูได้จากการโพสต์ทวงเพจต่าง ๆ ที่มาโปรโมทแบรนด์ของตนในขณะที่พระสงฆ์ไลฟ์โดยให้เบอร์พร้อมเพย์ อย่างไม่ละอายต่อพระธรรมวินัย

ตามพระวินัยปิฎก ได้ระบุเอาไว้ในพระมหาวิภังค์ ว่า “อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์” อันถือเป็นอาบัติ เป็นโลกวัชชะ หรือการกระทำที่ทำให้ขาวโลกติเตียนได้ และการเผยแพร่ธรรมะด้วยวิธีตลกขบขัน ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้เหล่าพระสงฆ์พวกนี้ก็เคยมีปัญหาจากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับค่าตัวที่ไปเป็นวิทยากรในเวทีต่าง ๆ มาแล้ว หรือบางรูปก็ไปช่วยไลฟ์โฆษณาสินค้าต่าง ๆ ด้วย ซึ่งก็เข้าข่ายต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัยนั้นหากต้องอาบัติลักษณะนี้บ่อยครั้งต้องหลุดจากความเป็นพระดั่งโทษปาราชิกเลยทีเดียว

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจปล่อยให้ภิกษุอลัชชีเหล่านี้กระทำการย่ำยีพุทธศาสนาได้อีกต่อไป จึงส่งคำร้องไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสำนักพุทธฯ เพื่อให้มีบัญชาวางกฎเหล็กห้ามภิกษุใด ๆ กระทำเยี่ยงนี้อีกและให้สอบสวนเอาผิดพระสงฆ์ที่ต้องอาบัติซ้ำดังกล่าวเพื่อลงโทษขั้นเด็ดขาด

'ชัยชนะ'  ชี้ 'ณัฐวุฒิ' อ้างเรื่องโควิดทำให้คนไม่ออกมาชุมนุมไล่ 'บิ๊กตู่'  เพื่อกลบเกลื่อนเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง - แนะควรเอาเวลาเดินหน้าหาสมาชิกพรรคฯ เพื่อลงเลือกตั้ง  ดีกว่าสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อ้างว่า การชุมนุมที่แยกอโศก เมื่อวานนี้ (5 กันยายน)  ประชาชนไม่สามารถมาชุมนุมแสดงพลังขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด - 19 ว่า ถือเป็นเรื่องที่ตนคิดไว้แล้วว่า นายณัฐวุฒิ จะต้องหาข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนสาเหตุที่แท้จริง เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วที่คนออกมาชุมนุมกับนายณัฐวุฒิ และเครือข่าย ไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น เนื่องจากว่า คนส่วนใหญ่ต่างรู้ทันแล้วว่า นายณัฐวุฒิ ต้องการมวลชนเพื่อเป็นเงื่อนไขและข้อต่อรองทางการเมืองของตนเอง และการไปจัดกิจกรรมย่านใจกลางธุรกิจเหมือนที่เคยทำเมื่อปี 2553 นั้น สะท้อนว่า นายณัฐวุฒิ ยังใช้วิธีการเดิมๆ ที่จะก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย

เพื่อหมายของตนเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้คนที่ทำมาหากินและดำเนินธุรกิจอยู่ในย่านอโศก รวมทั้ง คนที่เคยหลงลมปากของนายณัฐวุฒิ คงเข็ดขยาดหากจะต้องเดิมพันด้วยชีวิต เพื่อแลกกับโอกาสทางการเมืองของผู้อื่น ดังนั้น ตนทราบมาว่า นายณัฐวุฒิ ได้จับมือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนักการเมืองบางส่วน เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้น แทนที่เอาเวลาที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง นายณัฐวุฒิ ควรเดินหน้าเพื่อหาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มาร่วมเป็นสมาชิกพรรคฯ เพื่อส่งตัวแทนลงแข่งขันในสนามการเลือกตั้ง มากกว่าการใช้มวลชนลงถนนเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองออกมาใช้มาตรการตามกฎหมายเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย เพราะเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น 

"ยอมรับว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจในการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลและทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้นำเสียงสะท้อนเหล่านั้น มาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอปัญหาและนำมาแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายมีความพึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้ การที่นายณัฐวุฒิ ออกมาอ้างเรื่องการระบาดไวรัสโควิด - 19 ทำให้คนออกมาน้อยนั้น ก็ต้องถามกลับไปว่า นายณัฐวุฒิ ได้จัดกิจกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและการควบคุมโรคระบาด ซึ่งสร้างความไม่สบายใจต่อผู้เข้าร่วมหรือไม่ หรือจำนวนคนไม่พอที่จะสร้างเงื่อนไขต่อรองเพื่อประโยชน์ของตนเอง จึงต้องออกอาการหงุดหงิดถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้น ดังนั้น ผมเห็นว่า หากนายณัฐวุฒิ ต้องการมวลชนที่สนับสนุนแนวคิดของตนเองจริงๆแล้ว ควรดำเนินการหาสมาชิกพรรคฯ ที่นายณัฐวุฒิ ร่วมก่อตั้งกับนายจาตุรนต์และบุคคลอื่นๆ และคัดเลือกผู้เหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคฯ จะดีกว่าการหาวิธีการเพื่อสร้างภาพว่า มีคนมาร่วมกิจกรรมกับนายณัฐวุฒิ และเครือข่าย เพราะนอกจากมีคนจับได้ไล่ทันแล้ว นายณัฐวุฒิ ก็ต้องเหนื่อยที่จะต้องหาเหตุผลอื่นๆ มากลบเกลื่อนความล้มเหลวของนายณัฐวุฒิ ที่ไม่สามารถระดมคนเพื่อเป้าหมายของตัวเองได้"  นายชัยชนะกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top