Friday, 4 July 2025
Hard News Team

ไล่ออกนักสืบปทุมธานี พัวพันค้ายานรกกว่า 7 แสนเม็ด หลังแก๊งยาซัดทอด ด้านตำรวจภูธรภาค 1 เร่งกวาดบ้านตามนโยบาย 'บิ๊กปั๊ด'​ คนดีต้องเลี้ยงไว้ ส่วนคนชั่วต้องลงโทษ

(30 ต.ค.64)​ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ศราวุธ สวัสดิชัย รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.พรเทพ เพชรรัตน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ร่วมแถลงข่าวจับกุม ด.ต.พสิษฐ์ แซนพิมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี ชุดปราบปรามยาเสพติด ร่วมค้ายาบ้า 740,000 เม็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.นนทบุรี ที่ 539/64

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน จ.นนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุม นายทวีชัย หรือห้อย มั่นศักดิ์ อายุ 39 ปี ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า 740,000 เม็ด เหตุเกิดหมู่บ้าน ช.รุ่งเรือง 6 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

หลังจับกุมได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 ร่วมกับตำรวจสืบสวนจังหวัดนนทบุรี สืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการจนทราบว่า ด.ต.พสิษฐ์ แซนพิมาย ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ขอหมายศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับ ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติด ให้โทษประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมาตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 225/23 หมู่ 6 หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ ลำลูกกา คลอง 2 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้นไม่พบตัว ด.ต.พสิษฐ์ ได้ตรวจยึดเอกสารบัญชีธนาคารหลายรายการ และเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 43/7 ม.6 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตรวจยึดรถยนต์มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ขพ 2643 กทม. ของผู้ต้องหา

ต่อมาชุดติดตามได้แกะรอย ทราบว่า ด.ต.พสิษฐ์ หลบหนีอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. หมู่ 7 ต.คลองสาม เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 9กณ 1033 กทม. มาจอดอยู่ จึงแสดงตัวและหมายจับเข้าทำการจับกุม

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

6 เดือน แห่งการเปลี่ยนแปลง แบบ Fast Forward ของ THE STATES TIMES

6 เดือนผ่านไป (พฤษภาคม-ตุลาคม) ไวซะจน มารู้ตัวอีกทีก็ใกล้ครบขวบปีของ THE STATES TIMES เข้าให้แล้ว!!

6 เดือนนี้ มีอะไรน่าสนใจเพิ่มขึ้นไหม?

มีอยู่แล้ว!! ตอนนี้ครอบครัวใหม่ ที่เริ่มกลายเป็นเพื่อนประจำให้ทุก ๆ ท่านได้ติดตาม ก็เริ่มมาประจำการแบบไม่เขินอายกันเพียบ 

ไม่ว่าจะเป็นรายการ Click on Clear THE TOPIC เคลียร์ทุกประเด็นร้อน ร่อนทุกตะกอนข่าวในรอบวัน

MEET THE STATES TIMES ช่วงเวลาแห่งการตกผลึก ลงลึกปมเด่น

KNOWLEDGE TIMES รอบรู้แบบรู้สึก เกาะทุกกระแสโลก ผ่านเรื่องเล่าที่ย่อยง่าย 

ส่วนเพื่อนเก่าอย่าง NEWS GEN TIMES ชวนคิดกับ กิตติธัช / LOCK LENS GURU / BIZ MAX THE TOPIC และ THE STATES TIMES Story ก็ยังประจำการไม่ขาดไม่เกิน ^^

ส่วนสถานการณ์ข่าวรายวัน ก็ยังคงเกาะติดหลากประเด็นเด่นให้ได้มากที่สุด ภายใต้การปรับภาพลักษณ์ Template เพื่อให้การสื่อสารย่อยง่ายและอ่านง่ายขึ้นไปอีกขั้น!!

ก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่แวะผ่านมากดชม!! ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ขอน้อมรับทุกคำวิจารณ์  

ตลอด 6 เดือนมานี้ พวกเรายังคงสนุกกับ THE STATES TIMES สนุกกับทุกการก้าวทันโลกข่าวสาร สนุกกับทุกการลองผิดลองถูก และทุกความท้าทายที่ผ่านเข้ามา 

Next Times พวกเราก็ยังพร้อมก้าวไปข้างหน้า ปรับตัว และพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ให้ผู้ติดตามทุกท่านต่อไป

“กดไลก์ กดแชร์ และกด Subscribe ให้พวกเราด้วยนะคะ”

“อลงกรณ์” เล็งฟื้นส่งออกเกลือทะเลไทย ประสานทูตเกษตรทูตพาณิชย์เปิดตลาดจีน พร้อมดึงสภาอุตสาหกรรมจับคู่สหกรณ์นาเกลือกับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอาหารเพิ่มยอดขายในประเทศ มอบบอร์ดเกลือฟื้นฟูประเพณี “แรกนาเกลือ” สร้างคุณค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย เปิดเผยวันนี้ (30ต.ค) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 5 / 2564 โดยผ่านระบบประชุมทางไกล (ZOOM Cloud meeting) พร้อมด้วย คณะกรรมการ อาทิ นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชาญยุทธ์ ภาณุทัต ประธานคณะทำงาน Ad-Hoc เกลือ นายสมศักดิ์ อยู่รอด รักษาการรองเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ ผู้แทนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายคทาวุธ บุญมา ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเกลือทะเลไทย ดร.จุฑามาศ ทะแกล้วพันธุ์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ในฐานะศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านเกลือทะเล (Salt Academy :AIC-COE) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และผู้แทนเกษตรกรชาวนาเกลือ 

โดยมีสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นฝ่ายเลขานุการ เข้าร่วมประชุมหารือและพิจารณาการพัฒนาเกลือทะเลไทย โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 

(1) การจ่ายเงินช่วยเหลือโครงการแก้ไขปัญหาเกลือทะเล ปี 2564 วงเงิน 12,570,300 บาท เพื่อระบายเกลือทะเลค้างสต๊อกปี 2562/63 ปริมาณ 48,817.20 ตัน ในแหล่งผลิตสำคัญ ในอัตราตันละไม่เกิน 250 บาท ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม 

(2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อนุมัติหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้ช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เสียหายจริง ในอัตราไร่ละ 1,220 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ที่เริ่มบังคับใช้ 1 กันยายน 2564 

(3) การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปี 2566 - 2570 พร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานโครงการ และงบประมาณ บรรจุลงในแผนปฏิบัติงาน 

และ (4) รายงานจากคณะทำงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาเกลือทะเล (Ad Hoc) ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ได้ประชุมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกลือทะเลไทย ในปี 2565 ในระยะเร่งด่วน

คณะกรรมการฯ ได้มีมติมอบหมายให้ประธานช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเกลือที่ประสบปัญหาหนี้สินโดยประสานความร่วมมือกับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) 

กองบัญชาการศึกษาประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน 'การสัมมนาผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการและผู้บังคับการของ ตร. ปีงบฯ 2565'

กองบัญชาการศึกษาประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการขับเคลื่อนการสัมมนา 'โครงการสัมมนาผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าและผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565'​ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.2564 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 

(29 ต.ค.64)​ พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา รอง ผบช.ศ./โฆษก บช.ศ.เปิดเผยในกรณี  บช.ศ.เสร็จสิ้นภารกิจจากการขับเคลื่อนงานสัมมนาตาม 'โครงการสัมมนาผู้นำหน่วยระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าและผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565'​ ว่า พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ. (อดีต ผบช.รร.นรต.) มีความยินดีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.อนุมัติให้จัดโครงการนี้ขึ้นและมอบความไว้วางใจให้ตนในฐานะ ผบช.ศ.เป็นหน่วยรับผิดชอบขับเคลื่อนการสัมมนาตลอดระยะเวลารวมทั้งสิ้น 3 วัน (ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.2564) ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งบัดนี้ได้จัดงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.ท.นิรันดร กล่าวว่า โครงการสัมมนาดังกล่าวนี้ได้จัดพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2564 โดยมี ผบ.ตร. ให้เกียรติเป็นประธาน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าและผู้บังคับการหรือเทียบเท่า มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบนโยบายและทิศทางการปฏิบัติงานให้นำไปพัฒนาและเสริมสร้างประสิทธิภาพของหน่วยงาน เพื่อให้ผู้นำหน่วยได้รับทราบถึงนโยบายและทิศทางการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำหน่วยได้รายงานปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อผู้บังคับบัญชาระดับตำรวจทราบ เพื่อจะได้นำข้อมูลไปแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาองค์กรให้เกิดผลสัมฤทธิ์สู่ระดับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา และ ผบ.ตร. ยังให้เกียรติในการบรรยายพิเศษแก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้นำหน่วยที่เข้าร่วมการสัมมนา ในหัวข้อ 'ทิศทางตำรวจยุคใหม่'​

นอกจากนั้นยังมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. พร้อมด้วยคณะวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมากด้วยประสบการณ์ให้เกียรติเป็นผู้บรรยายพิเศษหัวข้อต่างๆ ด้วย ซึ่ง ผบ.ตร.ได้กล่าว ทิ้งทายเน้นย้ำให้กับผู้ร่วมโครงการว่า “ขอให้วางเป้าหมาย ตั้งมั่น ตั้งใจทำอะไรกันสักคนละหนึ่งอย่าง แล้วทำให้สำเร็จ เพื่อนำไปสอนลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา และท่องคติพจน์ทำงานร่วมกันไว้เสมอแบบ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข”

พล.ต.ต.ญาณพงศ์ ในฐานะโฆษก บช.ศ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของการสัมมนาครั้งนี้ได้แก่ การจัดสัมมนากลุ่มย่อย ซึ่งได้จัดขึ้นในวันสุดท้าย (27 ต.ค.2564) โดยผู้ร่วมสัมมนาจากแต่ละกลุ่มได้นำเสนอแนวทางการบริหารงานในด้านต่างๆ ได้แก่... 

1) การป้องกันมิให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์, ยาเสพติด, แหล่งอบายมุข การทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นต้น

2) การบริหารงานสายงานสอบสวนให้เกิดความสมดุลแบบยั่งยืน

3) แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจ

4) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในทางการสืบสวนสอบสวนและการบริหารจัดการทางเทคโนโลยีเชิงรุก

5) แนวทางในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก การให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อโต้ตอบเขาลวงและข้อมูลข่าวสารเชิงลบที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

6) การสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้เกิดขึ้นกับประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยความยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่

7) การบริหารจัดการด้านการข่าวเชิงรุก การจัดการชุมนุมสาธารณะ การสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง

‘หมอยง’ ชี้!! โควิดคงไม่หมดไป ผู้คนต้องปรับตัวให้ได้แบบ Next Normal

‘หมอยง’ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุถึง การใช้ชีวิตของผู้คนต่อจากนี้บนวิถีชีวิตปกติแบบ Next Normal ว่า...

โควิด-19 กับวิถีชีวิตปกติต่อไป (Next Normal)

เกือบ 2 ปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลกและเราคุ้นเคยกับคำว่าวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จากนี้ต่อไป เชื้อโควิดคงไม่ได้หมดไป เราจะต้องอยู่กับไวรัสโควิด เราจะอยู่กับวิถีชีวิตปกติต่อไป ข้างหน้า (Next Normal) หลังโควิด 

การดำรงชีวิตปกติต่อไปหรือที่เรียกว่า Next Normal ทุกคน จะต้องปรับตัว เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ การกำหนดระยะห่าง การใส่หน้ากากอนามัย ยังคงต้องอยู่อีกระยะหนึ่ง

การใช้อุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จะลดการสัมผัสลง 

การใช้เงินผ่านระบบ e-Money ที่เงินลอยไปลอยมาโดยไม่ต้องจับธนบัตร 

เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเปิดปิดไฟด้วยเสียง สั่งผ่าน Smartphone 

ประตูมีเซ็นเซอร์ การใช้ลิฟต์ก็คงไม่ต้องแตะกดปุ่ม ที่ปุ่มจะมีเซ็นเซอร์เพียงเอานิ้วมือไปใกล้ก็เพียงพอไม่ต้องสัมผัส 

ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ เว้น 7 จังหวัดแดงเข้ม หวั่นปลดล็อกดื่มเหล้า อาจทำระบาดรอบใหม่

ศบค. ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ ยกเว้น 7 จังหวัดสีแดงเข้ม แต่ยังหวั่นปลดล็อกดื่มแอลกอฮอล์ ในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ โดยเฉพาะ กทม. เหตุเป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อน 

วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน

ที่ประชุมมีมติปรับพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) 23 จังหวัด เหลือ 7 ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด เป็น 38 จังหวัด และ พื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด เป็น 23 จังหวัด

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร

นอกเหนือมติการปรับพื้นที่สี เพื่อรองรับการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 การยกเลิกการออกนอกเคหสถาน (ยกเว้นพื้นที่สีแดงเข้ม 7 จังหวัดที่ยังคงเวลา 23.00 - 03.00 น.) การผ่อนคลายให้ดื่มแอลกอฮอล์ในบางพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา ภูเก็ต

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนคลายให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ว่า สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัดที่ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และภูเก็ต นั้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวย้ำว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาเรื่องนี้กันพอสมควร มีความห่วงใยในส่วนของผู้บริหาร ผู้อาวุโส รวมถึงที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของ ผอ.ศบค. ที่ได้พูดถึงความห่วงใยในประเด็นมาตรการที่ต้องออกมากำกับอย่างเต็มที่

“เพราะถ้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวตรงนี้ สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะการดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย จะปล่อยให้เกิดขึ้นแบบวิถีปกติไม่ได้ เพราะจะเป็นเหตุของการติดเชื้อและเกิดการแพร่ระบาดกลับคืนมาได้ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีความซับซ้อนในเชิงของการจัดการควบคุมโรค” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว 

'ก้าวไกล' จี้!! เยาวชนถูกยิงดับหน้า ‘สน.ดินแดง’ ชี้!! คดีไม่คืบหน้า สังคมยังมีข้อกังขาหลายจุด

พันตำรวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในฐานะรองประธานในคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริง (Fact finding) กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ภายหลังจากที่สื่อมวลชนรายงานว่าเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2564) นายวาฤทธิ์ สมน้อย หนึ่งในเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จากการสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง บริเวณหน้าสน.ดินแดง เข้ารักษาตัวที่ร.พ.ราชวิถี ด้วยอาการวิกฤตเนื่องจากกระสุนฝังบริเวณไขสันหลังส่วนบน ร่วมกับมีภาวะสมองบวมจากการขาดออกซิเจนเสียชีวิตแล้ว

พันตำรวจตรีชวลิต กล่าวว่า กว่า 2 เดือนแล้วจากเหตุการณ์ยิงเยาวชนหน้า สน.ดินแดง ในขณะที่ตนและคณะทำงานของกรรมาธิการได้เปิดหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงจนพบกลุ่มคนต้องสงสัยที่ตำรวจควรจะตามตัวมาได้ไม่ยาก แต่คดีนี้ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนกระทั่งผู้ถูกกระทำได้จากไปแล้ว 

“ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพ วาฤทธิ์ วิ่งอยู่บนถนนมิตรไมตรี มุ่งหน้าแยกโรงกรองน้ำ ก่อนถูกยิงล้มลง ซึ่งมีรอยกระสุนอีกนัดที่กำแพง ระบุทิศทางการยิงมาจากซอยหน้า สน.ดินแดง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ ที่สำคัญรัฐจะต้องเร่งหาตัวคนร้าย ผู้ก่อเหตุและผู้สั่งการต้องถูกนำตัวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม”

ทั้งนี้ พันตำรวจตรีชวลิต กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ทุกคนร่วมใจกันทวงถามความยุติธรรมจากรัฐ เราจะต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวของเขาต้องสู้อย่างเดียวดาย และจะต้องไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และสิ่งที่เกิดขึ้นคุ้มแล้วหรือกับเยาวชนอนาคตของชาติที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ต้องมาแลกกับชีวิตของตนด้วยปลายกระบอกปืน อย่าปล่อยให้เป็นความอยุติธรรมที่ถูกกลืนหายไปโดยไร้คำตอบ

‘บิ๊กตู่’ ขาอ่อน เดินสะดุดโพเดียมหน้าคะมำ โหมงานจนอ่อนแรง ประชุมอาเซียน 3 วันติด

'บิ๊กตู่' เดินสะดุดโพเดียมหน้าคะมำ ก่อนแถลง ศบค. บอกไม่ค่อยมีแรง หลังประชุมอาเซียน 3 วันติด วอนผู้ชุมนุมหยุดป่วน หวั่นเปิดประเทศแล้วต่างชาติไม่มา

29 ต.ค. 64 - ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 17/2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 10 นาที

ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กรรมการบริหารพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้ยืนพูดคุยกันที่บริเวณห้องโถง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 5 นาที ก่อนที่นายพีระพันธุ์ จะเดินเข้าไป ที่ห้องสีเหลือง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ พูดคุยกันอยู่

จากนั้นเวลา 13.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินไปที่โพเดียมเพื่อแถลงข่าว แต่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ได้สะดุดพื้นเวทีที่ยกระดับขึ้น และเซถึงสองครั้ง ก่อนยืนตั้งหลักได้และมีสีหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนกล่าวกับสื่อมวลชนแก้เขินว่า “เห็นไหมว่าเวลาอยู่ต่อหน้าสื่อรู้สึกจะกดดันมากไปหน่อย พอดีว่าไม่ค่อยมีแรง ประชุมมา 3 วันติด ๆ เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ใครเอารูปฉันหกล้มไปเมื่อกี้ล่ะก็ มีเรื่องนะ เอาเรื่องที่เป็นสาระ”

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงผลการประชุมศบค. โดยระบุว่า ตามที่ประกาศให้วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันเปิดประเทศ ต้อนรับชาวต่างชาติ 46 ประเทศ เข้ามาทางอากาศโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งความร่วมมือที่อยากจะได้จากประชาชนทุกคน ประกอบด้วย 

1.) ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันระมัดระวังใช้มาตรการทางสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ข้อสำคัญต้องมีวินัยในตัวเอง ไม่เป็นผู้แพร่เชื้อ 

2.) มาตรการเดินทางเข้าประเทศเส้นทางอื่น ทางบก ทางน้ำต้องกักตัวเหมือนเดิม

“ส่วนการค้าขายชายแดน ผมให้นโยบายไปยังกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทยอยเปิดจุดผ่านแดนซื้อขายสินค้า แต่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีมาตรการส่งสินค้าระหว่างกัน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ 

3.) บุคลากรทางการแพทย์ เราต้องมีแผนเผชิญเหตุ เตรียมโรงพยาบาลสนามและพื้นที่กักตัว ต้องมีความพร้อมเช่นเดิม เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจรุนแรง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนยา ได้สั่งจองยาโมลนูพิราเวียร์ไปแล้ว รวมทั้งเร่งรัดสกัดยาจากสมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ นอกจากยาฟ้าทะลายโจร 

4.) เมื่อประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยว คงไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทันที เพราะแต่ละประเทศต้องประเมินวางแผนให้คนของเขาออกมานอกประเทศเหมือนกัน แต่การประกาศล่วงหน้าของเรามีประโยชน์ จะทำให้นักท่องเที่ยวและประเทศต่าง ๆ ได้วางแผน เตรียมการ จึงทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่เขาจะพิจารณาเดินทางในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของเรา

รมว.พิพัฒน์ ผลักดันกีฬามวยไทยให้ได้รับการบรรจุในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือการผลักดันกีฬามวยไทยให้ได้รับการบรรจุในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกับ Mr. Gou zhongwen (โก่วจ้งเหวิน) รัฐมนตรีสำนักกิจการกีฬาแห่งชาติจีน และประธานโอลิมปิกจีน โดยมีนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Appication Zoom) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

สถานบันเทิงขอ “บิ๊กตู่” เปิดขายเหล้า 17 จังหวัด ผับ-บาร์เปิด 1 ธ.ค.

กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และกลุ่มจังหวัดที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหลัก คือ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต รวม 311 ร้าน ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ขอให้พิจารณาการอนุญาตให้จำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 17 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ และขออนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ตัวแทนผู้ประกอบการยอมรับว่า นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 กว่า 19 เดือน ผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิง และสถานประกอบการได้แก่ ผับ บาร์ คาราโอเกะ รวมถึงพนักงานหลายหมื่นคน ได้ปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด แม้ว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อเนื่อง ยาวนาน ต่อทั้งธุรกิจ พนักงาน และครอบครัว จนส่งผลให้ผู้ประกอบการกว่า 40-50% จำเป็นต้องปิดตัวลงอย่างถาวร เนื่องจากขาดรายได้และขาดสภาพคล่อง จึงเสนอขอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางช่วยเหลือ

กลุ่มผู้ประกอบการยังได้จัดทำข้อเสนออื่น ๆ เช่น จัดหาชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือในราคาที่ถูกที่สุดแก่สถานประกอบการเพื่อให้พนักงานทำการตรวจด้วยตนเองอย่างน้อยทุก 7 วัน, จัดลำดับความสำคัญในระดับต้นสำหรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster) หรือวัคซีนที่พัฒนารุ่นใหม่ เช่น กลุ่ม Protein Subunit และ mRNA ให้ผู้ประกอบการและพนักงานของสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top