Friday, 4 July 2025
Hard News Team

‘รุ้ง ปนัสยา’ นำทีมยื่นฟ้องนากยฯ - ผบ.ทสส. พร้อมขอเลิกพรก.ฉุกเฉิน - ให้คุ้มครองม็อบ 31 ต.ค.

วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นางสาว ปนัสยา สิทธิจิราวัฒนกุล หรือ ‘รุ้ง’ และ นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวน พร้อมทนาย ได้เข้ายื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีออกข้อกำหนดและประกาศจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุม พร้อมทั้งยื่นขอไต่สวนฉุกเฉิน ขอคุ้มครองชั่วคราว ‘ม็อบ 31 ตุลาคม’ 

โดย นางสาว ปนัสยา กล่าวว่า วันนี้มาขอให้ศาลรับคำร้องและขออนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อออกคำสั่งคุ้มครอง ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ที่จะมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ วันนี้มาฟ้องพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา และพลเอกเฉลิมพงษ์ เพราะเราต้องการจะรับฟังเหตุผลของเราในฐานะประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางการเมือง แต่ว่าตลอดมานั้น เราประกาศจะชุมนุม อย่างสงบสันติ ในทุก ๆ ครั้งจะมีการขัดขวางอยู่เสมอ 

โดยการขัดขวางไม่ได้ถูกรับรองโดยทางกฎหมาย เช่น การใช้ลวดหนาม การใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีการบัญญัติไว้ในสิ่งของที่ใช้ได้ในพรก.ฉุกเฉิน ในเมื่ออีก 3 วันจะมีการเปิดประเทศแล้วทำไมถึงยังมีการห้ามการชุมนุม เพราะการเปิดประเทศแล้วจะมีการรวมตัวกันทั้งประเทศ โดยที่คนทั่วไปออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ เราจึงคิดว่าพรก.ฉุกเฉินไม่มีเหตุจำเป็นอีกต่อไป วันนี้เราคาดหวังจริง ๆ ว่ากระบวนการยุติธรรม จะเป็นการยุติธรรมกับประชาชนจริง ๆ

'พรรคกล้า' เดินหน้าตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด  “อรรถวิชช์” ยัน จ.ขอนแก่น ไม่ได้เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง ประกาศหาผู้สมัครส่งครบ 11 เขต เดินหน้าปักหมุดภาคอีสาน ตั้งธงส่งผู้สมัครครบ 400 เขตทั่วประเทศ 

ที่จ.ขอนแก่น นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงการลงพื้นที่ จัดตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดอีก 2 เขต คือเขต 1 อ.เมือง และเขต 2 อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ว่า ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และจังหวัดขอนแก่นไม่ได้เป็นพื้นที่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้พรรคกล้าเป็นพรรคน้องใหม่ แต่ตัดสินใจเดินทางมาขอนแก่นครั้งนี้ ได้จัดตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้หลายเขตแล้ว ยืนยันว่าพรรคกล้าจะส่งผู้สมัครให้ครบทั้ง 11 เขตในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งขณะนี้ได้ผู้สมัครหลายเขตแล้วแต่ยังไม่ครบถ้วน หากท่านใดมีความสนใจก็อยากเชิญชวนให้สมัครสมาชิก โดยพรรคกำลังคัดสรรคนที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในพื้นที่ อย่างภาคการเกษตร การปลูกข้าว การจัดการน้ำ ส่วนพื้นที่ อ.เมืองเขต 1 ก็มีผู้เสนอตัวมา แต่จะมีการเลือกอีกครั้ง โดยจะมีการทำไพรมารี่ขึ้นมาแข่งขันกัน เพราะเป็นพื้นที่สำคัญที่มีมหาวิทยาลัย เป็นเมืองศูนย์กลางอินโดจีน ซึ่งอีก 3 สัปดาห์ พรรคก็จะกลับมาทำกิจกรรมในพื้นที่อีกครั้ง

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ส่วนภาพรวมความพร้อมในพื้นที่ภาคอีสานนั้น  พรรคกล้ามีเป้าหมายส่งผู้สมัครให้ครบในภาคอีสาน และครบทั้ง 400 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ไม่ว่าระบบเลือกตั้งจะเป็นแบบไหนพรรคกล้าพร้อมสู้เสมอ และเชื่อว่าหลักความเป็นพรรคเศรษฐกิจ การทำประเทศให้ทันสมัยด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เข้าใจประสบการณ์ รวบรวมคนที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านมาอยู่ด้วยกัน ไม่ผูกขาดไปที่นักการเมือง แต่ใช้บุคคลจากประสบการณ์สาขาอีกชีพ มีความหมายกับพรรคมากในการทำประเทศให้ทันสมัยขึ้น

ห้ามพลาด!! คลังเปิดเก็บตกคนละครึ่ง 1 แสนสิทธิ เริ่ม 1 พ.ย.นี้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังได้ประมวลผลผู้ที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ต.ค.2564 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เต็มจำนวน 28 ล้านสิทธิแล้ว แต่มีผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ มีจำนวน 119,974 ซึ่งจะนำสิทธิที่เหลือมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง 

สำหรับประชาชนที่ได้เข้าร่วมโครงการอยู่แล้ว จะมีการเพิ่มวงเงินสนับสนุนรัฐร่วมจ่าย รอบที่ 3 จำนวน 1,500 บาทต่อคน ในวันที่ 1 พ.ย.2564 ซึ่งวงเงินสนับสนุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะได้รับโดยอัติโนมัติ และสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 จะได้รับวงเงินสนับสนุนรัฐร่วมจ่ายทั้งสิ้น 4,500 บาทต่อคน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564

รู้จัก ‘Meta’ ชื่อใหม่ Facebook และเป้าหมายน่าคิด ยึด ‘เวลา-ชีวิต’ ผู้คนได้มากกว่าโซเชียลมีเดีย

ในที่สุดก็เป็นไปตามกระแสข่าว หลังจาก Facebook วางแผนรีแบรนด์ พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อมุ่งหน้าสู่โลกเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า Metaverse โลกที่เทคโนโลยีผสมผสานกับชีวิตความเป็นจริง

โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ประกาศเรื่องสำคัญนี้ในงาน Facebook Connect ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปี ซึ่งเขาได้เปิดเผยถึงชื่อใหม่ของบริษัท นั่นก็คือ ‘เมตา’ (Meta) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคของเมตาเวิร์ส (Metaverse) 

สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook เป็น Meta นั้น ก็จะทำให้ Meta เหมือนกับยานแม่ ขณะที่ส่วนบริการอื่น ๆ ในเครืออย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ยังอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้นำมาซึ่งความ ‘เมตตา’ สักเท่าไรนัก โดยคุณปฐม อินทโรดม อุปนายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก และเผยให้เห็นปมลึกเกี่ยวกับชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า...

ชื่อใหม่ของ Facebook คือ Meta แต่ไม่ “เมตตา” เราแน่...เพราะมาร์กจะสร้างโลกคู่ขนานที่ดึงทั้งเวลา เงิน และทรัพยากรของเราไปใส่โลกเสมือนนี้มากขึ้น ผลคือ ปัญหาเด็กติดเกม เด็กติดมือถือ จะหายไปทันที เพราะคนรุ่นใหม่จะ “ใช้ชีวิต” อยู่ในนั้นเลย!!

ธพว. ร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานกระทรวงอุตสาหกรรม

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เข้าร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน กระทรวงอุตสาหกรรม ประจำปี 2564 โดยมี นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่ โรงเรียนวัดสร้อยทอง และ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดสร้อยทอง นอกจากนี้ ภายในพิธียังมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงาน กระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานในสังกัด ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีดังกล่าวฯ ณ วัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร 

สมอ. รุกตลาดสดปทุมธานี จับมือภาคีเครือข่ายเซ็น MoU นำร่องขายสินค้า มอก. ตั้งเป้าขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศเร็วๆ นี้ 

สมอ. จับมือภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานี 37 แห่ง นำร่องขายสินค้าได้มาตรฐาน มอก. เตรียมขยายผลต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศเร็วๆ นี้ สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและร้านจำหน่าย ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อและจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นอกจากภารกิจด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมให้สูงขึ้นแล้ว  กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน โดยมีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบและกำกับดูแล ทั้งการดำเนินงานด้านการมาตรฐานระดับประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในเวทีการค้าโลก

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ได้ส่งเสริมความรู้ด้านการมาตรฐานแก่ทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความตระหนักในความสำคัญของการมาตรฐาน ควบคู่ไปกับการควบคุมและกำกับติดตามการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ล่าสุด สมอ. ได้ลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อหารือแนวทางร่วมกับภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ ในการร่วมมือกันให้ร้านค้ารายย่อยภายในตลาดทุกแห่งในจังหวัดปทุมธานี มีความรู้ความเข้าใจในการจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐาน และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  โดยนำร่องที่จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดแรก

เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ มีตลาดค้าปลีก-ค้าส่ง มากถึง 37 แห่ง ซึ่งตลาดเหล่านี้มีร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ร้านวัสดุก่อสร้าง และร้านค้าทุกอย่าง 20 บาท กระจายอยู่โดยรอบ ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้โดยง่าย และสะดวก ประกอบกับสินค้ามีราคาถูก จึงทำให้ร้านค้าในลักษณะนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และโดยส่วนใหญ่ร้านค้าเหล่านี้จะขายสินค้าที่ สมอ. ควบคุม เช่น  วัสดุก่อสร้าง  ก๊อกน้ำ  ฝักบัว  พัดลม หม้อหุงข้าว  เตาปิ้งย่าง กระทะไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน  ไฟแช็ก ไดร์เป่าผม  ที่หนีบผม  ของเด็กเล่น พาวเวอร์แบงค์  อะแด็ปเตอร์  ปลั๊กพ่วง  หลอดไฟ  สปอตไลท์  หลอดไฟแอลอีดี ถ่านไฟฉาย  ท่อน้ำดื่ม  ภาชนะจานชามเมลามีน ผงซักฟอก ไม้ขีดไฟ ไฟแช็คก๊าซ หัวนมยางดูดเล่น ฟิล์มยืดหุ้มห่ออาหาร แอลกอฮอล์แข็งสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง และสีเทียน เป็นต้น

 

'ไชยันต์' ย้อนปมปริศนาเอนทรานซ์ปี 47 เปิดคะแนน 'อุ๊งอิ๊ง' พุ่งสูงมหัศจรรย์

'ไชยันต์' ย้อนปมปริศนาข้อสอบเอนทรานซ์ปี 47 รั่ว เปิดคะแนนสูงมหัศจรรย์ลูกสาวอดีตนายกฯ สร้างรอยด่างวงการศึกษาไทยครั้งใหญ่

ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า…

ปมปริศนาความไม่เสมอภาคและความอยุติธรรมทางการศึกษาในปี พ.ศ. 2547 กรณีข้อสอบ Entrance ปี 47 รั่ว

แพทองธาร คะแนนสูงมหัศจรรย์ เมื่อคะแนน Ent ครั้งนั้นออก ผลการสอบของลูกสาวนายกฯ เทียบกับครั้งแรกตะลึง ภาษาไทย จาก 52 เพิ่มเป็น 72, สังคม จาก 41.25 เพิ่มเป็น 67.5, ภาษาอังกฤษจาก 64 เพิ่มเป็น 84, คณิตศาสตร์ 2 จาก 27 เพิ่มเป็น 63

ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดซองต้นฉบับการ์ดข้อสอบ วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา ก่อนส่งให้คณะอนุกรรมการพิมพ์ข้อสอบ

ผลสรุปเอ็นทรานซ์รั่ว “ทักษิณ-อดิศัย” ต้องรับผิดชอบ (14 มิ.ย. 47) กรณีข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเอ็นทรานซ์รั่วที่ปรากฏขึ้นในรัฐบาลชุดนั้นถือเป็นรอยด่างให้กับวงการศึกษาไทยครั้งใหญ่ ทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาต่อระบบการสอบเอ็นทรานซ์ที่เคยได้รับความเชื่อถือศรัทธามานานนับสิบปีต้องสั่นคลอนอย่างหนัก ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต่างยืนยันว่า “ข้อสอบไม่รั่ว” รวมทั้งแสดงพฤติกรรมปกป้องคนผิดมาตลอด

เมื่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุด นายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธาน มีข้อสรุปว่า “ข้อสอบรั่ว” ศูนย์วิจัยฯ พรรคประชาธิปัตย์ ขณะนั้น เห็นว่าเมื่อผลสรุปออกมาแบบนี้ ทั้งนายกฯ ทักษิณ และ รมต.อดิศัย ต้องแสดงรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลสรุปคณะกรรมการสอบสวนฯ ตบหน้า “ทักษิณ-อดิศัย”

ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเหตุการณ์อื้อฉาว สังคมตั้งข้อสงสัยเรื่องข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว เพราะมีการเปิดเผยพฤติกรรมของข้าราชการระดับสูงบางคน โดยเฉพาะ ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ก.อ.) ว่าไม่โปร่งใส มีการเปิดดูข้อสอบหรือนำข้อสอบไปเก็บไว้ในห้องทำงาน ในครั้งนั้นบรรดานักเรียน ผู้ปกครองรวมทั้งประชาชนทั่วไปเกิดความสงสัยและเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาโดยเร็ว

แต่ปรากฏว่า ได้รับการขัดขวางทุกวิถีทางทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะนายกฯ ทักษิณ และรมต.อดิศัยต่างออกมาปฏิเสธ และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด อีกทั้งในบางครั้งยังออกมาพูดในทำนองว่าเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นเป็นเกมการเมืองหรือมีบางกลุ่มต้องการสร้างกระแสเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อกระแสสังคมเริ่มกดดันขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รัฐบาลทนฝืนกระแสต่อไปไม่ไหว ก็มีการย้าย ร.ต.อ.วรเดช ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา แทนที่จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงให้คลายความสงสัยกับสังคม หรือยังมีการตกรางวัลความดีความชอบตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพิ่มให้อีก 2 ขั้น

ที่สุดแล้วเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงต้องยอมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีข้อสรุปในเวลาต่อมาว่า “ข้อสอบรั่ว” รวมทั้งยังระบุว่า การกระทำของ ร.ต.อ.วรเดช เป็นการไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. 2544 ข้อ 30 เพราะในรายงานการสอบสวนยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนอีกว่า ร.ต.อ.วรเดช เป็นผู้เปิดดูซองข้อสอบและเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บข้อสอบถึงสองครั้ง

พฤติกรรมดังกล่าวของ ร.ต.อ.วรเดช ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงยังระบุว่า มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ฐานปฏิบัติราชการไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและมติคณะรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการตามมาตรา 85 และมาตรา 91 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น เมื่อรายงานผลการสอบสวนออกมาตรงกันข้ามกับท่าทีและคำยืนยันของผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล สังคมจึงต้องการรู้ว่า ทั้งสองคนดังกล่าวจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง

“อดิศัยท้าทายสังคม ‘ตัดตอน’ ผลสอบเอ็นทรานซ์รั่ว” หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อะไรคือสาเหตุจูงใจให้ ร.ต.อ.วรเดช และ รมต.อดิศัย ถึงกล้าแสดงพฤติกรรมที่ท้าทายสังคมมาตลอด อย่างไรก็ดี ถ้าหากมองย้อนไปในอดีตแล้วก็สามารถเชื่อมโยงได้ทันทีจากคำพูดของนายกฯ ทักษิณ ที่เคยกล่าวว่า จะให้นายอดิศัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไปจนครบ 4 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการประกันเก้าอี้กันไว้ล่วงหน้า ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจนี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ รมต.อดิศัย ไม่สนใจต่อสังคมมากนัก

ประกอบกับเวลานี้สิ่งที่สังคมยังตั้งข้อสงสัยและไม่พอใจคือ ความพยายามในการบิดเบือนข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจาก นายอดิศัย โพธารามิก ที่เคยออกมาแถลงรายงานผลการสอบสวนเพียงบางส่วนโดยสรุปเหลือเพียง 2 หน้า จากจำนวนทั้งหมด 15 หน้า

‘พิพัฒน์’ รับผิด ปมชวดดึง ‘ลิซ่า’ มาเคาท์ดาวน์ ยอมรับสื่อสารผิดพลาด รีบพูดก่อนดีลจบ

"พิพัฒน์" ยืดอกรับผิดปมชวดดึง "ลิซ่า" มาเคาท์ดาวน์ในไทย ยอมรับสื่อสารผิดพลาด รีบพูดก่อน พร้อมนำมาเป็นบทเรียน เดินหน้าชวนคนดังระดับโลกมาร่วมงาน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกรณีที่ "ลิซ่า แบล็คพิงก์" หรือ ลลิษา มโนบาล ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ประเทศไทยได้ มีสาเหตุเป็นเพราะฝ่ายไทยต้องการจ้างเพียงคนเดียว แต่ทางต้นสังกัดต้องการให้มาทั้งวง ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ข้อเท็จจริง รวมถึงกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงทุกเรื่อง อย่างกรณี เชอรี่ โคลว์ และลิซ่า เรื่องแยกแพ็กเกจหรือไม่แยกนั้นไม่มีความจริง ถ้าแยกแล้วไม่มา แต่ถ้าไม่แยกแล้วไม่มา สิ่งเหล่านี้เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีการสื่อสารออกไปในเบื้องต้น ขณะที่เรายังไม่เห็นรายละเอียดในสัญญาทั้งหมด อย่างที่ตนเคยพูดไปแล้วว่าในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เราจะได้เห็นสัญญา และสุดท้ายก็เกิดความสับสน

"ผมคิดว่าบริษัทเขาคำนึงถึงชื่อเสียง และประกอบกับสำคัญที่ว่าเขาติดคิว ไม่สามารถยกเลิกคิวเพื่อเอามาให้ประเทศไทยได้ สิ่งเหล่านี้ผมขอเรียนอย่างตรงไปตรงมา ส่วนอีกคนนึง คือแอนเดรีย โบเชลลี นักร้องชาวอิตาเลียน ผมก็ยังไม่ขอพูดว่าความชัดเจนคืออะไรในช่วงนี้ เพราะจากความผิดพลาดที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนว่าสิ่งไหนที่ยังไม่จบ อย่าเพิ่งพูดก่อน ซึ่งตัวผมยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ในเบื้องต้นไป หลังจากนี้เราคงต้องทำอะไรให้รอบคอบมากกว่าเดิม แต่ก็คงยังมีศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาแน่ ๆ แต่จะเป็นใคร อย่างไรนั้น ต้องขอให้มีการลงตัวเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะนำเสนอต่อไป" นายพิพัฒน์ กล่าว

“ศบค.” เปิด4จ.สีฟ้า ให้ขาย-ดื่มแอลกอฮอล์ แต่จำกัดโซนพื้นที่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวหลังประชุม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ศบค.เห็นชอบให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สีฟ้า(นำร่องการท่องเที่ยว) 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และ ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดต่างๆ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเป็นผู้ไปออกข้อกำหนด โดยเบื้องต้นจะมีการกำหนดโซนพื้นที่ให้จำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้เปิดเสรีเป็นการทั่วไปในทุกพื้นที่

"ปลัดสธ."ยัน ความพร้อมด้านสาธารณสุข รับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เผย 4 จชต.สถานการณ์โควิดดีขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล  นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค.พิจารณาปรับโซนสีจังหวัดแดงเข้ม แต่ยังคงพื้นที่สีแดงเข้ม ใน  4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วน สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มดีขึ้นและถือว่าผ่านระยะที่แพร่ระบาดสูงสุดมาแล้ว โดยการควบคุมในพื้นที่ภาคใต้ก็ดีขึ้น และมีการกระจายวัคซีนลงไปแล้ว ในภาพรวมการแพร่ระบาดทั่วประเทศดีขึ้น ทำให้สามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มจังหวัดได้  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top