Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

แพทยสภา พักใบอนุญาต ‘หมอของขวัญ’ กรณี ‘ร้อยไหมทองคำ’ ไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้

สะพัดหนังสือแพทยสภา กรณีร้องสอบมาตรฐาน ‘หมอของขวัญ’ ร้อยไหมทองคำแล้วใบหน้าไม่ดีขึ้น พบมีความผิดจริง ใช้ไหมละลายเคลือบทอง แถมรักษาไม่ได้ผล สั่งพักใช้ใบอนุญาต 3 เดือน เริ่มปีหน้า ด้านแหล่งข่าวเผยเกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน จัดร้อยไหมราคา 6 แสน มีไฮโซใช้บริการเกือบ 20 รายแล้วไม่ได้ผล มาร้องเรียน แต่เพิ่งพิจารณาเสร็จเมื่อเดือนเมษายน

วันนี้ (31 ส.ค.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Vaccine เป็นหนังสือจากแพทยสภา ที่ พส.011/(ส.2)/8791 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 เรื่อง แจ้งมติคณะกรรมการแพทยสภา ระบุว่า ตามที่ท่านได้ทำคำร้องยื่นต่อแพทยสภา สรุปความได้ว่า ... ของท่านได้เข้ารับหัตถการร้อยไหมบริเวณใบหน้า ฉีดคางและขมับ ใส่สปริงร่องแก้ม แก้ไขปัญหาเหนียงคอ และคางสั้นถดถอย ที่สถานพยาบาลของขวัญคลีนิกเวชกรรม สาขาทองหล่อ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาแจ้งว่าใช้ไหมทองคำในการรักษา แต่ปรากฎว่าเป็นเพียงไหมละลายเคลือบทอง อีกทั้งการรักษาส่วนอื่นไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันและการรักษาไม่ได้ผลตามที่กล่าวอ้าง แต่เก็บค่ารักษาในราคาสูงทั้งที่ไม่ได้ใช้วัสดุตามที่ตกลงและยังปกปิดชื่อและยี่ห้อของเวชภัณฑ์ที่ใช้ทำการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับการบริการหลงผิดจ่ายค่ารักษาในราคาที่สูงแต่ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่แพทย์กล่าวอ้างและผู้รักษาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตามสาขาที่กล่าวอ้าง ขอให้แพทยสภาตรวจสอบมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของผู้ถูกร้อง นั้น

ในการนี้ แพทยสภาได้ดำเนินการพิจารณาคำร้องดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 5/2564 วันที่ 8 เมษายน 2564 มีมติลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 กรณี 1.) มาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2.) หลอกลวงให้หลงเข้าใจผิดเพื่อประโยชน์ของตน 3.) ไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลืองของผู้ป่วย เป็นระยะเวลา 3 เดือน จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา

แหล่งข่าวจากบุคลากรทางการแพทย์รายหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่เพจดังกล่าวเผยแพร่เอกสารออกมา เท่าที่สอบถามทางแพทยสภาเพื่อตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริง เพิ่งส่งออกไปเมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) โดยปกติแบบฟอร์มแจ้งคำสั่งต้องใส่ชื่อนิติกรด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ส่งหนังสือฉบับดังกล่าว คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว มีผู้เสียหายรายหนึ่งไปร้องเรียนต่อแพทยสภาว่า แพทย์หญิงของขวัญได้ทำการร้อยไหมแก่ผู้สนใจในราคา 6 แสนบาท ที่ของขวัญคลีนิก ข้างโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยมีบรรดาเศรษฐีและไฮโซเข้ารับบริการมากกว่า 20 ราย ปรากฎว่าทำออกมาแล้วใบหน้าไม่ได้ดีขึ้น ตามที่โฆษณาอ้างว่าเป็นไหมทองคำในการรักษา นำไปสู่การร้องเรียนต่อแพทยสภา แม้ภายหลังผู้เสียหายจะได้รับเงินชดเชยจากแพทย์หญิงของขวัญก็ตาม แต่การดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานการประกอบวิชาชีพของแพทยสภาดำเนินต่อไป กระทั่งมีมติออกมาว่าแพทย์หญิงของขวัญมีความผิดจริง คดีนี้เป็นคดีเก่า ตัดสินไปเมื่อเดือนเมษายน 2564 ส่วนการกำหนดบทลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม แพทย์หญิงของขวัญ 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ปีหน้านั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการแพทยสภาที่เป็นผู้กำหนดออกมา


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000086270
https://www.facebook.com/vaccinemagazine/photos/a.109467213739343/585387986147261/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

รองโฆษกรัฐบาล เผย โอนแล้ว 2.17 หมื่นล้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายการศึกษา เร่งเยียวยานักเรียน-นักศึกษา 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

เริ่มการเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการ “อว.ลดค่าเทอม”ตั้งแต่ วันที่26 ส.ค.ที่ผ่านมา สำหรับมหาวิทยาลัยและสถาบันที่ได้จัดส่งข้อมูลผ่านการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้อง ขณะนี้มีจำนวน 29 แห่ง รวมเป็นเงิน 2,250 ล้านบาท ซึ่งมหาวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษา จะนำไปใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564 ในสัดส่วนเงินสนับสนุนจากรัฐบาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการ

ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้เร่งติดตามและตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด เงินทุกบาทที่รัฐบาลสนับสนุน ต้องถึงมือนิสิตนักศึกษา คืนให้กับคนที่ได้ชำระค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาไปแล้ว หรือใช้ลดค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษาสำหรับผู้ที่กำลังจะชำระเงิน โดยมหาวิทยาลัยไม่เก็บเงินดังกล่าวไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งให้เร่งตรวจสอบและยืนยันข้อมูลนักศึกษาส่งมาที่กระทรวงโดยเร็ว เพื่อดำเนินการอนุมัติเบิกจ่ายแก่สถาบันที่เหลือ กว่า100 แห่ง ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาต่อไป 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 2,000 บาท กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณ จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท สำหรับเด็กนักเรียน 9.79 ล้านคน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา และทำการจัดสรรไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแล ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) โดยแต่ละสำนักงาน จะโอนเงินไปให้โรงเรียนภายใต้สังกัดต่อไป และโรงเรียนจะโอนเงินหรือจ่ายเป็นเงินสด ถึงมือผู้ปกครองตั้งแต่วันที่ 1-7 ก.ย. ส่วนผู้ปกครองที่ไม่ได้รับเงินภายในเวลาดังกล่าว ขอให้ติดต่อโรงเรียนที่บุตรหลานศึกษาอยู่ หรือโทร หมายเลข 1579 / 1693

“นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทั้งสองกระทรวง ติดตามตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด ทุกขั้นตอน ไม่ให้มีการทุจริต ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และต้องถึงมือผู้ปกครองนักเรียน และนักศึกษาอย่างครบถ้วน ” น.ส.รัชดา กล่าว

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และคณะตรวจเยี่ยม ตม.จว.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี ให้การต้อนรับในการตรวจ

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.หฤษฎ์  เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 เดินทางตรวจเยี่ยม มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี และตรวจความคืบหน้า ให้คำแนะนำในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยของ ตม.จว.ปทุมธานี

ทั้งนี้ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และสิ่งอุปโภค บริโภค สำหรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

พร้อมทั้งได้มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการให้แก่หน่วย ดังนี้

1.ให้หัวหน้าหน่วยทำความเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ถือปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการข้อกำหนดต่างๆ ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรการที่ ผจว.มีประกาศ คำสั่ง รวมทั้งข้อสั่งการของ ตร. และให้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

2.ให้หัวหน้าหน่วยดำเนินการหามาตรการและประชาสัมพันธ์คนต่างด้าวในพื้นที่ที่ระยะเวลาการอนุญาตจะครบกำหนด 31 ต.ค.64 ให้มาดำเนินการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรก่อนการอนุญาตสิ้นสุด 45 วัน เพื่อลดความแออัดและเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19

3.ให้หัวหน้าหน่วยมีมาตรการป้องกันและจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ชุด PPE ให้กับข้าราชการในสังกัด และจัดไว้ ณ ที่ทำการ จุดบริการประชาชนอย่างเพียงพอ หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนจาก สตม.

4.กรณีพบข้าราชการตำรวจในสังกัดหรือครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 ให้ หน.ตม.จว./ด่าน ตม. รับผิดชอบ ควบคุม กำกับดูแลในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข การรับการรักษาที่สถานพยาบาล การแยกกักตัว ตลอดจนดูแลช่วยเหลือด้านสวัสดิการ การช่วยเหลืออื่นๆ ตามขีดความสามารถและรายงานข้อมูลในกลุ่มไลน์ระดับ บก. เพื่อประสานงาน

5.การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ Standard Operation Procedures (SOP) แต่ละแผนกของ สตม.

6.ให้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณงบกลางโควิด 2019 ที่ได้รับจัดสรรเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้ข้าราชการผู้มีสิทธิรับเงินและชี้แจงความเข้าใจถึงสิทธิ์และรายละเอียดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายให้แก่ข้าราชการในสังกัดเข้าใจ อย่าให้เกิดการทุจริตหรือการร้องเรียนโดยเด็ดขาด

7.ให้สนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยตำรวจในพื้นที่ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยให้ผู้บังคับบัญชาในหน่วยหมุนเวียนไปตรวจเยี่ยมและกำชับการปฏิบัติ

8.การโพสต์ข้อความต่างๆ ลงสื่อออนไลน์ ให้ผู้บังคับบัญชากำชับข้าราชการตำรวจในสังกัดมิให้แสดงความคิดเห็นในลักษณะไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อหน่วยงาน และกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รัฐบาลจีนออกคำสั่งเฉียบขาด หั่นชั่วโมงเล่นเกมเด็กจีนเหลือเพียง 1 ชั่วโมงต่อวันเฉพาะสุดสัปดาห์ สกัดโรคติดเกม ละลายชั่วโมงชีวิตบนโลกเสมือน

รัฐบาลจีนได้ออกคำสั่งตรงถึงผู้ให้บริการเกมออนไลน์ในจีน โดยจำกัดการเข้าถึงผู้เล่นเกมที่เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้สามารถล็อกอินเล่นเกมได้ในช่วงเวลา 20.00 - 21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าเด็กจีน สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้เพียง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนมีนโยบายจำกัดการเล่นเกมออนไลน์ของเยาวชน เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2019 จีนได้ออกระเบียบที่ระบุว่าเยาวชนไม่ควรเล่นเกมเกินวันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อป้องกันปัญหาการติดเกมในเยาวชน โดยเปรียบการเล่นเกมมาก ๆ นั้น ก็เหมือนกับการติดยาเสพติดทางจิตใจที่จะส่งผลเสียต่อเด็ก ทั้งทางสุขภาพกาย และสุขภาพจิตอย่างมากในอนาคต

นอกจากนี้ ผู้เล่นเกมสมัครใช้บริการเกมออนไลน์ จะต้องลงทะเบียนด้วยชื่อจริง และข้อมูลจริงเท่านั้น อีกทั้งยังจำกัดวงเงินในการเติมเกมสำหรับผู้เล่นเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ให้ใช้ได้ไม่เกิน 200 หยวนต่อเดือน หากอายุ 16-18 ปี ให้ใช้ได้ไม่เกิน 400 หยวนต่อเดือน โดยทางการจีนจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระบบผู้ให้บริการออนไลน์อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า มาตรการใหม่นี้จะมีการบังคับใช้จริงอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตามคำสั่งของรัฐบาลในการจำกัดช่วงเวลาให้เข้าถึงเกมออนไลน์ของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เหลือเพียง 1 ชั่วโมงต่อวันนั้น สร้างผลกระทบกับผู้ให้บริการเกมออนไลน์ รายใหญ่ของจีนอย่าง Tencent และ NetEase

หุ้นของทั้งสอง ร่วงลงทันทีที่รัฐบาลจีนออกมาตรการจำกัดการเล่นของผู้ใช้งานกลุ่มเยาวชน ที่มีมากกว่า 110 ล้านคนทั่วประเทศ และอาจจะกระเทือนตลาดเกมออนไลน์จีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา

แน่นอนว่านโยบายการจำกัดชั่วโมงเล่นเกมออนไลน์ของเด็กจีนในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะถูกโยงไปถึงนโยบายของรัฐบาลจีน ที่ต้องการตัดตอนบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยี ที่มีเครือข่ายผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์จำนวนมหาศาลในจีน อย่างเช่น Alibaba, Tencent, Baidu, Didi หรือ Meituan ไม่ให้มีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในจีนมากเกินไป 

อย่างไรก็ตาม จีนก็ได้ออกมาตรการหลาย ๆ อย่าง เพื่อส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพเยาวชนจีนรุ่นใหม่ อาทิ การยกเลิกระบบการสอบในชั้นเรียนของเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี เพื่อลดความกดดันในการสอบแข่งขันตั้งแต่ในวัยเด็ก 

นโยบายงดการเรียน การสอนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ห้ามธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และต้องจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ที่ต้องเสียให้แก่โรงเรียนกวดวิชานอกชั่วโมงเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนอย่างเต็มที่ในชั้นเรียน และมีเวลาว่างเหลือให้ใช้ร่วมกับครอบครัวในวันหยุด  

แต่สุดท้าย แผนการพัฒนาคุณภาพของเด็กจีนครั้งใหญ่นี้ จะได้ดีตามเป้าหมายของรัฐบาลหรือไม่ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับคนในครอบครัวเป็นสำคัญด้วยว่า จะสามารถดึงความสนใจของเด็กที่เคยหลงไปในวังวนแห่งโลกออนไลน์ กลับสู่อ้อมอกของคนในครอบครัวได้มากน้อยเพียงใด


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: BBC / The Guardian


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

‘ศิริกัญญา’ จวกยับ ‘บิ๊กตู่’ ยิ่งอยู่นานยิ่งขโมยอนาคตประเทศ ซ้ำยังพา 'เศรษฐกิจไทย' ดำดิ่งลงเหวแห่งความตาย

(31 ส.ค. 64) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรัฐมนตรีอีก 5 คน 

'ศิริกัญญา ตันสกุล' ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้นำที่คลั่งอำนาจจนพาเศรษฐกิจชาติลงเหว ซึ่งจะทำให้ประชาชนรับผลกระทบต่อเนื่องไปในอนาคตข้างหน้า

>> อันดับโลก ‘ดิ่งเหว’ ตรงกันหลายดัชนี 

ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีที่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ ทำให้ประเทศไทยติดอันดับโลกในหลายเรื่อง Nikkei Recovery Index ชี้ว่า การฟื้นตัวเศรษฐกิจช้าที่สุดในโลก โดยได้อันดับที่ 120 จาก 120 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า เศรษฐกิจจะกลับมาโตในแทร็คเดิมอีกครั้งในปี 2570 แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นผู้นำเชื่อว่าจะใช้เวลานี้นานกว่านั้น เช่นเดียวกับ ข้อมูลจาก Gallup poll ที่ชี้ว่า แรงงานโดนลดชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลกและรายได้ของแรงงานก็ลดลงมากที่สุดในโลกเช่นกัน 

“มีอีกมากที่ตอบกับ Gallup poll ว่า โดนลดชั่วโมงทำงาน โดนลดโอที ยิ่งถ้าอยู่ภาคบริการ ร้านอาหารเปิดไม่ได้เต็มที่ ร้านสะดวกซื้อยังเจอเคอร์ฟิว ต้องแบ่งกะกับเพื่อน ๆ ให้ยังพอได้ทำงาน ยังไม่นับว่ามีคนที่ถูกพักงานเพราะติดโควิดหรือต้องกักตัว ถ้ารวมเอาคนที่เสมือนทำงานแต่ทำไม่ถึงครึ่งวันหรือทำงานได้น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน คาดว่าจะสูงถึง 3,400,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดมากกว่า 1 ล้านคน รายได้คนเหล่านี้ คนที่ว่างงานคือเป็น 0 ส่วนคนที่ทำงานแค่ครึ่งวัน เงินที่ได้คงไม่พอยาไส้ ยังมีคนที่ตกงานจากโควิดระลอกแรกที่กลับไปอยู่บ้าน ช่วยพ่อแก่แม่เฒ่าทำเกษตร ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1,600,000 คน สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วงก่อนโควิดที่ 5 แสนคน บางรายจากเดิมขายเสื้อผ้าอยู่จตุจักรได้เงิน เดือนละ 40,000-50,000 ตอนนี้ขายผักอยู่สุพรรณได้เดือนละ 6,000 บาท และการกลับไปทำเกษตรตอนนี้ใช่ว่าจะดี เพราะราคาตกรูดกันหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน มังคุด เงาะ แต่ที่ราคาสวนทางกับราคาปุ๋ยที่ขึ้นเอา ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมษา กว่ารัฐมนตรีจะแก้ปัญหาก็ปาเข้าไปสิงหา เท่ากับย้ายกลับบ้านไปก็ลำบาก จะกลับเข้าเมืองก็น่าจะอดตาย”

ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า โควิดอยู่กับเรามาเกิน 18 เดือนแล้ว จึงมีคนที่ตกงานมาตั้งแต่รอบแรกและจนบัดนี้ยังหางานใหม่ไม่ได้หรือเป็นผู้ว่างงานระยะยาว เกิน 1 ปี มากถึง 170,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดถึงกว่า 3 เท่าตัว พอตกงานนานจะเริ่มเกิดความท้อแท้ เลิกหางานและออกจากกำลังแรงงานไปในที่สุด เช่นเดียวกัน เด็กจบใหม่ที่ยังหางานทำไม่ได้ อยู่ที่ 290,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิดถึง 85,000 คน

“ที่แสดงปัญหาสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อชี้ให้เห็นว่า ด้วยการแก้ปัญหาแบบนี้ ทำให้เกือบทุกคนรายได้ลดลง ปีที่แล้วรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยหายไป 10% แต่เมื่อมารวมกัน ปีที่แล้วรายได้จึงหายไปเกือบ 1 ล้านล้านบาท หากเทียบกับก่อนโควิด ปีนี้เศรษฐกิจแบบนี้ก็น่าจะหายไปอีกเกือบล้านล้านบาท ปีหน้าก็น่าจะดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็หายไปอีกราว 800,000 ล้านบาท รวมกันแล้ว ปี 63 - 65 รายได้ประชาชนจะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ผู้ว่าแบงค์ชาติอาจเรียกมันว่าหลุมรายได้ แต่ดิชั้นขอเรียกว่า ‘หุบเหวแห่งความตาย’ ที่ทั้งกว้างและลึก 

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล ถ้าจะแก้ปัญหานี้ทำให้เหวนี้มันตื้นขึ้น ให้คนพอจะกระเสือกกระสนตัวเองออกมาได้ ก็ต้องมีเม็ดเงินจากรัฐบาลที่จะมาช่วยถม มาเยียวยาให้ดีขึ้น และแน่นอนจากที่กู้ไปแล้วแต่เมื่อผลเป็นแบบนี้ก็ต้องบอกว่ายังไม่พอ เพราะมันถูกใช้อย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง”

ศิริกัญญา กล่าวว่า ที่ต้องเรียกร้องมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้เกียจ อยากทำงานน้อย เพราะถึงเวลานี้แทบไม่มีใครเกี่ยงงานแล้ว จากนักบินไปขับแกร็บ จากแอร์โฮสเตสไปขายเสื้อผ้าออนไลน์ ที่ลำบากทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าไปทำธุรกิจเสียหรือบริหารแย่จนธุรกิจเจ๊ง แต่เงินเก็บก้อนสุดท้ายถูกเอามาใช้ตั้งแต่ปีก่อน เพื่อวางเดิมพันว่าจะรักษากิจการไว้ให้ได้ ว่าจะเก็บลูกน้องฝีมือดีไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาแพ้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลหยิบยื่นให้อย่างเดียวคือ หนี้ 

>> ใน ‘วิกฤตของคนจน’ ยังมีบางคนทำ ‘กำไร’

อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่กล่าวข้างต้น ก็ยังมีคนที่มีรายได้เพิ่ม ครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มถึง 14 % จากปี 62 หลายภาคธุรกิจฟื้นตัวและมีกำไรสูงจากเดิมมาก สินค้าอุปโภคบริโภคกำไรเพิ่ม 14 เท่า อสังหากำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า และสามารถจ่ายปันผลได้ที่ 2.4% ขณะที่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้จ้างงานเพิ่มและงบลงทุนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนวิกฤต สรุปแล้ววิกฤตครั้งนี้จึงมันเป็นวิกฤตของคนจนชัด ๆ 

“เพราะแบบนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ จึงถึงเพิกเฉยกับปัญหารายได้ของประชาชนรากหญ้า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เศรษฐกิจปีนี้ทั้งปีจะมีสภาพไม่ต่างไปจากปีที่แล้ว นักวิเคราะห์หลายสำนักทยอยปรับลด GDP ลงกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ภาครัฐอย่างข้อมูลของสภาพัฒน์ นายกฯ อาจจะมาตอบว่าส่งออกยังดี เพราะครึ่งปีแรกโต 15% แต่ก็ยังฟื้นตัวล้าหลังกว่าอีกหลายประเทศ ถ้า GDP จะโตได้ในช่วงนี้ก็คงมาจากส่งออก แต่มันคือภาคเศรษฐกิจที่กระจุกตัว ภาคส่วนที่ส่งออกได้ดีจ้างงานอยู่แค่ 2.5 ล้านคนจากกำลังแรงงานทั้งหมด หรือคิดเป็น 8% ของกำลังแรงงานเท่านั้น 

“แต่สิ่งท่านทำเพื่อปกป้องการส่งออกคือแรงงานต้องถูก bubble and seal มีการสุ่มตรวจ แต่ถ้าพบว่าติดโควิดเกิน 10% ก็ไม่ตรวจต่อ ให้ทำงานต่อ แต่ห้ามออกไปไหน นี่เราแทบจะไม่มองว่าเขาเป็นมนุษย์กันแล้วใช่หรือไม่ เพียงแค่จะลากจูงการส่งออกให้โต แรงงานต้องเสียสละตัวเองขนาดนี้เลยหรือ สิ่งที่บอกชัดว่าประเทศนี้มันไม่มีอนาคตแล้วคือ ดูจากเงินลงทุนที่ไหลออกไม่หยุด คนรวย นายทุน ขนเงินออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ ก่อนโควิดอยู่ราว 140,000 ล้านดอลลาร์ ต้นปีนี้ควอเตอร์แรกไหลออกไปถึง 170,000 ล้านดอลลาร์ ขนาดเจ้าสัวคู่บุญรัฐบาลของท่านยังจะขนเงินไปลงทุนใน 74 ประเทศ เอาออกลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 50% จากช่วงก่อนโควิด คนรวย ๆ เค้าเห็นแล้วว่าประเทศนี้มันไร้อนาคต ก็คงเหลือแต่คนจน คนชั้นกลางที่ถูกล็อกให้ต้องเผชิญกับชะตากรรม ภายใต้การปกครองของนายกที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

>> สร้างความเหลื่อมล้ำที่ ‘อัปลักษณ์ที่สุด’

“รายได้ที่หายไปจะไม่มีความหมายเท่าครั้งนี้ ถ้ามันไม่ได้มากำหนดความเป็นความตายและโอกาสรอดชีวิต ความเหลื่อมล้ำที่อัปลักษณ์ที่สุด คือความเหลื่อมล้ำในการรอดชีวิตระหว่างคนจนกับคนรวย เป็นความเหลื่อมล้ำที่ credit Suisse ไม่ต้องมาจัดอันดับให้ และแม้แต่ World Bank ก็ยังไม่มีข้อมูล”

ศิริกัญญา ชี้ว่า จากประสบการณ์ที่ตนเข้าไปเป็นอาสาสมัครตรวจเชิงรุก พบว่า มีหลายคนที่อยากจะตรวจเชื้อแต่ไม่มีปัญญา เราพบคุณแม่ลูก 3 ทั้งอุ้ม จูง และเข็นรถพาลูก 3 เดือนมาตรวจ เพราะค่าตรวจให้คนทั้งบ้านเท่ากับ 4 เท่าของค่าจ้างรายวันที่คนเป็นพ่อจะหาได้ในแต่ละวัน ผู้หญิงวัยทำงานคนหนึ่งถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าตรวจฟรีใช่ไหม ผู้ชายคนหนึ่งถูกหัวหน้างานไล่กลับบ้านเพียงเพราะมีอาการหวัด หลังจากขาดงานมาหลายวัน แถมยังต้องกังวลและหัวเสียกับการต้องจ่ายค่าถ่ายเอกสารเพิ่มอีก 5 บาท เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คิดไว้ทำให้อาจจะต้องเดินกลับบ้านแทนการขึ้นรถประจำทาง หรือแม้แต่การใช้ ATK ในการตรวจที่วันนี้จะได้รับอนุญาตแล้วซึ่งเราเองก็ผลักดันมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ราคาตอนนี้ก็ยังแพงเกินเอื้อม

“ติดแล้วเตียงไม่มี เป็นคนจนยิ่งหาเตียงยาก ลองโทรถามโรงพยาบาลเอกชนใกล้ ๆ บ้าน เขาถามหาประกันสุขภาพ ถามหาเงินสำรองจ่าย ถามว่าเคยเป็นลูกค้าไหม ถามว่ามีเงินวางไหม 400,000 ได้เตียงทันที แบบนี้คนจนจะมีโอกาสได้เตียงได้อย่างไร 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ท่านมะงุมมะหราคุมการแพร่ระบาดอยู่ แต่มีกี่ชีวิตที่ต้องถูกเซ่นสังเวย เสียชีวิตก่อนได้เตียง ถ้ามีคนลองเก็บข้อมูลรายได้ของผู้ที่ต้องเสียชีวิตที่บ้าน เชื่อว่าจะมีสัดส่วนคนที่มีรายได้น้อยจำนวนมากอย่างแน่นอน การกักตัวเองยังลำบากสำหรับคนรายได้น้อย บ้านแคบ ห้องเล็ก อยู่กัน 5-6 คน แม่ที่ต้องกักตัวเองที่ระเบียง แต่ก็ยังโดนเจ้าของอพาร์ทเมนต์ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ลูกสาวที่ป่วยไม่ยอมไปไหน เพราะแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงยังไม่ได้เตียง กว่าศูนย์พักคอยจะค่อย ๆ ผุดขึ้นมา การระบาดก็เกิดขึ้นในระดับครัวเรือนแล้ว แบบนี้จะล็อกดาวน์ยังไงถ้ามันแพร่ระบาดกันในบ้าน”

“ยอดคนตายจากโควิดหลักร้อยตอนนี้ แต่ความจริงคือในสถานการณ์ปกติก่อนหน้านี้มีคนตายปกติหลักพัน เพราะคนตายไม่ได้ถูกตรวจโควิดทุกคน เนื่องจากไม่มีระเบียบเบิกจ่ายการตรวจโควิดให้คนตาย มีคนที่เสียชีวิตไปโดยยังไม่ทันได้ตรวจ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าได้เตียง หรือได้ยาอีกเป็นร้อย ๆ และแน่นอนคนเหล่านั้นคือคนมีรายได้น้อย ความอัปลักษณ์แบบนี้ที่เราเห็นเต็มตาอยู่ทุกวัน ถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลีกเลี่ยงได้รึเปล่า หลีกเลี่ยงได้แน่นอนถ้าเราไม่ได้ผู้นำที่หวงอำนาจ”

>> คุมโควิดด้วยความ ‘อำมหิต’

ศิริกัญญา ชี้ต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ คุมโควิดอย่างอำมหิต มีการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด ช้าไป น้อยไป และไม่หลากหลาย จนวันนี้พิสูจน์แล้วว่าที่พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายไปเมื่อตอนต้นปีเป็นจริงทั้งหมด และอีก 2-3 วันถัดจากนี้ แทนที่จะได้วัคซีนเต็มแขน ท่านคงได้รับฟังเรื่องนี้กันจนเต็มหูแทน

“ท่านล็อกดาวน์ตอนระบาดน้อยและล็อกนาน เมื่อปีที่แล้วเคอร์ฟิวเริ่มเดือนเมษาจบมิถุนา รวม 2 เดือน 11 วัน กว่าจะกลับมาเป็นปกติจริง ๆ ก็เข้ากรกฎา ทั้งสภาแห่งนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันเรื่องที่ท่านกอดความสำเร็จของระบบสาธารณสุข แต่กดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์แลกกับความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ แต่คราวนี้ระบาดหนักกลับท่านล็อกดาวน์น้อยกว่า เยียวยายิ่งน้อยลงไปอีก รอบแรกยังมี 5,000 ให้ 3 เดือน ระลอกสอง 3,500 ให้ 2 เดือน มารอบนี้การเยียวยายังไม่ถึงครึ่งรอบแรกด้วยซ้ำ การเยียวยาผู้ประกอบการยิ่งไม่มีเลย เพิ่งมาให้แบบจิ้มเฉพาะภาคส่วนบริการ แต่ย้งมีคนที่โดนปิดโดยคำสั่งรัฐต้องตกหล่น เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ร้านนวด คลินิกเวชกรรม และสถานที่จัดอีเวนท์ เป็นต้น

“เงินกู้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท ที่ควรจะกู้มาพยุง มาถมเหวรายได้ 1 ล้านล้านแรกกำลังจะครบกำหนดในเดือนหน้า ตอนนี้เหลือไม่ถึง 4,000 ล้าน แต่พอไปอ่านมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พบแต่โครงการยกเลิก เลื่อน เปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงการ แทนที่จะเยียวยาท่านเอาไปใช้ในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ซึ่งยังไม่ถึงเวลากระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงนี้ ส่วนโครงการคนละครึ่งท่านกลับใช้แทนเงินเยียวยาซึ่งเป็นการเยียวยาแบบที่ต้องมีเงินก่อนถึงจะใช้ได้และมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ ที่น่าช้ำใจที่สุด เงินกู้ถูกละเลงลงจังหวัดอย่างไร้ยุทธศาสตร์ อนุมัติ 2 รอบ จำนวน 210 โครงการ แต่ไม่รู้เลยว่าจังหวัดที่ได้ไปเหล่านั้นได้ไปเพราะเหตุผลอะไร ซึ่งเป็นการแจ้งขอใช้เงินกู้ 184 โครงการ และอนุมัติไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เบิกจ่ายไปแค่ 169 โครงการและยังเบิกจ่ายไม่หมด ผลงานขนาดนี้ก็ยังจะได้เงินเพิ่มอีก 86 โครงการใน 50 จังหวัด โดยเป็นการอนุมัติให้ใช้งบกลางเพื่อแก้โควิด ซึ่งเป็นการอนุมัติก่อนที่จะมีระเบียบเบิกจ่ายงบกลางแก้โควิดด้วยซ้ำ แบบนี้อยากใช้ยังไงค่อยไปเขียนระเบียบย้อนหลังเอาใช่หรือไม่

“ใช้เงินแบบนี้ ถ้าจะมียุทธศาสตร์ใดใด ที่นึกได้ก็คงแค่ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ใช้เงินแบบนี้ เหวรายได้ประชาชนคงลึกขึ้นเรื่อย ๆ ที่น่ากังวลก็คือสถานการณ์งบประมาณการคลังก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะกำลังเจอปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากจัดหารายได้ได้ลดลงปีละ 300,000-400,000 ล้านบาทในอนาคตข้างหน้าและได้กู้เงินไปจนเต็มเพดานแล้ว” 

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้รายงานความเสี่ยงทางการคลังไม่สามารถสืบค้นเข้าไปดูข้อมูลได้ตามปกติ ต่อมาจึงพบว่าได้ระบุให้เป็นเอกสารลับซึ่งก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นเอกสารลับ

>> ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะหวงอำนาจ กลัวเสียการเมือง

ศิริกัญญา อภิปรายต่อไปว่า มาถึงตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนขาดรายได้ จนเป็นเหวลึกที่ยากจะเติมเต็ม หลายคนเสนอว่า ทางอออกเดียวคืออาจต้องกู้ครั้งต่อไป แต่ดูเหมือนท่านก็ไม่กล้ากู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ทันสถานการณ์ จึงไม่กล้าแก้กรอบเพดานหนี้สาธารณะ เพียงเพราะกลัวโดนโจมตีทางการเมือง กลัวเสียคะแนนนิยม กลัวโดนเพื่อนล้อว่าเก่งแต่กู้ กลัวโดนด่าว่าเป็นนักกู้สู้สิบทิศ ไม่กล้ากู้เพราะกลัวจะเสียอำนาจ แต่วิกฤตครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง หุบเหวแห่งความตายรายได้ของประชาชนจะไม่มีวันถมเต็ม และประชาชนจะลืมตาอ้าปากอีกครั้งหลังวิกฤตนี้ไม่ได้ ถ้าขาดงบประมาณเยียวยาปากท้องและงบอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่มากพอ  

“แม้จะถมเหวรายได้ประชาชนได้ไม่เต็ม แต่ก็ทำให้ตื้นขึ้นได้ แม้จะสร้างงานที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่ก็เป็นงานที่จะประทังชีวิต รักษาครอบครัวของคนตัวเล็กคนน้อยไว้ได้ งบประมาณที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางกิจการที่ปิดตัว และ SMEs ล้มหายตายจากเป็นกองพะเนิน แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ยอมทำสิ่งเหล่านี้ เพราะมันเสี่ยงในทางการเมือง เพราะ Credit มันไม่เหลือแล้ว ความเชื่อมั่นไม่เหลือแล้วจากการละลายเงินกู้ในรอบแรก ไม่ยอมเสี่ยงกู้เงินเพิ่มเพียงเพราะต้องการรักษาอำนาจ หวงตำแหน่ง ยอมปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตตามยถากรรม เพื่อแลกกับการไม่โดนโจมตีในเรื่องการกู้ แลกกับนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ”

ในช่วงท้าย ศิริกัญญา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยถามว่า สภาแห่งนี้จะเลือกประยุทธ์หรือเลือกประเทศ ถ้าวันนั้นเราเลือกประเทศ เศรษฐกิจคงไม่ต้องรอถึง 2570 เพื่อฟื้นตัวอย่างช้า ๆ มีแผลเป็นทั้งในใจประชาชนและแผลเป็นทางเศรษฐกิจที่ต่อให้ฟื้นก็ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม 

“เพื่อหยุดการขโมยอนาคตของประเทศ จะขอเสนอแนะแนวทางออกตามระบอบประชาธิปไตย ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น รัฐมนตรีของประเทศมองโกเลียลาออกเพราะประชาชนประท้วง เนื่องจากจัดการโควิดอย่างไร้ประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีของสโลวาเกียลาออก เพราะแอบตกลงซื้อวัคซีนจากรัสเซียซึ่งสหภาพยุโรปไม่รับรอง รัฐมนตรีอิตาลีลาออกหลังถูกวิจารณ์รับมือโควิดไม่ได้ จนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แนวทางนี้น่าสนใจ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียลาออกเซ่นการจัดการโควิดที่ล้มเหลว แต่นั่นอาจไม่ใช่ทางที่ประยุทธ์เลือก ทางเลือกสุดท้าย นายกรัฐมนตรีสวีเดนลาออกจากตำแหน่ง เพราะพ่ายโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ศิริกัญญา สรุป 


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

องค์การเภสัชกรรมแจงปมจัดซื้อ 'ซิโนแวค' ยันไม่มีส่วนต่าง ด้าน 'หมอโอภาส' วอนอย่าด้อยค่าวัคซีนสูตรผสม มีผลการศึกษา ใช้ใน COVAX ย้ำมีประสิทธิภาพ

องค์การเภสัชกรรมแจงปมจัดซื้อ 'ซิโนแวค' ยันไม่มีส่วนต่าง-ไม่ใช่นายหน้าค่าวัคซีน โต้กลับไม่มองข้อเท็จจริง ชี้ชิปเม้นท์แรก ๆ ราคาสูง เหตุจัดหาจำนวนน้อย ปัจจุบันราคาต่ำแล้ว ขณะที่ 'หมอโอภาส' วอนอย่าด้อยค่าวัคซีนสูตรผสม มีผลการศึกษา-ถูกใช้ใน COVAX ย้ำมีประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64 นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงกรณีที่มีการอภิปรายในสภาว่า องค์การเภสัชฯ ทำหน้าที่เป็นนายหน้าค่าวัคซีนซิโนแวคว่า ประเด็นแรก องค์การเภสัชฯ มิได้เป็นหน่วยงานแรกที่เข้าไปซื้อวัคซีนชนิดนี้ มีเอกชนรายอื่น พยายามเข้าไปประสาน แต่ทางซิโนแวคปฏิเสธทำธุรกิจด้วย ระหว่างนั้นทางองค์การเภสัชฯ ยังหารือกับซิโนฟาร์ม แต่ติดเงื่อนไขหลายข้อ ก่อนที่ภาครัฐจะให้องค์การเภสัชฯ เข้าไปหารือกับซิโนแวค ซึ่งพบว่ามีความยืดหยุ่น และทำได้เร็วกว่า ท่ามกลางสถานการณ์ขณะนั้นต้องแข่งกับเวลาในการหาวัคซีน มารองรับสถานการณ์ช่วงต้นปี 2563 ในที่สุดจึงตกลงดีลกับซิโนแวค สั่งมาทั้งหมด 16 ชิปเม้นท์

ส่วนชิปเม้นท์แรก ๆ ราคาสูง เพราะจัดหามาในจำนวนน้อย ราคาย่อมสูงกว่าที่บางประเทศซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ชิปเม้นท์หลังราคาต่ำลงมาก และมีการเอาเฉพาะราคาแรกไปเผยแพร่ โดยไม่มองข้อเท็จจริงว่า ราคา ณ ปัจจุบันแปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เราเคยซื้อ 17 USD ปัจจุบันราคาเหลือ 8.9 USD

ขณะเดียวกันกรณีอ้างว่าองค์การเภสัชฯ มีส่วนต่าง ขอย้ำว่าเราจัดการตามกฎหมายกำหนด และเราต้องชำระก่อนด้วย ถึงจะไปเบิกกรมควบคุมโรคตามจริง ยืนยันว่าไม่มีส่วนต่างใดทั้งสิ้น

ส่วน นพ.โอภาส การกวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ภายหลัง ส.ส. ฝ่ายค้าน ออกมาโจมตีด้วยว่า วัคซีนซิโนแวคมีการศึกษาประสิทธิภาพจากการใช้จริงไปแล้ว อาทิ จากทีมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็พบว่า มีประสิทธิภาพสูงมาก ผลการศึกษากับบุคลากรการแพทย์ ที่จังหวัดเชียงราย ค่าประสิทธิภาพอยู่ที่ 70 - 80% นับว่าสูง

"ขอย้ำว่า ไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ไปจนถึงป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้ซื้อวัคซีนซิโนแวค เพื่อใช้ในโครงการโคแวกซ์ (COVAX) หลายร้อยล้านโดส การมาด้อยค่าวัคซีน จึงไม่ถูกต้อง"

อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า วัคซีนทุกชนิด เมื่อมาเจอกับสายพันธุ์เดลตา ปรากฏว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนทุกชนิดล้วนลดลง ประเทศไทยต้องปรับตัว ใช้สูตรวัคซีนซิโนแวค ผสมกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางคณะนักวิชาการจากหลายสถาบันทางการแพทย์ ทั้งศิริราช จุฬาฯ ไปจนถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำว่า วัคซีนสูตรนี้มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย

"มาถึงจุดนี้ อย่าด้อยค่าวัคซีนกันเลย เพราะวัคซีนชนิดนี้ ช่วยให้เรามาตั้งแต่ต้นปี ในการควบคุมการระบาด จากนี้เราจะเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน” นพ.โอภาส กล่าว


ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews/102082-isranews-vac-19.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ซิลลิคฯ ส่งหนังสือถึงองค์การเภสัชกรรม เร่งนำเข้า-ทยอยส่งมอบช่วงต้นไตรมาส 4 ปีนี้ จำนวน 1,958,400 โดส

วัคซีนโมเดอร์นา เป็นวัคซีนชนิด mRNA อีกหนึ่งยี่ห้อที่จะนำมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งจัดซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนจองไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ได้มีหนังสือมายังองค์การเภสัชกรรม เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 ว่า วัคซีนโมเดอร์นาจะเริ่มทยอยส่งมอบในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 (ตุลาคม-ธันวาคม) จำนวน 1,958,400 โดส และในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) อีกจำนวน 3,110,400 โดส

โดยวัคซีนโมเดอร์นาล็อตแรกสำหรับการส่งมอบตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อมาเสริมแผนการฉีดวัคซีนของภาครัฐและสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ได้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามบริษัทแจ้งว่า หากมีความคืบหน้าในการส่งมอบวัคซีนล็อตแรกเพิ่มเติม ทางบริษัทจะได้รีบแจ้งให้ทราบโดยทันที

อย่างไรก็ตาม องค์การเภสัชกรรม ยืนยันว่า การส่งมอบวัคชีนยังคงเป็นไปตามกรอบของแผนที่กำหนดไว้ และประชาชนจะได้รับวัคซีนโมเดอร์จากโรงพยาบาลตามที่ได้ทำการจองไว้ โดยวัคซีนทั้งหมดจะทยอยนำเข้ามา ซึ่งองค์การฯ จะได้ประสานกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและหน่วยบริการต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการทยอยจัดสรรกระจายตามสัดส่วนที่แต่ละโรงพยาบาลได้รับการจัดสรรไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/155273


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

 “ศรีสุวรรณ” เตรียมไปสน.บางเขน แจ้งความ “ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด-ไฮโซลูกนัท” จัดคาร์ม็อบ ชี้ ผิดหลายข้อหา-กระทบความมั่นคง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 กันยายน เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน บริเวณวงเวียนหลักสี่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ซึ่งเป็นแกนนำจัดชุมนุม Car Mob-Call Out เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ สามแยกเกษตร เคลื่อนขบวนไปยังข้างศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การจัดชุมนุมดังกล่าวเป็นความผิดหลายข้อหา อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อการจราจร ความมั่นคง การแพร่กระจายของโควิด-19 และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย

“ทิพานัน”โต้ฝ่ายค้าน ป้อง “บิ๊กตู่”ไม่ได้กู้มาสืบทอดอำนาจ แจง 7 ปีผลงานพรึ่บปชช.

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหากู้เงินมากกว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ขาดพยานหลักฐานในเชิงประจักษ์ เป็นเพียงสำนวนโวหารตีกินทางการเมือง และเล่นกลกับตัวเลข ทั้งที่การบริหารประเทศในช่วงของพล.อ.ประยุทธ์ กับทั้ง 2 รัฐบาลที่ผ่านมา ช่วงระยะเวลาก็แตกต่างกันแล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ กับสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่บริหารประเทศ เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าแตกต่างกันชัดเจน  อีกทั้งเป็นการบริหารประเทศในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก อีกทั้งก่อนสถานการณ์โควิดก็ต้องเผชิญกับสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ฉะนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  ในทางตรงกันข้าม ต้องยอมรับว่า ภายใต้สถานการณ์ที่มีเงื่อนไขและอุปสรรคต่างๆพล.อ.ประยุทธ์ยังสามารถขับเคลื่อนการบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะสงโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต่อยอดโครงการบ้านประชารัฐ พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งยกระดับการคมนาคมทางน้ำ ทางน้ำ ทางอากาศ โดยมีการพัฒนาสนามบินภูมิภาค โครงการระบบราง รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่  รถไฟฟ้า 9 สาย  เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันการรับมือกับสถานการณ์การแพรระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การจัดงบประมาณเพื่อรองรับด้านสาธารณสุข จัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมและเพียงพอ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และงบประมาณต่างๆ ที่นำมาใช้เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งหลายโครงการเป็นพอใจของพี่น้องประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีเสียงเรียกร้องของพี่น้องประชาชนให้ขยายระยะเวลามาถึง เฟส 3

“อยากให้ฝ่ายค้าน ยกระดับการอภิปราย โดยไม่ใช้มุกเก่าๆ คือการใช้กลโกงด้วยตัวเลข เนื่องจากทุกตัวเลขงบประมาณนั้น มีที่มาที่ไป และมีหลักฐานว่าใช้จ่ายไปเพื่อแก้ไขปัญหา และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงและจับต้องได้”น.ส.ทิพานัน กล่าว

"ราเมศ" ย้ำ "ทวี" บิดเบือนข้อมูล ความจริงจะตบหน้า ชี้หนังคนละม้วน

นายราเมศ รัตนะเชวงโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงกรณีการอภิปรายของนายทวี สอดส่อง ส.ส.พรรคประชาชาติในส่วนที่มีการอภิปรายนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า

เป็นการเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่บิดเบือนทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี กระบวนการระบายยางพาราครั้งที่ 3 ซึ่งยืนยันว่าเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมด ไม่มีการทุจริตเชิงนโยบายและรัฐไม่ได้เสียประโยชน์แต่ประการใด 

ที่สำคัญที่กล่าวหาว่ามีแผนประทุษกรรมนั้นก็ไม่เป็นความจริงเพราะไม่มีใครที่จะคิดแผนประทุษกรรมงบประมาณของแผ่นดินและยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใดๆทั้งสิ้น

ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้ชี้แจงในวาระที่มีการอภิปรายตนต่อไป และจะขอชี้แจงเมื่อได้มีการฟังสมาชิกที่จะอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครบทั้งหมดทีเดียว แล้วจะตอบชี้แจงในทุกประเด็น 

มั่นใจเมื่อประชาชนได้ฟังความจริงจะทราบทันทีว่าเป็นหนังคนละม้วนกับข้อมูลของนายทวี สอดส่อง

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่าผิดหวังกับการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายทวีสอดส่อง ที่เป็นถึงอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่ออกมาพูดไม่น่าเชื่อว่าจะมีการบิดเบือนข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง นายเฉลิมชัย ไม่มีความคิดที่จะเป็นอาชญากรเหมือนที่นายทวีกล่าวหา

แต่นายทวีอาจเคยเห็นนักการเมืองในรัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาที่นายทวีคุ้นเคย ที่มีการทุจริตจนจำฝังใจแล้วมาบิดเบือนข้อมูลโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของนายเฉลิมชัยจะชี้แจงความจริงในสภาต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top