Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

ญี่ปุ่นตรวจพบสิ่งแปลกปลอมในวัคซีน Pfizer สั่งหยุดใช้ล็อตที่เป็นปัญหา หลังฉีดไปแล้วกว่า 304 คน

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมามีการค้นพบสารแปลกปลอมในวัคซีนของ Pfizer ที่เมือง Yaese จังหวัดโอกินาว่า และได้ทำการหยุดใช้วัคซีนที่มีหมายเลขล็อตเดียวกันแล้ว 

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพ

สำหรับการตรวจพบ ดังกล่าว เกิดจากการสังเกตเห็นขณะแยกวัคซีนจากขวด เป็น 6 หลอดฉีดยา โดยยังไม่พบรายงานปัญหาสุขภาพ จากผู้ที่รับวัคซีน 304 รายในล็อตเดียวกับที่พบสิ่งเจือปน

บริษัทในเครือ Pfizer ของญี่ปุ่นอธิบายว่า สิ่งแปลกปลอมส่วนใหญ่หล่นลงไปจากการที่เข็มฉีดยาขูดจุกยางที่ขวด ดังนั้นทางเมือง Yaese จึงส่งขวดที่พบ และให้รายละเอียดกลับไปยังบริษัท Pfizer


ที่มา : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20210830/k10013233191000.html
https://www.facebook.com/967714813368587/posts/2536996656440387/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

P&G ประเทศไทย สนับสนุนโครงการ “ต้องรอด” โดยกลุ่ม Up for Thai ในโครงการเฉพาะกิจ #missionบุษราคัม75 ด้วยการร่วมบริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย มูลค่า 646,824 บาท เพื่อสนับสนุนบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม 

อาสาสมัครโครงการ “ต้องรอด” โดยกลุ่ม Up for Thai เดินทางไปโรงพยาบาลสนามบุษราคัมเพื่อนำสิ่งของบริจาคไปมอบแก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนสิ่งของเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยจากแบรนด์ของ P&G  ได้แก่ น้ำยาซักผ้า Downy ขนาด 150 มล. จำนวน 6,720 ขวด ยาสระผม Pantene 180 มล. รวม 9,000 ขวด และมีดโกนหนวด Gillette Vector รวม 1,080 อัน มูลค่าทั้งสิ้น 646,824 บาท 

ในการนี้ นายแพทย์จรัล ปันกองงาม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เป็นผู้รับมอบสิ่งของบริจาคจากหม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ “ต้องรอด” และอาสาสมัครตัวแทนกลุ่ม Up for Thai เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วย อาสาสมัคร และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ในภายในโรงพยาบาล 

โรงพยาบาลสนามบุษราคัมเป็นโรงพยาบาลสนามภายใต้กระทรวงสาธารณสุขมีเตียงรองรับผู้ป่วย 4,000 เตียง และมีผู้ป่วยรวมถึงบุคลากรปฏิบัติงานอยู่ภายในโรงพยาบาลนับ 5,000 ชีวิต ทั้งนี้ P&G ประเทศไทยและกลุ่ม Up for Thai พร้อมยืนหยัดที่จะสู้ไปกับคุณ ขอให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัย

สำหรับโครงการเฉพาะกิจ #missionบุษราคัม75 และโครงการ “ต้องรอด” เกิดจากกลุ่ม Up for Thai และพันธมิตรภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาคสื่อสารมวลชนร่วมกันจัดตั้งโครงการเฉพาะกิจ #missionบุษราคัม75 ขึ้นเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาในโรงพยาบาลสนามบุษราคัมเป็นระยะเวลา 75 วัน ก่อนจะมีการย้ายไปยังสถานที่ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนได้รับปัจจัยเพียงพอและให้การดำเนินการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น

กลุ่ม Up for Thai ยังคงปฏิบัติภารกิจหลักควบคู่กันไป ทั้งการนำส่งอาหารปรุงสุกและเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ชุมชน โรงครัวชุมชน ผู้กักตัว ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ คนชรา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ป่วยรอเตียง ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันสำหรับด่านหน้า โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม อสม. ศูนย์พักคอย สถานีอนามัย มูลนิธิและอาสากลุ่มอื่น ๆ ทุกท่าน

ร่วมส่งต่อความช่วยเหลือกับ "ต้องรอด" ได้ที่ :
สถานที่ปฎิบัติงานและรับบริจาค :
ศูนย์อาสาต้องรอด Up For Thai วัดเทวสุนทร https://goo.gl/maps/X6VJJXWgD7FxVM6X6

ที่อยู่ในการจัดส่งสิ่งของบริจาค :
กองอำนวยการ Up For Thai ต้องรอด วัดเทวสุนทร
เลขที่ 1 ม.19 ถ.กำแพงเพชร 6 ลาดยาว จตุจักร กทม. 10900

สมทบทุนเป็นเงินสดที่
กสิกรไทย 096-3-23974-2
(ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล และนางสมใจ พุ่มสมบัติ)

ติดต่อสอบถาม โทร 080-000-4566 (ทีมงานต้องรอด) หรือที่ LINE @upforthai
เพราะเรา #ต้องรอด ไปด้วยกัน
#upforthai


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

“สงคราม” ชี้ฝ่ายใช้เวทีสภาเปิดแผลเน่าเฟะ”บิ๊กตู่” ไร้ความสามารถแก้ปัญหาโควิดทำประชาชนตายเกิน10,000 คน 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีร่วมคณะ เป็นไปตามความต้องการของประชาชน เพราะรัฐบาลล้มเหลวในการบริหารราชการรวมทั้งสร้างความลำบากให้กับประชาชนทั้งแผ่นดิน 

การบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ ขาดความรู้ ไร้ความสามารถ อย่างร้ายแรง ถือเป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรม และไร้ความสามารถเป็นหัวหน้ารัฐบาล บริหารราชการแผ่นดิน ล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายร้ายแรงทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 
 
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์บ้ารวบอำนาจการแก้ปัญหาการระบาดไวรัสโควิดไว้แต่ผู้เดียว แต่ไม่มีความสามารถไม่ฟังใคร ปล่อย ปละละเลยมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรค กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว มีผู้ติดเชื้อเกือบ เกิน 1 ล้านคน และประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 10,000 คนระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวเกินขีดความสามารถการบริการประชาชน ปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้าน บางรายตายกลางถนน ตายในรถ ตายคาบ้าน ตายยกครอบครัว 

“หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศต่อไป บ้านเมืองจะไร้ความสงบสุขร่มเย็น นำมาซึ่งความหายนะของประเทศ ตามที่กล่าวกันว่า “ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่คือภัยอันตรายร้ายแรง เมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ” การทุจริตกระจายวัคซีนโดยเลือกปฏิบัติ พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณไม่ต่างจากการ“ค้าความตาย” เห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ สร้างกำไรจากวัคซีน หวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาประชาชน ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านจะใช้เวทีนี้ชำแหละความเน่าเฟะของพลเอกประยุทธ์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นคนดี” นายสงคราม กล่าว

‘เกศปรียา’ ชี้ ประเทศไทยเสียเวลา 7 ปีเพื่อพิสูจน์ว่าทหารเกษียณบริหารประเทศสู้ทักษิณไม่ได้เลย

เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ เผยว่า ตนไม่เคยลืมในวลี "อย่าคิดว่าทักษิณ จะเก่งอยู่คนเดียว ลองให้ทหารได้บริหารประเทศชาติดูบ้าง" เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เพราะตนมองเหมือนคนรุ่นใหม่ทุกคนในเวลานั้นว่าม๊อบผู้สนับสนุนทหารเข้ามายึดอำนาจ และทหารแก่หรือทหารเกษียณเป็นผู้ที่วิสัยทัศน์ล้าหลังเกินจะมาบริหารประเทศในเวลาที่ไม่ใช่ยุคของคนวัยเบบี้บลูม ที่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก มาบริหารประเทศแบบเชื่องช้าเอาประเทศเป็นที่ฝึกงานคนสูงอายุให้ลองผิดลองถูกบริหารแบบรัฐราชการ  7 ปี ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลทหารเกษียณและผู้สนับสนุน คือผู้ขโมยอนาคตประเทศและจับประเทศเป็นตัวประกันจากความต้องการอยู่ในอำนาจของตนเอง

เกศปรียาเผยต่อว่า ตนเคยนำเสนอมาหลายปีที่แล้วก่อนการเลือกตั้งรัฐบาลจากรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจหลายครั้งว่ารัฐบาลทหารของคุณประยุทธ์ทำเศรษฐกิจฐานรากพัง เพิ่มปริมาณคนจนมากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งก่อนๆ ซึ่งผู้สนับสนุนรัฐบาลในเวลานั้นยังนิ่งเฉย แต่เมื่อมีวิกฤติโรคระบาดไวรัสโคโรน่า ทุกคนได้ประจักษ์ในความสามารถรัฐบาลประยุทธ์ว่าจริงอย่างที่คนรุ่นใหม่ปรามาสไว้ว่า ‘รัฐบาลเผด็จการทหารมาขโมยเวลาและอนาคตของประเทศไทยไป’

ความผิดพลาดจากการตัดสินใจแก้ปัญหาโดยมีพื้นฐานการตัดสินใจหลักยึดโยงกับการรักษาอำนาจตนเอง การตัดสินใจแบบนี้ในสถานการณ์ปกติคนที่ไม่ใช่กลุ่มได้รับผลกระทบอาจไม่รู้สึก แต่ในสถานการณ์วิกฤติที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายและชีวิต ทุกคนรับรู้ได้ว่าการตัดสินใจล็อคดาวน์ประเทศระยะยาวครั้งแรกเพื่อหนีม๊อบเยาวชน ทำคนฐานรากตายทั้งเป็นเพราะไร้อาชีพและรายได้ ทำลายอนาคตเยาวชนรุ่นนี้ที่พลาดโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ คนจบการศึกษา 2 - 3 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีงานทำ

เกศปรียา แสดงความคิดเห็นต่อว่า การตัดสินใจบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดเพราะความด้อยวิสัยทัศน์และตัดสินใจบนผลประโยชน์แห่งอำนาจของรัฐบาล ทำให้ประชาชนไทยเสียชีวิตถึง 10,000 กว่าราย สถิติถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 จนมาถึงการตัดสินใจล็อคดาวน์รอบล่าสุดนี้ เป็นการตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ ทั้งที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรออกมาเตือนให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นปีแล้ว ว่าการล็อคดาวน์จะทำให้เศรษฐกิจพัง รวมทั้งไม่สามารถยุติการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้ ต้องบริหารจัดการวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่อย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการเดินหน้าเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลนี้ไม่นำพา เพราะเวลานั้นม๊อบเยาวชนเริ่มออกมาเรียกหาวัคซีน การล็อคดาวน์รอบล่าสุดจึงเกิดขึ้นมาซ้ำเติมให้ประชาชนฐานราก ประชาชนระดับกลางล่างล้มระเนระนาด ประชาชนระดับกลางบนก็เริ่มเดือดร้อน ยอดผู้ติดเชื้อที่เข้าสู่ระบบสาธารณสุขพุ่งไปกว่าหนึ่งล้านราย ยอดผู้ติดเชื้อจริงที่ภาคีสาธารณสุขประเมินเกือบร้อยละ 50 ของประชากร ซึ่งสรุปได้ว่าการล็อคดาวน์ไม่เกิดประโยชน์กับการควบคุมโรคระบาด แต่เกิดผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจไทย 

แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลเองช่วงนี้ก็รับรู้ถึงความผิดพลาดในการตัดสินใจล็อกดาวน์ ถึงได้ออกมาค่อยๆ ประกาศทยอยปลดล็อคแบบลักลั่น แต่ตนอยากถามแทนประชาชนว่า ความรับผิดชอบในการบริหารราชการผิดพลาดร้ายแรงสำหรับผู้ที่ชอบคุยโม้ว่าเป็นชายชาติทหารมีไหม การขอโทษประชาชนไทยที่ขโมยโอกาสไป 7 ปี เคยมีจิตสำนึกบ้างหรือเปล่า แล้วที่วลีที่ว่า “อย่าคิดว่าทักษิณ จะเก่งอยู่คนเดียว ลองให้ทหารได้บริหารประเทศชาติดูบ้าง" จำได้ไหม ขอโทษประชาชนและอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร หรือยัง 

เกศปรียา ชี้ต่อว่า รัฐบาลนี้ผิดพลาดบริหารประเทศจนประเทศไทยคือผู้ป่วยหนักในอาเซียน แค่การบริหารจัดการวัคซีนเรื่องเดียวก็แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างลาวและกัมพูชา ตัวอย่างที่สะท้อนใจคุณภาพชีวิตคนไทยที่รัฐบาลทหารบริหารจัดการผิดพลาดคือ นายจ้างจะพาแรงงานต่างด้าวชาวลาวและกัมพูชาไปฉีดวัคซีน พวกเค้าระบุเลยว่าต้องการฉีดเพียงวัคซีนอเมริกาเช่นเดียวกับในประเทศเค้าจัดหาให้ประชาชน เรียกว่า ความต้องการที่บริสุทธิ์ของเค้าตบหน้าทั้งนายจ้างไทยและรัฐบาลไทย ในขณะที่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณทุกประเทศในโลกยอมรับและรับทราบในความสามารถ แม้แต่จีนที่เป็นพี่เบิ้มแห่งเอเชียที่รัฐบาลนี้พยายามอ้างอิงยังชื่นชมและยอมรับความสามารถในการบริหารจัดการในสถานการณ์โรคระบาดอย่างไข้หวัดนกในเวลานั้นที่จบลงอย่างรวดเร็ว และแทบไม่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ 

ไม่ต้องไปเทียบระดับทฤษฎีใหม่อย่าง ‘เอเชียบอนด์’ ที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณนำเสนอเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาชนิดจีนปรบมือให้ และนำไปต่อยอดในเวลาต่อมา หรือการแก้ไขปัญหาเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐานของประชาชนไทยให้มีความเท่าเทียมใน ‘โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค’ ที่เป็นต้นแบบลดความเหลื่อมล้ำทางสาธารณสุขชองทั่วโลก เมื่อหันมาเทียบกับภาวะระบบสาธารณสุขที่เข้าใกล้การล้มเหลวในการรับมือผู้ป่วยไม่ไหวในระหว่างเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม 2564 ในยุคหัวหน้ารัฐบาลเป็นทหารเกษียณบริหาร ทำให้ประชาชนไทยป่วยตายคาบ้าน ตายตามท้องถนน เตียงในโรงพยาบาลขาดแคลนไม่เพียงพอที่จะรับประชาชนเข้าทำการรักษา  

ประเทศไทยเสียเวลา 7 ปีเพื่อพิสูจน์ว่า ‘ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองของทหารเกษียณว่าสู้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เลย’ เปรียบได้ว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าและติดลบ ทำลายโอกาสและอนาคตของประชาชนและประเทศชาติพอหรือยังคะ ทหารแก่ทหารเกษียณและผู้สนับสนุนเบบี้บลูมทั้งหลาย พวกคุณเหลือเวลาไม่กี่ปีจะจากโลกนี้ไปแล้ว ปล่อยวางละกิเลสบ้าง อย่าเอาความเห็นแก่ตัว ยึดติดกับอำนาจมาขโมยเวลาและอนาคตของเยาวชนคนรุ่นใหม่และทำลายโอกาสประเทศไทยอีกต่อไปเลย เกศปรียา ทิ้งท้าย

'จีน' ออกกฎคุมเข้ม จัดระเบียบอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศ เพื่อลดการมัวเมาเยาวชน ล้างวัฒนธรรมผิดเพี้ยน

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า... 

#เยาวชนจีน ผู้นำจีนตระหนักดีว่า #เยาวชนคืออนาคตของชาติ จึงไม่ปล่อยปละละเลยให้เยาวชนในชาติบ้านเมืองของเขาต้องถูกมอมเมาถูกจูงจมูกหรือปั่นหัวด้วยค่านิยมผิด ๆ ในวัฒนธรรมเพี้ยน ๆ #จัดระเบียบแบบจีน ก็เลยต้องลงดาบจัดการที่สาเหตุของปัญหาแบบนี้ #ตัดไฟแต่ต้นลม #จีนเฉียบขาด more to come, please stay tuned !!

หน่วยงานสุดเฉียบขาดของจีน #CAC คือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการไซเบอร์สเปซ เพิ่งตั้งขึ้นในยุคสีจิ้นผิง ปี 2014 แต่ผลงานมีตรึมเลยยยยยย

#มือปราบสื่อขยะบนอินเทอร์เน็ตของจีน 
The Cyberspace Administration of China (CAC; Chinese: 国家互联网信息办公室; lit. 'State Internet Information Office'), also known as the Office of the Central Cyberspace Affairs Commission (Chinese: 中央网络安全和信息化委员会办公室),is the central Internet regulator, censor, oversight, and control agency for the People's Republic of China.

ล่าสุด CAC ประกาศมาตรการใหม่ ควบคุมเหล่าดาราเซเล็ปคนดังรวมถึงแฟนคลับให้มีคุณภาพ ดำเนินกิจกรรมการตลาด กิจกรรมของแฟนคลับอย่างเหมาะสม #เพื่อปกป้องเยาวชน และมีกฎที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น...

- ห้ามเยาวชนตั้งกลุ่มแฟนคลับหรือเข้าร่วมกิจกรรมของคนดังที่มีค่าใช้จ่ายสูง 
- ห้ามเยาวชนร่วมการโหวตในการแข่งขันของคนดัง
- คนดังสามารถจัดงานพบปะทางออนไลน์สำหรับกลุ่มแฟนคลับของตนได้ แต่ไม่มุ่งเป้าไปที่เยาวชน
- ยกเลิกการจัดอับดันคนดังทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือแบบกลุ่ม แต่จะอนุญาตให้จัดอันดับเฉพาะ ‘ผลงาน’ เท่านั้น เช่น เพลง ละคร ภาพยนตร์
- บริษัทตัวแทนคนดังจะถูกกำกับดูแลเข้มงวดขึ้น
- ในโลกออนไลน์ ทุกแพลตฟอร์มในโซเชียล จะมีกฎระเบียบชัดเจนสำหรับบริษัทตัวแทนในการทำการตลาด ประชาสัมพันธ์ บริหารจัดการแฟนคลับ
- เนื้อหา/กิจกรรมใดที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท สร้างความขัดแย้ง สร้างความเกลียดชัง โดยบริษัทตัวแทนไม่ระมัดระวังและควบคุมไม่ได้ จะถูกลงโทษตามกฎ
- บทลงโทษ มีตั้งแต่เบาไปถึงหนัก บัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์จะถูกจำกัดการเข้าชม งดเผยแพร่เนื้อหาชั่วคราว หรือบทลงโทษหนักที่สุด ‘ปิดบัญชีผู้ใช้งาน’ ทั้งของคนดังและของแฟนคลับ
- กิจกรรมของกลุ่มแฟนคลับที่จะจัด จะต้องได้รับอนุญาตจากบริษัทตัวแทนของคนดัง และบริษัทต้องเข้ามากำกับดูแล
- ห้ามจัดกิจกรรมใด ๆ​ ที่เป็นการหลอกล่อแฟนคลับให้จ่ายเงิน เพื่อสนับสนุนหรือเพื่อโหวตคนดัง 

สรุปคือ จีนจัดระเบียบ #อุตสาหกรรมบันเทิง เพื่อจัดการกวาดล้างวัฒนธรรมแฟนคลับที่ผิดเพี้ยน - Sick Parts of Fan Circle Culture โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ต้องเตือนสติเยาวชนและบรรดาแฟนคลับด้วยมาตรการของรัฐบาล 

ปัญหาเกิดจาก #กระแสแฟนคลับคนดังในจีน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน มักจะบ้าคลั่งติดตามคนดังไม่ลืมหูลืมตา ใช้จ่ายเงินไปกับคนดังจนเกินเหตุ เช่น โหวต ซื้อของให้ หรือร่วมกิจกรรมที่ต้องจ่ายค่าบัตรแพง ๆ เรื่องเหล่านี้กำลังสร้างค่านิยมที่ผิดเพี้ยนบิดเบี้ยว และอาจจะสร้างความเสียหายในระยะยาวต่อสังคม

ที่น่าสนใจ คือ #ไม่มีการงอแงโวยวายกับมาตรการเข้มงวดของรัฐ และได้รับความร่วมมืออย่างดี บรรดาแพลตฟอร์มดัง ๆ​ ของจีน เช่น Weibo / Baidu / 360 #ขานรับนโยบายของรัฐบาล นำคอนเทนต์ประเภท ‘โหวตคนดัง’ (Star Power List / Stars Influencers) ออก เพราะกิจกรรมเหล่านี้เหล่าแฟนคลับต้องตามโหวต ทุ่มแรงกายแรงใจและแรงเงิน เพื่อให้คนดังที่ตนรักอยู่ในอันดับต้น ๆ ให้ได้

Credit : ภาพและข้อมูล จาก...Global Times | China ups rectification of ‘fan circle’ culture which distorts minors’ values, endangers social governance | www.globaltimes.cn/page/202108/1232642.shtml | ภาพโดย VCG

Credit : China Report ASEAN - Thailand https://www.facebook.com/ChinaReportAseanThailand/photos/a.178908446162840/878239349563076/?type=3


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223871373505716&id=1037140385


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สภากาชาดจีน ส่งวัคซีนซิโนฟาร์ม 1 แสนโดส ถวายฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ให้สภากาชาดไทยนำไปฉีดป้องกันการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

วันที่ 30 สิงหาคม 2564 ที่เฟซบุ๊ก The Thai Red Cross Society เผยแพร่ข้อความระบุว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย

พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย นำนายหยาง ซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนสภากาชาดจีน เฝ้าทูลละอองพระบาท น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซิโนฟาร์ม จำนวน 100,000 โดส ณ วังสระปทุม เพื่อให้สภากาชาดไทยนำไปใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 64 ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ระบุว่า วัคซีน ซิโนฟาร์ม ลอตที่ 7 จำนวน 2 ล้านโดส เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย รวมจำนวนวัคซีนซิโนฟาร์มที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วตั้งแต่ 20 มิถุนายน - 29 สิงหาคม 2564 เป็นจำนวน 9 ล้านโดส


ที่มา : https://www.facebook.com/ThaiRedCross/posts/4651742401526053
https://www.facebook.com/CRAVaccineinfoCenter/posts/123010183415166


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ คลัง เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายออนไลน์

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ประกาศให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e – Service) ของกรมสรรพากร ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต่างประเทศที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยและมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8  ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบงานภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมชำระภาษีเป็นรายเดือน ภายในวันที่ 23 ในเดือนถัดไป

“ภาษี e – Service นี้ มีการดำเนินการในขั้นตอนของกฎหมายมากกว่า 2 ปี จนได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนก.พ. 2564 และให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้านี้ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการต่างประเทศลงทะเบียนเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากรแล้วมากกว่า 50 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ให้บริการต่างประเทศมีความตื่นตัวและพร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายภาษี e – Service ของไทยด้วยดี โดยไทยเป็นหนึ่งใน 60 กว่าประเทศทั่วโลกที่ได้เริ่มดำเนินการเก็บภาษีประเภทนี้”

สำหรับธุรกิจที่ต้องมาจดทะเบียนและดำเนินการทางภาษี แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับขายของออนไลน์ ธุรกิจให้บริการโฆษณาออนไลน์ ธุรกิจให้บริการจองโรงแรมที่พักและการเดินทาง ธุรกิจให้บริการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย ธุรกิจให้บริการสมาชิกดูหนังฟังเพลงออนไลน์ เกมส์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ

อย่างไรก็ตามการจัดเก็บภาษี e – Service นี้ นอกจากทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันแล้ว ภาษี e – Service จะเป็นการเพิ่มรายได้ทางหนึ่งให้กับประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2565 และในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้ในการคำนวณเป็นฐานภาษีใหม่ที่น่าจะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของประเทศไทยในอนาคต

ผอ.องค์การเภสัชกรรม ร้อง ป.ป.ช. สอบพฤติกรรม “เกรียงศักดิ์-อารักษ์” จัดหาชุดตรวจโควิด ATK 8.5 ล้านชุด ส่อทุจริต ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาฯ พบพิรุธเพิ่มมาตรฐาน WHO ไมได้ทำให้ของมีคุณภาพขึ้น แต่กีดกันรายอื่นเพื่อล็อกสเปก 

นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อํานวยการองค์การเภสัชกรรม ได้ยื่นคำร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอร้องเรียนพฤติกรรมของ นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายชมรมแพทย์ชนบท และ นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ในฐานะคณะทํางานกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทําผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ. 2542 กรณีการจัดหาชุดตรวจสําหรับ COVID-19 ประเภท Antigen Test Kits จํานวน 8,500,000 ชุด

1.) กระบวนการปกติในการจัดหายา เวชภัณฑ์ ตามแผนของ สปสช. (สํานักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)

2.) การจัดหาชุดตรวจสําหรับ COVID-19 ประเภท Antigen Test Kits จํานวน 8,500,000 ชุด มีข้อพิรุธ ต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

3.) ความเสียหายที่เกิดขึ้น มีรายละเอียดดังนี้

(1.) กระบวนการปกติในการจัดหายา เวชภัณฑ์ ตามแผนของ สปสช. ตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ระบุว่า สปสช.ไม่มีอํานาจในการจัดหายาและเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มอบหมายโรงพยาบาลราชวิถี จัดหายาและเวชภัณฑ์ ให้ สปสช. ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ซึ่งโรงพยาบาลราชวิถี ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม เป็นผู้จัดหายา และเวชภัณฑ์ให้ มีขั้นตอนดังนี้

(1.1) สปสช.จัดทําแผนความต้องการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตาม โครงการพิเศษ ส่งให้ รพ.ราชวิถี

(1.2) รพ.ราชวิถี ส่งแผนความต้องการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตาม โครงการพิเศษ ให้องค์การเภสัชกรรม และจัดทํา Spec ของแต่ละรายการให้องค์การเภสัชกรรม และมีวงเงิน กําหนดงบประมาณมาให้

(1.3) องค์การเภสัชกรรม ดําเนินการจัดหา ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตามแผน และ Spec ที่ได้รับ ตามข้อบังคับองค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจําหน่าย พ.ศ. 2561

(1.4) เมื่อเสร็จกระบวนการตามข้อ (1.3) องค์การเภสัชกรรมแจ้งผลเสนอคณะอนุกรรมการ จัดทําแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ (ปลัดกระทรวง สาธารณสุข เป็นประธาน) ขอมติเห็นชอบ

(1.5) องค์การเภสัชกรรมทําสัญญาจะซื้อจะขาย / ใบสั่งซื้อ กับ Supplier

(1.6) รพ.ราชวิถีทําสัญญาจะซื้อจะขาย / ใบสั่งซื้อ กับองค์การเภสัชกรรม

(2.) การจัดหาชุดตรวจสําหรับ COVID-19 ประเภท Antigen Test Kits จํานวน 8,500,000 set มีข้อพิรุธ ผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ. 2542

สปสช. โดย คณะอนุกรรมการกําหนดหลักเกณฑ์การดําเนินงานและการบริหารจัดการกองทุน มีคําสั่งที่ 5/2564 แต่งตั้ง คณะทํางานกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย

นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานคณะทํางาน
นายวชิระ บฏพิบูลย์ คณะทํางาน
นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ คณะทํางาน
นางกฤติยา ศรีประเสริฐ คณะทํางาน
นางกาญจนา ศรีชมภู คณะทํางาน
นางเบญจมาศ เลิศชาคร คณะทํางาน
นางอัญชลี หอมหวล คณะทํางาน

มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

• จัดทําแนวทางในการกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
• ดําเนินการต่อรองราคากับบริษัทผู้ขาย เพื่อให้ได้อัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขที่เหมาะสม
• จัดทําข้อเสนอเพื่อพิจารณาปรับปรุงอัตราจ่ายค่าบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และรายงานต่อคณะอนุกรรมการกําหนดหลักเกณฑ์การดําเนินงานและบริหารจัดการกองทุน
• เสนอแต่งตั้งคณะทํางาน และหรือเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมให้ความเห็นในการดําเนินการ
• ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย (ผู้ร้องไม่มีคําสั่งฉบับนี้)

วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 คณะทํางานฯ ดังกล่าว เสนอวาระการเตรียมการจัดหา Antigen Test Kit สําหรับประชาชน ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต่อคณะอนุคณะอนุกรรมการจัดทําแผนการ จัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ เพื่อนําเสนอคณะกรรมการ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป (ผู้ร้องไม่มีเอกสารรายงานการประชุมฉบับนี้)

วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 สปสช. โดย นายจักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการ ปฏิบัติการแทน เลขาธิการ สปสช ทําหนังสือที่ สปสช. 4.69/14620 ถึงผู้อํานวยการ รพ.ราชวิถี แจ้งให้ “โรงพยาบาลราชวิถี ดําเนินการจัดซื้อจัดหา ชุดตรวจและน้ํายาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS COV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) จํานวนเบื้องต้น 8.5 ล้านชิ้น ภายใต้วงเงิน 1,014 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อให้ทันต่อความต้องการตรวจวินิจฉัย คัด กรอง ผู้ติดเชื้อ COVD-19 ภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ หากดําเนินการจัดซื้อจัดหาแล้วเสร็จ ขอให้ดําเนินการสรุปผลการจัดหาแจ้งต่อสํานักงานหลักประกันสุขภาพโดยด่วน เพื่อนําเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็น ตามโครงการพิเศษรับทราบต่อไป” 

โดยแนบ “ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กําหนดมาตรฐานและการประเมินชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) พ.ศ. 2564” มาให้ (เป็นขั้นตอนปกติตามข้อ 1.1) (เอกสารแนบ 1) เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน ภญ.สมฤทัย สุพรรณกูล (ชื่อในไลน์ : เจี๊ยบ) ผู้อํานวยการสํานักสนับสนุนระบบบริการยาและเวชภัณฑ์ สปสช จึงได้ส่ง file เอกสารดังกล่าวมาให้ในไลน์กลุ่ม “ทีม สปสช., ราชวิถี, อภ.” เพื่อให้องค์การเภสัชกรรมดําเนินการ คู่ขนานกันไป และตามขั้นตอนปกติตามข้อ 1.2 ทาง รพ.ราชวิถี จะเป็นผู้จัดทํา spec ให้ องค์การเภสัชกรรม จึงได้สอบถามไปในไลน์ว่า “เรื่องสเปก ทางราชวิถีทําให้ อภ.ได้เลยมั้ยครับ จากสิ่งที่ส่งมาด้วยในหนังสือ สปสช” ภญ.สมฤทัย สุพรรณกูล (ชื่อในไลน์ : เจี๊ยบ) ตอบว่า “จากคําแนะนํา ของกรมบัญชีกลาง ทางราชวิถี จะต้องทํา spec อีกรีคะ น่าจะอ้างมาตรฐาน อย.ได้เลยนะคะ” องค์การเภสัชกรรมจึงได้นํามาตรฐาน อย. มาเป็น spec ในการจัดหา (เอกสารแนบ 2) เอกสารตัวจริงจาก รพ.ราชวิถี เป็นหนังสือที่ สธ 0304/6304 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ส่งถึงองค์การเภสัชกรรมวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นขั้นตอนปกติตามข้อ 1.2 (เอกสารแนบ 3)

วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 องค์การเภสัชกรรมได้ประชุมร่วมกับ สปสช และ รพ.ราชวิถี เพื่อพิจารณารายละเอียดการดําเนินการ อีกทั้งได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการที่ติดต่อได้ 7 ราย (จากที่ได้ ขึ้นทะเบียนชุดตรวจ ATK ไว้กับ อย.แล้วทั้งหมด 10 ราย) ถึงความสามารถในการส่งมอบชุดตรวจ ATK พบว่า ไม่มีรายใดสามารถส่งชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุดได้ทันภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมจึงได้ปรับการ ส่งของ เป็น 3 งวด งวดที่ 1 จํานวน 300,000 ชุด ภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2564 งวดที่ 2 จํานวน 2,000,000 ชุด ภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 งวดที่ 3 จํานวน 2,000,000 ชุด ภายในวันที่ 17 สิงหาคม 2564 งวดที่ 4 จํานวน 2,000,000 ชุด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 งวดที่ 5 จํานวน 2,200,000 ชุด ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และเริ่มดําเนินกระบวนการจัดหาโดยวิธีคัดเลือก ตามข้อบังคับองค์การเภสัชกรรมว่าด้วยการพัสดุเพื่อการผลิตและจําหน่าย พ.ศ. 2561 ข้อ 11 (2) (เอกสาร แนบ 4) อีเมลเชิญผู้ประกอบการทั้ง 10 ราย ให้เข้ามายื่นซองเสนอราคาในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 (เอกสารแนบ 5) (เป็นขั้นตอนปกติตามข้อ 1.3)

วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 องค์การเภสัชกรรม ไลน์สอบถาม ภญ.สมฤทัย สุพรรณกูล ว่า วันที่ 27 กรกฎาคม สปสช จะมาร่วมสังเกตการณ์หรือไม่ (ตามปกติทั้ง สปสช และ รพ.ราชวิถี จะไม่เข้ามาร่วม สังเกตการณ์ แต่ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษและเร่งด่วนจึงได้สอบถามไป) ภญ.สมฤทัยฯ แจ้งว่า นพ.เกรียงศักดิ์ หรือคุณอัญชลี จะเข้ามาสังเกตการณ์ และ องค์การเภสัชกรรม ได้ส่ง Link Zoom meeting ไปให้ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.30 น. (เอกสารแนบ 6)

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นวันเปิดซอง มีกําหนดยื่นซองเอกสารและซองราคา เวลา 8.30-4.00 น. มีบริษัทตอบกลับรับทราบกําหนดการเสนอราคาดังกล่าว จํานวน 4 ราย บริษัทที่ไม่ตอบ กลับได้แก่ บริษัทเอ็มพีกรุ๊ป (standard O) มีผู้เข้าร่วมเสนอราคาที่มีคุณสมบัติและเสนอรายละเอียด ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นไปตามที่กําหนด จํานวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท โรช ไดแอทโนสติกส์ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท เจเนอรัลไซเอนซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด, บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จํากัด, บริษัท ดีซีเอซ ออริกา (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จํากัด และ บริษัท ซีเมนส์ เฮลท์แคร์ จํากัด ในการ นี้ มีเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิรุธ คือ บริษัท เอ็มพีกรุ๊ป (standard Q) ไม่ได้มายื่นซองในเวลาที่กําหนด จะขอยื่นซองทางอีเมล องค์การเภสัชกรรมแจ้งไม่สามารถรับซองทางอีเมลได้ เนื่องจากแจ้งเงื่อนไขไว้ในแบบ เชิญยื่นซองแล้วว่า ต้องยื่นที่ห้องรับซอง-เปิดซอง 1 ชั้น 2 อาคารอํานวยการ องค์การเภสัชกรรม บริษัทเอ็มพีกรุ๊ป ทําผิดเงื่อนไขจึงไม่ได้เข้าร่วมการเสนอราคา 

เมื่อนายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ และ นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ เห็นว่า กรรมการเปิดซองไม่รับบริษัท เอ็มพีกรุ๊ป แน่แล้ว จึงได้ข่มขู่กรรมการ เปิดซองว่าไปตัดสิทธิผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่ใน List ที่ WHO รับรองไม่ได้ ต้องให้บริษัทเอ็มพีกรุ๊ป เข้ามาสู่ กระบวนการแข่งขันให้ได้ และพูดหลายครั้งว่า ถ้ายังเดินหน้าต่อไป กรรมการเปิดซอง/คุณศิรินุช จะต้อง รับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังอ้างเรื่องการจัดส่งว่าต้องให้ส่งไปทั่วประเทศไม่ใช่ส่งที่องค์การเภสัชกรรม ทั้งที่เดิมไม่เคยตกลงไว้แบบนี้มาก่อน ทําให้ในที่สุดกรรมการก็จําเป็นต้องยกเลิกการเปิดซองในครั้งนี้ไป (เอกสารแนบ 7 - เอกสารถอดเทปจะส่งตามมาภายหลัง) องค์การเภสัชกรรมได้ทําหนังสือขออนุมัติจากผู้อํานวยการเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 และอีเมลแจ้งบริษัททั้ง 5 ราย ในวันที่ 6 สิงหาคม 2564 (เอกสารแนบ 8)

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 สปสช โดยนายจเด็จ ธรรมธัชอารี ได้ทําหนังสือที่ สปสช. 6.70/15444 ถึงผู้อํานวยการ รพ.ราชวิถี (เอกสารแนบ 4) เพิ่มรายละเอียดใน spec ดังนี้

1.) กําหนดระยะเวลาส่งมอบชุดตรวจ จํานวน 4.5 ล้านชุด โดยเร็วที่สุด และใช้วิธีการจัดหา เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และรวดเร็ว ให้ทันต่อสถานการณ์แพร่ระบาด

2.) ชุดตรวจ ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก WHO ซึ่งชุดตรวจต้องมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับประเทศและระดับสากล

3.) อัตราราคาชุดตรวจ รวมค่าขนส่งชุดตรวจไปยังหน่วยบริการ สถานบริการ หรือหน่วยงาน ที่ สปสช.กําหนด และรวมถึงค่าบริหารจัดการที่อาจเกิดขึ้นขององค์การเภสัชกรรมแล้ว

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ในฐานะประธานคณะทํางาน กําหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทําหนังสือที่ สปสช. 6.70/0271 ถึง เลขาธิการ สปสช. เสนอให้จัดหาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง คุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐาน จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาและได้รับการรับรองมาตรฐานจาก WHO อัตราการจัดหาไม่เกิน 120 บาท/ชุด รวมค่าขนส่งไปยังหน่วยบริการในพื้นที่และค่าบริหารจัดการที่อาจเกิดขึ้นขององค์การเภสัชกรรมแล้ว และส่งมอบงวดที่ 1 จํานวน 3,000,000 ชุด ภายใน 1 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 2 จํานวน 3,000,000 ชุดภายใน 3 วันนับจากวันลงนามในสัญญา งวดที่ 3 จํานวน 2,500,000 ชุด ภายใน 14 วันนับจากวันลงนามในสัญญา (โดยแนบ spec ลงลายมือชื่อ นายเกรียงศักดิ์ มาด้วย) (เอกสาร แนบ 10) 

ในการนี้จะเห็นข้อพิรุธว่า นายเกรียงศักดิ์ เสนอเปลี่ยน spec ที่เลขาธิการ สปสช.แจ้ง รพ.ราชวิถี ไปว่า ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือได้รับการรับรองมาตรฐานจาก WHO เปลี่ยนมาเป็นต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและ ยาและได้รับการรับรองมาตรฐานจาก WHO เมื่อประกอบกับราคา 120 บาท (บริษัท เอ็มพีกรุ๊ป เสนอ 120 บาท บริษัท Abbott เสนอ 140 บาท) จึงเป็นการล็อก spec ให้ บริษัท เอ็มพีกรุ๊ป (Standard Q) เข้ามา ได้บริษัทเดียวเท่านั้น (ในขณะนั้น บริษัท เอ็มพีกรุ๊ป ยังยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของตน ผ่านการรับรองมาตรฐาน จาก WHO ยังไม่มีใครทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองเป็นคนละรายการกัน) และยังกําหนดให้มีการจัดส่งถึง 5 ล้านชุดภายใน 3 วันหลังทําสัญญา ก็เป็นการล็อก spec เช่นกัน พร้อมกันนั้น ได้ทําหนังสือเสนอ ให้เลขาธิการ สปสช.ลงนามถึง รพ.ราชวิถี ข้อความตามที่ตนเสนอ (เอกสารแนบ 10) ซึ่งเลขาธิการ สปสช.ได้ ลงนามหนังสือดังกล่าว จึงทําให้มีผลเปลี่ยนแปลง spec เป็นไปตามที่ นายเกรียงศักดิ์ เสนอ (เอกสารแนบ 11) ซึ่ง รพ.ราชวิถี ได้ทําหนังสือที่ สธ0304/6467 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2564 แจ้ง spec ดังกล่าวมาที่ องค์การเภสัชกรรม (เอกสารแนบ 12)

อนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบมาตรฐานของ WHO และ อย.พบว่า มาตรฐาน อย.สูงกว่า WHO โดย WHO กําหนด sensitivity มากกว่าหรือเท่ากับ 80% ในขณะที่ อย.กําหนด 90% และ WHO กําหนด specificity มากกว่าหรือเท่ากับ 97% ในขณะที่ อย.กําหนด 99% จึงเห็นข้อพิรุธอย่างชัดเจน ว่า การที่เพิ่มมาตรฐาน WHO เข้าไป ไม่ได้ทําให้ได้ของที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น แต่เป็นการกีดกันผู้ประกอบการ รายอื่นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน WHO ล็อก spec ให้กับบริษัทเอ็มพีกรุ๊ป (Standard Q) (เอกสารแนบ 13)

วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 องค์การเภสัชกรรม ส่งอีเมลถึง สปสช.ขอให้แจ้งรายละเอียด เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบในการจัดหา ATK “ผู้จัดทํา TOR ย่อมต้องทราบว่ามีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรง ตาม TOR จํานวนกี่ราย ขอให้แจ้งชื่อผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตาม TOR ดังกล่าวมาให้ อภ.ทราบทุก รายด้วย หากมีผู้ประกอบการที่เข้าตาม TOR ดังกล่าวมากกว่า 1 ราย อภ.จะดําเนินการโดยวิธีคัดเลือกเร่งด่วน แต่หากมีผู้ประกอบการที่เข้าได้ตาม TOR เพียงรายเดียว จึงดําเนินการโดยวิธีเฉพาะเจาะจง” (เอกสารแนบ 14)

วันที่ 1 สิงหาคม 2564 สปสช.ทําหนังสือที่ สปสซ. 6.30/15448 ถึงผู้อํานวยการ รพ.ราชวิถี อ้างถึง คณะทํางานกําหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ฯ เป็นประธาน แจ้งว่าต้องการใช้ชุดตรวจ ATK อย่างเร่งด่วน จึงขอยกเลิก spec เดิมทั้งหมด (ตามหนังสือลงวันที่ 22, 24, 29 กรกฎาคม 2564) และให้ใช้ spec ใหม่แทน โดยมีสาระสําคัญที่เปลี่ยน คือ ตัดมาตรฐาน WHO ออก และ ให้ส่งชุดตรวจทั้งหมดภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 (เอกสารแนบ 15) วันที่ 5 สิงหาคม 2564 องค์การเภสัชกรรม ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว จึงได้ทําหนังสือที่ สธ 5100/477 ถึงผู้อํานวยการ รพ.ราชวิถี ติดตาม spec (เอกสารแนบ 16)

วันที่ 3 สิงหาคม 2564 มีการประชุมร่วมระหว่าง สปสช. และ องค์การเภสัชกรรม สรุปเปิด ซองวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ประชุมคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม เพื่อขออนุมัติสั่งซื้อในวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ส่งเรื่องไปกองกฎหมายเพื่อทํานิติกรรมสัญญาในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 กําหนดส่งมอบ 2 สัปดาห์ หลังทําสัญญา (เอกสารแนบ 17) องค์การเภสัชกรรมจึงได้ดําเนินกระบวนการจัดหาชุดตรวจฯ อีกครั้ง โดยวิธี คัดเลือก (เอกสารแนบ 18) ในวันเดียวกัน นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ คงเห็นว่าผู้อํานวยการ นายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ จะจัดหาโดยวิธีคัดเลือกอีกแล้ว จึงได้โทรศัพท์หานายวิฑูรย์ เวลา 14.05 น. แต่นายวิฑูรย์ ไม่สะดวกรับสาย จึงโทร.กลับไปเวลา 18.05 น. และถูกนายอารักษ์ ข่มขู่ว่า “ถ้าเอาของจีนเข้ามาผมโวยวายแน่” และยังชี้เป้าว่า มี 2 เจ้า คือ Abbott และ Standard 2 ทั้ง ๆ ที่ใน spec ตัดมาตรฐาน WHO ออกแล้ว แสดงว่าบริษัทที่ขึ้นทะเบียน อย.จํานวน 20 กว่าราย จะเข้าได้หมด แต่ก็ยังระบุชื่อเพียง Abbott และ Standard Q (เอกสารแนบ 19)

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 องค์การเภสัชกรรม ส่งอีเมลเชิญบริษัทมาเสนอราคา จํานวน 24 ราย (เอกสารแนบ 20) มีบริษัทสอบถามทักท้วงเรื่อง spec องค์การเภสัชกรรม จึงทําหนังสือถึง รพ.ราชวิถี ขอให้สอบถาม สปสช (เอกสารแนบ 21) สปสช.จึงทําหนังสือตอบกลับมาและแก้ spec ตามที่บริษัททักท้วง (เอกสารแนบ 22) องค์การเภสัชกรรมจึงได้ดําเนินการแก้ spec (เอกสารแนบ 23) ในวันเดียวกัน ในการ ประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้สั่งการนายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ในที่ประชุม ให้ใช้วิธีประมูล ไม่ให้ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง เพราะมีชุดตรวจ ATK ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ อย.แล้ว ประมาณ 30 รายการ (เอกสารแนบ 24)

วันที่ 7 สิงหาคม 2564 เป็นวันเปิดซอง มีบริษัทมายื่นเอกสารเสนอราคา 19 ราย คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก ตรวจสอบคุณสมบัติผ่านตามข้อกําหนด 16 ราย บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จํากัด (ได้รับมอบอํานาจให้เป็นผู้แทนจําหน่ายจากบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จํากัด) เสนอราคาต่ำที่สุด 65 บาท (ไม่รวม VAT) จึงเป็นผู้ชนะ องค์การเภสัชกรรมเสนอคณะกรรมการ องค์การเภสัชกรรมให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 และ 16 สิงหาคม 2564 (เอกสารแนบ 25)

นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ และ นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ ยังมีความพยายามที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เอ็มพีกรุ๊ป (Standard Q) โดยให้ข่าวบิดเบือนโจมตีว่าองค์การเภสัชกรรม ลด spec ในการจัดหา และด้อยค่าผลิตภัณฑ์ Lepu ที่ประมูลได้ อย่างต่อเนื่อง และยังข่มขู่ผู้อํานวยการ นายวิฑูรย์ หวังไม่ให้มีการเซ็นสัญญาซื้อ Lepu (เอกสารแนบ 26 -ส่งมาบางส่วน และจะมีเพิ่มเติมอีกภายหลัง)

(3.) ความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากองค์การเภสัชกรรมไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้ นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ และ นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ ในการล็อก spec ทําให้ไม่มีความเสียหายเป็นตัวเงินงบประมาณในการจัดซื้อก็จริง แต่มีความเสียหายในเรื่องความล่าช้าเป็นอย่างมาก หากในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ และ นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ ไม่เข้ามาข่มขู่กรรมการเปิดซอง ไม่มาเพิ่มเติม spec ในส่วน ที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เอ็มพีกรุ๊ป (Standard Q) การเปิดซองก็ไม่ต้องถูกเลื่อน ประเทศไทยก็จะได้รับชุดตรวจ ATK ครบ 8.5 ล้านชุด ในสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ไม่ใช่เพิ่งลงนาม ในสัญญาเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทําให้ประชาชนเสียโอกาสในการแยกตัวผู้ป่วยออกจากผู้ไม่ติดเชื้อ มีผู้เจ็บป่วยล้มตายมากขึ้น

จากข้อเท็จจริงทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นข้อพิรุธหลายประการของ นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูล เกียรติ และ นายอารักษ์ วงศ์วรชาติ ที่กระทําผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอ ราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

จึงเรียนมาเพื่อโปรดดําเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย จักเป็นพระคุณ

ขอแสดงความนับถือ
(นายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์) ผู้อํานวยการองค์การเภสัชกรรม


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000085770


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'กรมส่งเสริมวัฒนธรรม' ส่งหนังสือถอดศิลปินแห่งชาติถึง 'สุชาติ สวัสดิ์ศรี' ให้อุทธรณ์ใน 30 วัน

นางสาวอัจฉราพร พงษ์ฉวี รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติในคราวประชุมครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เรื่องที่ประชุมได้พิจารณาในวาระการประชุมลับ เรื่องนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจําปีพุทธศักราช 2554 ว่า 

“คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยมติด้วยคะแนนเสียงมากกว่าสองในสามของจํานวนคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติที่เข้าร่วมประชุมให้ยกเลิก การยกย่องเชิดชูเกียรติ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสียต่อการเป็นศิลปินแห่งชาติ ตามข้อ 10 วรรคสอง ของกฎกระทรวงกําหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2555 และแก้ไขเพิ่มเติมในกฎกระทรวงกําหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ข้อ 2”

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 30 สิงหาคม 2564 แจ้งมติข้างต้นแก่นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี และหากไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าวให้นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี มีหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ณ สํานักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้ง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

“พล.อ.ประวิตร” ย้ำ มท. สั่งทุกจว.เตือนภัยเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันพื้นที่เสี่ยง พร้อม สั่งระดมช่วยเหลือชาวสมุทรปราการ 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้กำชับ กระทรวงมหาดไทย โดยฝ่ายปกครองระดับ จังหวัด ให้เฝ้าระวังติดตามสภาพลมฟ้าอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม โดยให้เตรียมพร้อมแผนปฏิบัติในพื้นที่เสี่ยงของแต่ละ จว.และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น 

สำหรับพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งฝนตกสะสมต่อเนื่องและน้ำทะเลหนุนสูงในปัจจุบัน  ขอให้ กระทรวงมหาดไทย ประสาน กทม. เตรียมความพร้อมของระบบระบายน้ำให้พร้อมทำงานและให้เร่งสำรวจกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ขวางประตูระบายน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่เคยพบปัญหาน้ำท่วมขังสะสมที่ผ่านมา 

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอ ของ จว.สมุทรปราการ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมสูงฉับพลัน ประชาชนเดือดร้อนและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งมีทั้งแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้ มท.เร่งสำรวจและระดมให้การช่วยเหลือเร่งด่วนและให้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้อง เสริมกำลังทั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักร วางแผนเปิดทางระบายน้ำลงคูคลองสายหลักโดยเร็ว เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและให้ดูแลต่อเนื่องไปถึงการฟื้นฟู ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพและ ตร. ได้จัดกำลังพลร่วมกับจิตอาสาพระราชทาน ยานพาหนะ เรือท้องแบน รวมทั้งเครื่องสูบน้ำและสิ่งของบรรเทาทุกข์ เข้าไปเสริมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จว.สป. เป็นการเร่งด่วนโดยช่วยเหลือเด็กและผู้สูงอายุออกมายังพื้นที่ปลอดภัย การช่วยขนย้ายสิ่งของ การมอบสิ่งของช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ การอำนวยความสะดวกในการสัญจร รวมทั้งร่วมวางแผนและสนับสนุนการระบายน้ำในพื้นที่ต่อเนื่องมา  จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top