Thursday, 15 May 2025
World

ถอดรากศัพท์คำว่า Kanbawza  อาจแปลความหมายถึง สุวรรณภูมิ 

คำว่า Kanbawza ที่คนพม่าออกเสียงว่า 'กันโบซา' นั้น หลายคนอาจจะเคยทราบว่าคำนี้มาจากชื่อในภาษาไทใหญ่ ซึ่งตำนานของคำว่ากัมโบซาในภาษาไทใหญ่นั้นต้องย้อนกลับไปถึงคริสต์ศักราชที่ 957 ในยุคที่อาณาจักรน่านเจ้ายังเรืองอำนาจอยู่ โดยมีบันทึกว่า มีเจ้าชายจากราชอาณาจักรกัมปูเจียเข้ามาปกครองดินแดนฉาน จนทำให้มีชื่อเรียกในภาษาไทใหญ่ว่ากัมโบซาในเวลาต่อมา

เมื่อนำเรื่องราวของเจ้าชายแห่งกัมปูเจียที่เข้ามาปกครองรัฐฉานใน ค.ศ. 957 มาเทียบระยะเวลาในเขมรช่วงนั้นจะพบว่าอยู่ในช่วงอาณาจักรขอม ซึ่งปกครองเขมรในขณะนั้นในช่วงปีคริสต์ศักราช 802-1203 เป็นยุคเดียวกันกับการสร้างปราสาทนครวัด

ดังนั้นหากนำไทม์ไลน์ของมาวางทาบกัน จะกล่าวได้ว่าเจ้าชายผู้แผ่อิทธิพลเข้าไปยึดดินแดนรัฐฉานในช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ กองทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักรขอมโบราณนั่นเอง

และหากเมื่อเราค้นหาลึกเข้าไปอีกว่าอาณาจักรขอมโบราณมาจากไหน ทาง อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้เคยเขียนเรื่องนี้ลงใน มติชนประชาชื่น : สุวรรณภูมิในอาเซียน ขอมละโว้ เก่าสุดอยู่ไทย โอนขอมไปเขมร, มติชน 17 สิงหาคม 2560 ระบุว่า...

"ขอมเป็นชื่อทางวัฒนธรรม ดังนั้นไม่เป็นชื่อชนชาติหรือเชื้อชาติ จึงไม่มีชนชาติขอม หรือเชื้อชาติขอม ฉะนั้นใคร ๆ ก็เป็นขอมได้ เมื่อยอมรับนับถือวัฒนธรรมขอม…ช่วงแรก ขอมเป็นชื่อที่คนอื่นเรียก (ในที่นี้คือพวกไต-ไท) ไม่ใช่เรียกตัวเอง

"คำว่า ‘ขอม’ หมายถึง คนในวัฒนธรรมขอม ที่อยู่รัฐละโว้ (ลพบุรี) บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยไม่ระบุชาติพันธุ์ จะเป็นใครก็ได้ ถ้าอยู่สังกัดรัฐละโว้ในวัฒนธรรมขอม ถือเป็นขอมทั้งนั้น เมื่อมีรัฐอยุธยา คนพวกนี้กลายตัวเองเป็นคนไทย ดังนั้นช่วงหลัง ขอม หมายถึง ชาวเขมรในกัมพูชาเท่านั้น แม้เปลี่ยนนับถือศาสนาพุทธเถรวาทก็ถูกคนอื่น เรียกเป็นขอม แต่ชาวเขมรไม่เรียกตัวเองว่าขอม เพราะไม่เคยรู้จักขอมและภาษาเขมรไม่มีคำว่าขอม"

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “กโรม” หรือ “ขอม” (ในความหมายว่า ชาวเขมร หรือ ชาวกัมพูชา) แต่พวกเขาเรียกตนเองอย่างชัดเจนว่า เขมร มาตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร

และจากหลักฐานที่มีการยืนยันว่าที่เรียกชาวกัมพูชาไม่เรียกตัวเองว่า ขอม แต่เรียกตัวเองว่า เขมร ที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก Ka. 64 ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยก่อนเมืองพระนคร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวถึงทาสชาวเขมรโบราณไว้ว่า “(๑๓) กฺญุม เกฺมร โฆ โต ๒๐. ๒๐. ๗ เทร สิ ๒” ซึ่งคำว่า “กฺญุม” ในภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนพระนครหมายถึง ข้ารับใช้ ส่วนคำว่า เกฺมร (kmer) เมื่อรวมความหมายของคำว่า “กฺญุม เกฺมร” แล้ว น่าจะหมายถึง “ข้ารับใช้ชาวเขมร” ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าชาวกัมพูชาเรียกตัวเองว่า เกฺมร (kmer) มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นคำว่า เขฺมร (khmer) ในช่วงเขมรสมัยเมืองพระนคร และกลายเป็น แขฺมร ออกเสียงว่า แคฺมร์ (khmaer) ดังที่ปรากฏในภาษาเขมรปัจจุบัน

‘นางแบบฮ่องกง’ ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้เย็น-เนื้อต้มในหม้อซุป ‘ตร.’ คาด ปมขัดแย้งมรดกกับครอบครัวของอดีตสามี

‘แอบบี้ ชอย’ นางแบบดังฮ่องกงถูกฆ่าหั่นศพ พบขายัดในตู้เย็น เนื้ออยู่ในหม้อต้มซุป ส่วนหัวยังหาไม่เจอ ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว คาดอดีตสามีรวมหัวกับพ่อแม่ช่วยกันลงมือ

(25 ก.พ. 66) เกิดเหตุฆาตกรรมสยองในฮ่องกง เมื่อนางแบบดัง ‘แอบบี้ ชอย’ (Abby Choi) วัย 28 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 21กุมภาพันธ์ จนกระทั่งวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ตำรวจพบว่า เธอถูกฆ่าหั่นศพ โดยอวัยวะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขาของเธอถูกแช่อยู่ในตู้เย็นของบ้านครอบครัวอดีตสามี นอกจากนี้ยังเจอชิ้นเนื้อในหม้อต้มซุปอีกด้วย แต่ร่างกายส่วนศีรษะ ลำตัว แขน มือของแอบบี้ยังหาไม่เจอ โดยตอนนี้ ตำรวจได้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือ พ่อและแม่ และพี่ชายของ อเล็กซ์ กวัง (Alex Kwong) อดีตสามีของเธอที่ยังไม่พบตัว

ตำรวจเผยว่า การฆาตกรรมครั้งนี้ถูกตระเตรียมอย่างดี เนื่องจากในห้องเช่าที่พบชิ้นส่วนของแอบบี้ มีเครื่องมือที่ใช้แยกชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ทั้งเลื่อยไฟฟ้า เครื่องบดเนื้อ เสื้อกันฝนแบบยาว ถุงมือ และหน้ากากเฟซชิลด์

สำหรับปมเหตุฆาตกรรมเชื่อว่า น่าจะเกิดการขัดแย้งเรื่องมรดกและทรัพย์สินกับครอบครัวอดีตสามี เพราะ แอบบี้ ชอย มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เธอแต่งงานกับ อเล็กซ์ กวัง และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ก่อนจะจดทะเบียนหย่ากัน แต่แอบบี้ยังคงให้การช่วยเหลือครอบครัวอดีตสามีมาตลอด และซื้ออพาร์ตเมนต์ ให้พวกเขาอาศัยอยู่ โดยโอนชื่อให้พ่อของอดีตสามีเป็นเจ้าของ

ต่อมาแอบบี้ แต่งงานอีกครั้งกับหนุ่มนักธุรกิจและมีลูกด้วยกันอีก 2 คน ซึ่งปลายปีที่แล้ว แอบบี้ตั้งใจจะขายทรัพย์สิน ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์อพาร์ตเมนต์ รวมถึงเรื่องเงินอีกหลายสิบล้านดอลลาร์ ทำให้เชื่อได้ว่า อาจเป็นชนวนเหตุความแค้นของครอบครัวอดีตสามี จึงรวมหัวก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้


ที่มา : https://www.facebook.com/104219177610338/posts/pfbid02kQqSbq3uG5JXDSkDiDGbQV7MbAh7DfXj8QSwsn3cw4rzwbGQn5vvgxrAMHqrXREcl/?mibextid=Nif5oz

‘เซเลนสกี’ ผู้นำยูเครน เผย อยากพบ ‘สี จิ้นผิง’ หารือช่วยเจราสงบศึก หวัง จีนไม่ส่งอาวุธช่วย ‘รัสเซีย’

(25 ก.พ. 66) ‘ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี’ แห่งยูเครนประกาศวานนี้ (24 ก.พ.) ว่า อยากจะพบ’ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง’ ของจีน หลังปักกิ่งออกมาเสนอ ‘แผนสันติภาพ 12 ข้อ’ เพื่อนำไปสู่การยุติสงครามยูเครนโดยด่วน

“ผมมีแผนที่จะพบกับ สี จิ้นผิง” เขาให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเคียฟในวาระครบรอบ 1 ปีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาตนพยายามอย่างยิ่ง ที่จะขัดขวางไม่ให้จีนส่งอาวุธช่วยรัสเซีย เพราะอาจนำไปสู่ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ ได้

“มันสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของโลก” เซเลนสกี กล่าว

ผู้นำยูเครนไม่ได้เอ่ยชัดเจนว่าจะพบกับ สี ที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่แสดงความคาดหวังให้ปักกิ่งช่วยสนับสนุนยูเครน และ ‘สันติภาพที่เป็นธรรม’ (just peace)

“ผมอยากจะเชื่อจริง ๆ ว่า จีนจะไม่ส่งอาวุธให้รัสเซีย นี่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผม” เขากล่าว

เซเลนสกี ยังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าประเทศที่ถูกรุกรานเท่านั้นที่มีสิทธิ ‘เสนอแผนริเริ่มเพื่อสันติภาพ’

กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่แผน 12 ข้อ เพื่อยุติสงครามและฟื้นฟูสันติภาพในยูเครน แต่ปรากฏว่า โดนชาติตะวันตกวิจารณ์แหลก ว่าเป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้รัสเซียมากกว่า แถมยังส่งสัญญาณปรามปักกิ่งว่า อย่าได้ส่งอาวุธให้มอสโกเป็นอันขาด

สำหรับแผนสันติภาพที่กระทรวงการต่างประเทศจีน เผยแพร่เมื่อเช้าวันศุกร์ (24 ก.พ.) มีใจความสำคัญเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหยุดกระพือความขัดแย้งและความตึงเครียด เพื่อไม่ให้สงครามยูเครนทวีความรุนแรงหรือลุกลามจนไม่อาจควบคุมได้ โดยรายละเอียดของแผนทั้ง 12 ประการ มีดังต่อไปนี้

ตำรวจเกาหลีใต้ พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทย คาดเสียชีวิตเพราะควันจากก่อไฟคลายหนาว

(25 ก.พ.66) เพจเฟซบุ๊ก 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' โพสต์ข้อความรายงานว่า...

พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

สำหรับ 2 คนไทยที่เสียชีวิต (ขาดอากาศหายใจในบ้านพัก) ในเขต โกชาง ซ็อลลาเหนือ พบศพชาวไทย คู่สามี ภรรยา ชายไทยวัย 55 ปี และ ภรรยาวัย 57 ปีเสียชีวิตในบ้านบ่ายพฤหัสบดี ทั้งคู่เข้าเมืองผิดกฏหมาย พบร่างทั้งคู่นอนอยู่บนพื้นห้อง และฟืนที่เหลืออยู่บางส่วน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ติดระบบทำความร้อน

พวกเขาก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ

ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า 'ความฝันแบบเกาหลี' ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบาก และมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด


ที่มา: https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/749508343404837

รถยนต์ไฟฟ้าใน 'เมียนมา' 'ถึงเวลา' หรือ 'มาก่อนกาล'

ถ้ากล่าวถึงประเทศไทยวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรานั้นมาถึงยุคของรถไฟฟ้าแล้ว เพราะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนับได้ว่าดีวันดีคืนจนค่ายรถเกือบทุกสำนักต้องเข็นรถยนต์ไฟฟ้าออกมายึดหัวหาดในตลาดนี้ และด้วยเหตุผลทางเศรษฐสถานะของคนไทยไม่ว่าจะเรื่องค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถลดลงได้ ทำให้การเลือกเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่สามารถใช้ได้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมียนมาได้เลย เพราะประเด็นของเมียนมา ณ วันนี้คือ ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศไม่ใช่จากภาวะต้นทุนน้ำมัน และภาวะการขาดแคลนไฟฟ้า รวมถึงภาวะการที่รัฐไม่สามารถจ่ายไฟให้มีระดับโวลต์ที่คงที่ได้ นี่ต่างหากที่คืออุปสรรคของการทำตลาดรถไฟฟ้าในเมียนมา

แต่อย่างไรก็ดีค่ายรถจีน ก็ยังมองว่าเมียนมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพสำหรับที่จะเปิดตลาดรถไฟฟ้า โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง NETA ที่เข้าไปเปิดตลาดในเมียนมาร์ก่อนแล้วตอนนี้ตามมาด้วย BYD ซึ่งเอาใจผู้ใช้รถชาวพม่าโดยออกรถ SUV ที่เป็นรถยอดนิยมในหมู่ชาวพม่าออกมาเพื่อแย่งตลาดผู้ใช้รถ SUV ในเมือง ด้วยราคาเปิดตัวที่ประมาณ 100 ล้านจ๊าตหรือประมาณ 1.2 ล้านบาทไทยซึ่งเท่าๆ กับราคา ของ BYD ในไทย น่าจะทำให้เศรษฐีเมืองพม่าหลายคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องไฟตก ไฟเกิน เข้าถึงได้ไม่ยากนัก

‘โนเกีย’ เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ‘G22’ พ่วงคุณสมบัติให้ผู้ใช้งาน 'ซ่อมเองได้'

(26 ก.พ.66) สำนักข่าว CNBC สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Nokia launches smartphone you can fix yourself, jumping on ‘right to repair’ trend ระบุว่า 'โนเกีย (Nokia)' แบรนด์โทรศัพท์มือถือชื่อดังจากประเทศฟินแลนด์ เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ 'จี22 (G22)' มาพร้อมกับหน้าจอ 6.5 นิ้ว และกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล วัสดุทำจากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ตอบโจทย์ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แต่ที่น่าจะฮือฮาที่สุด คือมือถือโนเกีย จี22 มาพร้อมกับ 'คู่มือสอนการซ่อมพร้อมเครื่องมือที่ต้องใช้ (Tools and Repair Guides)' ผู้ใช้สามารถถอดและเปลี่ยนฝาหลัง แบตเตอรี่ หน้าจอ และพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์ได้ 

โดย อดัม เฟอร์กูสัน (Adam Ferguson) หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD Global ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือกิจการของโนเกีย กล่าวว่า กระบวนการนี้จะมีต้นทุนโดยเฉลี่ยน้อยกว่าการเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องเก่าด้วยเครื่องใหม่ถึงร้อยละ 30

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า บรรดาบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือกำลังทำงานมากขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภายุโรป กำลังเรียกร้องให้ออกกฎหมายที่จะบังคับให้ผู้ผลิตให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ด้วยตนเอง ซึ่งมาจากการรณรงค์ของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้บริโภค ต้องการให้ผู้ผลิตเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถซ่อมมือถือเองได้ง่ายขึ้น

ข้อตกลงใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมาธิการยุโรปพยายามที่จะทำให้ประเทศสมาชิกเดินหน้าสู่แนวคิด 'เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)' ภายในปี 2593 ทำให้สินค้าทางกายภาพเกือบทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ซ่อมแซม ใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลเพื่อลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ่อมโทรศัพท์มีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่และส่วนประกอบอื่น ๆ ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาด้วยกาว

‘โนเกีย’ เปลี่ยนโลโก้ใหม่ครั้งแรกในรอบ 60 ปี สลัดภาพจำแบรนด์มือถือ ลุยธุรกิจเครือข่ายเต็มรูปแบบ

(27 ก.พ. 66) 'โนเกีย' ซึ่งเป็นบริษัทที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยอดนิยมในอดีต ได้เปลี่ยน' โลโก้' ใหม่ของบริษัท เพื่อสลัดภาพจำที่คนทั่วไปเข้าใจว่า 'โนเกีย' ผลิตแต่โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว

เพ็กก้า ลุนด์มาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโนเกีย ได้เปิดตัว 'โลโก้ใหม่' ของบริษัท ที่งาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นการออกแบบและเปลี่ยน 'โลโก้ใหม่' ครั้งแรกในรอบ 60 ปีของ 'โนเกีย' เพื่อสะท้อนกลยุทธ์การทำธุรกิจและทิศทางใหม่ของบริษัท ซึ่งคนทั่วไปยังคงเข้าใจว่าธุรกิจหลักของโนเกีย คือ การผลิตโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากในอดีต โนเกีย คือ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 จนกระทั่งถึงยุคของสมาร์ตโฟน จึงทำให้สินค้าของโนเกียได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ

‘มะกัน’ กลับลำ!! ตราหน้า ‘จีน’ ต้นเหตุโควิดระบาด แม้ภายในสหรัฐฯ ยังไร้ข้อยุติ หลุดจากแล็บอู่ฮั่นจริงหรือไม่

(27 ก.พ. 66) จีนปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า โรคระบาดใหญ่โควิด-19 มีสาเหตุจากการรั่วไหล หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งของปักกิ่ง ภายหลังสื่อมวลชนตะวันตก รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สรุปแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่ากรณีนี้จะเป็นต้นตอของโรคระบาด ทั้งที่ทางทำเนียบขาวและประชาคมข่าวกรองของอเมริกายังไม่ฟันธงในเรื่องนี้

ข้อสรุปดังกล่าว ซึ่งบันทึกอยู่ในรายงานลับสุดยอดของสำนักงานของนางแอฟริล เฮนส์ (Avril Haines) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ถือเป็นการกลับลำของกระทรวงพลังงานอเมริกา ที่ก่อนหน้านี้ เคยระบุว่ายังไม่ได้ข้อสรุปว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลและนิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างผู้คนที่ได้อ่านรายงานลับสุดยอดดังกล่าว ระบุกระทรวงพลังงานลงความเห็นในเรื่องนี้ภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ เป็นการตอกย้ำว่าหน่วยงานต่าง ๆ ยังคงมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโควิด-19 และโรคระบาดใหญ่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งว่ากันว่ามีพื้นฐานจาก ‘ข้อมูลข่าวกรองใหม่’ ก็ยังนับว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานนั้น กำกับดูแลเครือข่ายห้องปฏิบัติการแห่งชาติ รวมถึงห้องแล็บบางแห่ง ซึ่งทำการศึกษาวิจัยด้านชีวภาพในระดับก้าวหน้า

ข้อสรุปนี้ ทำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่เชื่อว่า โควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกือบ 7 ล้านคน มีต้นตอจากความผิดพลาดในห้องแล็บของจีน ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จอห์น เคอร์บี (John Kirby) โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อวันจันทร์ (27ก.พ. 66) ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงไม่บรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าโรคระบาดใหญ่ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร แม้มีรายงานข่าวอ้างกระทรวงพลังงาน สรุปว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่าไวรัสจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในจีน

“ประชาคมข่าวกรองและหน่วยงานที่เหลือของรัฐบาล ยังคงตรวจสอบเรื่องนี้” นายจอห์น เคอร์บีกล่าว

“ยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะพูด หรือผมควรรู้สึกเช่นไร ที่ผมต้องออกมาปกป้องรายงานข่าวของสื่อมวลชน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อบ่งชี้ในเบื้องต้น สิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการคือ ข้อเท็จจริง”

โพลิติโก (Politico) เว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ รายงานด้วยว่า มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ หลายแห่ง ที่เห็นแย้งกับข้อสรุปของทางกระทรวงพลังงาน โดย 4 หน่วยงานลงความเห็นภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ ว่า ไวรัสติดต่อโดยธรรมชาติผ่านสัตว์ ส่วนอีก 2 หน่วยงาน ในนั้นรวมถึง ซีไอเอ (CIA) ยังไม่ลงความเห็นในข้อสรุประหว่าง 2 ทฤษฎีแหล่งที่มาของโควิด-19

นายเจค ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่า ยังคงมีมุมมองในหลากหลายในประเด็นนี้

“ในตอนนี้ ยังคงไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนที่ปรากฏออกมาจากประชาคมนานาชาติ ในเรื่องเกี่ยวกับคำถามดังกล่าว” นายเจค ซัลลิแวน กล่าวกับซีเอ็นเอ็น

ในส่วนของจีน ได้ออกมาปฏิเสธอีกรอบ โดย นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้ “หยุดโหมกระพือคำกล่าวอ้างว่า โควิดมีต้นตอจากการรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการ หยุดป้ายสีจีน และหยุดเล่นการเมืองในประเด็นแกะรอยหาแหล่งที่มาโควิด”

นางเหมา หนิง กล่าวระหว่างแถลงข่าวอีกว่า “ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ที่ร่างโดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญร่วมจากจีนและองค์การอนามัยโลก ไม่พบความเป็นไปได้ของการรั่วไหลหลุดจากห้องปฏิบัติการ”

‘ผอ.CIA’ เย้ย ‘จีน’ ยากยึดไต้หวันภายในปี 2027 ฟาก ‘จีน’ เชื่อ!! ไต้หวัน ไม่เหมือน ยูเครน!!

(28 ก.พ. 66) ไม่นานมานี้ วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักหน่วยข่าวกรองสหรัฐ (CIA) ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ (26 ก.พ. 66) ว่า สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่เตรียมจะยกพลบุกไต้หวันอย่างแน่นอนภายในปี 2027 นั้น เริ่มกังวลถึงแสนยานุภาพของกองทัพจีนว่าจะทำสำเร็จหรือไม่?

แม้ทุกคนรู้ว่า จีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และต้องการผนวกดินแดนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2027 ในยุคสมัยของ สี จิ้นผิง แต่สิ่งที่ ผอ. CIA คนนี้ได้ตั้งข้อสงสัยว่า หาก สี จิ้นผิง มีความคิดที่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดครองไต้หวันจริง ๆ ผู้นำจีนจะยังมั่นใจอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ที่กองทัพจีนจะสามารถยึดไต้หวันได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ 

เพราะจากตัวอย่าง สงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ที่ผ่านมา ซึ่งเคยคาดว่า กองทัพรัสเซียจะสามารถยึดเมืองเคียฟได้อย่างง่ายดาย แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเสียแล้ว จากความช่วยเหลือด้านอาวุธของสหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตก ที่เสริมให้กองทัพยูเครนมีศักยภาพเพียงพอที่จะยื้อการสู้รบกับกองทัพรัสเซียได้นานเป็นปี และสร้างความบอบช้ำให้กับรัสเซีย ทั้งในด้านการทหาร และเศรษฐกิจอย่างมาก 

ผ.อ. CIA ผู้นี้ได้ให้สัมภาษณ์ย้ำชัดอีกว่า จากผลลัพธ์ของสงครามในยูเครน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะไม่ยอมให้จีนยกกองทัพรุกรานไต้หวันอย่างเด็ดขาด และพร้อมจะใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซงเหมือนกัน ถ้าเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว 

วิลเลียม เบิร์นส มั่นใจ ว่าหากสหรัฐอเมริกาแสดงจุดยืนแข็งกร้าวกับจีนในข้อพิพาทไต้หวัน จะทำให้จีนต้องกลับมาประเมินศักยภาพกองทัพตัวเองใหม่ เพราะการเปิดศึกครั้งนี้ จะไม่ง่ายอย่างที่รัฐบาลจีนคิดอีกต่อไป 

ความขัดแย้งระหว่างจีน และไต้หวัน เกิดขึ้นในปี 1949 เมื่อกองทัพคอมมิวนิสต์จีน ของ เหมา เจ๋อตุง ชนะสงครามกลางเมืองและจัดตั้งรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่ง พรรคก๊กมินตั๋งของ เจียง ไคเช็ก จึงลี้ภัยมาจัดตั้งรัฐบาลของตนเองบนเกาะไต้หวัน 

แล้วหลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ประกาศตนเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนใหญ่บนเวทีโลก แต่สุดท้ายในปี 1978 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองรัฐบาลปักกิ่งเป็นรัฐบาลจีนเดียว ตามมาด้วยการถอนการรับรองสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในสมัยของประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ที่ทำให้ไต้หวันถูกลดบทบาท กลายเป็นดินแดนปกครองตนเองที่ถูกจีนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายจีนเดียวนับแต่นั้นมา

พนันออนไลน์ ระบาด!! ไม่เว้นแม้ในเมียนมา ประเทศที่ปักธงเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกม.

การเล่นการพนันของเมียนมาเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกฎหมายมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในเมียนมาจะมีการได้รับอนุญาตให้เปิดคาสิโนตามชายแดน ซึ่งนั่นก็เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากผู้เล่นต่างชาติอย่างไทยหรือจีนนั่นเอง 

ขณะเดียวกันด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้คนรวยในเมียนมาที่อยากเล่นการพนันเลือก ก็จะเดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศมากกว่าที่จะเลือกนั่งรถ 8-10 ชม. จาก ‘ย่างกุ้ง’ มา ‘เมียวดี’

ทว่า เมื่อยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู หลายสิ่งหลายอย่างได้รับการพัฒนา รวมถึงการลงทุนด้านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งแม้มันจะนำมาซึ่งความสะดวกสบายของชาวเมียนมา แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้การพนันออนไลน์ในเมียนมาเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการพนันออนไลน์ที่เฟื่องฟูขึ้นเป็นดอกเห็ด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top