Thursday, 15 May 2025
World

'ตุรเคีย-ซีเรีย' เจอแผ่นดินไหวรอบใหม่ 6.4 แมกนิจูด เขย่าขวัญกลางดึก ดับแล้ว 3 ศพ บาดเจ็บเพียบ!!

(21 ก.พ. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ เขย่าพื้นที่ทางใต้ของตุรเคีย (ตุรกี) และทางเหนือของซีเรีย เมื่อวันจันทร์ (20 ก.พ.) ตอน 20.04 น. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 3 คน และสร้างความตื่นตระหนกครั้งใหม่ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วเกือบ 45,000 คน

กระทรวงมหาดไทยของตุรเคียแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 213 คน ขณะที่กลุ่มไวท์เฮลเม็ตส์ (White Helmets) ในซีเรียแจ้งว่า มีคนบาดเจ็บมากกว่า 130 คน อาคารบางหลังที่เสียหายอยู่แล้วจากแผ่นดินไหวครั้งก่อน ได้พังถล่มลงมา และทำให้ผู้คนติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังเพิ่มขึ้นอีก

แผ่นดินไหวเมื่อวานนี้เกิดขึ้นที่เมืองเดฟเน จังหวัดฮาไต ของประเทศตุรเคีย เมื่อเวลา 20:04 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเวลา 00:04 น.วันนี้ ตามเวลาไทย) แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ถึงเมืองอันตักเกียในจังหวัดเดียวกัน และจังหวัดอาดานาที่อยู่ห่างขึ้นไปทางเหนือ 200 กิโลเมตร รวมถึงในอียิปต์และเลบานอนที่อยู่ห่างลงไปทางใต้

‘Netflix’ ลดราคา แพ็กเกจจอเดียว ความชัด HD จาก 279 บาท/ด. เหลือเพียง 169 บาท/ด.

(21 ก.พ. 66) นับเป็นข่าวดีของผู้ใช้บริการ Netflix สตรีมมิ่งสื่อบันเทิงชื่อดัง รวมทั้งผู้สนใจจะเริ่มใช้งาน เมื่อวันนี้ Netflix ปรับลดราคาแพคเกจพื้นฐาน (Basic Plan) จากเดิม 279 บาท เป็น 169 บาท ซึ่งผู้ใช้จะยังได้รับฟีเจอร์และสิทธิประโยชน์เหมือนเดิมทุกประการ และจะเริ่มปรับลดราคาแพคเกจตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (21 กุมภาพันธ์)

ผู้ใช้ที่เลือกรับชม Netflix ด้วยแพคเกจพื้นฐาน (Basic Plan) ในราคา 169 บาท สามารถรับชมคอนเทนต์วิดีโอคุณภาพสูงระดับ HD (720p) ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์ รายการทีวี และเกมมือถือได้ไม่จำกัด และสามารถรับชมได้ครั้งละ 1 เครื่อง ทั้งจากสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ สมาร์ตทีวี หรืออุปกรณ์สตรีมมิ่งต่าง ๆ รวมถึงสามารถดาวน์โหลดลงในอุปกรณ์ที่รองรับได้ครั้งละ 1 เครื่อง

สำหรับรายละเอียดแพคเกจ Netflix แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 
1.) มือถือ ราคา 99 บาท/เดือน 
2.) พื้นฐาน ราคา 169 บาท/เดือน (ที่เพิ่งปรับราคาลง) 
3.) มาตรฐาน ราคา 349 บาท/เดือน 
และ 4.) พรีเมียม ราคา 419 บาท/เดือน

ชาวอเมริกัน เซ็ง!! ผู้นำละเลยปัญหาในประเทศ หลังเห็น ‘ไบเดน’ โผล่ไป Surprise Visit ที่ยูเครน

เมื่อวันจันทร์ (20 ก.พ. 66) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เดินทางไปพบ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนถึงกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นการเดินทางไปเยือนแบบไม่แจ้งกำหนดการณ์ล่วงหน้า หรือ Surprise Visit และกลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก ที่เห็นผู้นำสหรัฐสวมหัวใจเด็ด เดินทางไปเยือนประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ที่มีขีปนาวุธของรัสเซียล็อกเป้าจ่ออยู่หน้าบ้าน 

ซึ่งการมาเยือนยูเครน ของผู้นำสหรัฐในวันนี้ มีนัยทางการเมืองที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากใกล้วันครบรอบ 1 ปีที่รัสเซียเริ่มแผนปฏิบัติการทหารในยูเครนวันแรก - 24 กุมภาพันธ์ 2565 - โดยฝ่ายกลาโหมของยูเครนเคยออกมารายงานว่า รัสเซียมีแผนที่จะโจมตีครั้งใหญ่อีกครั้งในวันครบรอบ 1 ปีสงครามในยูเครน อ้างอิงจากข้อมูลการเกณฑ์กำลังพลเพิ่มจากทั่วประเทศ และการเร่งยึดครองพื้นที่ในเขตยูเครนตะวันออก  

การมาเยือนของไบเดน จึงเป็นการสื่อสารโดยตรงกับฝ่ายรัสเซีย และพันธมิตรชาติตะวันตกว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปี 2 สหรัฐอเมริกายังคงอยู่สนับสนุนยูเครนต่ออย่างเปิดเผย และไบเดนยังประกาศอีกด้วยว่า สหรัฐจะอัดฉีดงบประมาณช่วยเหลือยูเครนเพิ่มให้อีก 500 ล้านดอลลาร์ จากงบเดิมที่เคยอนุมัติมาแล้วก่อนหน้า ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ส่งทั้งเงิน และ ยุทโธปกรณ์สนับสนุนฝ่ายยูเครนมากที่สุด และมากกว่ากลุ่มพันธมิตรชาติยุโรปรวมกันเสียอีก 

แต่ทว่า การที่โจ ไบเดน เลือกที่จะมาเยือนยูเครนในวันนี้ ก็มีนัยยะบางอย่างกับชาวอเมริกันเหมือนกัน เนื่องจากว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นั้นตรงกับวันสำคัญที่เรียกว่า ‘วันประธานาธิบดี’ ของสหรัฐฯ วันที่ระลึกถึง จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ผู้นำกองทัพเอาชนะสงครามปฏิวัติอเมริกา และสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ 

แต่โจ ไบเดน กลับเลือกเอาวันนี้มา Surprise Visit ที่ยูเครนแทน จึงทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนมองว่าโจ ไบเดน เลือกให้ความสำคัญกับยูเครนมากกว่าชาวอเมริกันเสียแล้ว 

สมาชิกสภาผู้แทนจากพรรครีพับลิกันหลายคนออกมาโจมตี โจ ไบเดน ว่าผู้นำสหรัฐฯ ละเลยปัญหาที่เกิดขึ้นในเมือง อีสต์ ปาเลสไตน์ ในรัฐโอไฮโอ เมืองที่ได้รับผลกระทบด้านมลภาวะอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุรถไฟบรรทุกสารเคมีตกรางกว่า 10 ขบวน และปัญหาอีกมากมายที่เกิดขึ้นในเขตชายแดนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ โดยเลือกที่จะเดินทางไปยูเครนแทน ในวันประธานาธิบดีแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่สำคัญกับชาวอเมริกันเช่นกัน

'ปูติน' ระงับสนธิสัญญานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หลังพบสหรัฐฯ เริ่มพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์แบบใหม่

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ระบุระหว่างแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวันอังคารว่า เขาระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในสนธิสัญญาลดการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียทำไว้กับสหรัฐอเมริกา และกล่าวหาชาติตะวันตกว่าทำให้ความขัดแย้งในยูเครนเลวร้ายลง

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงนโยบายประจำปีในกรุงมอสโก เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ต่อสมาชิกรัฐสภาและนายทหารระดับสูงของรัสเซีย ก่อนหน้าไม่กี่วันที่จะครบรอบ 1 ปี ที่ทหารรัสเซียเริ่มบุกเข้าไปในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565

ปูตินกล่าวหามหาอำนาจชาติตะวันตกว่าต้องการจำกัดรัสเซียให้หมดสิ้น และรัสเซียถูกบังคับให้ระงับการมีส่วนร่วมในสนธิสัญญา 'นิวสตาร์ต' ซึ่งเป็นสนธิสัญญาจำกัดการครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ที่รัสเซียมีข้อตกลงไว้กับสหรัฐ แต่บอกว่าจะไม่ถอนตัวจากข้อตกลงทั้งหมด

ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า บางคนในกรุงวอชิงตันกำลังคิดเรื่องกลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง ดังนั้นกระทรวงกลาโหมของรัสเซียและบริษัทนิวเคลียร์ของรัสเซียควรที่จะพร้อมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียถ้ามีความจำเป็น

ปูตินระบุแน่นอนว่าเราจะไม่เริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ก่อน แต่ถ้าสหรัฐอเมริกาดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เราจะทำเช่นกัน ไม่ควรมีภาพลวงตาที่อันตรายที่ว่าความเสมอภาคทางยุทธศาสตร์ของโลกสามารถถูกทำลายได้

‘ลัตเวีย’ ผ่าน กม. ยึดรถพวกเมาแล้วขับ แยกชิ้นส่วน-อะไหล่ บริจาคให้กองทัพยูเครน

รัฐสภาลัตเวียผ่านร่างกฎหมายฉบับแก้ไข ในด้านให้การสนับสนุนพลเมืองยูเครน เปิดทางยึดรถยนต์ที่ริบมาจากพวกเมาแล้วขับ แล้วส่งยานพาหนะเหล่านั้นให้แก่รัฐบาลยูเครน ตามรายงานของ Delfi เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น

"เราสามารถนำรถยนต์จากพวกเมาแล้วขับ นำไปขาย ทำให้มันเป็นเศษเหล็ก หรือแยกชิ้นส่วนเป็นอะไหล่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกมันน่าจะมีประโยชน์มากกว่าในการสนับสนุนประเทศยูเครน" ไรมอนด์ เบิร์กมานิส สมาชิกสภาระดับอาวุโสกล่าว

รัฐบาลลัตเวียจะตัดสินใจเป็นรายกรณีไป ว่ารถยนต์ที่ยึดมานั้นควรนำไปบริจาคหรือไม่ ขณะที่รถยนต์เหล่านั้นจะเป็นการส่งมอบผ่านองค์กรหนึ่ง ๆ ที่ประสานงานความร่วมมือกับรัฐบาลยูเครน และได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือ

รัฐมนตรีคลังของลัตเวียเป็นผู้ผลักดันข้อเสนอส่งมอบรถยนต์ให้แก่กองทัพยูเครน และต่อมามันได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากพันธมิตรในรัฐสภา

ก่อนหน้านี้รัฐบาลผสม ก็เห็นพ้องต้องกันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมอบรถยนต์ที่ยึดจากพวกเมาแล้วขับให้กองทัพยูเครน Delfi รายงาน

รู้จัก Muhammad Huzaifa ฝ่าชีวิตสังเวชด้วยการศึกษา แม้โอกาสไม่เอื้อเท่าเด็กอื่นที่มีทรัพยากรล้นหัว

เด็กชายคนนี้คือ Muhammad Huzaifa เด็กขายน้ำผลไม้จากเมือง Mutan ในปากีสถาน เรื่องราวของ Huzaifa เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นใจที่สุดเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเคยได้ยินมาจนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องราวของความทุ่มเทและการทำงานหนักอย่างแท้จริง

Huzaifa มาจากพื้นที่ชนบทของ Multan ในปากีสถาน Huzaifa รู้อยู่เสมอว่า การศึกษาเป็นเพียงประตูบานเดียวที่จะพาเขาออกจากชีวิตอันน่าสังเวชที่เป็นอยู่

เนื่องจากเขาเป็นเด็กกำพร้า เขาต้องทำงานหลายชั่วโมงต่อวันในโรงกลึงเพื่อให้ได้ทั้งสองเรื่อง 

Huzaifa เป็นเพียงผู้ที่อยู่รอดเพียงคนเดียวของครอบครัวของเขาที่สามารถเหลือรอดได้ในโลกที่โหดร้ายใบนี้

ในการให้สัมภาษณ์ เขาเล่าว่า เขาได้นอนเพียงคืนละสามชั่วโมงเพื่อเรียนเองต่อ และเขายังต้องทำงานที่ร้านผลไม้ของลุงนอกเหนือจากโรงกลึงที่ทำอยู่เป็นประจำเพื่อหาเงินเรียนต่อ

การทำงานอย่างหนักและความทุ่มเทของเขาส่งผลให้มีการสอบเข้าศึกษาที่ยอดเยี่ยม (เทียบเท่ากับการ O Level ของสหราชอาณาจักร) โดยเขาได้คะแนน A++ ด้วยคะแนน 1,050/1,100 คะแนน 

ชะตากรรมของเขานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะต้องการใช้เงินทุนการศึกษาจำนวนมหาศาลสำหรับการเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่งผลทำให้เขาต้องเลิกเรียน แล้วผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายน้ำผลไม้ริมถนน

หลังจากผ่านไป ๖ เดือน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้บอกเล่าเผยแพร่เรื่องราวของเขาทางสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องราวของเขาจึงกลายเป็นไวรัล เขาได้รับการยอมรับในหลายแพลตฟอร์มรวมถึง Parhlo.pk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมที่สุดของปากีสถานด้วย

รองอธิการบดีของ GCU Lahore ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่กวีชื่อดัง Alama Iqbal และ Faiz Ahmed Faiz ยอมรับความกระหายในความใคร่รู้ของเขา จึงมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้กับเขา ขณะนี้เขากำลังศึกษาอยู่ที่นั่นโดยไม่ต้องความกังวลใจใดๆ เลย

'เทพีเสรีภาพ' ภาพลวงตาประชาคมโลกที่เริ่มแดง แย่งชิงดินแดน ขัดแย้งผิวสี ก่อมิคสัญญีลุกลามโลก

การที่อเมริกามีเทพีเสรีภาพตั้งตระหง่านบนเกาะลิเบอร์ตี้จนเป็นโลโก้ของประเทศ ไม่ได้หมายความว่าลุงแซมจะให้เสรีภาพแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกันเสมอไป ตามที่คนไทยจำนวนหนึ่งนำไปกล่าวอ้างอยู่เสมอ

ก่อนหน้าจะกลายเป็นยูไนเต็ดออฟอเมริกานั้น ทั้งแผ่นดินมีแต่อินเดียนแดงอาศัยอยู่อย่างเสรี แม้จะมีการสู้รบระหว่างเผ่าบ้าง แต่ไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ เช่นที่คนผิวขาวกระทำต่ออินเดียนแดง  

ช่วงก่อนการเข้ามาของชาวยุโรป คาดว่ามีชนเผ่าอินเดียนแดงอยู่ประมาณ 10-12 ล้าน หลังสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกาสงบลง ในปี ค.ศ. 1865 อินเดียนแดงที่เคยมีอยู่นับล้านทั่วประเทศถูกสังหารหมู่ จนลดลงเหลือไม่ถึงสามแสนคน ขณะที่คนขาวหลั่งไหลกันเข้ามาแย่งชิงดินแดนของอินเดียนแดงร่วม 30 ล้านคน

ฉะนั้นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้งประเทศอเมริกา ก็เรียกว่าหาความเท่าเทียมกันไม่ได้แล้ว เพราะสร้างชาติบนซากศพอินเดียนแดงมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคแรกเริ่มเลยทีเดียว  

ส่วนการที่เทพีเสรีภาพมาสถิตบนแผ่นดินอเมริกาคือ เรื่องการเมืองล้วนๆ โดยย้อนไปในปีค.ศ.1865 เอดูอาร์ด เดอ ลาบูเลย์ ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการค้าทาสเสนอว่า ในวาระของการเป็นอิสระจากอังกฤษเกือบ 100 ปี และเพิ่งผ่านสงครามกลางเมืองมาหมาดๆ น่าจะมีอนุสรณ์สถานให้เป็นที่ระลึกถึงบ้าง แต่ความคิดนี้ตกไป ต่อมา เฟรเดอริก ออกุสเต บาร์ทอลดิ ปัดฝุ่นความคิดนี้นำเสนออีกหน ว่าฝรั่งเศสจะเป็นผู้ปั้นเทพีเสรีภาพให้ โดยนายเฟรเดอริก ออกุสเต บาร์ทอลดินั่นแหละที่จะปั้นให้ เพราะมีอาชีพเป็นช่างปั้น แต่ลุงแซมต้องหาที่ยืนของแม่สาวเสรีภาพนี้เองนะ 

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพหรือ Statue of Liberty มีชื่อเดิมว่า Liberty Enlightening the World ถือเป็นของขวัญชิ้นมหึมาที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกันในงานฉลองวันชาติครบ 100 ปี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1876 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีให้หลังคือ ในวันที่ 28 ตุลาคม ปี ค.ศ.1886 โดยมีประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เป็นผู้รับมอบ     

ฟังดูเหมือนของขวัญอันสะสวยจากรัฐบาลฝรั่งเศสใช่ไหม แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีจุดประสงค์แฝงทางการเมือง

รูปปั้นนี้หนัก 254 ตัน ออกแบบเป็นรูปสตรีสวมเสื้อผ้าคลุมร่างแบบกรีก ตั้งแต่ไหล่ลงมาจรดปลายเท้า สวมมงกุฎที่ศีรษะ มือขวาถือคบเพลิงชูเหนือศีรษะ ส่วนมือซ้ายถือหนังสือคำประกาศอิสรภาพที่จารึกว่า 'JULY IV MDCCLXXVI' หรือวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ที่อนุสรณ์สถานมีทางเดินจากป้อมเข้าสู่ส่วนฐาน ตรงทางเข้ามีแผ่นบรอนซ์จารึกคำประพันธ์ซอนเนท แต่งโดย เอมมา ลาซารัส เมื่อ ค.ศ.1883 โดยใจความกล่าวต้อนรับผู้อพยพมาสู่โลกใหม่ทุกคน ที่ปลายเท้าเทพีมีโซ่หักขาดชำรุด ซึ่งแสดงความหมายของความเป็นไทและมีเสรีภาพจากอังกฤษ

เงินทุนในการสร้างเทพีเสรีภาพ ส่วนหนึ่งมาจากนายทุนฝรั่งเศสที่อยากเข้ามาลงทุนขุดคลองปานามา แต่จะพุ่งไปตรงที่โคลอมเบียเลยก็น่าเกลียด เพราะพี่เบิ้มอเมริกานั่งกระดิกเท้าขวางหน้าอยู่ เลยต้องเดินเข้าไปบีบแข้งบีบขาทุบหลังเอาใจลุงแซมก่อน หวังอยากให้ลุงแซมไฟเขียวให้เข้าไปขุดคลองปานามาในโคลอมเบียนั่นเอง     

เรื่องนี้คือ เรื่องผลประโยชน์อันมหาศาลของฝรั่งเศสนั่นแหละ ต่อมาโกงกันสะบั้นหั่นแหลกถึงขั้นที่บริษัทฝรั่งเศสล้มละลาย อเมริกาจึงเจ้ามารับช่วงทำต่อ

หลังจากนั้น เทพีเสรีภาพ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของอเมริกาไปโดยปริยาย เนื่องจากผู้อพยพจากยุโรปยุคแรกๆ จะต้องเดินทางเข้าสู่อเมริกาทางเรือ โดยสิ่งแรกที่เห็นบนแผ่นดินอเมริกาก็คือ เทพีเสรีภาพยืนตระหง่านอยู่บนเกาะ Liberty ก่อนที่เรือทุกลำจะจอดเทียบท่าที่ Ellis Island เพื่อให้กลุ่มชนอพยพจากแผ่นดินอื่นเข้าบันทึกข้อมูลในการเดินทางเข้าอเมริกาในยุคที่ยังไม่มีเครื่องบิน

สหรัฐฯ เดือด!! ปูติน เปิดทำเนียบรับ ‘หวังอี้’ พร้อมชวน ‘สีจิ้นผิง’ เยือนยกระดับความสัมพันธ์

ท่ามกลางความตึงเครียดในสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่นโยบายด้านการต่างประเทศก็ยังต้องดำเนินต่อไป ซึ่งวันนี้ (23 ก.พ.66) วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้เปิดทำเนียบต้อนรับ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจากจีน ที่ได้มาเยือนกรุงมอสโก ก่อนวันครบรอบ 1 ปี วันเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนเพียงวันเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง จีน และ รัสเซีย ยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

โดย นาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้กล่าวกับปูติน ว่า จีน และ รัสเซีย พร้อมที่จะยกระดับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ และ เชิงพาณิชย์ให้มากขึ้นกว่าเดิม และคาดหวังว่าจะได้ฉันทามติในข้อตกลงใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ด้าน ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้กล่าวกับตัวแทนจากจีนว่า ความร่วมมือด้านการค้าระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศ ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดมาก ทำรายได้โตขึ้นถึงเกือบ 2 แสนล้านเหรียญ คาดว่าน่าจะโตกว่าปีที่ผ่านมาที่ 1.85 แสนล้านเหรียญอย่างแน่นอน 

นอกจากนี้ ปูติน ยังกล่าวกับ หวัง อี้ อีกด้วยว่า ทางรัฐบาลรัสเซียรอคอยการมาเยือนของผู้นำจีน ที่เคยมีกระแสข่าวว่ามีแผนการเยือนรัสเซียในเร็วๆนี้ เพื่อหารือข้อตกลงใหม่ๆ โดยย้ำว่าข้อตกลงที่ผ่านมาล้วนคืบหน้าไปด้วยดี และราบรื่น รวมถึงความร่วมมือระหว่างจีน และ รัสเซีย มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเสถียรภาพในสถานการณ์ของโลกในวันนี้ 

หากมองดูให้ดีแล้ว ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของผู้นำชาติมหาอำนาจอย่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟแบบ Surprise Visit เป็นการตอกย้ำบทบาทของสหรัฐฯ ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งได้มาเยือนกรุงมอสโก ก็สร้างความวิตกกังวลกับนานาชาติว่า ความขัดแย้งจะเพิ่มดีกรีให้ร้อนแรงขึ้นจนเลยขีดความสงครามเย็น จนกลายเป็นสงครามโลกหรือไม่ 

นี่ยังไม่นับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และ จีน ซึ่งเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอีกครั้ง จากกรณีพบบอลลูนสัญชาติจีนเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ 

เกี่ยวกับกรณีนี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า จีนกำลังเตรียมที่จะส่งอาวุธสนับสนุนให้กับฝ่ายรัสเซีย เพื่อใช้ในการสู้รบที่ยูเครน ตามมาด้วยคำขู่ของ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนที่ออกมาโจมตีว่า เมื่อใดก็ตามที่จีนส่งอาวุธสนับสนุนรัสเซีย จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 และรัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

สหประชาชาติ (UN) ลงมติอย่างท่วมท้น เรียกร้องรัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนทันที

สหประชาชาติลงมติอย่างท่วมท้นในวันพฤหัสบดี (23 ก.พ.) ในนั้นมีไทยด้วย เรียกร้องรัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนทันทีและไม่มีเงื่อนไข ท่ามกลางเสียงเรียกร้องสำหรับสันติภาพที่ยั่งยืน ในวาระครบรอบ 1 ปีของสงคราม

ยูเครนได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเข้มแข็งในการลงมติแบบไม่มีข้อผูกพัน ที่พบเห็นสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ 141 ชาติ จากทั้งหมด 193 ชาติ ยกมือเห็นชอบ ส่วนที่คัดค้านมี 7 ประเทศ และงดออกเสียง 32 ชาติ ในนั้นรวมถึงจีน และอินเดีย

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงวาระครบรอบ 1 ปีของสงครามอันโหดร้ายป่าเถื่อน แรงสนับสนุนที่มีต่อเคียฟแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากการลงมติหนสุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน โดยคราวนั้นมี 143 ชาติที่ร่วมลงมติประณามความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ที่ผนวก 4 แคว้นของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

"วันนี้ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติส่งเสียงชัดเจนมาก" โจเซฟ บอร์เรล ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าว "ผลโหวตนี้แสดงให้เห็นว่าประชาคมนานาชาติยืนหยัดเคียงข้างยูเครน"

การลงมติครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการอภิปรายเป็นเวลา 2 วัน ซึ่ง ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เรียกร้องประชาคมนานาชาติเลือกระหว่างความดีกับปีศาจ นอกจากนี้ เขายังปฏิเสธความคิดที่ว่าเคียฟได้รับแรงสนับสนุนจากตะวันตก สหภาพยุโรป สหรัฐฯและพันธมิตรหลักๆ เท่านั้น

"ผลของการลงมติเป็นสิ่งที่โต้แย้งคำกล่าวอ้างที่ว่าบรรดาประเทศซีกโลกใต้ไม่ได้ยืนหยัดอยู่ฝ่ายยูเครน เพราะว่าในวันนี้ ตัวแทนของหลายประเทศจากละตินอเมริกา แอฟริกาและเอเชียยกมือเห็นชอบ" คูเลบากล่าว "แรงสนับสนุนกว้างขวางขึ้น และมันจะมีแต่ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความเป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้น"

อันเดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แสดงความขอบคุณทุกประเทศที่ยืนหยัดเพื่อยูเครน ในวาระครบรอบ 1 ปีของการรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุของรัสเซีย

มตินี้เป็นการเน้นย้ำการสนับสนุนอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ปฏิเสธคำกล่าวอ้างใดๆ ของรัสเซียที่อ้างว่าดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของพวกเขา

นอกจากนี้ มันยังเรียกร้องให้สหพันธรัฐรัสเซียถอนทหารทันที โดยสิ้นเชิงและอย่างไม่มีเงื่อนไข ออกจากดินแดนของยูเครน ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ และเรียกร้องขอให้หยุดความเป็นปรปักษ์

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าผลการโหวตครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่ามอสโกกำลังถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวทีโลก หลังสงครามลากยาวมานาน 12 เดือน โดยพวกเขาได้รับแรงสนับสนุนจากเพียงแค่ 6 ชาติสมาชิกเท่านั้น อันประกอบด้วย เบลารุส ซีเรีย เกาหลีเหนือ มาลี นิการากัว และเอริเทรีย

แม้ได้รับแรงสนับสนุนอย่างจำกัด แต่ที่ผ่านๆ มา รัสเซียใช้อำนาจสิทธิในการวีโต้ของพวกเขา ขัดขวางมติที่มีผลผูกพันใดๆ กับพวกเขา ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ด้วยเหตุนี้ทางสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจึงหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงจุดยืนให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน ในการลงมติไปแล้วหลายรอบนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อ 1 ปีก่อน

เช่นเดียวกับทุกครั้ง รัสเซียปฏิเสธมติล่าสุด โดย วาซิลีย์ เนเบนซยา ผู้แทนมอสโกประจำสหประชาชาติ เรียกยูเครนว่าเป็น "นีโอนาซี" พร้อมกล่าวหาตะวันตกบูชายัญเคียฟและโลกกำลังพัฒนา เพื่อความปรารถนาเอาชนะรัสเซีย "พวกเขาพร้อมฉุดทั่วทั้งโลกเข้าสู่ขุมนรกแห่งสงคราม เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นเจ้าโลกของตนเอง"

ผลโหวตยังแสดงให้เห็นว่า อินเดียและจีน ยังคงหนักแน่นไม่ประณามการรุกรานของมอสโก ด้วยการงดออกเสียง แม้ว่าทั้ง 2 ชาติ เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์มอสโก ต่อกรณีขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในความขัดแย้ง

ก่อนหน้าการโหวต รองผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติ แสดงจุดยืนเป็นกลาง เรียกร้องทั้ง 2 ฝ่าย หยุดการสู้รบและเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ "เราสนับสนุนให้รัสเซียและยูเครน เคลื่อนเข้าหากัน คืนสู่การเจรจาโดยตรงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

อย่างไรก็ตาม รองผู้แทนของจีนได้ส่งเสียงเห็นใจหนึ่งในความกล่าวอ้างของรัสเซียต่อการรุกรานยูเครน นั่นคือความมั่นคงของมอสโกอยู่ภายใต้ภัยคุกคาม สืบเนื่องจากการที่ยูเครน โน้มเอียงเข้าหายุโรปตะวันตกและนาโต้ "ทางออกใดๆ ควรคำนึงถึงความกังวลด้านความมั่นคงที่สมเหตุสมผลของทุกประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงต้องจัดการอย่างเหมาะสมกับความปรารถนาด้านความมั่นคงที่ชอบธรรมของพวกเขา"

สำหรับประเทศไทย ในการลงมติล่าสุด ยกมือสนับสนุนข้อเรียกร้องรัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนทันทีและไม่มีเงื่อนไข หลังจากก่อนหน้าเมื่อเดือนตุลาคม ได้ใช้จุดยืนงดออกเสียงในมติที่ประชุมสมัชาชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ประณามรัสเซียต่อกรณีผนวกแคว้นต่างๆ ของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดน

ในตอนนั้น ในเวลาต่อมา เฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศไทยเผยแพร่ถ้อยแถลงของ สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ต่อการลงมติงดออกเสียงต่อกรณียูเครนว่า ประเทศไทยเลือกงดออกเสียง เนื่องจากว่า มติดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบรรยากาศที่มีความอ่อนไหวและกำลังมีสถานการณ์ที่ผันผวนและปะทุขึ้นมาได้

'ศาล' สั่งจำคุก 'ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน' เจ้าพ่อฮอลลีวูด เพิ่มอีก 16 ปี ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ รวมโทษ 39 ปี

(24 ก.พ. 66) สำนักข่าวเอพี ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า ศาลสูงในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา แถลงคำพิพากษาให้จำคุก 16 ปี นายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน วัย 70 ปี อดีตผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด และต้นตอที่ก่อให้เกิดกระแสแฮชแท็ก #MeToo วลีดังที่กลายเป็นการเคลื่อนไหวของสังคมทั่วโลกเมื่อปี 2560 เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแก่เหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

นายไวน์สตีนถูกจำคุกเพิ่มอีก 16 ปี ตามความผิดฐานข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศนักแสดงและนางแบบชาวอิตาลี ในช่วงเทศกาลหนัง ก่อนการประกาศรางวัลออสการ์เมื่อปี 2556


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top