Thursday, 15 May 2025
World

กูรูระดับโลกชื่นชมศักยภาพของ ‘เงินบาท’ ‘แข็งแกร่ง-มีเสถียรภาพ’ แม้เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ

รูชีร์ ชาร์มา (Ruchir Sharma) นักลงทุนผู้มากประสบการณ์ ประธานบริษัทการเงินระดับโลก Rockefeller Capital Management ผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเงินสกุลต่างๆ ทั่วโลกมานานเกือบ 30 ปี ได้กล่าวถึง ‘เงินบาท’ ของไทยด้วยความชื่นชม ผ่านคอลัมน์ของ Financial Times (12 ก.พ. 2566) เนื่องด้วย เดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ จะครบรอบ 25 ปี ที่เขาเคยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ไทยกำลังเผชิญวิกฤติ ‘ต้มยำกุ้ง’ อย่างหนักและลุกลามไปหลายประเทศในเอเชีย

ในช่วงเวลานั้น ค่าเงินบาทของไทยลดค่าลงอย่างรุนแรงกว่า 40% ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่หดตัวลงถึง 20% ในพริบตา ตลาดหุ้นดิ่งเหวกว่า 60% สถาบันการเงินหลายแห่งเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หนี้สาธารณะพุ่งสูงจนรัฐบาลไทยต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากกองทุน IMF 

ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2541 มานั้น แทบไม่มีนักลงทุนต่างชาติคนไหนกล้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เงินบาทเป็นสกุลเงินที่มองไม่เห็นอนาคต เป็นหนึ่งในวิกฤติการเงินที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของไทย

แต่สุดท้าย เงินบาทก็สามารถพลิกฟื้นขึ้นมาเป็นหนึ่งในเงินสกุลหลักของภูมิภาคอาเซียน สามารถรักษามูลค่าไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่ง มั่นคง กว่าเงินสกุลอื่นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ และดูดีกว่าเงินสกุลของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ชาติ หากไม่นับ รวม Swiss Franc ด้วยซ้ำไป นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

หนึ่งในข้อดีของวิกฤติค่าเงินในครั้งนั้น ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเติบโต เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกลงมาก จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยว และ ภาคบริการรองรับที่ดี ซึ่งช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของไทย แม้ว่าค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นแล้วก็ตาม จากประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางของวิกฤติค่าเงินกลับขึ้นมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของอาเซียนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อีกหลายๆ ประเทศ

‘สโนว์เดน’ ฟัน!! สหรัฐฯ ปล่อยข่าววัตถุบินปริศนา กลบข้อกล่าวหา ‘ระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม’

การโหมประโคมข่าวอย่างบ้าคลั่งของสื่อมวลชนเกี่ยวกับ ‘บอลลูนสอดแนม’ และวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษ์เหนือท้องฟ้าอเมริกาเหนือ น่าเศร้าที่มันไม่ได้เกี่ยวกับการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ทว่ามันเพียงแค่การจัดฉากความตื่นตระหนก ชี้นำทางการเมืองในทางที่ผิดเท่านั้น จากความเห็นของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์แดน จอมแฉอดีตลูกจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา

"มันไม่ใช่เอเลี่ยน แม้ผมปรารถนาให้มันเป็นเอเลี่ยน แต่มันไม่ใช่เอเลี่ยน มันเป็นแค่ความตื่นตระหนกที่ถูกออกแบบขึ้นมา เป็นสิ่งรบกวนดึงดูดความสนใจ เพื่อรับประกันว่าพวกผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคงแห่งชาติจะได้รับมอบหมายให้เข้าสืบสวนตรวจสอบบอลลูนบ้า ๆ บอ ๆ แทนที่จะเป็นงบประมาณหรือเหตุระเบิดต่าง ๆ อย่างเช่นท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม" สโนว์เดนเขียนบนทวิตเตอร์

ซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ เผยแพร่รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เล่าถึงวิธีการที่สหรัฐฯ และนอร์เวย์ลอบก่อวางระเบิดท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม ที่ขนส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปเยอรมนีเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน และจุดชนวนระเบิดมันในอีก 3 เดือนหลังจากนั้น กระตุ้นให้อเมริการุดออกมาตอบโต้ว่า "เป็นรายงานเท็จ"

ไม่กี่วันถัดมา กองทัพสหรัฐฯ เริ่มต้นสอยร่วงวัตถุบินปริศนาต่างๆ บนท้องฟ้าเหนืออเมริกาเหนือ และจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติอเมริการะบุในวันจันทร์ (13 ก.พ.) รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของวัตถุบิน 3 ลำหลังสุดที่ถูกยิงตกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ แต่ คารีน ฌอง-ปิแอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ระบุ "ไม่พบสิ่งบ่งชี้ของเอเลี่ยนและกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตนอกโลก"

เคอร์บี แถลงว่าวัตถุบินในระดับสูงถูกยิงตกนอกชายฝั่งอะแลสกาในวันศุกร์ (10 ก.พ.) จากนั้นเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ สอยร่วงวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ลำหนึ่งเหนือเมืองยูคอน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดาในวันเสาร์ (11 ก.พ.) ก่อนที่วัตถุบินปริศนาลำที่ 3 จะถูกยิงตกในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) เหนือทะเลสาบฮูรอน ตอนที่มันบินเข้าใกล้รัฐมิชิแกน

ส่อง ‘เมียนมา’ ในวันที่ชาติตะวันตกเข้ามาเผือก กองทัพไม่กระทบ-คนป่วนนั่งชิล-ปชช.รับบาป

เพิ่งจะผ่านวันครบรอบการรัฐประหารไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันในเมียนมายังมีหลายพื้นที่ ที่เป็นพื้นที่สีแดงและห้ามคนต่างชาติเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวแม้จะมีการเปิดประเทศแล้ว รวมถึงการแซงชันจากชาติตะวันตก ซึ่งทั้งหมดนี้กระทบถึงฝ่ายกองทัพหรือไม่ เอย่ากล่าวได้เลยว่า กองทัพเมียนมาแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย แต่คนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ นั่นคือประชาชนที่หลายคนไม่ได้สนับสนุนกองทัพ แต่ต้องมารับผลโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ประเด็นการแซงชันในเมียนมานั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า เมียนมาโดนชาติตะวันตกแซงชันมานับสิบๆ ปีก่อนจะมาเปิดประเทศ ซึ่งนั่นเหมือนเป็นวัคซีนชั้นดีที่ทำให้เมียนมาปรับตัวได้ โดยผ่านระบบเอเย่นต์

ส่วนการก่อความไม่สงบในเมียนมาดังที่ปรากฎในข่าวไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดถนน สะพาน รถไฟ หรือลอบสังหารผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเปรียบได้กับโมเดลของโจรใต้ในประเทศไทย แต่ส่งผลซ้ำร้ายกว่าตรงที่ผลเหล่านั้นกระทบกับผู้คนในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม

จาก ‘ผู้นำมะกัน’ สู่ ‘เลือกตั้ง’ ครั้งใหม่ของไทย ‘คนดี’ นั้นไซร้ ย่อมอยู่ในใจผู้คนตลอดกาล

สำหรับมวลมหาประชาชนคนอเมริกันแล้ว ไม่ได้มีแค่ ‘วันวาเลนไทน์’ วันเดียวเท่านั้นที่เป็นวันสำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ หาแต่ยังมีอีกวันที่ทุกคนเฝ้ารอ นั่นคือ ‘วันประธานาธิบดี’ 

ที่ว่าเฝ้ารอนี่ไม่ใช่เพราะให้ความสำคัญกับ ‘ประธานาธิบดี’ หรอก แต่เพราะทุกห้างร้านจะ ‘ลดราคาครั้งใหญ่’ ถึงบางคนอดใจไม่ซื้อของขวัญวาเลนไทน์ แต่เลื่อนไปซื้อของขวัญในวันนี้แทน เพราะได้ส่วนลดมากมาย 

วัน Presidents Day หรือ วันประธานาธิบดี ตรงกับวันจันทร์ในสัปดาห์ที่ 3 ส่วนที่เลือกเป็นวันนี้นั้น เพราะเป็นวันเกิดของ ‘จอร์จ วอชิงตัน’ ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1732 โดยมีการร่างพระราชบัญญัติให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการและเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 

ไม่เพียงแค่เป็นเดือนเกิดของ ‘จอร์จ วอชิงตัน’ เท่านั้น หากแต่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ยังเป็นเดือนเกิดของประธานาธิบดีที่มีความสำคัญอีกท่าน นั่นก็คือ ‘อับราฮัม ลินคอล์น’ โดยในพระราชบัญญัติที่ว่านี้ระบุให้วันประธานาธิบดี เป็น ‘วันสดุดีอับราฮัม ลินคอล์น’ ประธานาธิบดีคนที่ 16 ซึ่งเกิดในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1809 อีกด้วย เรียกว่าเป็นแพ็กคู่แห่งความสำคัญแบบ 1 แถม 1 กันเลยทีเดียว

ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว ก็ขอพาย้อนไปดูสาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้นำมะกันในอดีตสักเล็กน้อย โดยเริ่มจากจำนวนประธานาธิบดีนับตั้งแต่เริ่มอย่าง จอร์จ วอชิงตัน ในปี ค.ศ. 1789 มาจนถึงปัจจุบันนั้น อเมริกาจะมีประธานาธิบดีแล้วทั้งสิ้น 46 คน ซึ่งคนล่าสุด ก็คือ ‘ลุงโจ ไบเดน’ นั่นแหละ  

>> อยู่ยั่งยืนยง
ส่วนประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด ก็ได้แก่ ประธานาธิบดี ‘แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์’ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ถึง 4 สมัยหรือ 16 ปี หลังจากนั้นมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 22 ในปี ค.ศ. 1951 กำหนดให้บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไม่เกิน 2 สมัยติดต่อกัน

ที่สหรัฐฯ นั้น ทุกๆ 4 ปีจะมีการสำรวจโพล ‘ประธานาธิบดีและความยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีในการเมืองของฝ่ายบริหาร’ โดยสำรวจความคิดเห็นนักวิจัยด้านสังคมศาสตร์ของสมาคมรัฐศาสตร์ เกี่ยวกับประธานาธิบดีและการเมืองของฝ่ายการบริหาร ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นให้คะแนนความยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีแต่ละคนจาก 0 ถึง 100 ซึ่ง 100 คือ ยิ่งใหญ่, 50 คือ ปานกลาง และ 0 คือ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

>> สุดยอดผู้นำ
สำหรับประธานาธิบดียอดเยี่ยมนั้น ผลสำรวจมักออกมาแบบนี้แทบทุกหน นั่นคือ 7 อันดับประธานาธิบดียอดเยี่ยมอันดับหนึ่งอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลคือ อับราฮัม ลินคอล์น ตามด้วยจอร์จ วอชิงตัน, แฟรงคลิน  รูสเวลต์, ธีโอออร์ รูสเวลต์, โธมัส เจฟเฟอร์สัน, แฮร์รี ทรูแมน และดไวท์ ไอเซนฮาวร์ โดยอับราฮัม ลินคอล์นได้คะแนนนำสูงลิ่วมาทุกครั้ง เรียกว่าเป็นประธานาธิบดีในหัวใจประชาชนอย่างแท้จริง

>> ผู้นำห่วยแตก
ส่วนประธานาธิบดีห่วยแตกสุด 5 คน เรียงจากบ๊วยสุด คือ โดนัลด์ ทรัมป์ ตามมาด้วย แอนดรูว์ จอห์นสัน, แฟรงคลิน เพียร์ซ, วิลเลียม แฮร์ริสัน และ เจมส์ บูแคนัน โดยนักวิจัยขอให้นักรัฐศาสตร์ช่วยระบุชื่อประธานาธิบดีที่คิดว่าสร้างความแตกแยกมากที่สุด ผลปรากฏว่านักรัฐศาสตร์ 90 จากทั้งหมด 170 คนยกให้ ‘ทรัมป์’ เป็นผู้นำที่สร้างความแตกแยกที่สุด

'จีน' หัวใส นำ ‘กากไขมัน’ จากเหลาหม้อไฟ ส่งให้ยุโรปไปผลิตน้ำมันเติมเครื่องบิน

บริษัทจีนหัวใส นำไขมันเหลือทิ้งจากหม้อไฟกว่า 1.2 หมื่นตันในแต่ละเดือน ส่งออกเป็นพลังงานเครื่องบินได้

หม่าล่าหม้อไฟเสฉวน ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน นอกจากรสชาติจะเข้มข้น เผ็ดร้อน ยังอุดมไปด้วยไขมันจากพืช และ สัตว์ ที่ช่วยให้รสชาติกลมกล่อม และนุ่มนวลขึ้น เป็นที่ถูกใจชาวจีนอย่างยิ่ง จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นร้านหม้อไฟอยู่ทุกหน ทุกแห่ง ในประเทศจีน 

และในแต่ละปี ก็จะมีไขมันเหลือทิ้งจากภัตตาคารหม้อไฟเป็นจำนวนมาก เฉพาะในนครเฉิงตูก็มีไขมันเหลือทิ้งมากถึง 12,000 ตันในแต่ละเดือน จึงเริ่มมีความคิดที่ว่า เราสามารถนำไขมันเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง?

จนในปี 2016 มีบริษัท Start-up ในเฉิงตู ได้ตระเวนเก็บเศษไขมันจากร้านอาหารเอาไปขายต่อให้กับโรงกลั่นในสิงคโปร์ และ ยุโรป เพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่เป็นน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบิน เป็นไปได้หรือนี่!

จากกระแสตื่นตัวเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กดดันอุตสาหกรรมการบินที่มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศอยู่ราวๆ 2% ให้พยายามหาแหล่งพลังงานสะอาด ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยลง ด้วยเหตุนี้ สายการบินชั้นนำของโลก อาทิ British Airways, Cathay Pacific และ Delta ออกมาประกาศว่าใช้แหล่งพลังงานสะอาดทดแทนให้ได้ 10% ของน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลภายในปี 2030 

น้ำมันเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมร้านอาหารจึงตอบโจทย์ในด้านพลังงานยั่งยืน จากการรีไซเคิลน้ำมันที่มีอยู่เดิม ลดปริมาณการถางป่าเพื่อเพาะปลูกพืชน้ำมันใหม่ อีกทั้งภัตตาคาร ร้านอาหารจีน ก็ใช้น้ำมันในการปรุงอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะ หม้อไฟที่มีส่วนประกอบของไขมันจำนนมาก จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเหลือใช้รายใหญ่ที่สุดในโลก

พบ 'เด็กสาว' รอดชีวิต เหตุแผ่นดินไหวตุรเคีย-ซีเรีย หลังติดอยู่ใต้ซากตึกนานกว่า 11 วัน รวม 260 ชม.!!

(17 ก.พ. 66) ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย แตะ 44,000 รายแล้ว ปาฏิหาริย์วันที่ 11 สามารถช่วยเด็กติดใต้ซากปรักหักพังนานสุด 260 ชั่วโมง

ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย ยอดผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นแตะ 44,000 รายแล้ว จากการรายงานล่าสุดของซีเอ็นเอ็น โดยเสียชีวิตในตุรเคีย 38,044 คน ส่วนในซีเรียราว 5,800 คน อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูญหายอีกหลายพันคน ที่คาดว่าติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต ได้เข้าสู่ช่วงท้ายสุด และกำลังจะปิดลงแล้ว ทั้งรัฐบาลตุรเคียและซีเรียยังไม่เคยยืนยันจำนวนผู้สูญหายจากแผ่นดินไหว

แต่ปาฏิหาริย์ยังคงเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (16 ก.พ. 66) ซึ่งเข้าสู่วันที่ 11 หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ผู้รอดชีวิตล่าสุดที่พบใต้ติดอยู่ซากปรักหักพัง นานสุด 260 ชั่วโมง

ทีมกู้ภัยทำงานกันตลอดทั้งคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา จนสามารถดึงตัวเด็กชาย 1 คน ที่รอดชีวิต ขึ้นมาจากใต้ซากปรักหักพังได้ ในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ (17 ก.พ.) หลังเด็กน้อยติดอยู่นาน 260 ชั่วโมง นับเป็นผู้รอดชีวิตที่ติดใต้ซากนานที่สุดเท่าที่พบจนถึงวันนี้ ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ร้องและปรบมือด้วยความดีใจ เมื่อดึงตัวเด็กชายออกจากใต้ซากปรักหักพังได้อย่างปลอดภัย และนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

และเมื่อวานนี้ (16 ก.พ. 66) ซึ่งเป็นวันที่ 11 หลังแผ่นดินไหวยังพบผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากตึกนานกว่า 248 ชั่วโมงอีก 3 คน เป็นเยาวชน 2 คน คือเด็กชายอายุ 12 ปีชื่อ 'ออสมาน', เด็กสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ชื่อ 'อาเลย์นา โอลเมซ' และหญิงวัย 30 ปีอีก 1 คน

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต ได้เปลี่ยนไปเป็นการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหว และสถานการณ์ล่าสุดในตุรเคีย เริ่มใช้รถขุดตักเก็บกวาดซากปรักหักพังแล้ว หลังจากไม่คาดคิดว่าจะพบผู้รอดชีวิตจากใต้ซากแล้ว ในขณะที่ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหลายล้านคนจากแผ่นดินไหว ประสบอุปสรรคจากความหนาวเหน็บของฤดูหนาว ที่แผ่ไปทั่วพื้นที่แผ่นดินไหวในตุรเคีย

สำรวจความเข้มแข็งทางประวัติศาสตร์ของเมียนมา 'ศิลปะ-วัฒนธรรม' ทรงคุณค่า ไม่ต้องบ้าไปไล่เคลมของใคร

จากข่าวเรื่องที่กัมพูชาพยายามเคลมอะไรต่อมิอะไรของชนชาติอื่นมาเป็นของตน แต่พอหันกลับมามองประเทศที่อยู่อีกฝั่งของแผนที่อย่าง เมียนมา หรือ พม่า ประเทศที่อยู่ฝั่งตะวันตกของไทย ทำไมกลับไม่คิดจะเคลมอะไรของไทยเลย วันนี้เอย่าจะมานำเสนอให้รู้กัน

ด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม : เมียนมาหรือพม่านั้นมีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างชัดเจนเป็นเอกเทศและแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยตามพื้นที่และยุคสมัย โดยหากแยกตามยุคแล้ว ศิลปะในเมียนมาอย่างเช่น สถาปัตยกรรมของยะไข่, พยู, มอญ, พม่า และอังวะ จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแต่ละยุค ซึ่งแสดงออกในรูปของเจดีย์ในแต่ละภูมิภาค

ด้านอาหาร : อาหารพม่าแม้จะมีความเป็นฟิวชันระหว่างอาหารอินเดียกับอาหารจีน แต่ก็มีอาหารหลายเมนูที่เป็นเมนูพม่าแท้ ๆ อย่างเช่น ยำใบชา หรืออาหารที่ประกอบจากใบกระเจี๊ยบ ซึ่งเราไม่พบการปรุงอาหารโดยใช้วัตถุดิบแบบนี้ในภูมิภาคอื่น

ด้านการแต่งกาย : เมียนมาเป็นแหล่งรวมผู้คนหลากชาติพันธุ์ ซึ่งแต่ละชาติพันธุ์ก็มีการแต่งกายประจำเผ่าแตกต่างกันออกไป ซึ่งทางการเมียนมาก็สนับสนุนให้ชุดประจำชาติพันธุ์เป็นชุดสุภาพในการติดต่อทางการอีกด้วย

ด้านการฟ้อนรำ : ในแต่ละชาติพันธุ์ที่ท่าเต้นรำที่แตกต่างออกไปตามชาติพันธุ์เช่นกัน ซึ่งแสดงออกถึงลักษณะประจำชาติพันธุ์ของแต่ละเผ่า

ด้านภาษา : แน่นอนที่ในประเทศที่มีความหลากหลายชาติพันธุ์อย่างเมียนมาย่อมมีผู้คนที่ใช้ภาษาตามชาติพันธุ์ของตนในการสื่อสาร แม้ในปัจจุบันทางการจะพยายามให้การศึกษาด้วยภาษาเมียนมาเพื่อเป็นภาษากลาง แต่บางพื้นที่ก็เลือกจะไม่เรียนเพื่อดำรงอัตลักษณ์ทางภาษาของตนไม่ให้สูญหาย

'KNLA 4' ปะทะ!! ทหารนายพลเนอดา เมียะ ที่ทวาย เหตุฝ่ายหลังอ้างสู้กับทัพพม่า แต่สร้างปัญหาให้ ปชช.

กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยง 2 กลุ่มปะทะกันเองอย่างหนัก ในพื้นที่ชายแดนทวาย ตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยงพยายามผลักดันทหารกองทัพกอทูเล ของนายพลเนอดา เมียะ ให้ออกไปจากพื้นที่ เหตุฝ่ายหลังเข้ามาเคลื่อนไหวอ้างต่อสู้กับทหารพม่า แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ทหารจากกองพันที่ 10 กองพลที่ 4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen Nation Liberation Army : KNLA) ได้นำกำลังบุกเข้าโจมตีค่ายทหารกองร้อยที่ 5 กองทัพกอทูเล (Kawthoolei Army : KTLA) ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตทีคี พื้นที่ชายแดนจังหวัดทวาย ภาคตะนาวศรี ตรงข้ามอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีของไทย

การสู้รบเริ่มขึ้นในช่วง 10.00 น. ทั้ง 2 ฝ่ายต่างสาดกระสุนโต้ตอบกันประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงปืนจึงสงบ อย่างไรก็ตาม ในวันรุ่งขึ้น (17 ก.พ.) เวลาประมาณเที่ยง ทหาร KNLA ได้ใช้อาวุธหนักโจมตีค่ายทหาร KTLA จากนั้นได้เกิดการยิงปะทะกันอย่างรุนแรงต่อเนื่อง เป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง

สำนักข่าว Dawei Watch ซึ่งรายงานข่าวการปะทะกันครั้งนี้ ไม่สามารถยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บได้ เนื่องจากตัวแทนจากทั้ง 2 กองทัพที่ให้สัมภาษณ์ต่างบอกว่าฝ่ายของตนไม่ได้รับความเสียหาย แต่ทหารฝ่ายตรงข้ามมีทั้งบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก

ทั้งกองทัพ KNLA และ KTLA ต่างเป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยง โดย KNLA เป็นกองทัพอย่างเป็นทางการภายใต้การกำกับของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) แบ่งกำลังออกเป็น 7 กองพล ซึ่งกองพลที่ 4 (KNLA 4) รับผิดชอบพื้นที่ในภาคตะนาวศรีทั้งหมด

ส่วน KTLA เป็นกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใหม่ที่เพิ่งสถาปนาขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 โดยนายพลเนอดา เมียะ อดีตผู้บัญชาการ องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen Nation Defence Organization : KNDO) และเป็นลูกชายของนายพลโบเมียะ อดีตประธาน KNU

นายพลเนอดา เมียะ ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกซึ่งเป็นอดีตทหาร KNLA และ KNDO ออกมาตั้ง KTLA หลังเขาถูกบีบให้ออกจากการเป็นสมาชิก KNU จากกรณีทหาร KNDO ภายใต้การบัญชาการของเขาได้สังหารหมู่คนงานชาวพม่าอย่างโหดเหี้ยม 25 ศพ ที่ตำบลวาเลย์ จังหวัดเมียวดี เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2564 โดยอ้างว่าเป็นทหารพม่าปลอมตัวมา ซึ่งผลการสอบสวนของ KNU สรุปว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎระเบียบของ KNU

นายพลเนอดา เมียะ เป็นนายทหารที่จิตใจเอนเอียงไปเข้ากับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงาที่ตั้งขึ้นโดยสมาชิกพรรค NLD เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) โดยกำลังทหาร KTLA ที่เขาตั้งขึ้นได้ร่วมเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดกับกองกำลังติดอาวุธ (PDF) ที่จัดตั้งขึ้นโดย NUG ต่อสู้กับกองทัพพม่าในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของรัฐกะเหรี่ยง และภาคเหนือของภาคตะนาวศรี

แม้ว่าทั้ง KNU และ NUG ต่างต่อต้าน SAC และกำลังสู้รบอยู่กับกองทัพพม่าเหมือนกัน แต่แกนนำ KNU ส่วนใหญ่ไม่ไว้วางใจ NUG โดยมองว่าในอนาคต หาก NUG ได้รับชัยชนะ กองกำลัง PDF ที่นายพลเนอดา เมียะ ให้การสนับสนุนอยู่นั้นจะย้อนกลับมาสู้รบกับกองทัพกะเหรี่ยง เพื่อต้องการควบคุมดินแดนรัฐกะเหรี่ยงทั้งหมด

ชื่อที่ไม่รู้จัก จากเสียงเรียกของ 'พ่อหนุ่มคนขายเสื้อ' สู่ความสัมพันธ์คลุมเครือที่ทำให้ 'มึนตึ้บ'

เสียงเรียกของพ่อหนุ่มคนขายเสื้อดังจน เราต้องหยุดชะงักและหันหลังกลับไปมอง นึกในใจว่าเราคงหยิบของในร้านเขาติดมือมาโดยไม่รู้ตัว เขาจึงจะเรียกเราให้หยุดเพื่อเอาของคืน หรือเรียกยามมาสอยเราไปให้ตำรวจ 

แต่ที่ไหนได้ พ่อหนุ่มรับอาสาจะพาเราไปเที่ยววันรุ่งขึ้นเพราะรู้ว่าเราอยู่คนเดียวกลัวจะเหงา ถึงเราจะมีแฟนแล้วแต่แฟนของเราอยู่เมืองไทย เลยคิดเข้าข้างตัวเองตามประสาคนเจ้าชู้ว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวแฟนเรามาเราค่อยทำตัวดี 

หลังจากคิดได้แบบนั้น เราทั้งสองคนต่างก็แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ จึงได้รู้ว่าเขาชื่อเจมส์ หลังจากที่ออกมาจากร้าน Le Château ที่เจมส์ทำงาน เราก็เดินเล่นในศูนย์การค้า Copley Place อย่างเป็นทางการ เพราะมัวแต่ยุ่งทำธุระสารพัดสิ่งตั้งแต่ได้มาที่บอสตันจนไม่มีเวลาสำรวจแหล่งช็อปปิงเลยสักครั้ง

เอาจริงๆ ร้านค้าในศูนย์การค้าแห่งนี้ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษ นอกจากร้าน Tiffany Gucci และ Louis Vuitton ซึ่งแต่ละร้านเป็นร้านเล็กๆ สินค้าในร้านจะเป็นแบบเรียบๆไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ เพื่อเอาใจคนบอสตันซึ่งรักสไตล์อนุรักษ์นิยม 
 
ส่วนห้างสรรพสินค้า Neiman Marcus ที่อยู่ในมอลล์ขายของหรูหราราคาสูง แต่จะไม่ค่อยมีเสื้อผ้าที่มีไซส์คนเอเชียเนื่องจากจะเน้นขายคนอเมริกันซึ่งชอบใส่เสื้อผ้าหลวมโคร่ง ถ้าหากเดินออกจากมอลล์นี้จะมี Saks Fifth Avenue ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าคู่แข่งของ Neiman Marcus ที่มีของขายคล้ายๆ กัน 

พนักงานขายทั้งสองแห่งนี้จะเชิดมองคนเอเซียหัวจรดเท้า คงนึกว่าพวกเราไม่มีเงินที่จะซื้อของเขา ส่วนใหญ่นักเรียนต่างชาติที่ชอบเสื้อผ้าเครื่องประดับดีไซเนอร์มักจะพากันไปที่ร้าน Riccardi ที่อยู่บน Newbury Street เพราะเจ้าของ Riccardo Dalai ชาวอิตาเลียนซึ่งมาจากเมือง Florence มาตั้งรกรากที่บอสตันหลังจากที่แต่งงานกับสาวเปรี้ยวชาวอเมริกัน 

Riccardo เป็นคนมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มยินดีต้อนรับทุกคนที่เดินเข้ามาในบูติก ธุรกิจของเขาจึงเป็นที่รู้จักกันดีด้วยปากต่อปากของเหล่านักเรียนต่างชาติจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ 
 
ใครจะเดาได้ว่ายื่สิบปีให้หลัง แหล่งช็อปปิงในบอสตันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ถ้าใครอยากซื้อเสื้อผ้าดีไซเนอร์ชื่อดังสามารถไปที่ Copley Place ซึ่งนอกจากเป็นของ Herb Simon สามีของคุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลปี พ.ศ.2531 แล้ว ยังเป็นแหล่งรวมบูติกชั้นนำของโลก เช่น Christian Dior, Gucci, Fendi, Louis Vuitton, Salvatore Ferragamo, Versace ด้วย 

ส่วน Neiman Marcus และ Saks Fifth Avenue ยังดำเนินธุรกิจอยู่เช่นเดิม แต่ตอนนี้ลูกค้าไม่ต้องเดินตากแดดตากลมหนาวอีกแล้ว เพราะเขาสร้างศูนย์การค้าใหม่ Prudential Center ที่มีสะพานปล่องแก้วเชื่อม แถมตอนนี้เหล่าคนขายพากันอ้าแขนรับลูกค้าชาวเอเชียจนแทบจะปูพรมแดงให้เดินในร้าน เพราะเขาตระหนักแล้วว่าพวกเราคือนักช็อปตัวยง ซื้อของทีเหมือนซื้อลูกกวาด (กวาดซะเกือบหมดร้าน) 

ถ้าช็อปเหนื่อยแล้วลองไปหาอาหารทานใน Prudential Center เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารเลิศรส อาทิ Shake Shack ร้านแฮมเบอร์เกอร์ชั้นดีมีคุณภาพ, Anna’s Taqueria ร้านทาโกที่ปรุงรสละม้ายคล้ายเหมือนทานอยู่ที่เม็กซิโก หรือ Eataly แหล่งรวมอาหารอิตาเลียน ถ้าอยากแค่ดื่มกาแฟ อย่าลืมไปจิบ Blue Bottle Coffee ที่อร่อยล้ำจนอาจจะลืมกาแฟนางเงือกเขียวไปเลยเชียว 

ผู้ที่ชอบเดินสูดลมเมืองบอสตัน เมื่อออกจาก Prudential Center จะเจอ Apple Store ใหญ่ยักษ์สามชั้นอยู่ข้างหน้าบน Boylston Street เดินไปอีกบล็อกหนึ่งก็จะเป็น Newbury street ที่เต็มไปด้วยร้านค้าจากแพงหูฉี่จนถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ร้านที่ขายเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าราคาสูงเช่น Chanel, Valentino, Giorgio Armani, Loro Piana, และ Rimowa จะอยู่ใกล้กับ Boston Public Garden สวนสาธารณะแสนงามดั่งสวนสวรรค์ของเมือง 

ในบล็อกเดียวกันคือที่ตั้งของร้านเครื่องประดับระดับแนวหน้า เช่น Tiffany, Bulgari, Cartier และ Van Cleef & Arpels ถ้าไม่ชอบเทกระเป๋าเงิน เดินลงมาสักสองบล็อกก็จะเจอร้านขายของลดราคา Nordstrom Rack หรือ H&M ร้านขายเสื้อผ้าทันสมัยราคาไม่เว่อร์ 

ถ้าชอบทานของหวานก็อย่าลืมไปแวะ Georgetown Cupcake ที่เน้นขายคัปเค้กหลากหน้า หรือ JP Licks ร้านไอศกรีมชื่อดังของบอสตัน ลืมบอกไปว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของบอสตันอยู่ที่ 6.25% แต่ถ้าซื้อเสื้อผ้าต่ำกว่า $175 ต่อชิ้น จะไม่เสียภาษี ถ้าเกิน$175ไป จะคิดแค่ภาษีจากจำนวนที่เกินนะ

'เกาหลีเหนือ' ยิงขีปนาวุธครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชม. 'น้องสาวคิม' ขู่!! เปลี่ยนภูมิภาคแปซิฟิกเป็นสนามซ้อมยิง

(20 ก.พ. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกในเช้าของวันนี้ (20 ก.พ. 66) นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชั่วโมง ด้านน้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ เตือน ว่า จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกตกอยู่ในพิสัยยิงของเกาหลีเหนือ

กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า ตรวจพบว่ามีการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกขึ้นจากย่านซุกชอน จังหวัดพย็องอันใต้ของเกาหลีเหนือ ในช่วงเวลา 07:00-07:11 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 05:00-05:11 น. วันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่น่าจะเป็น 'ขีปนาวุธทิ้งตัว' ด้านหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นประกาศเตือนว่า มีการยิงวัตถุหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเกาหลีเหนือแถลงว่า ได้ใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 600 มิลลิเมตรยิงจรวด 2 ลูกตกลงในทะเลตะวันออก หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า 'ทะเลญี่ปุ่น'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top