'จีน' หัวใส นำ ‘กากไขมัน’ จากเหลาหม้อไฟ ส่งให้ยุโรปไปผลิตน้ำมันเติมเครื่องบิน
บริษัทจีนหัวใส นำไขมันเหลือทิ้งจากหม้อไฟกว่า 1.2 หมื่นตันในแต่ละเดือน ส่งออกเป็นพลังงานเครื่องบินได้
หม่าล่าหม้อไฟเสฉวน ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน นอกจากรสชาติจะเข้มข้น เผ็ดร้อน ยังอุดมไปด้วยไขมันจากพืช และ สัตว์ ที่ช่วยให้รสชาติกลมกล่อม และนุ่มนวลขึ้น เป็นที่ถูกใจชาวจีนอย่างยิ่ง จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นร้านหม้อไฟอยู่ทุกหน ทุกแห่ง ในประเทศจีน
และในแต่ละปี ก็จะมีไขมันเหลือทิ้งจากภัตตาคารหม้อไฟเป็นจำนวนมาก เฉพาะในนครเฉิงตูก็มีไขมันเหลือทิ้งมากถึง 12,000 ตันในแต่ละเดือน จึงเริ่มมีความคิดที่ว่า เราสามารถนำไขมันเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง?
จนในปี 2016 มีบริษัท Start-up ในเฉิงตู ได้ตระเวนเก็บเศษไขมันจากร้านอาหารเอาไปขายต่อให้กับโรงกลั่นในสิงคโปร์ และ ยุโรป เพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่เป็นน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบิน เป็นไปได้หรือนี่!
จากกระแสตื่นตัวเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กดดันอุตสาหกรรมการบินที่มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศอยู่ราวๆ 2% ให้พยายามหาแหล่งพลังงานสะอาด ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยลง ด้วยเหตุนี้ สายการบินชั้นนำของโลก อาทิ British Airways, Cathay Pacific และ Delta ออกมาประกาศว่าใช้แหล่งพลังงานสะอาดทดแทนให้ได้ 10% ของน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลภายในปี 2030
น้ำมันเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมร้านอาหารจึงตอบโจทย์ในด้านพลังงานยั่งยืน จากการรีไซเคิลน้ำมันที่มีอยู่เดิม ลดปริมาณการถางป่าเพื่อเพาะปลูกพืชน้ำมันใหม่ อีกทั้งภัตตาคาร ร้านอาหารจีน ก็ใช้น้ำมันในการปรุงอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะ หม้อไฟที่มีส่วนประกอบของไขมันจำนนมาก จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเหลือใช้รายใหญ่ที่สุดในโลก
จง กั๋วจุน รองประธานบริษัท Sichuan Jinshang Environmental Technology ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจคนี้กล่าวว่า เป้าหมายของเขาคือ ต้องการส่งซุปหม้อไฟ สู่ท้องฟ้า เริ่มต้นจากนครเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นดินแดนแห่งหม้อไฟ โดยได้เก็บน้ำมันเหลือทิ้งจากร้านหม้อไฟทั่วเมือง นำมา กรองเศษอาหาร โซเดียม และ โลหะที่ปนเปื้อนมาทิ้งไป เพื่อให้ได้สารตั้งต้นของเชื้อเพลิงชีวภาพ ก่อนจะนำส่งออกผ่านท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ไปยัง Neste Oyj โรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกในอุตสกรรมการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังส่งออกไปให้กับ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง BP และ Eni SpA เพื่อนำไปกลั่นเป็นน้ำมันไบโอดีเซลต่อไป
การส่งเศษไขมันของเฉิงตู จึงเป็นธุรกิจที่น่าจับตา ซึ่งจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันปรุงอาหารมากที่สุดในโลก ในแต่ละปี ชาวจีนใช้น้ำมันในการปรุงอาหารมากถึง 41 ล้านตัน แต่มีน้ำมันเพียง 3 ล้านต้นที่ถูกรีไซเคิลกลับสู่การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ที่ตอนนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดยุโรป
อีกทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Naste เพิ่งประกาศจะลงทุนขยานฐานการผลิตพลังงานทดแทนอีกกว่า 2 พันล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มการผลิตพลังงานทดแทนสำหรับเครื่องบินเจทให้ได้ 1.2 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2026 ดังนั้น ธุรกิจเก็บซุปเหลือทิ้งหลังร้านหม้อไฟของจีนยังไปได้อีกไกล
ต่อไปกินหม้อไฟ น้ำซุปเหลือ ทิ้งไม่ได้แล้วนะ เพราะมันกลายเป็นธุรกิจพันล้านเหรียญไปแล้ว แถมยังรักษ์โลกอีกด้วย
เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
อ้างอิง: Bloomberg