Thursday, 15 May 2025
World

เพื่อนบ้าน ผวา!! ร้องเรียนหนุ่มจีนเลี้ยง 'สิงโตขาว' แถมปล่อยเดินอิสระภายในบ้าน หวั่นเป็นอันตรายต่อผู้อื่น

(2 มี.ค. 66) เพื่อนบ้านผวาหนุ่มจีนเลี้ยงสิงโตขาวปล่อยเดินอิสระภายในบ้านหวั่นเป็นอันตรายต่อผู้อื่น แจ้ง ตร.หนองปรือ ประสานเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เข้าตรวจสอบ พบมีใบซื้อขายถูกต้องแต่ไม่มีใบอนุญาตเลี้ยง ชี้สิงโตขาว แม้เป็นสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก ที่มีความดุร้ายแต่สามารถเลี้ยงดูได้

เมื่อวานนี้ พ.ต.ท.ชุมพล แสนวิชัย รอง ผกก. (ป.) สภ.หนองปรือ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณธกร จันทร์ลอด สวป. และเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 129/11 ภายในโครงการหมู่บ้านเซ็นทรัลปาร์คฮิลล์ ซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับร้องเรียนว่ามีชาวต่างชาติแอบเลี้ยงสิงโต และปล่อยให้เดินเพ่นพ่านอยู่ภายในบ้านจนหวั่นว่าอาจจะเกิดอันตรายกับผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในโครงการ

'อีลอน มัสก์' กลับมารวยสุดในโลกอีกครั้ง หลังหุ้นเทสลาทะยาน 100% ในปีนี้

(2 มี.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก ที่จัดอันดับให้ 'อีลอน มัสก์' ซีอีโอของเทสลาและทวิตเตอร์ ตำแหน่งบุคคลที่่ร่ำรวยที่สุดของโลก โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 187,100 ล้านดอลลาร์ (มากกว่า 6 ล้าน 5 แสนล้านบาท) หลังจากหุ้นเทสลาของเขาทะยานไม่หยุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. อยู่ที่ 207.63 ดอลลาร์ (7,200 บาท) เมื่อวันจันทร์ เพิ่มขึ้น 100% หลังเคยร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 108.10 ดอลลาร์ (3,700 บาท) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566

หลังราคาหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นทำให้อีลอน มัสก์ มีทรัพย์สินแซงหน้า เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ ซีอีโอ ของ LVMH เจ้าของแบรนด์ลักชัวรี 'หลุยส์ วิตตอง' ที่มีทรัพย์สิน 182,000 ล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 จากมัสก์เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ในช่วงที่หุ้นเทสลาร่วงหนัก ส่วนอันดับ 3 คือ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอี-คอมเมิร์ซ แอมะซอน และอันดับ 4 คือ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์

วิกฤติหอพัก!! ‘ออสเตรเลีย’ ช็อก!! ที่พักนักศึกษาขาดแคลน หลังคลื่นบัณฑิตจีนแห่กลับมากว่า 4 หมื่นราย

กลายเป็นความโกลาหลทั่วออสเตรเลียในขณะนี้ เมื่อนักศึกษาจีนมากกว่า 4 หมื่นคน หลั่งไหลคืนสู่เหย้า รับช่วงเวลาเปิดภาคการศึกษาแรกของปี 2023 ในมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียอย่างปัจจุบันทันด่วน จนหอพักนักศึกษาต่างชาติไม่สามารถรองรับได้ แม้แต่บ้านเช่า / อะพาร์ตเมนต์ ในบริเวณใกล้เคียง ก็ถูกจองเต็มหมด ส่งผลให้ราคาค่าเช่าที่พักในออสเตรเลียถูกดันพุ่งสูงถึง 5 เท่าในเวลาชั่วข้ามคืน 

จาง นักศึกษาจีนวัย 25 ปี จากมณฑลชางตง ซึ่งได้ลงทะเบียนเรียนระดับปริญญาโท ด้านการตลาดที่ The University of New South Wales เป็นหนึ่งในนักศึกษาจีนที่กำลังเจอปัญหาวิกฤติที่พักขาดแคลนในออสเตรเลีย เล่าว่า แม้ทุกคนจะเข้าใจดีว่าหาที่พักดีๆ ในราคาเหมาะสมในเมืองซิดนีย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ครั้งนี้เป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดที่เธอเคยเจอมา

เพื่อนของเธอหลายคนต้องยอมจ่ายค่าเช่า เพื่อได้พื้นที่นอนแค่ในห้องนั่งเล่น หรือ ระเบียงหน้าบ้าน ส่วนเธอใช้เวลาหาบ้านเช่ามานับเดือนก็ยังหาไม่ได้ จนอาจจะต้องไปนอนใต้สะพาน หรือ หน้าสถานกงสุลจีนในซิดนีย์

ด้าน Sydney University มหาวิทยาลัยชั้นนำอีกแห่งของออสเตรเลียมีหอพักสำหรับนักศึกษาต่างชาติรองรับอยู่ 2,400 ห้อง และ บริษัทเอกชนในเครืออีก 700 ห้อง ทุกห้องถูกจองเต็มหมด และยังมีนักศึกษาต่างชาติอีกจำนวนมากที่ยังหาที่พักไม่ได้ จนอาจจะต้องเลื่อนการเรียนไปจนถึงปีหน้า 

บริษัทจัดหาบ้านเช่าในออสเตรเลียแห่งหนึ่งเล่าว่า มีนักศึกษาจีน พร้อมผู้ปกครองจำนวนมากเข้ามาติดต่อหาห้องเช่าด้วยความตื่นตระหนก บางคนยอมจ่ายค่าห้องพักเล็กๆ ในราคาที่สูงกว่าปกติถึง 5 เท่า เพียงแค่ขอให้มีที่อยู่

สำหรับสาเหตุที่มีนักศึกษาจีนหลั่งไหลไปลงเรียนต่อที่ออสเตรเลียอย่างฉับพลัน จนที่พักขาดแคลน ไม่ได้เกิดจากการที่รัฐบาลจีนปลดล็อกมาตรการ Covid-19 ด้วยการเปิดประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการที่รัฐบาลจีนจะไม่รับรองใบปริญญาให้กับนักศึกษาจีน ที่ลงทะเบียนเรียนกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศแบบออนไลน์ ทำให้นักศึกษาจีนจำเป็นต้องเปลี่ยนโหมด กลับไปลงทะเบียนแบบนั่งเรียนในแคมปัส เพื่อได้ใบปริญญาแบบภาคปกติ 

คุมกำเนิดสายย่อ!! TikTok ออกกฏใหม่ ขัดใจเด็กติดโซเชียล คุมเด็กต่ำกว่า 18 เล่นได้วันละชั่วโมง

แก้ปัญหาติดโซเชียล! ‘ติ๊กต็อก’จ่อตั้งค่าเริ่มต้นจำกัดเวลาบัญชีเด็กต่ำกว่า 18 เล่นได้ 60 นาทีต่อวัน

(2 มี.ค. 66) สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ เสนอข่าว TikTok sets new default time limits for under-18s ระบุว่า “ติ๊กต็อก (TikTok)” หนึ่งในแอพพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม เตรียมติดตั้งระบบจำกัดเวลาเริ่มต้น (default time) 60 นาทีต่อวันสำหรับทุกบัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และกำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ผู้ปกครองป้องกันไม่ให้บุตรหลานดูเนื้อหาที่มีคำหรือแฮชแท็กบางคำเนื่องจากบริษัทต้องการสร้างภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอพฯ และความสามารถในการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมเพื่อผลักดันโพสต์บางรายการ ดังล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 มีการอัปเดตขีดจำกัดหน้าจอ สะท้อนถึงกฎการเล่นเกมที่กำหนดให้กับเยาวชนในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ ไบท์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ก่อตั้งขึ้นก่อนที่จะย้ายไปสิงคโปร์ในภายหลัง 

ในปี 2564 ทางการจีนได้ออกกฎใหม่ที่จำกัดระยะเวลาที่ผู้เยาว์สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้เพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน และเฉพาะในวันศุกร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะควบคุมการเสพติดอินเตอร์เน็ต ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลของ Pew Research Center พบ  2 ใน 3 ของวัยรุ่นอเมริกันใช้ TikTok ท่ามกลางสภาพที่ครอบครัวต่างประสบปัญหากับการจำกัดเวลาที่บุตรหลานใช้แอพฯ ดังกล่าวแชร์วิดีโอ

เซเลนสกี้ วอน สหรัฐฯ ส่งทหารหนุ่มสาวมาช่วยรบ หลังยูเครนขาดนักรบ ถึงขั้นเกณฑ์คนพิการเข้ากองทัพ

สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปี 2 ยังคงตึงเครียดที่ต่างฝ่าย ต่างไม่มีใครหยุดยิง แถมปัดโอกาสในการหันหน้าเข้าสู่วงเจรจา จึงเชื่อว่าในใจลึก ๆ ของชาวโลกจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกท้อแล้วกับความขัดแย้งนี้ คือถ้าอยากจะรบกันไปเรื่อย ๆ ก็อย่าให้เดือดร้อนคนอื่นมากก็แล้วกัน 

ชาวโลกประเทศอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจจะคิดแบบนี้ได้ แต่กับชาวอเมริกันที่จ่ายภาษีทุกวัน แล้วต้องมาเห็นรัฐบาลเซ็นเช็คเหมือนเทน้ำ เพื่อส่งไปสนับสนุนกองทัพยูเครนคงทำใจให้ปล่อยวางในเรื่องนี้ได้ยากหน่อย 

แต่วันนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ มีคำตอบให้ชาวอเมริกัน เมื่อสื่ออเมริกันขอสัมภาษณ์ผู้นำยูเครนในวันครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเขาได้พูดถึงการสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกันในสงครามครั้งนี้ว่า สิ่งที่ชาวอเมริกันเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับจำนวนเงิน และความคุ้มค่าที่รัฐบาลสหรัฐจะได้จากการส่งทรัพยากรมหาศาลมาช่วยยูเครน เป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ (คือจ่ายแล้วอย่าไปคิด) 

เพราะอะไรนะหรือ? เพราะถ้ายูเครนแพ้ นั่นหมายถึงรัสเซียจะได้ครองดินแดนทางฝั่งบอลติก ซึ่งเป็นภัยอย่างยิ่งกับ NATO และจะทำให้สหรัฐสูญเสียความเป็นมหาอำนาจ  และสิ่งที่สหรัฐจะต้องทำอีก คือ ต้องส่งบุตรหลานของพวกท่านลงสนามรบ เหมือนอย่างที่เราได้สละลูกหลานของเราพลีชีพในสมรภูมิไปแล้ว ให้สมกับที่สหรัฐบอกว่าจะยืนเคียงข้างเราเพื่อชัยชนะ มันอาจจะโหดร้าย และพวกเขาอาจต้องตาย แต่สงครามมันก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ 

และนี่เป็นครั้งแรก ที่เซเลนสกี้เอ่ยปากขออย่างอื่นที่ไม่ใช่อาวุธในการทำสงคราม แต่ไอ้ 'อย่างอื่น' นี่มันยากยิ่งกว่าส่งเงินทุน ส่งอาวุธไปให้มากมายนัก ที่ชาวอเมริกันฟังแล้วถึงกับเอามือทาบอก ที่ได้ยินว่า เซเลนสกี้ขอให้ส่งหนุ่มสาวอเมริกันไปรบในประเทศอื่นอีกแล้วหรือ ที่ยูเครนมีทหารไม่พอหรือไง?

แต่ถึงเซเลนสกี้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ดูทรงแล้วมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

ซึ่งตั้งแต่กองทัพรัสเซียบุกยูเครน ทางรัฐบาลยูเครนได้ประกาศกฎอัยการศึกในสถานการณ์สงคราม ที่จะเรียกระดมพลทหารกองเกิน กองหนุน และอาสาสมัครจากทั่วประเทศมาลงกองทัพ หรือแม้แต่รับสมัครนักรบต่างชาติ บีบให้ฝ่ายรัสเซียต้องประกาศเกณฑ์ทหารเข้ากรมครั้งใหญ่เพิ่มเช่นเดียวกัน 

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2022 กองบัญชาการภาคพื้นดินของยูเครนได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทางรัฐบาลจะยังไม่เรียกระดมพลระลอกใหม่ในเร็ว ๆ นี้ จนกว่าจะมีการประกาศกฤษฎีกาฉบับใหม่ หลังวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า (2023) แต่ผู้ที่ชำนาญการรบพิเศษ หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ยังคงเรียกให้เข้ากองทัพอยู่เรื่อย ๆ

นั่นเป็นคำพูดของฝ่ายกองทัพยูเครนเมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าตั้งแต่ต้นปี ชาวยูเครนที่กลุ่มที่หลุดเงื่อนไขเกณฑ์ทหาร อย่างกลุ่มคนพิการกลับได้รับจดหมายเรียกเข้ากรม เพื่อไปประจำในสนามรบที่ห่างไกล ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของพวกเขาด้วยซ้ำ 

สำนักข่าว The Economist ได้ลงเรื่องราวของนายรัสลาน คูเบย์ ชายชาวยูเครนที่สูญเสียมือทั้ง 2 ข้างตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนพิการที่ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร กลับได้รับหมายเรียกให้เข้าประจำกองทัพในเมือง Drohobych แถมยังระบุชัดว่าร่างกายของเขาเหมาะสมที่จะเข้าประจำการ  

ซึ่งไม่ใช่เคสเดียว เพราะมีกลุ่มคนพิการในยูเครนที่ได้รับหมายเรียกลักษณะเดียวกันจำนวนมาก ที่บ่งชี้ว่ากองทัพยูเครนกำลังยกระดับการเกณฑ์พลเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้ว และมีหน่วยลงทะเบียนย่อย ซ่อนอยู่ตามเมืองต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยูเครนกำลังเรียกระดมพลครั้งใหญ่อยู่ เพียงแค่ไม่ประกาศออกมาตรง ๆ อย่างเป็นทางการเหมือนกับทางรัสเซียเท่านั้นเอง 

สยอง!! หนุ่มโปแลนด์ยัด ‘ปลาไหล’ เข้ารูทวาร หวังช่วยแก้ท้องผูก แต่กระเพาะทะลุ-อักเสบ

ปลาเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้ป่วยรายหนึ่งกลับมาถึงแผนกฉุกเฉินด้วยปัญหาที่น่าอับอาย เหตุเกิดเพราะการใช้ปลาผิดวิธี

สำนักข่าวโปแลนด์ รายงาน ผู้ป่วยมาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยบ่นว่าตนเองมีอาการปวดท้อง ดังนั้นแพทย์จึงเริ่มตรวจและพบว่าชายคนนั้นเป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ในระหว่างการรักษา จู่ ๆ ผู้ป่วยก็ตัดสินใจว่าต้องพูดความจริง แพทย์ต่างช็อกเมื่อได้ยินสิ่งที่นำไปสู่ปัญหาของชายคนนี้

ปรากฏว่า ผู้ป่วยมีปัญหาท้องผูก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจนำปลาไหลตัวเบิ้มที่มีชีวิตยัดเข้าไปในทวารหนักของเขา เพราะเขาเชื่อในการเยียวยาพื้นบ้านโดยใช้ปลาไหลเข้าไปในทวารหนักเพื่อรักษา ซึ่งปลาไหลทำทุกวิถีทางเพื่อออกจากร่างกายของชายคนนั้น

เป็นผลให้เกิดกระเพาะอาหารทะลุ แถมทำให้เกิดการติดเชื้อ มีรอยแดง และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ แพทย์ต่างรีบทำการผ่าตัดทันที โดยหนึ่งในเอกซเรย์จะเห็นได้ว่า ก้างปลาของปลาไหลพันกันเป็นวงกลมและติดอยู่ในลำไส้ใหญ่ของชายคนนั้น ส่วนอีกภาพ แพทย์กำลังผ่าตัดดึงปลาไหลขนาดใหญ่ออกมา

สาวเมืองเมเปิ้ล สุดจะทน! ทำสิ่งที่หลายคน ไม่กล้าทำ บล็อกเบอร์หัวหน้า หลังโทรตามในวันลาป่วย

เธอมันแน่! เรื่องราวของสาวชาวแคนาดา ที่ได้รับคำชื่นชมมากมายจากชาวโซลเชียล หลังจากที่เธอได้บล็อกเบอร์โทรของหัวหน้า หลังจากที่โดนโทรตามงานในวันหยุด

เรื่องราวสุดจี๊ดของพนักงานสาวนามว่า ‘วาเนสซ่า’ เมื่อไม่นานมานี้เธอกลายเป็นไวรัล หลังจากที่เธอออกมาแชร์ประสบการณ์การแก้ปัญหาเวลาบอสโทรตามงานนอกเวลาทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนอยากทำแต่ไม่กล้าทำสักที

เรื่องราวมีอยู่ว่า ในวันนั้นวาเนสซ่าขอลาป่วยนอนอยู่ที่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นบอสของเธอก็ยังส่งข้อความตามงานเธอผ่านทางเบอร์โทรส่วนตัว วาเนสซ่ามีโทรศัพท์ 2 เครื่องค่ะ โดยเครื่องหนึ่งเอาไว้ใช้ส่วนตัว อีกเครื่องเอาไว้ใช้ทำงาน

Let’s vogue (มาโว้กกันดีกว่า) ดื่มด่ำสไตล์การเต้นของชาวผิวสีหลากเพศ พร้อมลิ้มรสการโดนเหยียด เพราะเป็นคนต่างแดน

เราอึ้งไปพักนึงเมื่อได้ยินว่า ไมเคิล คือ แฟนของเจมส์ คบกันมาเกือบหนึ่งเดือนไม่เห็นเจมส์จะเคยพูดถึงแฟนเลย 

จะว่าไปไม่ใช่เจมส์คนเดียวที่เงียบเรื่องแฟน ตัวเราเองก็ไม่ปริปากเช่นกันว่าเรามีแฟนอยู่เมืองไทย เรากลัวว่าถ้าเราบอกเขาคงจะไม่เจอเราอีก ที่ไหนได้ต่างคนต่างมีแต่อุบไว้ 

เอาล่ะนะเป็นไงเป็นกัน เราทำใจว่าเราคงโดนไมเคิลด่าหูชาแน่ๆ หลังจากที่ทักทายกันตามมารยาท ไมเคิลบอกว่าเจมส์บอกว่าเราเป็นคนน่ารักมาก เขาเลยอยากจะเจอ แถมรู้มาว่าเราไม่มีเพื่อนเกย์เลย เขาก็อยากจะทำความรู้จักกับเราเผื่อจะพาเราไปเที่ยวคลับ 

ตอนแรกเราก็ลังเลระแวงไปว่า ไมเคิลคงจะหาทางล้างแค้นเรา แต่พอเรามาคิดกลับว่าถ้าเขามีเจตนาดีจริงๆ เราจะเสียโอกาสรู้จักคนที่ดีเป็นเพื่อน เราเลยตอบตกลงไมเคิลไปว่าเราจะเจอกับเขาและเพื่อนๆ ที่คลับ Avalon ในวันอาทิตย์ที่จะถึง 

เมื่อถึงวันนั้นเราก็ขับรถไปบาร์ เราก็ตกใจว่าค่าจอดรถข้างๆ คลับนั้นแพงมาก จ่ายไปประมาณสิบห้าเหรียญเพื่อจะจอดไม่กี่ชั่วโมง เราเลยตั้งปณิธานว่าต่อไปนี้เราจะเดินไปบาร์แทนเพื่อประหยัดค่าจอดรถ พอถึงที่คลับเราต้องจ่ายเงินค่าเข้าอีกสิบเหรียญ เราก็นึกว่าเครื่องดื่มคงรวมอยู่ในค่าเข้าด้วยเหมือนกับ DJ Station ที่กรุงเทพฯ 

แต่แล้วก็หน้าแตกเมื่อบาร์เทนเดอร์บอกเราว่าเราต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มต่างหาก เบียร์ขวดละประมาณห้าเหรียญไม่รวมทิป เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ราคาจากเจ็ดเหรียญขึ้นไป ถ้าเป็นคนดื่มจัดเที่ยวคืนหนึ่งคงเกือบหมดตัวเลยเชียว 

เราเป็นคนที่เมาง่ายเลยสั่งแค่ไดเอทโค้กมาดื่ม ขนาดไม่มีแอลกอฮอล์ยังปาเข้าไปสามเหรียญ และพอได้รับเครื่องดื่มเสร็จก็ไปหาจุดที่นัดไมเคิลกะเจมส์ไว้ เขาบอกว่าเขาจะเต้นกันอยู่แถวๆ เวทีติดลำโพงด้านขวา เราเดินไปถึงจุดนัดพบแต่ไม่เห็นเจมส์ เราเลยเดินสำรวจคลับฆ่าเวลา 

Avalon เป็นคลับที่ใหญ่มาก เพราะรวมสองคลับไว้ด้วยกัน แถม Avalon ยังเป็นคลับหลักที่เปิดเพลงคุ้นหูเพราะเป็นเพลงที่เปิดตามวิทยุตามสมัย แต่เอามามิกซ์ใส่จังหวะเพื่อให้เต้นรำ 

ส่วน Axis คือ คลับเล็กที่เปิดเพลงเต้นรำสไตล์ House ที่เน้นจังหวะมากกว่าคำร้อง วันจันทร์ถึงเสาร์ทางคลับจะเปิด Avalon และ Axis แยกกัน คนที่ไปต้องเลือกเจาะจงว่าจะไปคลับไหน เพราะไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ 

นอกจากนั้นคลับส่วนใหญ่ที่อเมริกาจะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อบริการเฉพาะชาวเพศหลากหลาย (LGBTQ+) เขาจะกำหนดหนึ่งหรือสองวันในแต่ละอาทิตย์ที่เน้นให้ชาวเราเที่ยว เช่นวันพุธ Axis จะใช้ชื่อว่า Venus de Milo และวันอาทิตย์ Avalon จะเปิดสองคลับทะลุถึงกันเพื่อบริการลูกค้าชาวเรา 

เมื่อเราเดินวนหนึ่งรอบ ก็มายืนรออยู่ที่เดิม รออีกสักสิบนาทีก็มีคนมาแตะไหล่ เมื่อหันไปเจมส์ก็แนะนำให้รู้จักกับไมเคิล ไมเคิลเป็นชาวฮ่องกง แต่มาโตที่อเมริกาเพราะพ่อแม่มาตั้งรกรากที่นี่ 

ผิวไมเคิลนั้นเนียนมากสมกับคำว่าหนุ่มหน้าหยก แถมยังเป็นคนหน้าตาดี อัธยาศัยดีช่างคุย ยิ้มเก่ง ทักทายพอเป็นพิธีสักพักเขาก็ชวนเราไปเต้นรำ เราเขินเพราะว่าเป็นคนไม่ชอบแสดงออก แต่กลัวเสียมารยาทเลยตอบตกลงและเดินลงฟลอร์ไปกับเขา 

เต้นกันไปสักพักดีเจก็เปิดเพลง Vogue ของ Madonna ที่ดังเป็นพลุแตกในช่วงนั้น เหล่าเก้งกวางบ่างทั้งหลายชวนกันกรี๊ดอย่างถูกใจ ฟลอร์แน่นแทบจะไม่มีที่ยืน ไมเคิลเลยกระซิบชวนเราไปเต้นบนเวทีข้างลำโพง เขาบอกว่า “Let’s vogue” หรือมาเต้นโว้กกันดีกว่า

เมื่อพูดถึงเต้นแบบโว้กท่านผู้อ่านบางคนอาจจะไม่คุ้นเคยว่าคืออะไร โว้ก (Vogue) คือการเต้นที่ผสมการออกท่าทางแบบละครใบ้ (Pantomime) ผู้เต้นจะขยับตัวเหมือนตนเองเดินแบบอยู่บนแคทวอล์ค (catwalk) มือจะแสดงท่าเหมือนว่าตนเองจะแต่งหน้า, ทำผม หรือใส่เสื้อผ้าแสนวิจิตร 

ถ้าสนใจอยากชมศิลปะการเต้นโว้ก ก็สามารถหาดูในยูทูป มิวสิควีดีโอ Deep in Vogue โดย Malcolm  McLaren https://youtu.be/kd4u0Zzc5zc เพราะเสนอตัวอย่างที่ดีของการเต้นโว้กโดยเหล่านักเต้นแนวหน้าที่นำกระแสการเต้นเฉพาะกลุ่มมาจุดประกายความสนใจของศิลปินชื่อดังทั้งหลายในยุคปลายปี 80

Madonna ใช้การเต้นโว้กเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงและเต้นประกอบในเพลง Vogue (https://youtu.be/GuJQSAiODqI) จนดังสุดโต่งในปี 1990 (พ.ศ.2533) คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจไปว่าเธอเป็นคนริเริ่มการเต้นแบบนี้คิดมาเอง ทั้งที่จริงแล้วโว้กมีจุดริเริ่มมาจากกลุ่มเพศหลากหลายของชาวผิวสีตั้งแต่ประมาณปี 1920 ยุคนั้นมีการฟื้นฟูศิลปะแขนงต่างๆในกลุ่ม

ชนผิวสีในบริเวณฮาร์เล็มในเมืองนิวยอร์กที่เรียกว่า The Harlem Renaissance นอกจากผลงานเขียนและภาพวาดจะเฟื่องฟูในยุคนี้ ได้มีการสนใจการเต้นรำแบบลีลาศ (Ballroom) ชาวเพศหลากหลายที่ชอบแต่งตัวข้ามเพศ (drag queens) ใช้เวทีเต้นรำมาสะสางความเป็นศัตรูของตนโดยการประชันเต้นแข่งกัน แทนทีจะตบตีพวกเขาใช้ท่าทางการเต้นเป็นการแสดงความเชิดใส่กัน (shading) 

จากการเต้นลีลาศพัฒนามาเป็นการโพสต์ท่าเลียนแบบตัวหนังสือภาพของอียิปต์ (hieroglyphs) และท่าที่นางแบบโพสต์ตามนิตยสารแฟชัน จึงใช้ชื่อศิลปะการเต้นตาม Vogue นิตยสารแฟชั่นชื่อดังของอเมริกา ท้ายที่สุดพวกเขาผสมผสานและประยุกต์ท่าที่โพสต์กับการเดินแบบบนแคทวอร์ก จนเป็นการเต้นโว้กที่ปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ 

‘แรงงานกัมพูชา’ วอนคนที่บ้านเกิด หยุดดรามา ‘กุน ขแมร์’ คนปั่นกระแสที่เขมรไม่ทุกข์ แต่คนทำงานที่ไทยอยู่ลำบาก

เมื่อวานนี้ (3 มี.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ที่เป็นหนุ่มกัมพูชา ซึ่งมาทำงานหากินอยู่ในเมืองไทย ได้โพสต์คลิปถึงเรื่องดรามา ‘กุน ขแมร์’ ที่เป็นกระแสร้อนอยู่ในตอนนี้

โดยในคลิปจะเห็นหนุ่มคนดังกล่าว เปิดเผยว่า…

“ความจริงเรื่องนี้ไม่อยากออกมาพูดเพราะมันบอบบางมาก แต่ในความคิดของผม จบได้แล้วครับ ขอร้องคนฝั่งบ้านผม เลิกพูด หยุดได้แล้ว แล้วคนพูดได้อะไร สงสารคนที่มาทำงานที่เมืองไทยด้วยนะครับ ทำงานเหนื่อยแล้ว ยังมาเจอแบบนี้อีก

พวกคุณอยู่ที่กัมพูชาก็ไม่เป็นไร คุณก็รอด ไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่ทำมาหากินอยู่ที่ประเทศไทยนี้โดนกดดันนะ สงสารคนทำมาหากินด้วย หยุดได้แล้ว อย่าอ้างอิงประวัติศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ มวยไทยก็คือมวยไทย กุนขแมร์ก็คือกุนขแมร์ อย่ามาหาต้นตำรับ อย่ามาบอกว่า ต้นตำรับยกมาจากไหน คนที่เผยแพร่นั้นอาจจะเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากที่ใดที่หนึ่งก่อน แล้วก็เผยแพร่มาเรื่อย ๆ มันอยู่ที่คนไม่ปกป้องรักษาเอง วัฒนธรรมที่เขาเผยแพร่มันคือของที่รวมกัน คนที่เขาเผยแพร่วัฒนธรรมนี้เขาก็ตั้งใจอยู่แล้ว ให้วัฒนธรรมของเขามีอิทธิพลไปทุกที่ ทุกทวีป อย่ามาอ้างอิง อย่าเอาประวัติศาสตร์มากล่าว ให้คนอื่นมาฟังพวกคุณ โทษกันไม่ได้ วัฒนธรรมร่วมกันนี้เขาก็ปกป้องรักษา เขาลงทุนมากมาย เขารักศิลปะของเขา เขาก็ปกป้อง เขาก็ดูแลมาดี คุณต้องเข้าใจ

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เปิดตำนานพระประธานแห่งเมือง Zalun  สะพรึงสะเทือนราชวงศ์อังกฤษในยุคล่าอาณานิคม

อย่างที่ทราบกันว่า เมื่ออังกฤษเข้ามายึดพม่าในตั้งแต่ปี 1824 นั้น นอกจากอังกฤษจะเข้ามาวางระบบผังเมืองในย่างกุ้งแล้ว อีกมุมหนึ่งอังกฤษก็ขนเอาทรัพยากรอันมีค่าของพม่าในยุคนั้น อาทิ ไม้สัก งาช้าง อัญมณี รวมถึงทองคำและทองเหลือง กลับมายังเกาะอังกฤษหรืออินเดียที่ถือเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิอังกฤษในเวลานั้น และองค์พระแห่งเมือง Zalun ที่เจดีย์ Mar Aung Myin องค์นี้ ก็เป็น 1 สิ่งที่ถูกขนออกจากพม่าไปในกาลนั้นด้วยเช่นกัน

ในตำนานกล่าวไว้ว่า องค์พระท่านถูกขนออกไปจากเมือง Zalun ในรัฐอิรวดีไปยังเมืองบอมเบย์ในประเทศอินเดีย ซึ่งตอนนั้นในเมืองบอมเบย์เป็นที่ตั้งของโรงเก็บของอังกฤษที่นำมาจากสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งในขณะนั้นเครื่องทองเหลืองที่ยึดมาได้จากเมืองอาณานิคมจะถูกนำมาหลอมใหม่ เพื่อทำเป็นเหรียญกษาปณ์ ลูกปืน

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น หลังจากที่องค์พระถูกย้ายมาที่นี่ โดยมีการระบุว่าหลังจากที่องค์พระเดินทางมาถึงโรงเก็บของในเมืองบอมเบย์ ก็เกิดฝนตกหนัก และลมกรรโชกแรง และเมื่อนำองค์พระไปหลอมก็ปรากฎว่า องค์พระไม่ถูกหลอมเหลวเหมือนทองเหลืองทั่วไป จนต้องเชิญท่านกลับมาในโรงเก็บเหมือนเดิม หลังจากนั้นคนงานชาวอินเดีย 64 คนที่ทำงานในการหลอมองค์พระก็กระอักเลือดตายอย่างเป็นปริศนา  

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ครองราชย์ราชวงศ์อังกฤษ ก็ได้เกิดพระอาการประชวรปวดศีรษะอย่างรุนแรง ซึ่งหมอหลวงในบักกิงแฮมก็ไม่สามารถวินิจฉัยและเยียวยารักษาอาการประชวรนี้ได้ จนต่อมาพระนางได้นิมิตฝันเห็นร่างดำทะมึน โดยในความฝันได้บอกกับพระนางว่าให้นำองค์พระที่อยู่ในโรงเก็บของในเมืองบอมเบย์กลับไปประดิษฐานยังที่เดิมในเมือง Zalun มิฉะนั้นพระนางจะสิ้นใจ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top