Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘ลุงหนู’ ลุยหาเสียง อ้อนขอคะแนนชาวภูเก็ต ชูนโยบายยกระดับภูเก็ตสู่เมืองสุขภาพระดับโลก 

(24 เม.ย.66) ที่ยิมเนเซียม บริเวณสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายวงศกร ชนะกิจ เบอร์ 5 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายวิวัฒน์ จินดาพล เบอร์ 9

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีใครคิดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีส.ส. จากภาคใต้ได้กว่า 10 ที่นั่ง แต่ที่สุดแล้วมันก็เกิดขึ้น เพราะความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ตรงส่วนนี้ตระหนักอยู่ในหัวคิดของพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลาว่าจะต้องตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมอบให้ ที่ผ่านมา เราพัฒนาถนนหนทางให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงขยายบริการด้านสาธารณสุข ล่าสุดเราประสบความสำเร็จในการผลักดันสะพานเชื่อมพัทลุง-สงขลา และสะพานข้ามเกาะลันตา จ.กระบี่ อนาคต เราจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่ออ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ผ่านจังหวัดชุมพร-ระนอง 

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับ จ.ภูเก็ต ท่านพิสูจน์ศักยภาพของท่านมาแล้ว จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่เราจะเพิ่มโอกาสให้พวกท่านมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Hub หลายชาติกำลังเข้าสังคมผู้สูงวัย เขาต้องมองภูเก็ตในฐานะเป้าหมายของเขา 

‘ช่อ’ ช่วย ‘ฉัตร’ ลุยหาเสียงโคราช ชี้!! เมืองใหญ่เหลื่อมล้ำ ลั่น!! กา ‘ก้าวไกล’ ชาวโคราช ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานในเมือง

ช่อ ลุยโคราช ช่วยผู้สมัครหาเสียง ลั่นไม่ใช่เมืองเล็ก แต่เหลื่อมล้ำสูง ขอ ก้าวไกลขจัดความเจ็บปวด

( 24 เม.ย.66) นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (กก.) ลงพื้นที่ช่วย นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พื้นที่ ต.ในเมือง ต.หนองไผ่ล้อม และ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง เบอร์ 3 หาเสียงที่สำนักงานเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา นำออกเดินพบปะทักทายพร้อมแนะนำผู้สมัครรวมทั้งชี้แจงนโยบายพรรคเน้นการกระจายอำนาจและเพิ่มบุคลากร รวมทั้งงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงโดนใจผู้ปฏิบัติงานทำให้ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ พนักงาน ทน.นครราชสีมา รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่มาติดต่อราชการโดยขอเซลฟี่กันอย่างคึกคัก

น.ส.พรรณิการ์เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน ที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีเยาวชนคนรุ่นใหม่มากที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะเขต 1, 2, 3 พี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองและเข้าถึงสื่อออนไลน์ค่อนข้างมาก นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ เราคาดหวังสูงที่จะได้ ส.ส.ทั้ง 3 เขต ช่วงเข้าสู่โค้งสุดท้ายเน้นกิจกรรมเดินตลาด แหล่งชุมชนและขึ้นรถแห่ให้มากที่สุด

ทั้งนี้ โคราชไม่ใช่เมืองเล็ก เป็นเมืองมหานครแต่มีปมเจ็บปวด ทำไมงานดี เศรษฐกิจดีๆ มีไม่มาก พอหลายคนต้องไปทำงานที่อื่น ที่สำคัญโคราชไม่เคยมีพรรคการเมืองใดครองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผลัดกันไปมา ขอให้กาก้าวไกล โคราชจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชูนโยบาย พัฒนา ศก.-ท่องเที่ยวฝั่งธนฯ กระจายความเจริญ-การจ้างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(24 เม.ย.66) จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. บางแค-ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่าเศรษฐกิจของชาวฝั่งธนบุรีถือว่ามีครบทุกอย่างและมีศักยภาพ พร้อมที่พัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งพระนครและจังหวัดปริมณฑล ซึ่งตนอยากยกระดับฝั่งธน เพื่อกทม. จะได้ไม่กระจุกความเจริญ อยู่แต่ CBD (Central Business District เช่น พวกสาทร สีลม แหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจ) ตนมองว่าเมื่อการคมนาคมดีขึ้น ความเจริญต่าง ๆ จะตามมา 

จิ๊บ ศศิกานต์ ยังกล่าวอีกว่าฝั่งธนฯ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นเสน่ห์ที่ฝั่งพระนครไม่มี คือ การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ความเจริญทางเศรษฐกิจ วิถีชุมชนที่งดงาม และความสดชื่นของธรรมชาติ ถ้าเราสามารถพัฒนาให้เศรษฐกิจของฝั่งธนฯ สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง จิ๊บคิดว่านี่คือพื้นที่ศักยภาพสูงแห่งใหม่ของประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว   

ซึ่งตนขอตั้งคำถามนั่นคือ โลกหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในเกือบทุกมิติ ถึงเวลาแล้ว ที่คนฝั่งธนฯ จะสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยได้รับค่าแรง ค่าจ้างดี ๆ ตนมองว่านี่ถึงเวลาแล้วที่คนเก่ง ๆ ฝั่งธนฯ จะไม่ต้องไปทำงานในฝั่งพระนคร ที่แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน และมีค่าครองชีพสูงเกินไป

Green Area ของฝั่งธน จะต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้น คลองต้องสะอาดขึ้น พัฒนาให้มีเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น พื้นที่สีเขียวจะต้องมีการดูแลให้มากขึ้น ใต้สะพานสูง จะถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น (ตอนนี้บางแห่งมีแสงสว่างดีมาก ทำให้คนมาออกกำลังกายตอนกลางคืนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย)

“เด็กๆ ในฝั่งธนฯ จะต้องเติบโตแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติต่อไป” จิ๊บ ศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ปม 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง ชี้!! เป็นเรื่องเข้าใจผิด ลั่น!! “ไม่ใช่ทั้ง 130 ท่าน ที่จะถือหุ้นสื่อ”

‘ธรรมนัส’ โต้ ‘ชาญชัย’ ข้องใจ 130 บิ๊กเนมไม่ถูกตัดสิทธิ์ลต. ยัน ‘บิ๊กป้อม-ตนเอง ไม่ได้ถือหุ้น  ไล่ดูกม. ให้ชัด เหน็บ ไฟไหม้แค่เขต2 นครนายกฯ เท่านั้น

(24 เม.ย.66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัครส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ กล่าวตอบโต้กรณีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งข้อสังเกตกรณีที่ถูกกกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่2นครนายก ตัดสิทธิ์ลงสมัครส.ส.เพียงคนเดียว จากการถือครองหุ้น เข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส. โดยพาดพิงว่านักการเมืองทั้งหมด 130 คน มีผู้สมัคร ส.ส.ระดับบิ๊กเนม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวพรรค พปชร. และร.อ.ธรรมนัส ยังเดินหาเสียงได้อีก ทำไมไม่ถูกตัดสิทธิ์ 

ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาด ว่า นายชาญชัย คงเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าบุคคลอื่นถือหุ้นสื่อด้วย จึงขอชี้แจงว่า พล.อ.ประวิตร และตนไม่ได้ถือหุ้นสื่อ จึงไม่เป็นความจริงตามที่นายชาญชัย เข้าใจผิด ส่วนรายชื่อ 130 คน ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งมานั้น บอกว่าเป็นผู้มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 130 คนจะถือหุ้นสื่อแต่อย่างใด

“อยากฝากไปบอกคุณชาญชัย ว่า ให้กลับไปดูบทบัญญัติบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98(3) คือเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆโดยข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติห้ามเด็ดขาด และเหตุการณ์ไม่ได้ถึงขั้นไฟไหม้สำเพ็ง แต่ไหม้เฉพาะนครนายก เขต 2 เท่านั้น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘โรม’ โต้!! วาทกรรม ‘เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์’ ไม่มีจริง วอนประชาชนใช้สิทธิ์อย่างมีความหวัง - ไร้ความกลัว

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.66) นายรังสิมันต์ โรม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอลงแอปพลิเคชัน Tiktok ส่วนตัว ชี้แจงกรณีข่าวลือที่ส่งต่อกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้เลือกอย่างมียุทธศาสตร์ จนเกิดวาทกรรมต่างๆ เช่น เลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีคนสอบถามเข้ามาจำนวนมากว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ควรจะเลือกแบบมียุทธศาสตร์หรือไม่ เพราะกลัวว่าหากฝั่งประชาธิปไตยแพ้ สุดท้ายฝั่งตรงข้ามที่เป็นขั้วอำนาจเดิม จะกลับมามีอำนาจอีก ก่อนอื่นตนต้องบอกก่อนว่า การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ที่ใช้กัน เอาเข้าจริงแล้วเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ 

ในครั้งหนึ่งของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีคำพูดว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมอยู่ภายใต้ความกลัว และท้ายที่สุดการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเลือกตั้งที่ดีคือ “การเลือกตั้งอย่างมีความหวัง” ที่มีความฝันอยากให้เป็นไปได้

หากเราย้อนกลับไปตอนปี 2562 การเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายพรรคอนาคตใหม่จะชนะได้กี่เขตเลือกตั้ง ซึ่งสุดท้ายพรรคที่ไม่มีประสบการณ์อย่างอนาคตใหม่ ก็สามารถชนะเลือกตั้งได้กว่า 30 เขต สิ่งที่ตนอยากจะเสนอกับทุกคนคือมันไม่มีการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ มีแต่การเลือกตั้งที่อยากจะเห็นว่าใครเป็นตัวแทน อยากได้รัฐบาลแบบไหน ซึ่งการเลือกตั้งที่ดีควรจะเป็นแบบนี้

สุดท้าย หากอยากนำเสนอกันเรื่องการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ตนอยากจะบอกว่า ยุทธศาสตร์ที่หวังจะเห็นคือ ประเทศไทยต่อไปข้างหน้าควรจะเป็นอย่างไร อนาคตควรจะเป็นแบบไหน เพราะหากสุดท้ายยังเป็นแบบเดิม คนไทยจะได้อะไร ดังนั้น 14 พฤษภาคม ขอให้กาก้าวไกลทั้งสองใบ อย่าให้ใครมาสร้างความกลัว

‘อนุทิน’ ชูนโยบายการท่องเที่ยว-ประกันชีวิต-คมนาคม ชี้!! กระแสดีขึ้น รับ!! คลายกังวลประชาชนไม่เลือก ‘ภท.’

( 24 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดพังงา อ.เมือง จ.พังงา มีการปราศรัยของทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนกว่า 3,000 คน โดยเริ่มจากการขึ้นเวทีแนะนำตัวของ นายพงศกร เกตุประภากร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพังงา ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งบัญชีรายชื่อ พรรคพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีแนะนำตัว ต่อด้วย นายอรรถพล ไตรศรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.พังงา เบอร์ 8 พรรคภูมิใจไทย และ นายอำนาจ ดำรงค์พิทยากุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พังงา เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยบนเวที ต่อมาแกนนำพรรคภูมิใจไทย อย่าง นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต ส.ส.ราชบุรี สลับกับแกนนำคนอื่นๆ ขึ้นปราศรัย
.
จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมกับแกนนำพรรค ขึ้นเวทีปราศรัย ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว การประกันชีวิต สิทธิการฟอกไต โรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ การกระจายการรักษายังโรงพยาบาลชุมชน และการคมนาคม
.
นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสพรรคภูมิใจไทยขณะนี้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะที่ตนเองลงพื้นที่บ่อยขึ้น เนื่องจากแต่ละครั้งที่ลงพื้นที่ได้รับการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลนั้นคือกังวลว่าพี่น้องประชาชนไม่เลือก แต่ที่ผ่านมาค่อยเบาใจ และหายความกังวลมากขึ้น


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/726385

‘ศิธา’ วิเคราะห์ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลัง ‘ท่าที-คำตอบ’ ไม่เคลียร์ ปม ‘เพื่อไทย’ ไม่อยาก หรือ ไม่ร่วม รัฐบาลกับ 2 ลุง

เมื่อไม่นานนี้ นายศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ปิดไมค์ถาม’ ทางช่อง PPTV HD 36 โดยในหลาย ๆ มุมจากศิธาได้ ‘อ่านใจอุ๊งอิ๊ง ซึ่งสะท้อนออกมา ว่าอาจจะไม่อยากเล่นการเมือง ไม่อยากนั่งเก้าอี้นายกฯ แต่ทั้งหมดมีความจำเป็นให้ต้องลงมาในสนามนี้ รวมถึงปมคาใจ เหตุใด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตอบไม่ชัดว่าจะ 'ร่วม' หรือ ‘ไม่ร่วม’ รัฐบาลกับ 2 ลุง โดยเนื้อหาได้ระบุว่า…

โดยส่วนตัวนั้น ตนไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับเพื่อไทยเลย ตนมีความคิดว่า ตอนที่คุณหญิงสุดารัตน์ออกมา แกไม่ได้ผิด ไม่ได้เกี่ยวกับคนแดนไกล ไม่ได้เกี่ยวตระกูลชินวัตร ไม่ได้เกี่ยวเลย แต่ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของผู้บริหารข้างในที่อาจจะมีความขัดแย้งกัน และพอไปด้วยกันไม่ได้ ก็อาจจะต้องเลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ซึ่งเอาจริง ๆ ความเชื่อส่วนตัวของตนเชื่อว่า ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ยังอยู่เพื่อไทย คุณอุ๊งอิ๊งคงไม่ต้องมาเล่นการเมือง เพราะตนเชื่อว่า คุณหญิงสุดารัตน์สามารถเอาอยู่ สามารถจะดึงคะแนนได้ 

อย่างไรก็ตาม การที่คุณอุ๊งอิ๊งมีคุณพ่อเป็นนักการเมือง เป็นไอดอลของใครหลาย ๆ คน สมัยที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล และตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในหัวใจของประชาชน คุณอุ๊งอิ๊งก็คงซึมซับตรงนี้มา และอยากให้นโยบายต่าง ๆ สำเร็จ แต่ถามว่าอยากเข้ามาไหม? ตนเชื่อว่า ถ้าเป็นครอบครัวระดับมหาเศรษฐีขนาดนี้ ที่ต้องถูกแยกจากคุณพ่อและคุณอาไปอย่างไม่เป็นธรรม ครอบครัวไม่สามารถอยู่พร้อมหน้ากันได้ ความเชื่อของตนคิดว่า คุณอุ๊งอิ๊ง คงไม่ได้อยากเข้าการเมืองเลย

เมื่อถามถึงเรื่องการทุจริต นายศิธา กล่าวว่า คนไทยรับไม่ได้ หากนักการเมืองเข้ามาทุจริต อย่าว่าแต่เป็นแสน ๆ ล้านเลย แค่ล้านเดียวเขาก็รับไม่ได้ ตรงนี้ ถ้าเกิดคนยังคิดว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ, อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีความผิดจริง ทุจริตจริง เห็นชัดเจน และมีกระบวนการตัดสินที่เป็นธรรม จะแลนด์สไลด์ไหม จะชนะถล่มทลายไหม ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 44 จนกระทั่งการเลือกตั้งปี 66 ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะครบ 22 ปี มีพรรคการเมืองไหน เคยชนะพรรคการเมืองที่อดีตนายกฯ ทักษิณ สนับสนุนบ้าง ไม่ได้สนับสนุนแบบครอบงำนะ ตนหมายถึงในหลาย ๆ อย่างก็ยึดหลักจากที่เขาทำมา จนกระทั่งได้คะแนนชนะเป็นที่หนึ่งมาตลอด

‘ถาวร’ ปักธง ‘3ป.’ ยุทธศาสตร์พิทักษ์ชาติ ‘ปกป้องสถาบันฯ-ปราบโกง-ปฏิรูปประเทศ’

 (23 เม.ย.66) จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการเกาะติด-เจาะลึกการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ร่วมกับ TV Direct ช่อง 76 (จานดาวเทียม PSI) ได้เชิญ นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี มาฉายภาพสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน จุดยืนของพรรคไทยภักดี พรรคการเมืองที่ภักดีต่อประเทศไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งล้วงไปถึงนโยบายการเลือกตั้งของพรรค ผ่านยุทธศาสตร์ 3 ป. ดังนี้ว่า...

ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคไทยภักดี มุ่งมั่นที่จะทำการเมืองภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ป. ซึ่งมีความชัดเจนต่อการนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จทั้งเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจ และความสามัคคีของคนในชาติ โดย…

>> ป. ที่ 1 ได้แก่ ‘ปกป้องสถาบัน’
ไทยภักดี ต้องการให้คนไทยกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ซึ่งก่อนอื่น ผมอยากจะพูดถึงนิยามคำว่าที่ตอนนี้นำมาล้างสมองเด็กไทยกันมาก นั่นก็คือคำว่า ‘ล้าสมัย’ ที่หลุดมาจากบางพรรคและบางบุคคล ผมมองว่านี่เป็นเรื่อง ‘เส็งเคร็ง’ เพราะนักการเมือง นักวิชาการพวกนี้ กำลังใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เพื่อนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 

โดยกรรมวิธีที่คนเหล่านี้ทำ คือ เลือกที่จะรับเอาประวัติศาสตร์โง่ๆ ของคนยุโรปในบางประเทศมาทั้งดุ้น แล้วมาถอดแบบสอดใส่ให้กับประเทศไทย แล้วบอกว่าประเทศไทยล้าสมัย ใส่ลงไปในหัวเด็กๆ เยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งพวกคุณนั่นแหละล้าสมัย เพราะคุณไม่รู้จัก Apply สิ่งที่ดีในเมืองไทยให้ไปกับยุคสมัย แต่เลือกที่จะกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติแทน

เพราะฉะนั้น จึงเป็นที่มาของพรรคไทยภักดีในส่วนของ ป.แรก ที่ต้องการจะเข้ามาชัดเจนในการปกป้องสถาบัน ซึ่งอันที่จริงก็ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน มายึดโยงเป็นนโยบายสำคัญของไทยภักดี อันจะเกี่ยวเนื่องกับการต่อต้านการล้มมาตรา 112 ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร แต่กลับเป็นเครื่องมือชิ้นใหญ่ที่กำลังพาเด็กไทยเดินหลงทางบ้าง เดินไปเข้าคุกบ้าง เป็นการมุ่งร้ายต่อเด็ก โดยผู้ใหญ่ที่คุมเกมอยู่ข้างหลังทั้งสิ้น 

>> ป. ที่ 2. ได้แก่ ‘ปราบโกง’
ถ้าหากเราดูย้อนหลังไปสัก 10 ปี ช่วงปี 2557 อันดับการทุจริตของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 98 ของโลก จาก 180 ประเทศไทย แต่เราก็ตกลงไปอันดับที่ 110 และก็มีกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย จากการที่คอร์รัปชันทุจริตงอกเงย ในทุกๆ งบประมาณจะถูกเจียดเปอร์เซ็นต์ไปจากนักการเมืองโกง จาก 3 ล้านล้านเศษ ก็กินไปประมาณ 3 แสนล้านบาทบ้าง จี้ไปตรงไหนก็มีแต่โกงทุกหย่อมหญ้าบ้าง ในโครงการของรัฐบาล มีการโกงกินกันตั้งแต่ 10-20% ซึ่งเงินพวกนี้ เป็นส่วนแบ่งที่นักการเมืองกับพ่อค้าจับมือกันไปจ้างข้าราชการให้ทุจริต นักการเมืองได้ไปเต็มๆ ส่วนคนติดคุกคือ ข้าราชการประจำ นี่คือวิกฤต

สาเหตุหลักๆ ที่เกิดเหตุนี้ เพราะไม่เคยปฏิรูปประเทศไทยอย่างจริงจัง การบังคับใช้กฎหมายต่ำ และระบบอุปถัมภ์ยังไม่มีวันถูกปฏิรูป เราจึงต้องเข้ามาจัดการจุดนี้ ต้องแก้ความผิดคดีทุจริตให้ไม่มีอายุความในทุกๆ เรื่อง / นักการเมือง ต้องยื่นรายได้ โดยมีการตรวจสอบอาชีพ กำไร ขาดทุน เพื่อเช็กถึงความสุจริต ถ้าเจอว่าโกง ก็ยึดทรัพย์สินเข้ารัฐให้หมด / ต้องบังคับใช้สัญญาคุณธรรม รัฐมนตรีห้ามนิ่งเฉย นายกรัฐมนตรีห้ามนิ่งเฉย ห้วงเวลาของการพิจารณาคดีที่ยืดเยื้อต้องไม่มี ผิดต้องเอาความได้เร็วและฉับไว เพื่อให้ประชาชนไม่มองเห็นการโกงเป็นเรื่องปกติ โดยสิ่งเหล่านี้ทำได้ด้วยการแก้กฎหมายให้เป็นรูปธรรม และไทยภักดีจะผลักดันการปราบโกงในลักษณะนี้ให้ถึงที่สุด รวมถึงผลักดันทางสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนทัศนคติให้หยุดโกงตั้งแต่เด็ก แบบที่ประเทศจีนทำได้มาแล้ว

>> สุดท้ายกับ ป ที่ 3. ได้แก่ ‘ปฏิรูป-ปฏิวัติ’
เดิมทีแนวทางการปฏิรูปประเทศ ภายหลัง คสช.ยึดอำนาจแล้วเสร็จนั้น เต็มไปด้วยแนวคิด แต่เป็นแนวคิดที่ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์บ้าง เอกสารบ้าง รัฐธรรมนูญบ้าง แต่ยังไม่เกิดการนำมาใช้จริง ซึ่งหลายเรื่องเป็นกุศโลบายที่เหล่ามวลมหาประชาชนต้องนำเลือดเนื้อไปเสียสละ เพื่อหวังได้เห็นการเปลี่ยนแปลง 

ยกตัวอย่างเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน เราจะต้องผลักดันให้เกษตรกรยืนตระหง่านโดยไม่พึ่งพาทุนผูกขาด เช่น การพึ่งพาเรื่องพลังงาน สนับสนุนให้เกษตรกรปลูก ‘หญ้าเนเปียร์’ เพื่อนำมาผลิตแก๊ส หรือแม้แต่นำมาพัฒนาเป็นพลังงานไปปั่นเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นแนวคิดในการใช้สินค้าการเกษตร พัฒนาพลังงานสะอาด ก้าวข้ามฟอสซิล

‘กกต.’ แจง!! ปมเลือกตั้งนอกราชฯ กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัครผิด ยอมรับผิดจริง หลังทราบเรื่อง รับสั่งแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

เลขาฯ กกต. แจง ปมเลือกตั้งนอกราชฯกรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัครสลับกัน ยอมรับผิดพลาดจริง แต่แก้ไขแล้ว

( 24 เม.ย.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีประกาศที่ออกโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 11 สลับรูปกัน สำหรับเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรผิดพลาดว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดพลาด แต่เราได้ทราบเรื่องและแก้ไขโดยส่งฉบับที่ถูกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแล้ว และได้ตรวจสอบที่สถานทูตอื่น ซึ่งที่ประเทศอังกฤษจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเยอะแล้วพอได้รับเอกสารแล้วท่านก็ส่งเลย แต่ที่ประเทศอื่นฉบับที่เราแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่งไปถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนไว้ โดยไม่ได้ส่งฉบับที่ผิดพลาดรอบแรกไป และเท่าที่ได้ตรวจสอบกับทางสถานทูตและสถานกงสุลมีแค่ที่อังกฤษที่ผิดพลาด

'ไพบูลย์' เตือน!! โพลชี้นำ เจตนาไม่บริสุทธิ์ โน้มน้าวใจคนลงคะแนน ระวังผิดกฎหมาย

(24 เม.ย.66) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่าตามที่ได้ปรากฏมีสํานักโพลที่ไปสํารวจความคิดเห็นของประชาชน ในการเลือกตั้งหลายสํานัก ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผลสํารวจ ของสํานักตนเองนั้น มีบางสํานักปรากฏข้อมูลในการเปิดเผยผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชน ที่น่าจะไม่สอดรับกับความเป็นจริงในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมือง 

ดังนั้น ในฐานะนักกฎหมายผมจึงเป็นห่วงว่าสํานักโพลเหล่านั้น อาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 72 ซึ่งบัญญัติว่า การสํารวจความคิดเห็นของประชาชน โดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นํา หรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือก หรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดจะกระทํามิได้ และยังเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 73 อนุห้า หลอกลวงบังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง 

ทั้งนี้ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 อนุห้า กฎหมายห้ามมิให้ผู้ใด ซึ่งรวมถึงสํานักโพลต่างๆ แล้วก็รวมถึงผู้ที่นํามาเผยแพร่ต่อ ได้กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ดังนั้นหากสํานัก ใด ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ. ศ. 2561 มาตรา 73 อนุห้า ก็จะมีบทลงโทษซึ่งกําหนดไว้ในมาตรา 159 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี 

ดังนั้น ผมจึงขอแจ้งข้อห่วงใย มายังสํานักโพลและผู้ที่นําผลโพลของ สํานักต่างที่อาจจะมีปัญหาดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นไปเผยแพรต้องให้ความระมัดระวังในข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าวกันอย่างมากๆ เพราะเชื่อว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยื่นคําร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบสํานักโพลที่กล่าวมาข้างต้น และอาจจะรวมถึงผู้ที่นําไปเผยแพร่ต่อผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถยื่นคําร้องได้จนถึง 30 วัน หลังจากวันเลือกตั้งแล้วก็อาจจะทําให้ สํานักโพลหรือผู้ที่นําไปเผยแพร่ ผลสํารวจที่มีปัญหาดังกล่าวนั้น อาจจะมีปัญหาทางกฎหมายก็ได้ด้วยความเป็นห่วงในข้อกฎหมาย ในฐานะนักกฎหมาย จึงขอนําเสนอข้อกฎหมายตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top