Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

'พังงา' แห่รับ 'เศรษฐา' ล้น!! เจ้าตัว ลั่น!! อบอุ่นได้กุหลาบเยอะมาก ยาหอม!! พร้อมนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.66) ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพังงา (หลังเก่า) ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา จ.พังงา พรรคเพื่อไทยจังหวัดพังงา นำโดย นายธะเนต นาวาล่อง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพังงา เบอร์ 5 พรรคเพื่อไทย และนายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดพังงา เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย, นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายสุธรรม แสงประทุม ประธานขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมการปราศรัย ซึ่งสาระสำคัญในการปราศรัย เรื่องปากท้องชาวบ้าน​ ราคายางพารา​ การท่องเที่ยว​ เป็นต้น

'มิ่งขวัญ' ย้ำ!! ลดค่าไฟ ค่าแก๊สได้จริง มั่น!! หาเงินได้ ใช้เงินเป็น วอนคนไทยเลือก พปชร. ชู 'ลุงป้อม' เป็นนายกฯ ทำทันที

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ ได้ไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ เวทีดีเบต เลือกตั้ง 66 END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้ ในประเด็นเรื่องการขึ้นค่าจ้าง โดยมองว่า "การขึ้นค่าจ้างถ้าขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เงินเฟ้อสูงถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาตรงหน้า อย่างค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส เราต้องแก้ตรงจุดนี้ไม่อย่างนั้นเราจะสู้ประเทศอื่นได้ยาก"

นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจสำหรับตน คือความต้องการที่จะให้ทุกคนในประเทศมีความสุข ตนจึงได้คิดแคมเปญ 3 4 5 6 7 8 โดยตนนั่งนึกถึงคน 3 เจเนอเรชั่น และจะได้ตอบโจทย์กับผู้สูงวัยว่าตนไม่เป็นภาระของลูกหลาน และถ้าตนมีอำนาจและกุมเศรษฐกิจประเทศนี้

'ชัยวุฒิ' ชูนโยบายกองทุนประชารัฐเพื่อคนไทยทุกคน พร้อมย้ำ!! “เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง” พอกันทีวาทกรรม

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในรายการพิเศษ เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอน แลกเปลี่ยนประเด็นร้อน กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งได้ชี้แจงนโยบบายแจกเงิน 30,000 บาท ว่า แนวนโยบายหลักของพรรคคือการช่วยเหลือกลุ่มพี่น้องที่เปราะบาง เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ประกอบอาชีพได้ลำบาก พรรคพลังประชารัฐจึงได้คิดถึงการพัฒนาอาชีพ พร้อมเงินลงทุนให้ทุกคนไปประกอบอาชีพได้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน โดยให้ทุกคนไปบริหารจัดการเอง

ในส่วนเรื่องของการขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย ทางกระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่สำหรับผู้ที่ตกหล่นอีกครั้ง เพื่อให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของการให้เงินประชาชนเปล่า ๆ ตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างเงินกองทุนหมู่บ้าน ตนก็ไม่เห็นด้วยเพราะทำให้ประชาชนเป็นหนี้ และไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้ แต่ตนมองถึงการสร้างอาชีพ การให้เงินสนับสนุนอาชีพ 30,000 บาท ให้กับทุกครอบครัวไม่ว่าจะอาชีพอะไร รวมถึงการตั้งกองทุนเพื่อให้ประชาชนเอาไปลงทุนกับ SMEs ธุรกิจสตาร์จ Startup ไม่ใช่แจกเงินอย่างเดียว ดังนั้นการให้เงินเป็นกลุ่มจึงตอบโจทย์ได้ได้ครอบคลุมมากกว่า

‘จุรินทร์’ ลั่น!! ‘ประชาธิปัตย์’ มีนโยบายรื้อสัญญาค่าไฟแพง เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ปชช. จ่อเดินหน้ามาตรการลดค่าไฟผู้มีรายได้น้อย

(26 เม.ย.66) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองชูนโยบายแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ประชาธิปัตย์ยืนยันได้หรือไม่ว่าถ้าเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลหรือได้เข้าร่วมรัฐบาล จะมีวิธีการแก้ปัญหาค่าไฟแพงอย่างไร ว่า ถ้าได้จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์เรามีแนวทางที่จะเข้าไปแก้ปัญหาราคาพลังงานที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งหมดจะเดินหน้าอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรที่ทำได้จริงเราจะบอกชาวบ้าน อะไรที่มันทำไม่ได้เพราะเป็นสัญญาผูกพันมาช้านานตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้า เราก็จะบอกตรงๆ แต่อะไรที่แก้ได้เราก็จะเข้าไปแก้ เช่น สัญญาที่ผูกพันมาตั้งแต่ในอดีต ตนไม่อยากพูดว่าพรรคไหน เพราะรู้กันทั้งประเทศอยู่แล้วและจะเข้าไปดูว่าเป็นเงื่อนไขที่เราสามารถใช้ข้อกฎหมายเปลี่ยนแปลงสัญญาเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าไฟกับพี่น้องประชาชนต่อไป ก็จะเร่งทำ รวมทั้งการเดินหน้ามาตรการที่เราทำอยู่ร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ เช่น มาตรการลดค่าไฟให้กับผู้มีรายได้น้อยก็จะเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไป 

‘เพื่อไทย’ โชว์ 14 แนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง มั่นใจ!! หากได้เป็นรัฐบาล ปชช. มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี

(26 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยระบุว่า…

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน คือโลกแปรปรวน เกิดน้ำท่วม น้ำแล้งรุนแรงและถี่มากขึ้น สร้างความเสียหายให้ประเทศ การพัฒนาต้องหยุดชะงัก และต้องใช้งบประมาณมหาศาลเยียวยา ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มิติการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจะต้องเปลี่ยนไปด้วยวิธีคิดใหม่อย่างเป็นระบบ ประเทศไทยจะต้องไม่ท่วมไม่แล้ง ประชาชนต้องมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี

พรรคเพื่อไทย มีมิติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด 14 ข้อ
1. จะมีประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อม จะมีการแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม จะมีพ.ร.บ.อากาศสะอาด จะมี พ.ร.บ.น้ำเสีย และจะมีกฎหมายบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ให้อำนาจการเป็น Regulator ที่สมบูรณ์ โดยกฎหมายมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา และมีการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

2. ใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เช่น Incentive และ Sanctions เช่น Tax ทุน ดอกเบี้ยไปพร้อมๆ กัน

3. ปรากฏการหรือเป้าหมายใหม่ๆ เช่น Carbon Neutrality, Zero GHG Emissions, Good Agricultural Practices (GAP) และ Transboundary Haze Agreement (THA) จะมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน มีเจ้าของเรื่อง และมีการติดตามประมวลผลตลอด

4. Circular Economy จะต้องให้ความสำคัญทางด้านผลประโยชน์ควบคู่ไปกับผลผลิตสุดท้าย (ขยะ) อย่างเท่าเทียมกัน

5. การมองทรัพยากรป่าไม้ จะต้องปรับเปลี่ยนจากการมองแบบแยกส่วนทางด้านระบบนิเวศน์ (Ecological Approach) เป็นการมองแบบภูมิทัศน์ทางสังคม (Landscape Approach) แทน

6. ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศน์ทางทะเลมากขึ้น เพราะขณะนี้พบว่า บางจุดจะได้เข้าใกล้Planetary Limit and Tolerance แล้ว โดยใช้นโยบาย Blue Evolution 

7. ปัญหาคนทำลายป่าไม้ จะเปลี่ยนวิธีคิดจากเดิมคนอยู่กับป่า มาเป็นป่าอยู่กับคน เพื่อให้นโยบาย Green ประสบความสำเร็จทั้งในป่าและในเมือง

‘จุรินทร์’ ยกทัพออนทัวร์ ‘เชียงใหม่’ ขอคะแนน 27 เม.ย.นี้ โว!! หลายนโยบายครองใจเกษตรกร ไม่มีประวัติด่างพร้อย เห็นเป็นรูปธรรม

(26 เม.ย.66) พรรคประชาธิปัตย์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน 2566 นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำ ‘จุรินทร์ออนทัวร์’ พร้อมด้วยแกนนำพรรค เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนร่วมกับผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายจักรวาลธวัฒน์ วรรณาวงค์ เบอร์ 7 เขต 2 นายกัมปนาท ธิสา เบอร์ 7 เขต 3 นายวิชิต กลิ่นทอง เบอร์ 7 เขต 4 นางสาวจิตพลอย จิตจักรวาลทอง เบอร์ 7 และเขต 5 ว่าที่ ร.ท. วิศธร เถาตระกูล เบอร์ 9 พร้อมกับรณรงค์หาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26 

สำหรับกิจกรรมในจังหวัดเชียงใหม่นั้น จะเริ่มด้วยการเดินหาเสียง บริเวณกาดแม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จากนั้นเดินทางไปหาเสียงที่ตลาดสามแยก อ.สันทราย ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 4 ต่อด้วยกาดสันป่าข่อย อ.เมือง ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 แล้วจะได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าจีน ที่บริเวณกาดหลวง อ.เมือง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 สำหรับในช่วงเย็นจะมีการปราศรัยที่บริเวณลานพลาซ่า สนามกีฬา 700 ปี อ.แม่ริม

‘เพื่อไทย’ ชู ยกระดับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง จัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์-เข้ารักษาได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย

(26 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความถึงระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ที่อธิบายโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า…

พรรคเพื่อไทยจะยกระดับนโยบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่พรรคไทยรักไทยทำไว้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า พรรคฯ จะดำเนินโครงการนี้ต่อ พร้อมกับการปฏิรูปงบประมาณทั้งระบบ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการบริหารจัดการโครงการฯ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะโอนมอบภารกิจในการเป็นหน่วยงานรับประกันด้านสุขภาพของประชาชนให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แทนที่โรงพยาบาลเหมือนในอดีต 

พร้อมนี้ ยังจะเพิ่มงบประมาณในโครงการเป็น 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อให้สปสช.ดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง สามารถเลือกแพทย์และโรงพยาบาลได้ตามที่ตัวเองต้องการ 

นอกจากนี้ ยังจะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บข้อมูลและประวัติการรักษาพยาบาลของคนไข้ไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้การเรียกหาข้อมูลของคนไข้ทำได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน

‘ดร.เอ้’ ควง ‘แนน ศิริภา’ ลุยทำคะแนนฝั่งธนฯ ชู ‘Wrap ตึกก่อสร้าง’ เล็งติดตั้งเครื่องวัดฝุ่น 2,000 จุดทั่วกรุงฯ ดัน กม.ควบคุมมลพิษจริงจัง

(26 เม.ย. 66) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ตลาดสำเหร่ เขตธนบุรี ขอคะแนนเสียงสนับสนุนให้กับ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สัมคร ส.ส. กทม.เบอร์ 11 เขตธนบุรี คลองสาน ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการพบปะมีพี่น้องประชาชนที่มาจ่ายตลาดยามเช้า นำเสนอนโยบายของพรรค และรับฟังการสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อรวบรวมและผลักดันให้มีการแก้ไข โดยมีการสะท้อนถึงปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ปัญหาค่าครองชีพปากท้อง และที่สำคัญคือ ปัญหาสุขภาพ จากฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานกระทบต่อวิถีชีวิตคนในชุมชน เนื่องจากคนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยเป็นผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ นายสุชัชวีร์ ได้นำเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ได้มาตรฐานไปตรวจวัด ในจุดที่ประชาชนร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก ที่บริเวณถนนเจริญนคร 23 ด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัย ที่มีโรงเรียนอนุบาล และเป็นพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง กระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ทั้งนี้ จากการตรวจวัดในระดับพื้นที่พบ ค่าฝุ่น PM 2.5 ถึง 65 มคก./ลบ.ม. ถือว่าเกินค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ที่กำหนดค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 25 มคก./ลบ.ม.

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบาย ติดตั้งเครื่องวัดฝุ่นคุณภาพสูงอย่างน้อย 2,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ และขอความร่วมมือป้าย LED แจ้งปริมาณฝุ่น พร้อมส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกินค่ามาตรฐาน ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ จะกำหนดเงื่อนไขในกฎหมายอากาศสะอาด ให้ตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต้อง Wrap ตึก และสามารถเคลมเป็นภาษีได้ ถ้าไม่ Wrap ต้องมีมาตรการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างหรือโดนภาษีหนัก และในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในที่มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาลมากมาย ควรเป็นเขต LEZ (Low Emission Zone) เช่น ถ้ารถสิบล้อเข้าเขตนี้ต้องเสียภาษีเพิ่ม รถควันดำห้ามเข้า เป็นต้น

‘นฤมล’ ฝ่าสายฝน บุก ซ.ละลายทรัพย์ ชูนโยบายกระตุ้น ศก. ลดค่าครองชีพ-ฟื้นฟูย่านการค้า กระจายรายได้สู่ชุมชน

(26 เม.ย. 66) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่สีลมซอย 5 ซอยละลายทรัพย์ ช่วยนายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) เบอร์ 11 หาเสียง เพื่อพบปะพูดคุยผู้ค้าขายในพื้นที่ท่ามกลางฝนที่ตกมาอย่างหนัก โดยมีประชาชนสอบถามเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเรื่องราคาพลังงาน ไฟฟ้า แก๊ส การลดค่าครองชีพ และการฟื้นตัวของการค้าขาย

นางนฤมล กล่าวว่า ผู้สมัคร กทม.พรรค พปชร.ลงพื้นที่ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้าย การลงพื้นที่ซอยละลายทรัพย์ จะเน้นในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชนฐานราก และนโยบายลดค่าครองชีพ ที่พรรคมีนโยบายภาพรวมแก้ปัญหาครบทุกภาค ทั้งภาคตะวันออก ภาคใต้ และให้ความสำคัญสำหรับทุกภาคของประเทศไทย สำหรับการพัฒนาพื้นที่ ไม่ใช่ดูแลคน กทม.อย่างเดียว จะพัฒนาจังหวัดโดยรอบ เน้นไปที่ประชาชนว่าจะกระจายรายได้ไปถึงเขาได้อย่างไร

เกิน 100 ที่นั่ง 'ฝันกลางวัน-ฝันทะลุแดด' ของพรรคก้าวไกล ในจังหวะลิเกเซผิดบท ถูกตีตราเป็น 'คนโกหก' ไม่ทำชั่ว...ไม่มี!!

อีก 17 วันก็จะถึงวันเข้าคูหาชี้ชะตาประเทศไทยกันแล้ว...ต้องยอมรับว่าเกมบดขยี้กันเองในฝ่ายที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย อย่าง 'พรรคเพื่อไทย' กับ 'พรรคก้าวไกล' ช่างแหลมคมและออกอาการได้เสียกันเด่นชัด

พรรคเพื่อไทยนั้นเพิ่งจะโงหัวขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเติมเงินดิจิทัลหมื่นบาท...และพอจะเริ่มตั้งหลักปราศรัยเรื่องดีลลับไม่ลับกับพรรคพลังประชารัฐได้บ้าง...ถ้าเป็นการชกมวยก็ต้องบอกว่าขณะนี้เป็นยกที่ประคองตัวไม่ให้ถูกน็อกหรือถูกนับยาว...ซื้อเวลารอออกอาวุธยกต่อๆ ไป...

ต่างกับพรรคก้าวไกล...กำลังก้าวยาวๆ ห้าวเป้งกันทั้งพรรค อานิสงส์จากลูกขยัน บวกนโยบายที่ชัดเจนและเวทีดีเบตที่ช่วยเป็นลมใต้ปีกให้เรตติ้งขึ้นสูง ส่งให้โพลทุกสำนักชี้ว่า 'กำลังพุ่ง' ถึงขั้นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคฟันธงว่าจะไปไกลกว่า 100 ที่นั่ง...

ยามนี้ 'ติ่งพรรคแดง' กับ 'ติ่งพรรคส้ม' จึงบี้เบียดกันทั้งบนดินและใต้ดิน...ติ่งส้มบอกว่า “เลือกเพื่อไทยได้ป้อม” ติ่งแดงบอกว่า.."เลือกก้าวไกลได้ตู่"

อย่างหลังนี่พยายามอธิบายว่า ถ้าเทคะแนนให้ ก้าวไกล มากๆ พรรคเพื่อไทย จะอดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล   ฟากฝั่งลุงตู่จะจัดตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจต่ออะไรประมาณนั้น...

ไม่ว่าจะอย่างไรต้องยอมรับในกระแสที่ร้อนแรงของพรรคก้าวไกล 'ชัยธวัช ตุลาธน' เลขาธิการพรรคถึงขั้นมั่นใจว่าจะได้ปาร์ตี้ลิสต์ในระดับ 30 ที่นั่ง นั่นแปลว่าต้องได้คะแนนดิบถึง 10 ล้านเสียง...ซึ่งอาจจะเป็นไปได้แต่ก็ยากมาก เพราะปี 2562 พรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลในปัจจุบัน ขนาดมีส้มหล่นจากพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบได้คะแนนพรรค 6.3 ล้านเสียงเท่านั้น...

ย้อนไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้ 81 ที่นั่ง แยกเป็นส.ส.เขต 31 ปาร์ตี้ลิสต์ 50 แต่ปัญหาสำคัญของพรรคก้าวไกลในรอบนี้ก็คือ กติกาการเลือกตั้งเป็นบัตรสองใบ (ร้อยหาร) จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลดจาก 150 เหลือ 100 คน จุดชี้ขาดสำคัญจึงอยู่ที่ส.ส.เขต 400 ที่นั่ง...

แม้ขณะนี้ก้าวไกลจะมีคะแนนพุ่ง แต่ก็พุ่งอยู่ในลำดับ 2-5 เป็นส่วนใหญ่ แต่การจะได้เป็น ส.ส.เขต จะต้องมาเป็นที่หนึ่งในเขตเท่านั้น ไอ้คะแนนที่สองที่สามที่สี่ที่ห้า...ได้มาก็ถูกทิ้งน้ำ...นี่คือความโหดร้ายของการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top