Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘สกลธี’ เผย ‘พปชร.’ ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม. หนุน ประชาชนออกกำลังกาย ลดโรค-สร้างสุขภาพที่ดี

( 25 เม.ย. 66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับ ‘อ้น’ น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 15 (คันนายาว-บึงกุ่ม) หมายเลข 8 เพื่อพบปะประชาชน โดย น.ส.ณิรินทร์ กล่าวว่า สวนเสรีไทยนี้ เป็นหนึ่งในสวนตัวอย่างของ กทม.ที่ไม่ต้องมีขนาดใหญ่มาก แต่เข้าถึงง่าย ใกล้กับหมู่บ้าน แหล่งชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเดินออกกำลังรอบสวนได้ มีความปลอดภัยเพราะมี รปภ.ดูแลตลอด ตนจึงอยากให้มีการสร้างสวนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหลาย ๆ แห่งใน กทม.

นายสกลธี กล่าวว่า เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม.โดยเฉพาะการสร้างสวนขนาดเล็ก ที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที แต่งบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐจึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทขึ้น เพื่อมาช่วยท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค

รองหัวหน้า ‘ชทพ.’ ลุยช่วย ‘ปู้ ประวิทย์’ หาเสียง ชูนโยบาย ‘ว้าวไทยแลนด์’ อ้อน!! ขออาสาพัฒนาอยุธยา

รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เดินตลาดเสนา ช่วย ปู้-ประวิทย์ เจ้าตัวลั่น พร้อมพัฒนาอยุธยา ขอปักธง

(24 เม.ย. 66) ที่จ. พระนครศรีอยุธยา นายกนก วงษ์ตระหง่าน และ นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ลงพื้นที่ตลาดเสนาอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วย นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา พระนครศรีอยุธยา เขต 5 เบอร์ 12 หาเสียง ด้วยการเดินแจกแผ่นพับแนะนำตัว พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดรวมถึงพ่อค้าแม่ค้า เพื่อขอคะแนนเสียงให้เลือกนายประวิทย์ เบอร์12 และพรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18

นายประวิทย์ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนามาแนะนำนโยบายว้าวไทยแลนด์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่มารับฟังปัญหา จากพี่น้องประชาชนแล้ว ก็ได้นำเสนอเพื่อปรับเป็นนโยบายพรรค โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ที่หลายคนเห็นว่าเศรษฐกิจในพื้นที่อยุธยาเขตห้านี้ยังไม่โตเท่ากับจังหวัดสุพรรณบุรี เพิ่งถือเป็นเมืองหลวงของพรรคชาติไทยพัฒนา ตนจึงมีความตั้งใจอยากจะเข้ามาพัฒนาพื้นที่เขต 5 อยุธยา ให้เหมือนกับจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในพื้นที่นี้ จึงอยากขอคะแนนให้พรรคชาติไทยพัฒนาได้ปักธง

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. นครศรีธรรมราช ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 4 เขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช (เฉพาะ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช, ตำบลปากนคร, ตำบลท่าไร่, ตำบลท่าเรือ, ตำบลบางจาก, เทศบาลตำบลบางจาก และเทศบาลตำบลปากนคร)
>>เขต 2 อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
(เฉพาะตำบลท่างิ้ว, ตำบลกำแพงเซา, ตำบลโพธิ์เสด็จ, ตำบลนาเคียน, ตำบลนาทราย, ตำบลมะม่วงสองต้น, ตำบลไชยมนตรี, ตำบลปากพูน, ตำบลท่าซัก และเทศบาลตำบลท่าแพ) อำเภอพระพรหม
>>เขต 3 อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร
>>เขต 4 อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
>>เขต 5 อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอลานสกา
>>เขต 6 อำเภอทุ่งสง (ยกเว้นตำบลเขาขาว)
>>เขต 7 อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอบางขัน อำเภอทุ่งสง (เฉพาะตำบลเขาขาว)
>>เขต 8 อำเภอพิปูน อำเภอฉวาง อำเภอช้างกลาง อำเภอนาบอน
>>เขต 9 อำเภอพรหมคีรี อำเภอนบพิตำ อำเภอท่าศาลา (เฉพาะตำบลท่าศาลา, ตำบลไทยบุรี ตำบลหัวตะพาน, ตำบลโพธิ์ทอง, ตำบลโมคลาน, ตำบลดอนตะโก และเทศบาลตำบลท่าศาลา)
>>เขต 10 อำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา (เฉพาะตำบลกลาย, ตำบลตลิ่งชัน, ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าขึ้น)

6 พรรคใหญ่ฉายนโยบายสุขภาพคนไทย ประสานเสียงไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าและกัญชาเสรี

เมื่อช่วงสายวันที่ 25 เมษายน 2566 ณ ห้องฟอร์จูน ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ฟอร์จูน กรุงเทพฯ,  มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดประชุมโฟกัส กรุ๊ป หัวข้อ

“สื่อมวลชนพบพรรคการเมือง : ถามหา นโยบายสร้างเสริมสุขภาพคนไทย” โดยเชิญตัวแทนจาก 6 พรรคการเมืองสำคัญเข้าร่วมประชุมฯ มี นายวิเชษฐ์  พิชัยรัตน์  สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ
ตัวแทนจากพรรคการเมือง ได้กล่าวสรุปประเด็นสำคัญของนโยบายพรรค เริ่มจากนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะยกระดับนโยบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่พรรคไทยรักไทยทำไว้เมื่อ 22ปีที่แล้ว ซึ่งหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า พรรคฯจะดำเนินโครงการนี้ต่อ พร้อมกับการปฏิรูปงบประมาณทั้งระบบ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการบริหารจัดการโครงการฯอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะโอนมอบภารกิจในการเป็นหน่วยงานรับประกันด้านสุขภาพของประชาชนให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แทนที่โรงพยาบาลเหมือนในอดีต

ทั้งนี้ ยังจะเพิ่มงบประมาณในโครงการเป็น 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อให้สปสช.ดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง สามารถเลือกแพทย์และโรงพยาบาลได้ตามที่ตัวเองต้องการ นอกจากนี้ ยังจะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บข้อมูลและประวัติการรักษาพยาบาลของคนไข้ไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้การเรียกหาข้อมูลของคนไข้ทำได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน


"ต่อไปการนัดหมายคุณหมอ ไม่ต้องต่อคิวยาวเหมือนในอดีต คนไข้สามารถเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการได้ตามใจ จะเลือกที่ใกล้บ้าน หรือใกล้ใจก็ได้ แม้แต่การเจาะเลือด ต่อไปก็ไม่ต้องไปรอตั้งแต่เช้า รวมถึงการรับยาที่สามารถจะนำใบสั่งยาจากแพทย์ เพื่อไปรับยาได้จากร้านยาใกล้บ้าน ภายใต้การดูแลของเภสัชกร"

น.พ.สุรพงษ์ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดในการฉีดวัคซีนป้องโรคต่างๆ ให้กับคนไทย โดยเฉพาะเพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกแก่เด็กหญิงอายุ 9-11 ปี และมะเร็งตับสำหรับผู้ชาย


ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินนโยบายด้านสุขภาพให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการต่อไปทันทีที่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20ปี (2565-2574) ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนแนวทางการทำงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)


นอกจากนี้ พรรคฯจะขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพภายใต้กรอบแนวคิดที่จะยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในภาพแวดล้อมทั้งทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ สื่อมวลชนถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุขไปสู่ประชาชนได้เป็นอย่างดี


"ต่อไปพรรคจะสร้างสถานพยาบาลนำร่อง ที่จะให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขครบวงจร เริ่มจากเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร โดยทำให้ครบทั้ง 50 เขต จากนั้นจะขยายไปจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป" น.พ.เหรียญทอง ย้ำ


นายนิกร จำนง พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่นายแพทย์ แต่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดนโยบายของพรรค กล่าวว่า ในสมัยที่ตนเป็น รมช.คมนาคม เคยมีนโยบายประมูลเลขทะเบียนรถสวย เพื่อนำมาตั้งเป็นกองทุน ตามแนวคิดของสสส. เพื่อนำรายได้มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยและรณรงค์การเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนน ซึ่งหากได้เป็นรัฐบาล ก็จะดำเนินโครงการในลักษณะเช่นนี้ต่อไป ทั้งนี้ ในอดีต พรรคได้ดำเนินงานร่วมกับ สสส.มาโดยตลอด เช่น โครงการรณรงค์ "ให้เหล้าเท่ากับแช่ง" เป็นต้น ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เชื่อว่าในอนาคต พรรคก็พร้อมจะทำงานร่วมกันต่อไป


"แนวคิดของพรรค คือ เน้นการป้องกันสุขภาพมากกว่าจะเน้นการรักษา เนื่องจากใช้งบประมาณที่ต่ำกว่า เพราะแต่ละปีรัฐบาลจะต้องใช้งบฯในส่วนนี้มากถึงปีละ 5 แสนล้านบาท แต่จากนี้ไป พรรคฯจะเสนอนโยบาย "สุขภาพดีมีเงินคืน" เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น" นายนิกร กล่าว


นพ.เธียรชัย สุวรรณเพ็ญ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคไม่เน้นสร้างนโยบายสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ หรือมีรายละเอียดมากเกินไป เพราะมีประสบการณ์ที่ว่า "พูดแล้วไม่ทำ หรือทำไม่ได้" จะกลายเป็นความเสียหายตามมาได้ เนื่องจากอาจมีปัจจัยความไม่แน่นอนแทรกซ้อนขึ้นมาได้ แต่จะเน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการตรวจสอบเพื่อป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง เช่น การตรวจสอบฮอร์โมนในกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันปัญหาความพิการในเด็กแรกเกิด การตรวจสอบกลุ่มคนที่มีประวัติและความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ครอบครัวเคยมีประวัติการป่วยมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเป็นต้นเหตุของปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงการใช้นโยบายด้านภาษีเพื่อดูแลสุขภาพของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีความหวานมาบ้างแล้ว


ส่วน ร.อ.ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ ร.น. พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า พรรคฯเป็นแกนนำรัฐบาลมาตลอด 4 ปี และพร้อมจะดำเนินนโยบาย "คนไทยแข็งแกร่ง  ประเทศไทยแข็งแรง ก้าวสู่มหาอำนาจด้านสุขภาพ" ด้วยการทำให้เกิดการแพทย์ทั่วถึงและเท่าเทียม การปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการนำระบบเทเลเมดิคัล เฮลท์ มาใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยเป็นต้น
ขณะที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง พรรคก้าวไกล ย้ำว่า พรรคมองเห็นปัญหา 2 ประเด็นคือ ปัญหาเรื่องงบประมาณด้านสาธารณสุขที่ยังน้อยเกินไป และปัญหาด้านบุคคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักชั่วโมงการทำงานของหมอและพยาบาลที่มีมากเกินไป ส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านสุขภาพและจิตใจอย่างมาก จนอาจกระทบต่อการปฏิบัติงานได้ ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่ลดชั่วโมงการทำงานจากเดิม 87 ชม.ต่อสัปดาห์ เหลือเพียง 60 ชม.ต่อสัปดาห์ พร้อมกับลดสัดส่วนในการดูแลผู้ป่วยของแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐที่มี 1:200 คน ให้เหลือน้อยลง แม้จะไม่เท่ากับแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนที่มีราว 1:20 ถึง 40 คนก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาแพทย์ย้ายไปทำงานกับโรงพยาบาลเอกชน

‘บิ๊กป้อม’ ย้ำ!! พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 เท่านั้น แนะ!! อย่าเชื่อพวกแอบแฝงหาเสียง แต่บอกให้กาเบอร์อื่น

(25 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีการหาเสียงโดยใช้วิธีใต้ดินเชิญชวนเลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่บอกให้กาเบอร์พรรคอื่น จะมีวิธีอะไรที่จะทำให้ประชาชนเลือกถูกต้อง ว่า ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ก็อย่าไปเชื่อ พรรคพปชร. เบอร์ 37 อยู่แล้ว สื่อมวลชนก็ช่วยออกข่าวพรรคพปชร. เบอร์ 37 ไม่ใช่เบอร์ที่เขาว่า 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพปชร. มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ จ.สงขลา และจ.นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.นี้ จะเดินทางไปด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คงจะต้องไป

‘ก้าวไกล’ ข้องใจ!! กกต. ต้องมีคำตอบ-เร่งแก้ไข ปมโลโก้พรรคสีซีดจาง ชี้ หากผิดพลาดที่การพิมพ์ ควรซีดทั้งแผ่น เผย หวั่นเสียเปรียบ

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 3 (เขตบางคอแหลม-ยานนาวา) เบอร์ 4 พรรคก้าวไกล ไปสำรวจหน่วยเลือกตั้งในเขตบางคอแหลมพบว่า โลโก้พรรคก้าวไกลบนหนังสือรายชื่อพรรคการเมืองที่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ส.ส.4/23) ที่ติดบนบอร์ดหน้าคูหา ซีดจางจนแทบมองไม่เห็นโลโก้พรรค ขณะที่โลโก้พรรคอื่นมีความคมชัดเป็นปกติ

นายจรยุทธ กล่าวว่า หากสิ่งที่เกิดขึ้น มาจากความผิดพลาดในขั้นตอนการพิมพ์ สีหมึกที่ซีดจางก็ควรซีดทั้งหน้ากระดาษ แต่วันนี้ที่ไปสำรวจกลับพบว่าหมึกซีดเฉพาะโลโก้ของพรรคก้าวไกล จึงต้องตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากลว่า นี่คือความจงใจหรืออย่างไร กกต.ต้องมีคำตอบและดำเนินการแก้ไขโดยด่วน พร้อมกันนี้ขอฝากไปถึงผู้สมัครเขตอื่น ๆ ทั่วประเทศ ให้ลงไปสำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งของตัวเอง หากเกิดข้อผิดพลาดและความผิดปกติเหมือนเขตบางคอแหลม จะได้ช่วยกันเรียกร้องความรับผิดชอบให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน

‘หนุ่มเมา’ สำนึกผิด ไหว้ขอโทษ ‘ธนธัส’ ผู้สมัคร ส.ส. ปชป. หลังเจอจับ เหตุกรีดป้ายหาเสียง อ้างรู้สึกหมั่นไส้เพราะหล่อเกินไป

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายธนธัส ขุนนุช ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ว่าป้ายหาเสียงที่ติดไว้บริเวณริมถนนหน้าโรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาสถูกกรีดได้รับความเสียหาย 2 ป้าย จึงไปตรวจสอบพบว่าบริเวณดังกล่าวมีป้ายหาเสียงติดหลายป้ายแต่ป้ายของนายธนธัสถูกกรีดเป็นแนวยาว 2 ป้าย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม

ต่อมาพ.ต.ท.อเนก ขจีจิตร สารวัตรสืบสวนนำกำลังเข้าควบคุมตัวนายภาณุวัฒน์ นิลมาศ อายุ 26 ปี ชาวตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม มาสอบสวน เบื้องต้นนายภานุวัฒน์รับสารภาพว่าก่อเหตุกรีดป้ายจริง เนื่องจากช่วงตี 1 วันที่ 25 เมษายน 2566 ตนดื่มเหล้าขาวจนเมาแล้วเดินออกมาเก็บขยะเพื่อนำไปขาย มาถึงที่เกิดเหตุตนยืนมองป้ายหาเสียงของนายธนธัสพักนึงรู้สึกหมั่นไส้หล่อเกินไป จึงใช้มีดกรีดป้ายหาเสียงจนขาด แล้วเดินกลับไปนอนในเพิ่งพักใต้สะพานสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อย่างไรก็ตามเมื่อสร่างเมาแล้วตนรู้สึกผิดจึงมาขอโทษต่อนายธนธัสด้วย

'เพื่อไทย' พร้อม!! พาเมืองไทยสู่สังคมปลอดยาเสพติดอีกครั้ง ชี้!! ไม่จบแค่จับ แต่ต้องให้โอกาสทาง ศก. ตัดโอกาสเข้าสู่วงจรมืด

(26 เม.ย.66) “ยาเสพติดไม่ใช่เรื่องของผู้ค้าและผู้เสพ ยาเสพติดสร้างผลกระทบได้มากกว่านั้น ผลกระทบต่อครอบครัวผลกระทบต่อสังคม ไปจนถึงผลกระทบต่อประเทศชาติ”

เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีรายงานข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดอยู่บ้าง ทว่ารากเหง้าของปัญหาหรือเครือข่ายยาเสพติดยังคงไม่ถูกขุดรากถอนโคน มีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นจนเริ่มเห็นผลกระทบของยาเสพติดอย่างชัดเจน ดังที่ พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 2 เบอร์ 4 พรรคเพื่อไทย อดีตมือปราบยาเสพติด ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น 

ตลอดชีวิตการทำงานในฐานะตำรวจ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ได้ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่หลายจังหวัด เขาจึงเห็นกลไกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รวมถึงเข้าใจสถานการณ์ที่ทำให้ผู้เสพและผู้ค้ายังคงติดอยู่ในวังวนของยาเสพติด ซึ่งไม่ใช่แค่อาการติดยา แต่เป็นความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการเข้าไม่ถึงกระบวนการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ

“การแก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้จบที่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นั่นเป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น เพราะสาเหตุที่พวกเขาเลือกเข้าสู่วงจรยาเสพติด แทบทั้งหมดเป็นเพราะความขาดแคลนทางเศรษฐกิจ พวกเขาอยากหารายได้ทางลัดเพื่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของครอบครัว และเมื่อเขาถูกจับ ครอบครัวก็จะประสบปัญหาเรื่องการขาดรายได้ตามมา ยิ่งพอภาครัฐไม่ได้มีกระบวนการเยียวยาที่เข้มแข็งพอให้กับสมาชิกครอบครัวที่ตกหล่นเหล่านี้ สุดท้ายพวกเขาก็กลับเข้าสู่วงจรของยาเสพติดอีก วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น”

ดังนั้น พ.ต.อ.ธรรมนูญ จึงมองว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดจึงต้องมีลักษณะเป็นองค์รวม คือดำเนินการแก้ไขหลายๆ มิติพร้อมกัน ทั้งการบำบัดเยียวยา การให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสพและผู้ค้า ตลอดจนการให้โอกาสทางเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ธรรมนูญยังชี้ให้เห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วข่าวการจับกุมที่เห็นตามหน้าสื่อนั้น แทบไม่เคยถูกสาวไส้ไปสู่เครือข่ายเบื้องหลังได้เลย วันนี้สังคมไทยจึงต้องการคนที่จะเข้ามาขจัดปัญหายาเสพติดให้สิ้นซาก คนที่มองเห็นระบบทั้งหมดรวมทั้งเห็นคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อยู่ในนั้น และคนที่กล้ายืนหยัดต่อต้านความผิดปกติ พร้อมกับทำให้สังคมดีขึ้นในเวลาเดียวกัน

แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นคนคนนั้น หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดัน 'นโยบายด้านยาเสพติด' ทันที โดยดำเนินการตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้...

1. ประกาศสงครามกับยาเสพติด ไม่เอายาเสพติดในทุกกรณี ดังนั้นเราจะปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขายอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วินาทีแรก เพื่อคืนชีวิตพี่น้องลูกหลานกลับคืนสู่ครอบครัว

2. เร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดอย่างถาวร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เยอะที่สุด ในขณะที่ตัวการยังคงลอยนวล

‘กรณ์’ ลั่น!! เกลียดการผูกขาดทุกรูปแบบ ขอโอกาสคนไทยเลือก ‘ชพก.’ ไปสู้กับ ‘ทุนผูกขาด’ ที่ครอบงำการเมือง ย้ำ!! สู้มาตลอดและจะสู้ต่อไป

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 ที่รอยัล พารากอนฮอล สำนักข่าว The Standard จัดเวทีดีเบต เลือกตั้ง 66 END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้ มีตัวแทนจาก 10 พรรคการเมือง ร่วมประชันวิสัยทัศน์ โดยพรรคชาติพัฒนากล้า มีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 14 เป็นผู้ร่วมเวทีดีเบตในครั้งนี้

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนขอบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ทำไมต้องเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า ทำไมต้องเป็นกรณ์ จาติกวณิชหลายๆ ท่านอาจจะรู้จักตนในฐานะรัฐมนตรีคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แต่เชื่อว่า หลายคนไม่รู้ว่าตอนทำงานการเมืองตนรักอะไร และเกลียดอะไรมากที่สุด สิ่งที่รักมากที่สุดคือการสร้างโอกาสด้วยการแข่งขัน โดยมองว่าทุกคนเกิดมารวยได้ จนได้ แต่ทุกคนมีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิตด้วยการแข่งขันที่เป็นธรรม 

“ส่วนสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการผูกขาดทุกรูปแบบ ผมไม่ได้มีปัญหากับทุนใหญ่ แต่ผมมีปัญหากับทุนผูกขาด ผมสู้เรื่องนี้มาตลอดชีวิตการทำงานของผม เมื่อสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรี ผมระงับความพยายามของ ปตท. ที่จะเข้าไปซื้อ โมเดิร์นเทรด เพราะผมกังวลว่าจะนำไปสู่การผูกขาด ผมเพิ่มใบอนุญาตธนาคารที่ต้องการจะเพิ่มการแข่งขัน ลดดอกเบี้ย จนผมพ้นตำแหน่ง ผมก็ยังสู้กับเรื่องนี้ต่อไป เมื่อผมตั้งพรรคการเมืองร่วมกับเพื่อนที่เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ และสู้กับเรื่องของต้นทุนพลังงานและค่าไฟมาโดยตลอด ฉะนั้นสิ่งที่ชาติพัฒนากล้าจะมาสู้วันนี้ คือสู้กับทุนผูกขาดที่ครอบงำการเมือง หลายคนอาจจะข้องใจว่าเราทำได้หรือไม่ แต่ถ้าเลือกชาติพัฒนากล้า เลือกผม เราจะสู้แทนคุณกับทุนผูกขาดเพื่อคุณ” นายกกรณ์กล่าว

‘พุทธิพงษ์’ ควง ‘กรณิศ’ เยี่ยมชาวมุสลิมชุมชนสุเหร่าสามอิน ปลื้มใจ!! ปชช.อยากให้เร่งผลักดัน โซลาร์รูฟ-มอเตอร์ไซค์ EV

เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์ข้อความในเฟบุ๊ก ระบุว่า…

ลงพื้นที่เดินเคาะประตูบ้าน…

เดินเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิมในชุมชนสุเหร่าสามอิน กับผู้สมัครเบอร์ 1 เขตคลองเตยวัฒนา อดีต ส.ส. กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ซอยทางเข้าชุมชนเป็นทางแคบ บางพื้นที่ต้องปีนบันไดข้ามกำแพงเข้าไปแต่ไม่ใช่ปัญหาครับ เสียงตอบรับดีมากๆ มีคำถามถึงนโยบาย ทั้งโซลาร์รูฟและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ประชาชนสนใจอยากให้เร่งทำ พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าทุกนโยบายทำได้จริง ทำได้ทันทีครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top