Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘ก้าวไกล’ ขอเข้ามาทำนโยบายให้เป็นจริง ชวนหัวคะแนนหาเสียงร่วมกัน ลั่น!! เลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็น รบ. เท่านั้น เพื่อเปลี่ยนอนาคตคนไทยทุกคน

(22 เม.ย.66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียน) เบอร์ 1 ร่วมปราศรัย “ทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย” ที่สามย่านมิตรทาวน์ กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ตอนนั้นอายุเพียง 27 ปี จบ ปวส. ทำอาชีพรับเหมา ไม่เคยคิดฝันว่าต้องเข้าสู่การเมือง แม้ชอบการเมืองตั้งแต่เด็ก แต่ในชีวิตไม่มีใครอยู่ในวงการการเมืองเลย และมองการเมืองเป็นเรื่องไกลตัวมาโดยตลอด

แม้มีพรรคอนาคตใหม่ ตนก็ไม่ได้หวังจะมาเป็น ส.ส. ตอนนั้นได้สมัครสมาชิกพรรคจ่าย 2,000 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณการปราศรัยของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้น เนื่องจากธนาธรปราศรัยว่า สังคมไทยและคนไทยไม่จำเป็นต้องประจานความจนของตัวเองเพื่อรับสวัสดิการ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้รับข้อความจากพรรคอนาคตใหม่ว่า พรรคของคุณกำลังเปิดรับ ส.ส. จนกลายเป็น ส.ส.กาย ณัฐชาในทุกวันนี้

"ผมก้าวข้ามเส้นความกลัวและพลิกชีวิตตัวเองตอนอายุ 27 ชนะเลือกตั้งตอนอายุ 28 ปี ได้รับคะแนนความไว้วางใจจากพี่น้องบางขุนเทียน 38,340 คะแนน" ณัฐชากล่าว

ณัฐชากล่าวต่อว่า ตอนที่เข้าสภาฯ ชั่วคราวในช่วงแรกที่เป็น ส.ส. ตนไม่กล้าลุกขึ้นพูดหรืออภิปราย เนื่องจากหันซ้ายหันขวาก็เจอนักการเมืองที่เห็นในทีวีเห็นในข่าวมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่ง ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น กล่าวกับตนว่า สภาฯ เป็นที่ของทุกคน เพราะสภาฯ ไม่สามารถสร้างให้คน 66 ล้านคนเข้ามาเถียงกันได้ จึงสร้างระบบตัวแทน และตนก็เป็นตัวแทนของประชาชน เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร แค่เอาความรู้สึกนึกคิดตอนเป็นประชาชนมาสะท้อนให้ได้มากที่สุด จึงทำให้ณัฐชากลายเป็นณัฐชาอย่างทุกวันนี้

‘มาดามเดียร์’ แนะรัฐต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยโอบรับคนรุ่นใหม่ พร้อมดันนโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้านเติมทุนตามฝันคนทุกวัย

(22 เม.ย.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนา 'Lost & Found: ตามหาความฝันที่หล่นหายของคน Gen Z' กล่าวว่า เด็ก Gen Z หลายคนถูกบังคับให้เลือกบนทางเลือกที่จำกัดหรือแทบจะไม่มีทางเลือกเลย เด็กจบใหม่ไม่เป็นพนักงานประจำ ก็เป็นฟรีแลนซ์ แต่ก็มีไม่กี่คนมีทุนและได้เป็นเจ้าของกิจการ สำหรับคนที่ไม่มีทุนต้องแลกที่จะแยกออกมาอยู่คนเดียวในเมืองอยู่ในพื้นที่แคบเพื่อง่ายต่อการทำงาน ทำให้เกิดปัญหา Mental Health สังคมเริ่มป่วย ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น 

ทั้งหมดนี้เกิดจากความเลื่อมล้ำ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เด็ก Gen Z สร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยนโยบายทางการศึกษา ให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีโดยเริ่มจากสาขาที่ขาดแคลนในตลาดก่อนและค่อยขยายไปสาขาอื่นๆ นโยบายธนาคารชุมชน-หมู่บ้าน กองทุนไอเดียหมื่นล้าน และกองทุนเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัป เพื่อสานฝันให้คน Gen Z มีเงินทุนเพื่อประกอบธุรกิจทำตามความฝัน เติมต้นทุนในชีวิต และสุดท้ายคือนโยบายกระจายความเจริญออกไปสู่ภูมิภาค

น.ส.วทันยา ตั้งคำถามว่า คนทุกวัยมีเป้าหมายในชีวิต แต่บริบทสังคมอะไรที่จะทำให้เขาเข้าถึงเป้าหมาย และครอบครัว สังคม หรือรัฐบาลมีความเข้าใจที่จะส่งเสริมให้ถึงเป้าหมายหรือไม่? น.ส.วทันยา กล่าวว่า เราต้องสร้างตาข่ายที่รองรับให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าถ้าเขาล้มเขายังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตั้งแต่รัฐสวัสดิการ ที่อยู่อาศัย หรือการดูแลของรัฐในช่วงเกษียณ นอกจากนี้รัฐต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมให้ยืนบนลำแข้งของตัวเองให้ได้ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่โอบรับทุกคน สิทธิ เสรีภาพ ความรักความอบอุ่น ให้เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองเพียงพอที่จะออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก โดยเฉพาะความผันผวนของโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม โลกร้อน โรคระบาด ฯลฯ 

‘สุดารัตน์’ ลั่นกลางลานคนเมือง!! ขอพาปชช.ไปสู่ชัยชนะ ขอใช้ประสบการณ์ 30 ปี แก้ทุกข์คนไทย ทำได้ทำจริง!! เลือกเบอร์ 32

(22 เม.ย.66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค ไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี น.อ.อุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคไทยสร้างไทย ร่วมปราศรัยใหญ่พรรคไทยสร้างไทย พร้อมประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคไทยสร้างไทย สะท้อนการทำงานและความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน หลังลงพื้นที่ทำงานรับใช้ชาวกรุงเทพมหานครมาอย่างยาวนานซึ่งได้รับความสนใจ จากชาวกรุงเทพในแต่ละเขตร่วมรับฟังจนแน่นขนัดลานคนเมือง 

คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวถึงจดหมายเปิดผนึกซึ่งสะท้อนความในใจ ในฐานะแม่ของลูก 3 คน ว่า คิดเหมือนพ่อแม่หลายคน ที่ตอบลูกไม่ได้ว่า พวกเขาจะมีอนาคตในประเทศนี้อย่างไร 
และในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ดิฉันได้เดินทางไปทั่วประเทศได้สัมผัสความทุกข์ของพี่น้องทั่วประเทศ ที่วิ่งเข้ามากอด ร้องไห้ และฝากความหวังไว้กับดิฉัน ดิฉันได้แบกรับความทุกข์ของพี่น้องไว้เต็มหัวใจ ด้วย 2 เหตุผลนี้ ดิฉันจึงตั้งใจใช้ประสบการณ์ 30 ปี มาแก้ทุกข์ให้พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืนให้สำเร็จ พร้อมนำทีมคนรุ่นใหม่ของพรรคไทยสร้างไทย ขอทำภารกิจครั้งสุดท้ายเพื่อ “สร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด ให้คนรุ่นต่อไป”

“พอหรือยัง! กับ 17 ปีที่ประเทศต้องติดหล่มความขัดแย้งการเมือง 2 ขั้วเกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ทำประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ประเทศถดถอยทุกด้านการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าพี่น้องเลือกแบบเดิมๆ เลือกพรรคเดิมๆ เสี่ยงเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ การรัฐประหารก็อาจจะเกิดขึ้นมาอีก ประเทศเดินต่อไม่ได้แก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ ก็แก้เศรษฐกิจไม่ได้ ดิฉันขอยืนยันว่า พรรคใหม่ แต่มากประสบการณ์อย่างไทยสร้างไทยจะเป็นทางรอดของประเทศ เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่สนับสนุนเผด็จการ ไม่เอานักการเมืองฉ้อฉล และไม่เป็นนอมินีของใคร ไม่พาประเทศไปสู่วิกฤติ เพราะไทยสร้างไทยนายใหญ่คือประชาชน  “ดิฉันขออาสาพาประชาชนไปสู่ชัยชนะ เร่งดูแลปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดจนแก่ให้อยู่อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี มั่นใจสุดารัตน์ ทำได้ทำจริง โปรดเลือกพรรคไทยสร้างไทย พรรค “ส” หมายเลข 32”

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพปราศรัยใหญ่โคราช ช่วยผู้สมัคร ส.ส. 16 เขต หาเสียง ชู นโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาความเจริญ สร้างรถไฟทางคู่

(22 เม.ย.66) ที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำคณะกรรมการบริหารพรรคพปชร. นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรค ช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา 16 เขต หาเสียง 
.
ประกอบด้วย ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 เขต ประกอบด้วย นายเกษม ศุภรานนท์ เขต 1 เบอร์ 7, นายประพิศ นวมโคกสูง เขต 2 เบอร์ 11, นายวีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน เขต 3 เบอร์ 2, นายสุธรรม พรสันเทียะ เขต 4 เบอร์ 9, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 5 เบอร์ 3 ,นางอรทัย พลวิเศษ เขต 6 เบอร์ 7 ,นางทัศนียา รัตนเศรษฐ เขต 7 เบอร์ 3 ,น.ส.อรัชมน รัตนเศรษฐ เขต 8 เบอร์ 5, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เขต 9 เบอร์ 3 ,นายณัฐพล ชวนกระโทก เขต 10 เบอร์ 8, พ.ต.อ.ปริวัฒน นาคํา เขต 11 เบอร์ 5, น.ส.กาญจนา เปรมภิรักษา เขต 12 เบอร์ 6, นายสุกฤษณ วัชรมาลีกุล เขต 13 เบอร์ 7, นายวิรัตน วาริชอลังการ เขต 14 เบอร์ 4, นายพจน เจริญสันเทียะ เขต 15 เบอร์ 6, นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 16 เบอร์ 3 โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยอย่างคึกคัก เต็มพื้นที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน ที่เตรียมเก้าอี้ไว้ประมาณ 2 หมื่นคน 

ร.อ.ธรรมนัส ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เวลาเราจะปลูกบ้านให้ไปดูที่ประตูและรั้วบ้านถ้าแข็งแรงดีบ้านหลังนั้นจะต้องดี ซึ่งโคราชเป็นประตูสู่ภาคอีสาน เป็นตัวชี้วัดว่าอีสานจะเจริญหรือไม่ ให้ดูที่โคราช เพราะ จ.นครราชสีมา เหมือนร่างกายมนุษย์ ที่มี 32 อำเภอ โดยพปชร.จะเปิดประตู่สู่อีสาน เนื่องจาก ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนของพรรคพูดถึงนโยบายพปชร.คำว่า ประชา ที่ประกอบจากหลายส่วน เราจึงต้องการความมั่นคงเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งทั้ง 77 จังหวัด เมื่อเรารักกันจะเกิดความสามัคคี ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับนโยบายของพรรคโดยเฉพาะเรื่องออกโฉนดที่ดินสปก.เราจะทำทันทีหลังตั้งรัฐบาล โดยเตรียมที่ดินกว่า 40 ล้านไร่ ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยได้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ที่ดินราชพัสดุ เราได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดให้ประชาชน ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอยู่มาก่อนปีพ.ศ. 2484 สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ทันที

'พิธา' ยกทัพใหญ่บุกสามย่าน ประกาศ '9 เปลี่ยน' คนไทยไว้ใจได้ ย้ำ!! จุดยืนชัด “มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง”

(22 เม.ย.66) 'พิธา' ปิดเวทีทัพใหญ่ก้าวไกลบุกสามย่าน ตื้นตันกระแสพุ่งทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่มีพรรค ชวนทุกคนที่ยังไม่ตัดสินใจ ร่วม “9 เปลี่ยน” ย้ำ ก้าวไกลคือความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ ตรงไปตรงมา “มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยปิดท้ายเวทีปราศรัย “ทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย” ที่สามย่านมิตรทาวน์ ท่ามกลางผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยที่ล้นหลาม

โดยพิธาระบุว่าปัจจุบันการหาเสียงของพรรคก้าวไกลเข้าฝักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนตรงไปตรงมา และความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของตน นี่เป็นเวลาที่อันดับในโพลล์ของพรรคก้าวไกลขึ้นมากที่สุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาและสูงกว่าสมัยอนาคตใหม่ด้วยซ้ำ การค้นหาในกูเกิลเทรนด์สูงสุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมา คนที่โทรเข้าฮอทไลน์ของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า คนซื้อสินค้าพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น 15-20 เท่า และยอดบริจาคผ้าป่าก้าวไกลตอนนี้ ได้มาเกิน 10 ล้านบาทแล้ว ทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่ตนไป ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเป็นอย่างดีมาจนถึงตอนนี้

ในโอกาสนี้ ตนอยากสื่อสารถึงประชาชนคนไทยทุกคนสามกลุ่ม คือ กลุ่มแรก คนที่ยังคิดไม่ออกว่าวันที่ 14 พ.ค. นี้จะออกมาเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งตนเข้าใจว่าหลายคนอาจจะมีความจำเป็น ทั้งเรื่องของการเดินทางที่ยากลำบาก มีลูกหลานที่ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่ป่วยติดเตียง หรือต้องเปิดร้านออกมาไม่ได้ แต่ตนอยากเชื้อเชิญให้ทุกคนเชื่อมั่น ว่าหากเราคือ...ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านถวิลหา, ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านเชื่อถือได้, ความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ และความเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

สำหรับกลุ่มคนที่สอง คือทุกท่านที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน ตนยืนยันได้ว่าพรรคก้าวไกลคือการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อถือได้ ตรงปก เลือกแบบไหนได้แบบนั้นแน่นอน คือมี "ลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง" และสุดท้าย คนที่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเลือกพรรคอื่นแล้วผิดหวัง ไม่เป็นไปตามสัญญา ตนขอยืนยันว่ากว่า 300 นโยบายที่พรรคก้าวไกลทำไว้ มีเงินจ่ายและทำได้จริงแน่นอน โดยเฉพาะรัฐสวัสดิการที่ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย

พิธากล่าวต่อไป ว่าเพราะการกาให้พรรคก้าวไกล จะทำให้เกิด “9 เปลี่ยน” ครั้งประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศไทยก่อน ตามยุทธ์ศาสตร์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ของพรรคก้าวไกล เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 3, ปากท้อง 4 และอนาคต 2 กล่าวคือ...

1) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ 

2) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะเปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ 

3) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะมีระบบการแก้ปัญหาทุตริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส

4) เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน 

5) สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ 

'เพื่อไทย' ลั่น!! นโยบาย Digital Wallet ไม่ต้องกู้ ไม่ต้องขึ้น VAT ชี้!! ใช้จ่ายผ่านบัตรปชช.ได้ ยัน!! สงกรานต์หน้าเตรียมได้ใช้

'เพื่อไทย' ลั่น!! นโยบาย Digital Wallet เติมเงิน 10,000 บาท สงกรานต์ปีหน้า คนไทยได้ใช้แน่นอน หากได้เป็นรัฐบาล ยัน!! ไม่ขึ้นภาษี ไม่ขึ้น VAT ไม่ต้องกู้ ไม่มีการเก็งกำไรเหมือนคริปโต คนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สามารถนำบัตรประชาชนไปที่ร้านค้าก็ซื้อสินค้าและบริการได้ทันที!

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.66 ณ ซอยเพชรเกษม 66 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและกรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วย นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัยกับ ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ลงสมัคร ส.ส.เขต เบอร์ 9 กรุงเทพมหานคร เขต 29

รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล กล่าวว่า ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้นสามารถทำได้จริง!

"นโยบาย Digital Wallet จะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย โดยการเติมเงินให้คนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใช้ซื้อสินค้าและบริการภายในรัศมี 4 กิโลเมตรตามทะเบียนบ้านในบัตรประชาชน คนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สามารถนำบัตรประชาชนไปที่ร้านค้าก็ซื้อสินค้าและบริการได้ทันที

"โดยรัฐบาล ไม่ต้องกู้ ไม่ขึ้นภาษี ไม่ขึ้น VAT ไม่มีการเก็งกำไรเหมือนคริปโต ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนไทยได้ใช้ทันทีภายในสงกรานต์ 2567

'บิ๊กป้อม' เดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้ง 

22 เม.ย.2566 - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนำคณะกรรมการบริหารพรรค ปราศรัยหาเสียง จ.นครราชสีมา ว่า การนั่งรถไฟในวันนี้ เพื่อดูวิถีของประชาชนตามที่ตนได้บอกเรื่องการพัฒนาภาคอีสาน ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น เพื่อช่วยทำงานในภาคอีสาน และให้เด็กอาชีวะมีงานทำในพื้นที่อุตสาหกรรม การมานั่งรถไฟครั้งนี้เพื่อดูระบบตามนโยบายโครงการอีสานประชารัฐของพรรคให้ได้ก่อน เพื่อทำให้หลายจังหวัดในภาคอีสานมีความเจริญ คนมีงานทำ เป็นการสร้างงาน และถ้าทำได้จริงจะเชื่อมต่อไปที่ภาคตะวันออกและไปที่ จ.กาญจนบุรีได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าส.ส.นครราชสีมาไว้ อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค เพราะเป็นหัวหน้าทีมภาคอีสาน ตนไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม และหัวหน้าพรรคคงไม่ต้องมาดูในระดับพื้นที่ ขณะที่นายสันติ กล่าวแทรกขึ้นว่า อยากได้ส.ส.ทั้ง 16 เขตเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐอยากปักธงเป็นอันดับหนึ่งในภาคอีสานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อยากสิครับ ไม่น่าถาม อยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า อยากให้พี่น้องชาวอีสานเลือกผม เพื่อให้ได้ที่หนึ่ง เมื่อถามย้ำว่า หากได้ที่หนึ่งแล้วจะเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องการเป็นนายกฯ ต้องไปเลือกกันในสภาฯ ไม่ใช่มาเลือกกันตรงนี้

ถามถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศชัดเจนว่าไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็ว่ากันไป เพราะตนยังไม่ได้ประกาศว่าจะจับมือกับใคร

‘เศรษฐา’ ยัน!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ ไม่จับมือ 2 ลุง ย้ำ ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นด้วย ขอมุ่งหน้าตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หวังปลุกแลนด์สไลด์

‘เศรษฐา’ ยัน ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็ไม่ร่วมงาน 2 ลุง ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นด้วย ปลุกแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

เมื่อวันที่ (22 เม.ย.66) ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. พร้อมนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสุทิน คลังแสง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 เขต ได้แก่

นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี เขต 1 เบอร์ 5 นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล เขต 2 เบอร์ 8 นายจำเนียร โฉมงาม เขต 3 เบอร์ 1 นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เขต 4 เบอร์ 7 นายสุประวีย์ อนรรฆพันธ์ เขต 5 เบอร์ 7 และนายเกรียงไกร ปานสีทอง เขต 6 เบอร์ 5 รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.หนองคายพรรค พท. ลงพื้นที่หาเสียงและร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ ที่โรงเรียนวิทยานุกูลนารี อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนร่วมฟังปราศรัยและให้กำลังใจจนเต็มพื้นที่

จากนั้นเวลา 17.00 น. นายเศรษฐาและคณะ เดินทางมาปราศรัยใหญ่ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย จ.สุโขทัย โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.สุโขทัยทั้ง 4 เขต ร่วมเวทีปราศรัย โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ปราศรัยผ่านวิดีโอคอลว่า

จ.สุโขทัยสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เคยเป็นจังหวัดนำร่องในโครงการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน และสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีแผนให้รถไฟฟ้าความเร็วสูงมาผ่านสุโขทัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ แต่ผ่านไป 9 ปีหลังรัฐประหาร พี่น้องเกษตรกรที่นี่ยังยากจน ไม่มีที่ดินของตนเอง บางรายมีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ ถ้าพรรค พท.เป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิทำกิน รวมถึงผลักดันให้นำที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวนมาก มาจัดให้เป็นที่ดินทำกินเพื่อเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงจะนำโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนกลับมาสานและทำให้ดีขึ้นเพื่อให้พี่น้องได้ประโยชน์

'อลงกรณ์' ปลื้ม!! ประชาชนโหวต 'พรรคประชาธิปัตย์' ขวัญใจเกษตรกร 2 ปีซ้อน พ่วงพรรคไร้ประวัติทุจริต

(23 เม.ย.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค กล่าวแสดงความเห็นขอบคุณซูเปอร์โพลและพี่น้องประชาชนที่โหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคขวัญใจของเกษตรกรที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริตติดต่อกัน 2 ปีซ้อนและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่ประชาชนเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้อง รายได้และหนี้สินของประชาชนอันดับที่ 3 

“พรรคประชาธิปัตย์ในยุคอุดมการณ์-ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริงโดยการนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ มุ่งมั่นทุ่มเททำงานแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและประชาชนฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไร้ทุจริตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้เกษตรกร การเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกร 8 ล้านครัวเรือนๆ ละ 1.5 หมื่นบาทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 การเยียวยาชาวสวนลำใย การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ปีละกว่า 1.39 ล้านล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์นำการผลิต การส่งออกทุเรียนทะลุแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกของประเทศ ยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรบิ๊กดาต้าแห่งชาติและการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม 77 จังหวัดครั้งแรกของประเทศตามยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 

"นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ การปฏิรูปที่ดิน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การพัฒนาระบบสหกรณ์ การขยายเขตชลประทาน การพัฒนาพันธ์ุข้าวพันธุ์พืชพันธุ์ประมงพันธุ์ปศุสัตว์ การพัฒนายางไทยเพิ่มผลผลิตตรงความต้องการของตลาดยกระดับราคาข้าวเพิ่มรายได้ชาวนาจนประเทศไทยกลับมาครองแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกได้สำเร็จภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ข้าวโลก การริเริ่มขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต การขยายเอฟทีเอ และมินิเอฟทีเอ เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ทำให้เกษตรกรเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นพรรคขวัญใจเกษตรกรและเป็นพรรคไม่โกง พรรคประชาธิปัตย์จะทำงานหนักต่อไปจนกว่าพี่น้องเกษตรกรจะก้าวข้ามความยากจนก้าวพ้นหนี้สินมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นายอลงกรณ์กล่าว

ทั้งนี้ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เรื่อง 'นโยบายพรรคการเมืองที่ชื่นชอบของประชาชน' กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,322 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน พ.ศ.2566 ระบุว่า 3 อันดับแรกพรรคการเมืองที่มีนโยบาย ช่วยเหลือเกษตรกรและไม่ด่างพร้อย ไม่ทุจริตที่ชื่นชอบ (ชอบได้มากกว่า 1 พรรค) พบว่า ร้อยละ 41.0 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 38.3 ระบุพรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 29.1 ระบุ พรรคเพื่อไทย 

‘ชาวพระโขนง’ ขอบคุณ ‘มณีรัตน์’ ประสานหน่วยงาน เร่งต่อไฟช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังเกิดเหตุไฟไหม้

(23 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน ภายในซอยปุณณวิถี 48 (สุขุวิท 101) แขวงบางจาก เขตพระโขนง เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนางน้อย แม่ค้าขายปลาในตลาดประวิทย์และเพื่อน ย่านพระโขนง หนึ่งในผู้ประสบภัย บอกกับผู้สื่อข่าวด้วยความรู้สึกตื่นตกใจมาก โดยเล่าเหตุการณ์ระทึกหนีตาย และต้องรีบขนข้าวของและสัตว์เลี้ยงออกมาจากบ้าน 

ขณะที่พบว่าในช่วงดังกล่าวมีน.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัครส.ส.กทม. พระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย หมายเลข 6 ได้ทราบข่าว หลังจากลงพื้นที่จึงเข้ามาติดตามสถานการณ์พร้อมกับโดยได้ประสาน อพปร.ในพื้นที่ทันที  เพื่อนำเครื่องปั่นไฟมาให้ชาวบ้านอีก 3 หลังที่เหลือได้มีไฟใช้ชั่วคราวก่อน พร้อมทั้งประสานการไฟฟ้ามาช่วยต่อไฟให้ชาวบ้าน  ทำให้ผู้ประสบภัยต่างรู้สึกอุ่นใจและขอบคุณนางสาวมณีรัตน์ เป็นอย่างมากที่ไม่เพียงแค่มาเยี่ยมพบปะเท่านั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินก็เข้ามาช่วยประสานงานอย่างทันท่วงที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top