Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘องอาจ’ ลุยจอมทอง ช่วยครอบครัว ‘ม่วงศิริ’ หาเสียง พร้อมหนุนสร้างความปรองดอง ไม่ขัดรัฐใช้งบช่วยค่าไฟ

‘องอาจ’ ลุยจอมทอง ช่วยตระกูล ‘ม่วงศิริ’ พร้อมหนุนแนวทางปรองดองก้าวข้ามความขัดแย้ง และไม่ขัดรัฐใช้งบช่วยค่าไฟแพง

(21 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลกทม. พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง  และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ลงพื้นที่ ‘รถโชว์โพลิซี (Policy Road Show)’ ช่วยนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางขุนเทียน-จอมทอง หมายเลข 12 และนายสากล ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางขุนเทียน-บางบอน หมายเลข 6

โดยนายองอาจให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 10 ให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง ว่า คงไม่มีพรรคการเมืองไหนต้องการสร้างความขัดแย้งอยู่แล้ว และเชื่อว่าคนไทยทุกคนคงไม่อยากกลับไปสู่วังวนความขัดแย้ง จึงเห็นว่าเป็นเรื่องดีหากทุกพรรคเดินไปข้างหน้าตามระบอบประชาธิปไตย แข่งขันกันตามปกติ โดยการนำเสนอนโยบายที่ดีต่อประชาชน นำเสนอผู้สมัครที่มีคุณภาพต่อประชาชน แล้วสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ

นายองอาจยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาราคาค่าไฟแพงว่า หากแนวทางนี้สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ ก็เห็นด้วย เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาค่าไฟราคาแพง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นหากมีอะไรจะสามารถมาเยียวยาให้กับประชาชนได้ ก็คิดว่าเป็นเรื่องดีโดยเฉพาะ ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงต้นทุนให้มาก และพี่น้องประชาชนที่ทำธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรือ SME และกลุ่ม Start Up ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว หลังจากเจอภัยจากโควิด-19

‘ชัยวุฒิ’ ชู!! ‘ลุงป้อม’ คือนายกฯ แห่งโลกความเป็นจริง ลั่น!! ‘พปชร.’ เป็นตัวกลางประสานทุกฝ่าย สู่ความสามัคคี

‘ชัยวุฒิ’ ชูบิ๊กป้อม soft power เป็นนายกบนโลกความจริง ลั่น พปชร. จะรักษาชาติ ศาสนา กษัตริย์ ให้ประเทศเข้มแข็งเดินหน้าต่อได้ และจะลดค่าไฟฟ้าทันทีที่"บิ๊กป้อม"นั่งนายกฯ 

(21 เม.ย.66) พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีใต้ "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม., นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และนายอุตตม สาวนายน

โดยนายชัยวุฒิ กล่าวปราศรัยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ราคาพลังงานสูงมากซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนคนไทย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเล็งเห็นว่า เราจะต้องเข้ามาช่วยเหลือประชาชน และแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการลดค่าไฟฟ้าให้เหลือหน่วยละ 2.50 บาท เราปรึกษากันแล้วว่า เราทำได้ เพราะเรามีทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์หลายคนมานั่งถกปัญหานี้ร่วมกัน แต่นโยบายดี ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของเราไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า พลเอกประวิตรเป็นคนแรกที่พูดถึงนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าคนไทยจะหยุดทะเลาะกัน บางคนก็คิดแต่เพื่อตัวเอง คิดถึงแต่ครอบครัวตัวเอง ทำในสิ่งที่คนไทยเขารับไม่ได้ ก็จะนำมาซึ่งการทะเลาะกัน โดยพลเอกประวิตรจึงเห็นว่า เราต้องเข้าข้ามความขัดแย้ง เพื่อมาคุยกัน ช่วยกันทำงานด้วยความสามัคคี เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นอถ้าเรามัวแต่ทะเลาะกัน รัฐบาลบริหารงานไม่ได้ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนก็ทำมาหากินไม่ได้

"นี่คือที่มาว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ลุงป้อมจึงเป็นที่นิยมของประชาชน วันนี้ผมเห็นโพลหลายโพล โดยเฉพาะโพลออนไลน์ไม่มีชื่อคะแนนความนิยมให้กับพลเอกประวิตรเลย ผมก็เดินลงพื้นที่ต่างๆเพื่อไปคุยกับพี่น้องประชาชน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม เพราะเสียงตอบรับจากประชาชนต้องการให้พลเอกประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีในโลกความเป็นจริงไม่ใช่ในโลกออนไลน์ เพราะว่าพูดจริงทำจริงและพูดในสิ่งที่ทำได้"

ทั้งนี้นายชัยวุฒิยังได้แสดงภาพตราแผ่นดินขึ้นในบริเวณเวทีปราศรัย พร้อมระบุว่า ส่วนบนสุดตรงกลาง คือ ภาพพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี หมายถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกฎเป็นภาพจักรและตรีไขว้ เรียกว่า ตรามหาจักรี ความหมายโดยรวม จึงแปลว่า พระมหากษัตริย์ แห่งพระราชวงศ์จักรี ทางด้านซ้ายและขวาของพระมหาพิชัยมงกฎเป็นรูปฉัตร 7 ชั้น เป็นเครื่องหมายแห่งราชาธิปไตย เป็นการประกาศให้รู้ว่า ดินแดนสยาม อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นสยามินทราธิราช ตราเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า ชาติของเราจะคงอยู่อย่างเข้มแข็งและมั่นคง 

‘จีน พุธิตา’ ลุยหาเสียง บังเอิญเจอ ‘ลุงตู่’ กลางตลาด ฝากดังๆ!! “หยุดบิดเบือน ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่เท่ากับยกเลิกทหาร”

‘จีน พุธิตา’ ผู้สมัครก้าวไกลเชียงใหม่ เดินหาเสียงเจอ ‘ประยุทธ์’ ฝากดังๆ หยุดปล่อยข่าวปลอม ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่เท่ากับยกเลิกทหาร
 
(21 เม.ย.66) ที่ตลาดศรีบุญเรือง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พุธิตา ชัยอนันต์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคก้าวไกล (เบอร์ 5) รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคก้าวไกล

โดยระหว่างเดินหาเสียง เจอขบวนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติและคณะ ที่กำลังเดินหาเสียงในตลาดเช่นกัน พุธิตาจึงพูดผ่านโทรโข่งถึงนโยบายการเมืองดี ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร พร้อมกล่าวว่า ทราบมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียง บอกว่าพรรคการเมืองหนึ่งจะยกเลิกการมีทหาร ซึ่งอาจเข้าข่ายการโกหกบิดเบือน สร้างข่าวปลอม เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายยกเลิกกองทัพหรือทหาร ความจริงแล้วพรรคก้าวไกลมีนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ให้ประชาชนมีเสรีภาพในการประกอบชีพ ให้มีกองทัพที่ทันสมัย เป็นมืออาชีพ ทหารทุกคนไม่ถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนที่ผ่านมา ไม่ใช่การยกเลิกการมีทหารตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ บิดเบือนแต่อย่างใด

เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนในตลาด รวมถึงสื่อมวลชนที่เดินทางมาติดตามทำข่าว พล.อ.ประยุทธ์ โดยหลังจากพูดจบ พุธิตา และ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างแยกย้ายกันรณรงค์หาเสียงต่อ เหตุการณ์เป็นไปโดยราบรื่น ไม่มีความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น โดยประชาชนให้การตอบรับการหาเสียงของผู็สมัครก้าวไกลอย่างอบอุ่น

สำหรับ พุธิตา ชัยอนันต์ เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคยเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในช่วงวิกฤติการเมืองปี 2557 จนกระทั่งหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พุธิตาจึงเป็นหนึ่งในประชาชนผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร 2557 ร่วมกับรังสิมันต์ โรม บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558

‘สุวัจน์’ ปลื้มใจ!! 2 เวทีปราศรัยสูงเนิน-ขามทะเลสอ ตอบรับดี ชูนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้อง ลั่น!! จะสู้จนตายคาบ้าน

(21 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา 16 เขตเลือกตั้ง พร้อมด้วยที่ปรึกษาพรรคฯ อาทิ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล , นายประเสริฐ บุญชัยสุข และ “วิว” นางสาวเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนากล้า ปู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 2 ช่วยหาเสียงให้ นายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 1 และนายสมบัติ กาญจนวัฒนา ผู้สมัครเขต 4 เบอร์ 4 ที่บริเวณลานอเนอกประสงค์เทศบาลตำบลขามทะเลสอ อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน ในจำนวนนี้มีส่วนหนึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เยาวชน นักเรียน นักศึกษาร่วมฟังการปราศรัยคึกคัก

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการปราศรัยทั้งสองสนามได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 ทั้งอำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสออย่างล้นหลาม เดินทางมารับฟังนโยบายพรรคชาติพัฒนากล้า แก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน งานดี มีเงิน ของไม่แพง และวันนี้พรรคนำเสนอคนรุ่นใหม่ไฟแรงลูกหลานชาวโคราช นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ผู้สมัครส.ส.เขต 4 เบอร์ 4 มารับใช้พี่น้องประชาชน 

“พรรคชาติพัฒนากล้าอยู่กับชาวคนโคราชมากว่า 30 ปี จะสู้จนตายคาบ้าน” นายสุวัจน์ กล่าว

ในการปราศรัยครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ชูนโยบายเพื่อปากท้องและคุณภาพชีวิต งานดี มีเงิน ของไม่แพง, นโยบายมอเตอร์เวย์ทั่วไทยทุกทิศ 2,000 กม. สะดวก ปลอดภัย ประหยัดเวลาการเดินทาง , น้ำมัน ค่าไฟ ถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน ลดค่าการกลั่น หั่นค่า FT, เพิ่มนักท่องเที่ยว 80 ล้านคน สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท เพิ่มวัน เพิ่มเงิน เพิ่มคน , ยกเลิกแบล็คลิสต์ , ปรับปรุงบ้านหลังละ 50,000 บาท เพื่อผู้สูงอายุ คนพิการ , ทุนธุรกิจสร้างสรรค์ ให้ทุนทำธุรกิจสูงสุด 1,000,000 บาท สร้างเด็กไทย 3 ภาษา เรียนตรง เจ้าของภาษาไทย ต่างประเทศ Coding , ลดภาษีบุคคลรายได้ไม่เกิน 40,000 บาท/เดือน ไม่ต้องเสีย , รื้อระบบราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว ราชการในมือถือ, งานสูงวัย ไฟแรง 500,000 ตำแหน่ง รัฐช่วยนายจ้างออกให้ 5,000 บา/เดือน, การคมนาคมทันสมัย , เมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ เมืองอาหารป้อนโลก โคราช-อีสานระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เมืองน้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง น้ำประปาเพียงพอ เศรษฐกิจยุคทองของพี่น้องชาวโคราชจะกลับมา พี่น้องประชาชนชาวโคราชจะได้ลืมตาอ้าปากกันทุกคน และโครงการกองทุน 1 แสนล้านบาทติดโซลาร์เซลล์ให้เป็นธนาคารพลังงานประชาชนในด้านพลังงาน และโครงการปลดล็อคกัญชาจากเยาวชน ร่วมทั้งนำกีฬามาพัฒนาเยาวชน 


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/725955
 

‘พิธา’ ตอบ ‘ครูสลา’ คำถามเรื่องนโยบายจัดการหนี้สิน-ปลดหนี้ ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ เป็นรบ. เมื่อไหร่ คนออก ‘ไมค์หมดหนี้’ น้อยลง

‘พิธา’ ตอบคำถามเรื่องนโยบายจัดการหนี้สินคนไทยแบบเร่งด่วน ‘ครูสลา’ บอกถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล คนจะออก ‘ไมค์หมดหนี้’ คงน้อยลง

(21 เม.ย.66) กลายเป็นคลิปที่ถูกแชร์กันออกไปในโลกออนไลน์อย่างมาก สำหรับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีดีเบตประชันนโยบาย “ลุยเลือกตั้งดีเบต 2566” ทางช่องเวิร์คพอยท์

โดย 1 ในคำถามที่ส่งขึ้นมาดีเบต คือเรื่องปัญหาหนี้ ซึ่งครูสลา คุณวุฒิ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นักประพันธ์เพลง แนวลูกทุ่งอีสาน ได้สอบถามถึงนโยบายแบบเร่งด่วน ช่วยจัดการหนี้สิน-ปลดหนี้ ของคนไทย

นายพิธา กล่าวว่า มาดีเบตที่เวิร์คพอยท์ ตัวตนเป็นแฟนคลับของรายการไมค์ปลดหนี้ และต้องขอโทษชาวเวิร์คพอยท์ด้วย ถ้าเกิดก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ อาจจะมีคนมารายการไมค์หมดหนี้ น้อยลงนิดนึง

'สันติ' จัดเต็ม!! ชูชุดนโยบายพลังประชารัฐแบบเต็มสูบ มั่น!! บัตรประชารัฐ 700 ผสาน 'อีสานประชารัฐ' พาเฮ!!

'สันติ' โชว์กึ๋น!! ยกนโยบายพลังประชารัฐ มุ่งมั่นแก้ปัญหาความยากจน ชู!! บัตรประชารัฐ 700 บาท พร้อมเผย 'อีสานประชารัฐ' เมกะโปรเจกต์หยุดแลนด์สไลด์ ช่วยประชาชนต้องอยู่ดี กินดี อย่างยั่งยืน

เรียกว่าเป็นอีกดีเบตเอาใจกองเชียร์ 2 ลุง (ป้อม-ตู่) แห่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มาแลกหมัดกันเอง ผ่านรายการ 'คมชัดลึก Debate แลกหมัดนโยบาย' เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566

แน่นอนว่าทั้ง 2 พรรคนี้ ล้วนมีบุคลากรที่เคยอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากแต่ปัจจุบัน ต่างฝ่ายต่างก็เดินตามเส้นทางการเมืองของตนผ่านพรรคที่แตกต่าง เพียงแต่สิ่งที่น่าสนใจในวันนี้ คือ ในบางนโยบายอาจจะมีความเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน จะแย่งฐานเสียงกันเองมากแค่ไหน? หรือไม่?

อย่างไรก็ตามจากดีเบตในครั้งนี้ ทาง THE STATES TIMES ได้ตามเกาะติดชุดนโยบายที่กำลังสร้างกระแสอย่างมากในช่วงนี้จาก 'พรรคพลังประชารัฐ' ที่ครั้งนี้ได้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มาแสดงวิสัยทัศน์ ไว้ได้อย่างน่าสนใจ...

นายสันติ เปิดฉากในรายการว่า “หลายๆ ท่าน (2 พรรค) เคยอยู่ร่วมกัน แม้ตอนนี้ต้องแยกกันไปในทิศทางการเมืองของตน แต่สำหรับรวมไทยสร้างชาติ และท่านหัวหน้าพรรค พลเอกประยุทธ์ ก็เป็นที่เคารพรักของพี่น้องในพรรคพลังประชารัฐอย่างมาก แต่ว่าในเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน ฉะนั้นในเมื่ออยู่คนละพรรคเราก็ขอมาช่วยกันรังสรรค์ นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเพื่อก้าวข้ามปัญหาต่างๆ

"อะไรที่สามารถสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือ สร้างงาน สร้างอาชีพแก่พี่น้องประชาชนในบางส่วนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแล จุนเจือให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ในอนาคต เพื่อให้พวกเขาได้ก้าวข้ามความยากจนให้ได้ ภายใต้นโยบายของแต่ละพรรค ที่มุ่งมั่นคิดถึงแต่ความอยู่ดีกินดีของประชาชน” 

เมื่อถูกถามว่า นโยบายของพรรค พปชร.ด้านใดที่กำลังมัดใจประชาชนได้ดีที่สุด? นายสันติ กล่าวถึงเรื่องบัตรสวัสดิการของพลังประชารัฐ ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกันกับทางรวมไทยสร้างชาติ ว่า...

“จะพรรคไหนก็ตามแต่ หากมองเห็นว่าบัตรประชารัฐหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เราก็ควรช่วยกันส่งเสริม ผมเองในฐานะที่อยู่กระทรวงการคลัง และเป็นประธานคณะกรรมการบัตรประชารัฐบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก่อน มองเห็นมิติในเนื้อนโยบาย ระเบียบ และกฎเกณฑ์แบบรอบด้าน ซึ่งบัดนี้ได้ถูกพัฒนาและมีการปรับกฎเกณฑ์โดยพรรคพลังประชารัฐให้มีความทันสมัยขึ้น ดียิ่งขึ้น

"อย่างเช่น ค่าโดยสารในระบบขนส่งมวลชนของรัฐและเอกชนร่วม ซึ่งกำหนดไว้ให้ 750 บาทต่อเดือนมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ก็จะปรับขึ้นเป็น 1,500 บาท เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั้งชาวต่างจังหวัดและชาวกรุงเทพฯ ได้ใช้บริการรถโดยสารหลากรูปแบบด้วยความเสมอภาค ทั้งรถตู้ รถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดินหลากสี

"เช่นเดียวกันกับค่าครองชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่เดิมจะอยู่ที่ 200-300 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพในยุคนี้แล้วนั้น ก็จะขยับเพิ่มเป็น 700 บาท โดยงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐภายใต้พรรคพลังประชารัฐนั้น จะเป็นการนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง โดยจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน จากเดิมที่ปัจจุบันได้รับกันอยู่ราว 14.5 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม นายสันติ มองว่า พลังประชารัฐก็ไม่ได้มองว่าบัตรประชารัฐที่ถูกยกระดับเพื่อเติมให้แก่ประชาชนในกรอบ 22 ล้านคนบ้าง หรือ 14.5 ล้านคนบ้างนั้น จะถูกใช้เป็นกลไกเดียวในการช่วยเหลือปัญหาปากท้องประชาชน หากแต่ทางพรรคยังได้เตรียมแนวทางอื่นไว้อีกด้วย โดยเฉพาะแนวทางในการเร่งมอบเงินเพิ่มให้ในบัตรอีก 30,000 บาท แก่ผู้ที่ถือบัตรประชารัฐ ให้สามารถเอาไปเป็นเงินเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพได้

"นอกเหนือจากการเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตรเป็น 700 บาทต่อเดือนเพื่อนำมาใช้จ่ายพยุงฐานะในครอบครัวให้สามารถมีความเป็นอยู่พอไปได้แล้วนั้น ทางพรรคพลังประชารัฐก็เตรียมทุนให้กับผู้ถือบัตรประชารัฐอีกคนละ 30,000 บาท ได้นำไปต่อยอด สร้างงาน สร้างอาชีพโดยนำทุนไปประกอบสัมมาอาชีพต่างๆ ได้ แต่เราไม่ได้ให้เปล่านะ เพราะเขาจะต้องมาฝึกอาชีพก่อน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว ขายอาหาร เปิดร้านของชำ เป็นเกษตรกร ปลูกพืชไร่ ปลูกผักปลูกผลไม้ อะไรต่างๆ เหล่านี้ พอเข้ามาฝึกแล้ว เราก็จะเติมทุนให้ เพื่อที่จะไปมีอาชีพ แล้วจะพ้นจากความยากจนต่อไป"

ไม่เพียงแค่นโยบายการเติมค่าครองชีพและต่อยอดอาชีพโดยพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น นายสันติ ยังกล่าวถึงอีกแนวนโยบายสำคัญ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่จะช่วยพลิกความเป็นอยู่ของคนอีสานแบบขนานใหญ่ ผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์แห่งภาคอีสานในชื่อ 'อีสานประชารัฐ' ผ่านเวทีแห่งนี้อีกด้วย

"สำหรับแรงผลักดันสำคัญของ 'อีสานประชารัฐ' นั้น ก่อนอื่นผมคงต้องเรียนแบบนี้ว่า โครงการดังกล่าวถูกคิดขึ้นมาจากท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา หลังจากที่ท่านได้ลงไปทำงานดูแลเรื่องน้ำของทั่วประเทศ ไม่ว่าจะน้ำแล้ง หรือแม้แต่น้ำท่วมในภารเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ซึ่งท่านก็ไปแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการดูแลเรื่องที่ทำกินเรื่องที่ดิน ด้วยการนำที่ดินเสื่อมโทรมที่อยู่ในป่าสงวน มาทำเป็นเอกสารสิทธิให้พี่น้องประชาชนนำไปใช้เพาะปลูกเพื่อทำมาหากินหลายล้านไร่ โดยไม่ถูกส่วนราชการจับไปดำเนินคดี เหล่านี้เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ท่านพลเอกประวัตร อยากเห็นโครงการที่จะช่วยพัฒนาโครงสร้างประเทศที่จะนำมาสู่ความยั่งยืนแก่ประชาชนและประเทศ

"อีสานประชารัฐ จึงเป็นโครงการที่ท่านต้องการพัฒนาให้พื้นที่ภาคอีสาน กลายเป็นพื้นที่สร้างอาชีพ สร้างงาน ให้คนถิ่น ได้ทำงานที่บ้านเกิด ซึ่งตนยังไม่เคยเห็นว่าพรรคไหนคิดในเรื่องของการพัฒนาภาคอีสานเพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวภาคอีสานได้มีการสร้างงานสร้างอาชีพ ให้อยู่ดีกินดี เพิ่มทักษะความรู้ความสามารถแบบนี้ ยังไม่มีใครมีนโยบายเหล่านี้จริงๆ แต่พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเหล่านี้ นโยบายที่จะทำให้พี่น้องชาวอีสาน ได้สามารถประกอบสัมมาอาชีพได้อย่างเต็มที่ ทำจริง ทำทันที เพื่อคนอีสาน"

‘บิ๊กป้อม’ นำทีม ‘พปชร.’ บวงสรวงรับพลังดาวพฤหัส ก่อนขึ้นรถไฟ มุ่งหน้าเปิดปราศรัยหาเสียง ‘เมืองย่าโม’

‘บิ๊กป้อม’ นําบวงสรวงรับพลังดาวพฤหัส ก่อนยกทัพหลวงขึ้นขบวนรถไฟ มุ่งหาเสียงเมืองย่าโม บอก “ไม่ร้อนเลย”

(22 เม.ย.66) ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ขึ้นรถไฟ ขบวนรถเร็ว 135 กรุงเทพมหานคร-อุบลราชธานี  ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่มีประชาชนทั่วไปร่วมโดยสารด้วย เดินทางไปปราศรัยหาเสียงจ.นครราชสีมา 

โดยพล.อ.ประวิตร สวมใส่เสื้อโปโลสีขาวทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน และใส่กางเกงยีนส์ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี ซึ่งก่อนพล.อ.ประวิตร จะขึ้นรถไฟ ได้แวะทักทายประชาชนที่มาใช้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ รวมถึงมีแฟนคลับตะโกนให้กำลังใจว่า “ลุงป้อมสู้ๆ” และเมื่อพล.อ.ประวิตร ขึ้นมาถึงบริเวณชานชลา ได้เยี่ยมชมรางรถไฟ ก่อนจะเดินขึ้นขบวนรถไฟ และเดินสำรวจภายในขบวน พร้อมพูดคุยกับสื่อมวลชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร้อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ร้อนเลย ขณะที่นายสันติ กล่าวว่า “สบายดีครับ”

‘บิ๊กป้อม’ เมิน ‘เศรษฐา’ ปิดประตูจับมือ ชี้!! ‘พปชร.’ ยังไม่จับมือใคร ย้ำ!! ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขอทำให้คนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันได้

‘บิ๊กป้อม’ เมิน ‘เศรษฐา’ ปิดประตูจับมือ ย้อน พปชร. ยังไม่แย้มจับใคร ลั่น อยากปักธงที่ 1 ของโคราช ย้ำ ก้าวข้ามขัดแย้ง ต้องทำให้ทุกฝ่ายร่วมกันได้ 

(22 เม.ย.66) ที่สถานีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการนำคณะกรรมการบริหารพรรค ปราศรัยหาเสียงจ.นครราชสีมา ว่า การนั่งรถไฟในวันนี้ เพื่อดูวิถีของประชาชน ตามที่ตนได้บอกเรื่องการพัฒนาภาคอีสาน ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น เพื่อช่วยทำงานในภาคอีสาน และให้เด็กอาชีวะมีงานทำในพื้นที่อุตสาหกรรม การมานั่งรถไฟครั้งนี้เพื่อดูระบบตามนโยบายโครงการอีสานประชารัฐ ของพรรคให้ได้ก่อน เพื่อทำให้หลายจังหวัดในภาคอีสานมีความเจริญ คนมีงานทำเป็นการสร้างงาน และถ้าทำได้จริงเชื่อมจะเชื่อมต่อไปที่ภาคตะวันออกและไปที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าส.ส.นครราชสีมาไว้ อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นหัวหน้าทีมภาคอีสาน ตนไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม เพราะหัวหน้าพรรคคงไม่ต้องมาดูในระดับพื้นที่ ขณะที่นายสันติ กล่าว แทรกว่า อยากได้ส.ส.ทั้ง 16 เขตเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐอยากปักธงเป็นอันดับหนึ่งในภาคอีสาน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “อยากสิครับ ไม่น่าถาม อยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า อยากให้พี่น้องชาวอีสานเลือกผม  เพื่อให้ได้ที่หนึ่ง เมื่อถามย้ำว่าหากได้ที่หนึ่งแล้วจะเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องการเป็นนายกฯต้องไปเลือกกันในสภาฯ ไม่ใช่มาเลือกกันตรงนี้

‘จุรินทร์-ชวน’ นำ ‘ปชป.’ ปราศรัยใหญ่ 23 เม.ย. นำไทยสู่ความสำเร็จ ‘องอาจ’ ลั่น!! ขอทุ่มเทเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่เอื้อตระกูลตัวเอง-พวกพ้อง

‘จุรินทร์-ชวน’ นำทัพปราศรัยใหญ่ ลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตาก 23 เม.ย.นี้ ‘องอาจ’ ลั่นเวลาที่เหลือ ปชป. นำเสนอวิสัยทัศน์พาประเทศไปสู่ความสำเร็จ

(22 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลกทม. เปิดเผยว่าในวันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย. นี้ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดปราศรัยใหญ่ที่วงเวียนใหญ่ ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคฯ พร้อมขุนพลพรรคประชาธิปัตย์อีกคับคั่ง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาอีก 20 กว่าวันจะถึงวันเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ จะได้นำเสนอวิสัยทัศน์การนำประเทศไทยให้เดินหน้าพัฒนาไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยการสร้างรายได้ให้ประชาชน สร้างรายได้ให้ประเทศ รวมถึงการพัฒนาคนเพื่อรองรับความก้าวหน้าของประเทศ และการทำให้ประเทศชาติเข้มแข็งด้วยประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

‘ประวิตร’ เผย ไม่มีปัญหา ยินดีให้ ป.ป.ช. เปิดข้อมูลไต่สวน กรณีนาฬิกายืมเพื่อน จะได้รู้ความจริง ยันไม่ได้ไปเอาของใครมา

(22 เม.ย.66) ที่สถานีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลปกครอง มีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยข้อมูลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ว่า “ผมอยากให้เปิดจะได้รู้ความจริง จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร อยากให้เปิดนานแล้ว ไม่มีปัญหาเลย ผมไม่ได้ไปเอาของใครมา ผมยืมเขามาก็คืนเขาแล้ว”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top