Tuesday, 29 April 2025
ElectionTime

‘อรรถวิชช์’ ซัด รัฐบาลยิ่งลักษณ์ - ประยุทธ์ ต้นตอทำค่าไฟแพง เอื้อเอกชนผลิตไฟฟ้าเกินจำเป็น 

‘อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี’ ซัด 2 รัฐบาล ทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลประยุทธ์ ต้นตอทำค่าไฟแพง หลังให้เอกชนผลิตไฟฟ้าสำรองเกินจำเป็น ลั่นหากได้เป็นรัฐบาล พร้อมผุดกองทุนโซลารูฟท็อป ให้ชาวบ้านผลิตไฟใช้พร้อมขายให้รัฐได้ด้วย

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวบนเวทีดีเบตอนาคตประเทศไทย ที่เวทีเกาะกลางอุทยานสวรรค์ จ.นครสวรรค์ เวทีส่งท้ายนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองระดับภูมิภาค ภายใต้โครงการ “Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย” จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 66 ซึ่งเป็นเวทีดีเบตภาคเหนือกับนโยบายที่กินได้ว่า

นโยบายสำคัญที่ต้องเร่งจัดการที่สุดตอนนี้คือ นโยบายด้านพลังงาน เพราะเป็นต้นตอที่ทำให้ของแพง แต่การจัดการกับนโยบายพลังงาน เป็นเรื่องยาก เนื่องจากทุนพลังงานใหญ่มา และพรรคการเมืองหลายพรรคให้ความเกรงใจไม่กล้าจัดการ และสาเหตุที่ประเทศไทยมีค่าไฟแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเราตั้งสำรองไฟเกิน 

ขณะที่การตั้งสำรองไฟเกินเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องย้อนไป สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปดูว่าใครเป็นคนเซ็นสัญญา 5000 เมกะวัตต์ และคนที่สองที่ทำให้การตั้งสำรองเกินก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะค่าไฟ เวลาราคาขยับไป เรานึกไปถึงว่า ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ไป 5 พันเมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเกินมากแล้ว ตั้งสำรองเยอะแล้ว แต่ปรากฎว่าก่อนจะยุบสภาฯ รัฐบาลประยุทธ์ เพิ่งจะอนุมัติซื้อไฟเพิ่มไปอีก 2 ที่ ให้กับบริษัทใหญ่ จากเขื่อนแม่โขง 1 แห่ง และบริษัทพลังงานทางเลือกอีก 1 แห่ง เติมเข้าไปอีก

‘อิทธิเดช’ เผย!! ‘อนุทิน’ มุ่งสร้างแลนด์บริดจ์ชุมพร–ระนอง เชื่อมการค้า 2 ฝั่งทะเล พลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศ

‘อนุทิน’ ชู นโยบายแลนด์บริดจ์ชุมพร - ระนอง เชื่อมโยงการค้า 2 ฝั่งทะเล พลิกโฉม ศก.ไทย ลั่นทำได้ทันทีหาก ภท. ได้เป็นรัฐบาล

(23 เม.ย.66) นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ตั้งใจจะดำเนินการเพื่อพลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศ คือโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร - ระนอง เชื่อมโยงทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor แทนช่องแคบมะละกาที่ปัจจุบันเป็นเส้นทางเดินเรือหลักของการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ซึ่งมีแนวโน้มแออัดมากขึ้น

นายอิทธิเดช กล่าวว่า โครงการนี้เรียกว่าเป็น One Deep Sea Port Two Site ซึ่งจะมีทั้งการสร้างท่าเรือชุมพรให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ พัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นท่าเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ พัฒนาถนนมอเตอร์เวย์และรถไฟทางคู่เชื่อมโยงท่าเรือ 2 ฝั่งทะเล มีระบบ Pipe Lines ขนส่งน้ำมันและก๊าซ และสร้างนิคมอุตสาหกรรม Warehouse ในพื้นที่รอบโครงการ ยกเว้นบริเวณที่ติดชายฝั่งทะเล เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแหล่งท่องเที่ยวเอาไว้

‘ธีรวิทย์’ หัวร้อน!! ป้ายหาเสียงถูกทำลาย จี้!! ‘กกต.’ จัดการ แง้ม!! รู้ตัวคนทำ-มีหลักฐานครบ วอนทุกพรรคหาเสียงสร้างสรรค์

‘ธีรวิทย์’ ผู้สมัคร เขตบางเขน ปชป. โวย ป้ายหาเสียงถูกทำลาย จี้กกต.จัดการ ยันมีหลักฐานแล้วใครทำ ลั่นหากไม่หยุดแต้งความเอาผิดแน่

(23 เม.ย.66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดเผยว่าขณะนี้พบว่าป้ายหาเสียงของพรรคปชป. ในเขตกรุงเทพฯ บางพื้นที่โดนเก็บ หรือมีการทำลายป้ายให้เสียหาย โดยล่าสุดได้รับแจ้งจากนายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางเขน (เฉพาะแขวงอนุสาวรีย์) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม)-เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน) เบอร์ 5 ว่าป้ายของตนถูกเก็บและทำลายหลายป้าย จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันในกติกาบนแนวทางที่สร้างสรรค์และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน โดยนายธีรวิทย์ ระบุว่าป้ายที่ถูกทำลายอยู่บริเวณซอยรัชดา 36 แยก 11 มีการนำปากกามาขีดเขียนเพื่อทำลายป้ายและระบุว่าจะเลือกพรรคการเมืองอื่น ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำแต่ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำก็อยากให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว 

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายธีรวิทย์ ยังพบว่ามีการเก็บป้ายของตนลงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในซอยพหลโยธิน 57 ตั้งแต่ปากซอย ซึ่งก็ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าป้ายดังกล่าวไม่ได้มีการบดบังทัศนียภาพหรือบดบังการจราจรแต่เพียงอย่างใด จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ช่วยตรวจตรา ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเกิดจากฝีมือของใคร ซึ่งนายธีรวิทย์มีหลักฐานทั้งหมด หากยังไม่หยุดการกระทำดังกล่าวจะนำหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ กกต. ด้วย จึงขอวิงวอนให้ทุกพรรคการเมืองรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้กฎกติกา มารยาท และตามกฎหมาย เพราะถ้าผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนยังรณรงค์หาเสียงอย่างไม่สุจริต และถ้าได้ไปทำหน้าที่ ส.ส.แล้ว ก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่าผู้นั้นจะทำงานได้อย่างซื่อสัตย์สุจริตเช่นเดียวกัน

‘วิรัช’ ปัด!! นโยบายแจกเงินเกษตร 3 หมื่นบาท ไม่ได้ปาดหน้า ‘พท.’  เมินโพล ‘พปชร. อีสาน’  ได้แค่ 2 เก้าอี้ โว!! แค่โคราชก็ 12 คนแล้ว

‘วิรัช’ ลั่น ไม่ได้ปาดหน้า ‘เพื่อไทย’ จ่อออกนโยบายแจกเงินเกษตรกร 30,000 บาท แจง เมินโพล ชี้ พปชร. อีสาน เหลือ 2 ที่นั่งโว โคราช 12 ที่แล้ว

(23 เม.ย.66) ที่จ.นครราชสีมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนโยบายแจก 3 หมื่นบาทให้เกษตรกร 8 ล้านราย ว่า ไม่ใช่นโยบายใหม่แต่เป็นเพียงการเพิ่มวงเงินให้กับเกษตรกร เป็นทุนในการทำนา ทำไร่ ยืนยันการออกมาในช่วงนี้ไม่ได้ต้องการมาตัดหน้านโยบาย 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย เพราะการจะออกก่อนหรือออกหลัง ไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียด มันก็ใช้ไม่ได้พร้อมตั้งคำถามถึงธนาคารแห่งประเทศไทยว่าทำอะไรอยู่ เพราะนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทออกมา 3 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวว่าเรื่องนี้สามารถทำได้หรือไม่ ขอให้ออกมาตอบให้สังคมว่า สามารถใช้ได้หรือไม่ได้ เพราะหากไปถามเพื่อไทย เดี๋ยวก็จะมีเงินสกุลใหม่ออกมาอีก แต่ขอไม่ประเมินว่านโยบายนี้จะไปรอดหรือไม่รอด 

รทสช. ดึง 6 แกนนำ ชู!! นโยบาย 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ผ่านคลิปสั้น  ส่งไม้ต่อ 'ผู้สมัคร ส.ส.' ช่วยบอกต่อ ปชช. เน้นเข้าใจง่าย เห็นภาพ  

(23 เม.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย เปิดเผยว่า รทสช.เตรียมเผยแพร่คลิปนโยบาย เพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส.นำไปเผยแพร่บอกต่อประชาชนทั้งประเทศว่า 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ตามสโลแกน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตพรรค ผ่านแล้วนำ 6 คน โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรค, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค, พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และตน  

นายธนกร กล่าวว่า ตนชี้แจงเรื่องโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะต่อยอดเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสให้ประชาชนคนละ 1,000 บาท สามารถใช้บัตรนี้ไปกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท / โครงการคนละครึ่งที่ทำมา 5 เฟส พรรครวมไทยสร้างชาติจะมาทำต่อโครงการคนละครึ่งภาคสอง โครงการ 'เราเที่ยวด้วยกัน' ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 11ล้านคน และปี 2566 เราตั้งเป้า 27.5 ล้านคน ซึ่งจะมีเงินเข้าประเทศถึง 2.3 ล้านล้านบาท โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนถึง 2.2 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานถึง 100,000 อัตรา เป็นการหาเงินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทุกนโยบาย 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ทำสำเร็จมาแล้ว เหล่านี้ทำให้เราแตกต่างจากพรรคการเมือง

ส่วน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงนโยบายโคเงินล้าน โคล้านครอบครัว 'ทำมาแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจนและสามารถจะเป็นคนรวยได้โดยวิธีง่ายๆ จากการเลี้ยงโค โดยให้กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านวงเงิน 50,000 บาท นำมาซื้อโคไปเลี้ยง จะมีเงินล้านในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น โดยโครงการนี้ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้อนุมัติ วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐอุดหนุนดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ปี เป็นเงิน 600 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านนำร่องโครงการนี้ 100,000 ครอบครัว โครงการนี้ ทำแล้ว ลองแล้ว สำเร็จแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติจะทำต่อจะทำให้พี่น้องพบกับความร่ำรวยไม่ขายฝัน

ขณะที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต พรรครวมไทยสร้างชาติ จะพูดถึงนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้านสาธารณสุข จะมีการยกระดับในเมืองใหญ่ ประชากรหนาแน่น ในโครงการ หนึ่งเขต หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินในการลงทุน โครงการนี้ผู้ป่วยทุกสิทธิ์ที่รักษาพยาบาลได้ประโยชน์ โดยเฉพาะผู้ป่วยบัตรทอง สำหรับการแก้ปัญหาด้านบริการสาธารณสุข ในพื้นที่เขตชนบทอำเภอต่างๆ ในจังหวัดที่มีประชากรไม่หนาแน่น มักประสบปัญหาเรื่องขีดความสามารถทางการแพทย์ ดังนั้นการใช้วิสาหกิจเพื่อสังคมไปเติมขีดความสามารถทางการแพทย์เฉพาะสาขา แต่ละโรงพยาบาลที่ขาดแคนตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จะลด อุบัติการการเสียชีวิตของผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทได้ กรณีสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุซึ่งเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ผู้สูงอายุคนพิการและกลุ่มเปราะบางทางสังคมประจำตำบลอำเภอจังหวัดยังเป็นเครือข่ายเป็นระบบสามารถปฏิบัติได้จริงอันนี้เป็นสิ่งแรกเดือนที่รวมไทยสร้างชาติจะทำ

ด้าน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน ตั้งแต่ปี 2563 - 2566 วงเงิน 28,000 ล้านบาท ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ที่มีที่พักอาศัยไม่เหมาะสม โดยเข้าไปซ่อมแซมให้ 180,000 ครัวเรือน หาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดเดือนละ 999 บาท มี 13,000 ครอบครัว ตั้งเป้าทำให้ครบ 100,000 หลัง ดูแลกลุ่มเด็กแรกเกิดได้รับเงินเดือนละ 600 บาทช่วยเหลือค่านม เรามีศูนย์ช่วยเหลือสังคมประจำตำบล และชุมชนทั่วประเทศ 7092 ศูนย์ บูรณาการกันทุกกระทรวงเป็นแอพแจ้งเหตุปักหมุดหยุดเหตุเริ่มดำเนินการ 1 เมษายนและจะขยายไปทั่วประเทศที่โรงพักทั้งหมด 1,483 โรง ร่วมกับศูนย์ชุมชนอีก 7,000 แห่งประชาชนดูแลบริหารเองไม่ได้ใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว ซึ่งสามารถลดความรุนแรงในครอบครัวแก้ปัญหายาเสพติดรัฐบาล
 

‘กรณ์’ ซัด!! ลดค่าไฟแค่ 2 สตางค์ น้อยจนน่าเกลียด ชี้!! ต้องยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือนสุดร้อนเพื่อประชาชน

หัวหน้า ชพก. จวก ลดค่าไฟแค่ 2 สตางค์ อย่าอ้างว่าช่วย ยันต้องยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือนสุดร้อน เพื่อประชาชน อีกแก้ปัญหาแบบขอไปที ลั่นต้องเลือกพรรคชนกับทุนผูกขาด

(23 เม.ย.66) จากกรณีมีข่าวว่า คณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีมติเห็นชอบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าวงเงิน 130,000 ล้านบาท แทนประชาชนจาก 5 งวด ที่มีการเรียกเก็บค่าเอฟทีทุก 4 เดือน หรือ 20 เดือน จากงวดละ 27,000 ล้านบาท เป็น 6 งวด หรือ 24 เดือน เป็นเหลือเพียงงวดละ 22,000 ล้านบาท จึงทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดที่ 2 ของปีนี้ (พ.ค.- ส.ค.) ลดลง 7 สตางค์ ต่อหน่วย จากเดิมที่ประกาศจัดเก็บ 4.77 บาท เหลือเพียง 4.70 บาทต่อหน่วย

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า จากกระแสค่าไฟแพงที่ตนออกมาเรียกร้องเมื่อเดือนมีนาคม จนตอนนี้ปัญหาค่าไฟแพง กลายเป็นประเด็นรุนแรงทั่วโซเชียล จนคณะนุกรรมการเอฟทีชงบอร์ด กกพ. ให้ลดค่าไฟ แต่ตัวเลขที่ลดมันน้อยจนน่าเกลียด

‘ณัฐชา’ ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่ปรับกลยุทธ์หาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย เน้นลงพื้นที่เข้าถึง ปชช. โว!! คะแนนนิยมดีทั้งออนไลน์-ออนกราวด์

(23 เม.ย.66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัครส.ส. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกล จะปรับกลยุทธ์หาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ทั้งในพื้นที่ที่กระแสตอบรับดี และพื้นที่ที่กระแสยังเป็นรองหรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกระแสของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และกระแสของพรรคในวันนี้จนไปถึงช่วงโค้งสุดท้ายจะดีขึ้น ทำให้หลายๆ เขตได้รับชัยชนะ น่าจะไม่มีการปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมใดๆ เพราะเราก็หวังเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว และนโยบายต่างๆ ของเราทั้ง 300 นโยบายเราก็ประกาศให้ประชาชนทราบหมดแล้ว สิ่งที่เราทำวันนี้ไปจนถึงโค้งสุดท้ายคือ เดินทางไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เราอยากจะทำ ความตั้งใจที่เราบอกกับประชาชนไปแล้วว่า เราจะเข้าไปทำงานอย่างตรงไปตรงมา

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า เราไม่ได้มองเรื่องของการประกาศจุดยืนต่อพี่น้องประชาชนได้รับทราบ แต่เราประกาศทั้งหมดไปตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย เงื่อนไขที่เราประกาศว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร แนวทางของผู้สนับสนุนพรรคเรา สามารถรับได้ในสิ่งไหนบ้าง เราก็ได้ประกาศไปตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงการประกาศแคนดิเดตนายกฯ จนถึงวันนี้สิ่งที่เราเดินหน้าทำอยู่ คือเรื่องที่เราพูดออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เราทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้นๆ ในทุกๆ วัน จนเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ไม่มีการปรับกลยุทธ์ ไม่มีการเพิ่มเติมเงื่อนไขต่างๆ เพราะสิ่งที่เราได้สื่อสารกับประชาชน เราได้ทำกันอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก

เมื่อถามว่า กรณีโพลมติชน-เดลินิวส์ ที่กำลังเปิดโหวตครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-28 เมษายนนี้ สำหรับพรรคก้าวไกล จะปรับกลยุทธ์การหาเสียงโค้งสุดท้ายอย่างไร นายณัฐชา กล่าวว่า ยังยืนยันคำตอบเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลโพลก็ดี หรือคะแนนนิยมในพื้นที่ต่างๆเองก็ดีทั้งในออนไลน์ และออนกราวด์ เรามีแต่เดินหน้าบอกเรื่องราวต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ที่เป็นสิ่งที่เราได้บอกกล่าวไปตั้งแต่วันแรก ฉะนั้นไม่ว่าจะทำโพลกี่ครั้ง คะแนนนิยมของเราที่เพิ่มขึ้น มีการรับรู้ มีจำนวนประชาชนที่เข้าใจเพิ่มมากขึ้น บางคนอาจยังเข้าใจนโยบาย หรือแนวทางการทำงานของพรรคที่คลาดเคลื่อน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง คือการทำความเข้าใจ พูดคุยกับพี่น้องประชาชน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/election66/news_3939532

‘รถหาเสียง’ ผู้สมัคร ส.ส. ‘ก้าวไกล’ นครปฐม เสียหลักพุ่งตกคลอง!! หลังมีรถตัดหน้ากะทันหัน โชคดี คนขับปลอดภัย

(23 เม.ย.66) ที่ จ.นครปฐม นายสาโรจน์ จุ้ยเจริญ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 5 นครปฐม พรรคก้าวไกล เปิดเผยกับ ‘มติชน’ ว่าได้รับแจ้งจาก นางพีรยา หรือ เจ๊แต๋ว อายุ 62 ปี คนขับรถประชาสัมพันธ์พรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.ของตนว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะที่ใช้เป็นรถประชาสัมพันธ์เสียหลักตกลงไปในคลองชลประทานบางปลา-ลำพญา ต.บางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้รับความเสียหาย จึงได้ประสานทีมงานเข้าไปช่วยดูแล เบื้องต้นทราบว่ารถยนต์ได้รับความเสียหาย น้ำเข้ารถและเครื่องยนต์ ส่วนคนขับปลอดภัย

ด้านนางพีรยา หรือเจ๊แต๋ว กล่าวว่า ขับรถคันดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ใช้เส้นทางเลียบคลองชลประทานบางปลา-บางระกำ จากบ้านเพื่อไปประชาสัมพันธ์หาเสียงให้พรรคก้าวไกลและนายสาโรจน์เป็นประจำ ซึ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์มีตลาดนัดเช้าที่วัดกลางบางพระจึงออกเช้ากว่าปกติ โดยใช้เส้นทางเลียบคลองชลประทาน

นางพีรยากล่าวว่า เมื่อมาถึงซอยลำพญา ซอย 6 ต.บางระกำ อ.บางเลน มีรถกระบะสีดำสภาพเก่าวิ่งพุ่งออกมาจากซอยกะทันหัน จึงตกใจเบรกอย่างแรงทำให้รถเสียหลักตกลงข้างทางไถลลงคลองชลประทานที่มีน้ำเต็มคลอง ขณะนั้นตกใจมากประตูเปิดไม่ออก หมุนกระจกลงอย่างเร็วแล้วรีบปีนออกทั้งที่น้ำก็พุ่งเข้ารถ โชคดีที่เป็นรถรุ่นเก่า เป็นระบบกระจกหมุนมือ ถ้าเป็นไฟฟ้าคงสบายไปแล้ว

นางพีรยากล่าวอีกว่า เมื่อออกจากรถได้รีบขึ้นมาบนคันคลอง มีชาวบ้านที่กลับจากนาผ่านมาบอกว่าโชคดีนะที่วันนี้น้ำเต็มคลอง ปกติน้ำไม่ค่อยมี หากตกลงไปตอนน้ำแห้งคงอันตรายมาก เพราะคลองนี้ลึก 2 เมตรกว่า และช่วยเรียกชาวบ้านมาช่วยกันนำรถขึ้นมา

“คิดว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุมากกว่า เขาอาจไม่เห็นเรา หรือรีบ ทำให้ออกมาแบบไม่ทันระวัง ส่วนเราก็เกรงว่าจะชนจึงเบรกอย่างแรงทำให้เสียหลัก ตอนนั้นตกใจมาก ช่างมัน ฟาดเคราะห์ รีบซ่อมรถออกทำงานต่อ” เจ๊แต๋ว กล่าว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3939626

‘บิ๊กตู่’ เตรียมนำทัพ รทสช. บุกอุดรฯ ตั้งเวทีปราศรัย 24 เม.ย. นี้ ก่อนลงใต้หาเสียง 29-30 เม.ย. จัดว่าตารางแน่น!!

(23 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช้เวลาลงพื้นที่หาเสียงติดต่อกัน ทั้งที่ จ.กรุงเทพมหานคร, จ.เชียงใหม่, จ.พิษณุโลก, จ.อุตรดิตถ์ และ จ.แพร่

ขณะที่วันที่ 24 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.อุดรธานี โดยทันทีที่เดินทางถึง พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ากราบสักการะหลวงปู่แก้ว วัดอัมพวันวิทยาราม อ.กุดจับ เพื่อความสิริมงคล จากนั้นเดินทางไปเวทีปราศรัยจุดแรกที่หอประชุม อ.กุดจับ จากนั้นช่วงบ่ายจะเดินทางไปปราศรัยจุดที่ 2 ที่สวนสาธารณะหนองไผ่ ต.หนองเม็ก อ.หนองห่าน และปราศัยจุดที่ 3 ที่ห้องสยามมนตรา โรงแรมสยามแกรนด์ อ.เมือง และจะเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติอุดรธานี โดยจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับ กทม.ทั้งนี้ จ.อุดรธานี ถือเป็นฐานเสียงสำคัญพรรคเพื่อไทย (พท.)

ขณะที่ช่วงระหว่างวันที่ 29 - 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ โดยช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย. ลงพื้นที่ จ.ตรัง ช่วงบ่ายปราศรัยที่ จ.พัทลุง และพักค้างคืนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเช้า ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สตูล ช่วงบ่าย จ.สงขลา และในช่วงเย็นปราศรัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/726200

'ดร.หิมาลัย' จวก 'นักข่าวต่างชาติ' ไร้มารยาท ยิงคำถามยั่วยุ 'บิ๊กตู่' ตอกกลับ!! แบบนี้คนไทยเรียก “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งได้ลาราชการเพื่อลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรค และเลือกพรรคเบอร์ 22 เมื่อ 21 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งมีกลุ่มนักข่าว ทราบภายหลังว่ามาจากสื่อต่างชาติ ได้พยายามถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า 8 ปี มีกระแสที่ต้องการให้นายกฯ ออกไป และยังสอบถามอีกว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯ ไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไม่ถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
.
แต่กลุ่มนักข่าวต่างชาติดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด และวิ่งไล่ตาม ตะโกนโหวกเหวก ส่งเสียงดัง แบบไม่มีมารยาทแม้ว่าพลเอกประยุทธ์ได้พยายามเดินหลบแล้ว อาจมองได้ว่าเป็นการจงใจยั่วโมโห แถมยังถามย้ำ แบบจงใจให้เกิดปัญหา ด้วยคำถามว่า Many people said , it’s the time to change, this election is never change. Why you don’t let people have time to change? Prime Minister, Thai people wanna change, why don’t you let Thai people give a chance to chance in this country? 

พร้อมทั้งสุภาพสตรีท่านนึงใน กลุ่มนักข่าวต่างชาตินี้ ถามเป็นภาษาไทยใจความว่าเหมือนกับคำถามภาษาอังกฤษซ้ำ อีกครั้งว่า “คนไทยต้องการ การเปลี่ยนแปลง, มีคนอยากให้ท่านออก ทำไมไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

อย่างไรก็ดี ด้วยวุฒิภาวะ ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมากพอ จึงไม่ได้ตอบโต้ หรือทำให้เรื่องบานปลาย เดินหลีกเลี่ยง และเพียงแต่ตอบกลับไปเบาๆ ว่า “Election” เท่านั้น

ต่อเรื่องนี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงทรรศนะว่า ในฐานะที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย โดยส่วนตัวมองว่า การถามคำถามดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงตามแนวทางของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่คำถามของกลุ่มนักข่าวต่างชาติ กลุ่มนี้ เหมือนคนที่ไม่ยอมเข้าใจ หรือ ไม่รู้ว่าบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ได้ยุบสภา และ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคนไทย จะตัดสินใจกันเองได้ ในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งการถามแบบนี้ ถือว่า กลุ่มนักข่าวต่างชาติ ถามคำถามที่ ด้อยค่าตัวเอง แบบคนไม่มีความรู้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top