จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งได้ลาราชการเพื่อลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรค และเลือกพรรคเบอร์ 22 เมื่อ 21 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งมีกลุ่มนักข่าว ทราบภายหลังว่ามาจากสื่อต่างชาติ ได้พยายามถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า 8 ปี มีกระแสที่ต้องการให้นายกฯ ออกไป และยังสอบถามอีกว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯ ไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไม่ถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
.
แต่กลุ่มนักข่าวต่างชาติดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด และวิ่งไล่ตาม ตะโกนโหวกเหวก ส่งเสียงดัง แบบไม่มีมารยาทแม้ว่าพลเอกประยุทธ์ได้พยายามเดินหลบแล้ว อาจมองได้ว่าเป็นการจงใจยั่วโมโห แถมยังถามย้ำ แบบจงใจให้เกิดปัญหา ด้วยคำถามว่า Many people said , it’s the time to change, this election is never change. Why you don’t let people have time to change? Prime Minister, Thai people wanna change, why don’t you let Thai people give a chance to chance in this country? 

พร้อมทั้งสุภาพสตรีท่านนึงใน กลุ่มนักข่าวต่างชาตินี้ ถามเป็นภาษาไทยใจความว่าเหมือนกับคำถามภาษาอังกฤษซ้ำ อีกครั้งว่า “คนไทยต้องการ การเปลี่ยนแปลง, มีคนอยากให้ท่านออก ทำไมไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

อย่างไรก็ดี ด้วยวุฒิภาวะ ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมากพอ จึงไม่ได้ตอบโต้ หรือทำให้เรื่องบานปลาย เดินหลีกเลี่ยง และเพียงแต่ตอบกลับไปเบาๆ ว่า “Election” เท่านั้น

ต่อเรื่องนี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงทรรศนะว่า ในฐานะที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย โดยส่วนตัวมองว่า การถามคำถามดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงตามแนวทางของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่คำถามของกลุ่มนักข่าวต่างชาติ กลุ่มนี้ เหมือนคนที่ไม่ยอมเข้าใจ หรือ ไม่รู้ว่าบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ได้ยุบสภา และ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคนไทย จะตัดสินใจกันเองได้ ในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งการถามแบบนี้ ถือว่า กลุ่มนักข่าวต่างชาติ ถามคำถามที่ ด้อยค่าตัวเอง แบบคนไม่มีความรู้

ทั้งนี้ หากเป็นผู้สื่อข่าวที่ทำการบ้านมา ย่อมทราบดีว่า ขณะนี้ เป็นช่วงเวลาของการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้คนไทย ได้ตัดสินใจอนาคตของประเทศตนเองว่าจะไปในทิศทางใด ซึ่งประเทศจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนไม่ได้อยู่ที่พลเอกประยุทธ์ เพราะไม่มีอำนาจจะกำหนดผลการเลือกตั้ง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน เพราะพลเอกประยุทธ์ ก็เป็นเพียงบุคคลหนึ่งที่เสนอตัวมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น ซึ่งตัวท่านก็ย้ำมาตลอดว่า พร้อมทำตามกติกา ไม่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาเช่นไร 

ดังนั้น การที่กลุ่มนักข่าวต่างชาติ ดังกล่าว ถามพลเอกประยุทธ์ ว่า คนไทยอยากเปลี่ยน แต่ท่านทำไมไม่ให้โอกาสคนไทยที่จะเปลี่ยน จึงดูจะเป็นคำถามที่ประหลาดอย่างมาก และดูเหมือนเป็นคำถามของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง มากกว่าการทำหน้าที่สื่อมวลชน มืออาชีพ ที่มีจุดประสงค์แอบแฝง โดยไม่ต้องการคำตอบที่แท้จริงแต่อย่างใด

“ต้องยอมรับตามตรงว่า ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดนักว่า เบื้องหลังหรือเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มนักข่าวต่างชาติกลุ่มนี้ ที่ถามคำถามแบบนี้คืออะไร แต่อยากฝากให้ศึกษาข้อมูลการเลือกตั้งของไทยให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะมาถามคำถามแย่ๆ ซึ่งสะท้อนถึงทัศนคติด้านลบต่อบริบทของสังคมไทย 

"และตนเองเพิ่งเข้าใจสิ่งที่คุณครูเคยสอนเมื่อตอนเรียน ป.4 ว่า...

“สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” อย่างชัดเจนก็ในวันนี้นี่เอง”