Friday, 29 March 2024
ประยุทธ์

ถอดคำพูด ‘บิ๊กตู่’ หลังลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย 

ดราม่า ‘สวดมนต์’ ถอดคำพูด ‘บิ๊กตู่’ หลังลงพื้นที่ จังหวัดสุโขทัย

“ปัญหาไม่ได้มีเฉพาะตรงนี้
มันมีหลายที่ด้วยกันนะจ๊ะ
วันนี้พายุเข้ามาลูกนะ
ปีก่อน ปี 64 นะ ปี 63 นะ เข้ามา 5 ลูก

นี่ลูกเดียวนะ แจ๊บๆ หน่อย...นะ”

‘ทิพานัน’ ยก รธน.แจง ‘ประยุทธ์’เป็นนายกฯ ตามรธน.60 สวน ฝ่ายค้านอย่าทำสังคมสับสน เหน็บ กลัวปชช.เลือกพรรค ชง ‘บิ๊กตู่’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในเลือกตั้งสมัยหน้า 

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านอ้างมาตรา 158 วรรค 4 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี มาปลุกปั่นกระแสสังคมเพื่อลดทอนความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ฝ่ายค้านถนัดและดิ้นรนจะทำ เพราะไม่สามารถหาจุดบกพร่องในการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ได้ จึงต้องไปเอากฎหมายมาตีความกระท่อนกระแท่น เอามาบางส่วนในแต่ละมาตรามาโจมตีนายกฯ เพราะถ้าอ่านมาตรา 158 และมาตรา 264 ทั้งมาตราจะเข้าใจได้ว่า การนับอายุดำรงตำแหน่งนายกฯ เริ่มขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลบังคับใช้ เมื่อพล.อ. ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่บุคคลที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า บทบัญญัติของมาตรา 158 ทั้งมาตรา มี 4 วรรค คือ วรรคหนึ่ง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบกันเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน

วรรคสอง นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคสาม ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และวรรคสี่ นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาคือมาตรา 158 วรรค 2 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 และเมื่อประกอบมาตรา 272 แล้วต้องให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ดังนั้นความมุ่งหมายของมาตรา 158 ทั้งมาตราเป็นการบัญญัติพระราชอำนาจในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในการนับเวลา 8 ปีตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่ว่าจะนับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแต่ต้องเป็นตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้และเป็นนายกฯ ที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ที่ต้องผ่านขั้นตอนการเสนอชื่อโดยกระบวนการตั้งแต่ประชาชนตามมาตรา 159 ซึ่งรัฐธรรมนูญปีไหนก็ยังไม่มี เมื่อจะใช้กฎหมายมาตรานี้ก็ต้องอ่านทั้งมาตรา จะเอาวรรค 4 วรรคเดียวมาอ้างแบบกระท่อนกระแท่นบางส่วนไม่ได้ การนับเวลา 8 ปีตามมาตรา 158 วรรค 4 ต้องนับจากนายกรัฐมนตรีที่มาตามมาตรา 158 วรรค 2 ด้วย

“ลุงตู่ - ลุงป้อม” ห่วงใยชาวแฟลตดินแดง มอบ "รมว.เฮ้ง" ส่ง ทปษ.รมว. แจกข้าวกล่องสู้โควิด-19

วันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 15.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ครัวลุงตู่ ลุงป้อม ซึ่งได้ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 3 แห่ง ๆ ได้แก่

จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน จำนวน 400 กล่อง โดยมี นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ จำนวน 400 กล่อง โดยมี นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 จำนวน 700 กล่อง โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 และชาวแฟลตดินแดงร่วมรับมอบ

นางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้สั่งการให้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้แม่ค้าในชุมชนได้ทำข้าวกล่องในมื้อเย็น เพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ จำนวน 1,500 กล่อง ในวันนี้ท่าน รมว.แรงงาน จึงได้มอบหมายให้ลงพื้นที่มอบข้าวกล่องให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในมื้อเย็น รวมทั้งสิ้น 3 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 12 ต.ค.64 เป็นเวลา 27 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

โฆษกรัฐบาล เผย “นายก” จี้ ฝ่ายความมั่นคง สางปม แรงงานเถื่อนข้ามชาติ ควบคู่ ป้องโควิด-19 รองรับ เปิดประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวด  เฝ้าระวัง สกัดกั้นขบวนการขนย้าย ค้าแรงงานต่างด้าว ที่แอบลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดนโดยผิดกฎหมาย หลังพบการรายงานการจับกุมการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนผ่านชายแดนมีความถี่มากขึ้น โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพิ่มมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทุกประเภท

ทั้งการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การค้าอาวุธเถื่อนและยาเสพติด  ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค Covid-19  บริเวณชายแดน รวมทั้งใช้กลไก ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการทำงาน ร่วมกันและนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และให้สถานที่กักกัน (OQ) ให้เพียงพอเพี่อรองรับการลักลอบข้ามแดนที่มากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างมีประสิทธิภาพ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจับกุมการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนผ่านชายแดนหลายคดีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นวันที่ 3 พ.ย. 64  เจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 17 คน ที่บริเวณจุดตรวจ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ วันเดียวกันในพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยงู บ.ห้วยหมากเลี่ยม ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พบผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา 19 คน  และเมี่อวันที่  31 ตุลาคมที่ผ่านมา  ได้จับกุมชาวเมียนมา บริเวณช่องทางธรรมชาติช่องสิบศพ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ 45 คน  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจคัดกรองโควิด -19 ตามมาตรการเฝ้าระวัง ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ ตม. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

"ณัฐชา" ซัด "ประยุทธ์" ลำพองตัวคิดว่าเก่งกาจ เหยียบหัว ปชป. นั่งหัวโต๊ะบอร์ดแก้ปัญหาเกษตร หวั่น ปชช.ต้องรับกรรมซ้ำรอยโควิด

นาย​ณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึง​กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 โดยระบุตอนหนึ่งว่า เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ เรากำลังตั้งคณะกรรมการซึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นแกน เพื่อแก้ไขปัญหานี้

นายณัฐชา​ กล่าวว่า​ กี่ครั้งกี่หนที่เกิดวิกฤตชาติแล้วนายกรัฐมนตรีอาสานั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ปัญหาโดยรวบอำนาจทุกอย่างเอาไว้​ ประหนึ่งลำพองตัวเองว่าตนเก่งกาจจัดการได้ทุกเรื่อง​ แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่าไม่มีวิกฤตใดเลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ พาไปรอด และพอแก้ปัญหาไม่ได้ก็โยนบาปกลับไปให้เพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอีกข้อที่น่าสังเกต คือ​ การอาสาแก้ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ เจ้าภาพควรเป็นกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่

การอาสาเข้ามานั่งตำแหน่งประธานบอร์ดแก้จน​แบบนี้ ต้องถามว่าจงใจจะล้วงลูกเหยียบหัวพรรคประชาธิปัตย์โดยทำเป็นอ้างปัญหาว่ามาจากความล่าช้าของระบบราชการใช่หรือไม่ หรืออีกด้านหนึ่งก็เพื่อต้องการให้คณะกรรมการชุดนี้ช่วยโยนบาปให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ดูแลถึง 2 กระทรวงใหญ่ แต่ทำไมแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรไม่ได้ จึงต้องมีการตั้งบอร์ดชุดนี้เพื่อบอกว่าท่านอาสาเป็นอัศวินขี่ม้ามาช่วย​ ซึ่งคราวนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะขี่ม้าขาวหรือตกม้าตายกันแน่

"เพื่อไทย" อัด รบ.ไม่จัดการระบบสธ.ให้ดี หลังผู้ป่วยเส้นเลือดสมองแตกหาเตียงกว่า 6 ชม.จนเสียชีวิต ชี้ ส่งสัญญาณระบบสธ.ใกล้ล่มสลาย ขู่ ยื่นฟ้อง "ประยุทธ์" ถ้าไม่แก้ปัญหา

ที่รัฐสภา นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และน.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวกรณีผู้ป่วยวิกฤตเส้นเลือดสมองแตก หลังถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาและต้องส่งตัวไกล 156 กม. จนเสียชีวิต โดยนพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า หลังผู้ป่วยหมดสติที่บ้าน ญาติพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแต่ถูกปฏิเสธว่าเตียงเต็มและส่งต่อไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิบัตรทองของผู้ป่วยแต่ก็ได้รับแจ้งว่าเตียงเต็มเช่นกัน ญาติจึงประสานโรงพยาบาลต่างๆ อีก 5-6 แห่ง ทั้งในเชียงใหม่และลำพูน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าเตียงเต็ม สุดท้ายก็ได้โรงพยาบาลที่รับรักษา

โดยเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลถึง 150 กม. ทั้งนี้ ญาติผู้ป่วยเสียเวลาในการติดต่อประสานและเดินทางรวม 6 ชั่วโมง เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการตรวจและระบุว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดออกไปกดทับส่วนต่างๆ ของสมอง ทำให้อาการรุนแรงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการจัดระบบสาธารณสุขของไทยในปัจจุบันล้มเหลว ทั้งเรื่องโครงการผู้ป่วยฉุกเฉินรักษาใกล้บ้านที่สามารถรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ รวมถึงเรื่องบัตรทองที่โรงพยาบาลที่ใช้สิทธิบัตรทองปฏิเสธผู้ป่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ถ้ารัฐบาลบริหารจัดการตามบริการสาธารณสุขได้ดีกว่านี้ ผู้ป่วยรายนี้อาจจะไม่เสียชีวิต

ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเคยแถลงข่าวว่าสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในเชียงใหม่เริ่มแตกเต็มที ซึ่งในรอบเดือนที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยโควิดในเชียงใหม่อยู่ที่ลำดับ 2 แม้ขณะนี้ลำดับจะลดลง แต่จำนวนผู้ป่วยไม่ได้ลดลง ซึ่งสถานการณ์ความพร้อมด้านสาธารณสุขก็เริ่มมีปัญหา เราเคยเตือนรัฐบาลแล้วแต่ก็ไม่มีการแก้ไข สัญญาณที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นสัญญาณแรกของการล่มสลายของระบบสาธารณสุข และจะมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ หากรัฐบาลยังไม่ทำอะไร พวกตนก็ต้องหากลไกทางสภาฯ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เข้าไปแก้ไข โดยจะยื่นเรื่องให้กมธ.สาธารณสุข เพื่อดำเนินการหาว่าจุดบกพร่องอยู่ที่ไหน ทำไมสิ่งที่เราเคยทำมาดีๆ วันนี้ถึงใกล้ล่มสลาย เราต้องหาคำตอบเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

‘นายกฯ’ โอดอ่านเอกสารวันละ 100 แฟ้ม ขอรมต. สรุปข้อมูลประหยัดเวลาให้ ยันไม่ยึดติดอำนาจ แค่อยากเห็นรอยยิ้มปชช. ขอทำงานตามกรอบที่กฎหมายให้ไว้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล "DG Awards 2021" แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดขึ้น

โดยพล.อ. ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า การเชื่อมโยงข้อมูลกลางจากหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ในจุดเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่พวกเราได้ทำมา ไม่อาจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ ซึ่งตนจะต้องจัดระเบียบตรงนี้เสียใหม่ ต้องมีการจัดข้อมูลว่าเรามีกลุ่มงานกี่กลุ่ม มีส่วนที่ประสบความสำเร็จแล้วกี่หน่วยงาน มีผลงานของหน่วยงานใดบ้าง แล้วจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร งานด้านการพัฒนาที่กระทรวงได้ทำในฐานะรัฐบาลจะต้องถอดแบบออกมาให้ได้ โดยตนมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรวบรวมสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา 2 ปี ของรัฐบาลชุดนี้ แต่ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบางครั้งเป็นตัวเลขที่นำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้ยาก 

จึงขอว่าเวลาที่ทำรายงานส่งมาถึงตนช่วยทำข้อมูลสรุปให้เห็นชัดว่าอะไรมีการเปลี่ยนแปลง อะไรเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ไม่ใช่ส่งมาแต่ตัวเลขละเอียดยิบ เมื่อแต่ละหน่วยงานส่งแบบนี้เข้ามา ตนก็ต้องอ่านทุกฉบับแล้วก็เขียนสั่งการแต่ละหน่วยงานว่าให้ดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันลดเวลาการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้กับตนด้วย เพราะแต่ละวันตนอ่านเอกสารหนังสือเยอะมาก ทุกคนส่งเอกสารหนังสือเข้ามาเป็น 100 แฟ้ม เป็นแบบนี้ทุกวัน 100 แฟ้ม ก็ 100 เรื่อง เซ็นแต่ละวัน 30 - 40 แฟ้ม แต่ตนก็ต้องอ่าน บางครั้งก็เขียนเติมข้อสั่งการลงไปบ้าง

'พนิต' ฟันธง อัศวินอยู่ใต้เงาประยุทธ์ หลังลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง เตือนระวังคนกรุงไม่เอา 

“พนิต” ปชป.ฟันธง นายกฯ ตรวจคลองโอ่งอ่างสะท้อน “อัศวิน” อยู่ใต้เงา “บิ๊กตู่” เตือนระวังคนกรุงไม่เอา ภาพชัดต้องการสืบทอดอำนาจ จับตาใช้กลไกรัฐเอาเปรียบคู่แข่งทำลายบรรยากาศเลือกตั้งในรอบ 9 ปี เชื่อ 22 พ.ค.เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการ

วันนี้ (2 เม.ย.) นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว Panich Vikitsreth - พนิต วิกิตเศรษฐ์ เรื่อง "บิ๊กวิน" ในเงา "บิ๊กตู่"? ว่า หนึ่งภาพล้านความหมาย! ผมเชื่อว่า มีคนตั้งคำถามถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยเฉพาะการลงพื้นที่และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

โดยเฉพาะในวันที่ 30 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แม้จะระบุว่า ไม่ได้เชียร์ใคร แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินได้อ่าน ต่างตีความว่า หมายถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“ฉะนั้น ถ้าจะหาเสียงลองถามต่อไปสิว่าของเดิมที่ทำมาแล้วมีอะไรบ้าง เขารู้หรือยัง และจะทำอะไรต่อตรงนั้น หรือจะทำอะไรใหม่ ถ้ามารื้อทิ้งทั้งหมดถามว่าจะไปได้อย่างไร” คำว่า “จะทำอะไรต่อ” มันสอดรับกับสโลแกนของ พล.ต.อ.อัศวิน ที่ว่า “กรุงเทพฯต้องไปต่อ” อย่างบังเอิญ?

อีกวันต่อมา ช่วงเย็น 31 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ควงแขน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน โดยเป็นภารกิจที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการอีกครั้ง

นายพนิต กล่าวว่า การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้คงไม่แปลกอะไร หากแต่การเลือกลงพื้นที่คลองโอ่งอ่างในช่วงนี้ และวันเดียวกับที่มีการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครวันแรก มันยิ่งทำให้คนปักใจเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังช่วย พล.ต.อ.อัศวิน หาเสียงทางอ้อม แม้ไม่ได้มีประโยคไหนสื่อถึงก็ตามที

เพราะการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่าง จนได้รับรางวัลต้นแบบในการปรับปรุงภูมิทัศน์ในเขตเมืองของเอเชียประจำปี ค.ศ. 2020 (2020 Asian Townscape Award) จากโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme: UN-HABITAT) ซึ่งประกาศรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 เป็นสิ่งที่ พล.ต.อ.อัศวิน ใช้เป็นผลงานมาโดยตลอดและนำมาหาเสียงในครั้งนี้ด้วย

พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตั้งแต่วันแรกที่รับสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มันจึงสร้างความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า จะจัดการเลือกตั้งได้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงหรือไม่ และจะมีการใช้กลไกฝ่ายอำนาจมาเอื้อให้กับผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษหรือไม่ ในเมื่อผู้นำยังทำตัวสองแง่สามง่ามลับๆ ล่อๆ

'บิ๊กตู่' เผย 8 ข้อหารือนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ส่งทีมศก.ไทยถก 5 บริษัทรถยนต์ ลุยอุตสาหกรรม EV

‘บิ๊กตู่’ โพสต์ผลสำเร็จหลังพบหารือกับนายกฯญี่ปุ่น หวังอนาคตก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการพบปะหารือร่วมกับ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ว่า ช่วงวันที่ 1-2 พ.ค.นี้ ประเทศไทยได้มีโอกาสให้การต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการ ของนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และคณะกว่า 100 คน ซึ่งเป็นผู้แทนระดับสูงจากหลายกระทรวงสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว รวมทั้งกระทรวงกลาโหม นับเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับนายกรัฐมนตรี ครั้งแรกในรอบ 9 ปี เพื่อสานต่อและขยายผลความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนาน 135 ปี ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่จะเรียนให้ทราบถึงความสำเร็จร่วมกัน จากการหารือเพื่อเพิ่มพูนความเป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อย่างน้อย 8 ด้าน ดังต่อไปนี้

1.) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเสริมสร้างศักยภาพ Startup และ SMEs ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งการร่วมมือภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว ของทั้งสองประเทศ 

2.) การส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่น ในอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า-แบตเตอรี่-อะไหล่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีดิจิทัล และ BCG ทั้งในพื้นที่ EEC และทั่วทุกภูมิภาคของไทย ที่จะต้องพิจารณาส่งเสริมโดยตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง 

รวมทั้งเรื่องเวชภัณฑ์-ยา-เครื่องมือแพทย์ ซึ่งญี่ปุ่นก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาระดับโลก รัฐบาลก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุน การวิจัย หรือขยายธุรกิจ โดยตั้งโรงงานผลิตยาในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยไทยก็มีความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ นักวิจัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อส่งเสริมบทบาทของไทย ให้เป็น "ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ (Healthcare, Wellness & Medical Hub)" ของโลก

3.) การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและพื้นที่ EEC การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยส่งเสริมการสร้างแรงงานทักษะสูง ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่รองรับการลงทุนของญี่ปุ่น ผ่านสถาบันโคเซ็นในไทย (KOSEN Education Center) เพื่อมุ่งพัฒนาให้ไทยเป็น "ศูนย์กลางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์" ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 

4.) การเสริมสร้างความร่วมมือด้านพลังงาน เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน 

5.) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ระบบราง โครงข่ายดิจิทัล และ 5G

6.) การส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA : Free Trade Agreement) ต่างๆ ที่สองฝ่ายเป็นภาคีอยู่ รวมถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดของโลก

'นายกตู่' สั่งตรวจสอบคอนเทนต์ก้าวล่วงสถาบันฯ เตือนนักการตลาด-อินฟูฯ ผลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งหลังมีข่าวการทำคลิปโปรโมตการตลาดของแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งหนึ่งบนโซเซียลมีเดีย 

โดยบุคคลที่ถูกว่าจ้างมีการนำเสนอคอนเทนต์หมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงสถาบัน ทำลายจิตใจประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เกิดกระแสต่อต้านจนมีการขึ้นแฮชแท็กแบนแพลตฟอร์มดังกล่าวบนโลกออนไลน์  

ขณะนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หารือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยจะมีการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ ปอท. เพื่อตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำความผิด และดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top