Monday, 29 April 2024
ประยุทธ์

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยออกไปใช้สิทธิ 14 พ.ค. เลือกกา ‘รทสช.’ สานต่อ แก้ปัญหา คลายทุกข์ให้ ปชช.

(11 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ออกมาเชิญชวนพี่น้องชาวไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้ โดยระบุว่า…

“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ผมขอเชิญชวนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้ อย่างพร้อมเพรียงกัน และอย่าลืมบัตรสีม่วง เลือกผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 400 เขต และบัตรสีเขียวเลือก ‘ลุงตู่’ หมายเลข 22 เพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าไปทำงานต่อ เพราะเรายังมีงานที่ต้องสานต่อ ทำต่อ อยู่ต่อ อีกมาก ตามที่ตั้งใจไว้ว่าเราจะทำไว้ ทำอยู่ ผมมั่นใจในนโยบายของพรรคจะสามารถแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน อย่าลืมนะครับ วันที่ 14 เลือก 2 ใบนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! กล้วยหอมทองหนองบัวแดง ขึ้นทะเบียน GI  ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนปีละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท

(11 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ได้รับทราบว่า 'กล้วยหอมทองหนองบัวแดง' ของจังหวัดชัยภูมิ ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) สะท้อนคุณภาพของผลไม้ไทยที่มีศักยภาพและมีอัตลักษณ์จากแหล่งผลิตท้องถิ่น ปัจจุบันมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่สำคัญ คือ ประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ ทุเรียนไทย มีแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน KASETTRACK ช่วยควบคุมมาตรฐานการผลิต พร้อมส่งออกผลไม้ไทยในตลาดต่างประเทศควบคู่การใช้นวัตกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า สร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEPA) บริษัท วีเดฟซอฟท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน KASETTRACK และกลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียน อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี ยังได้มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้แพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน KASETTRACK เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลการผลิตให้แก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียน สร้างมาตรฐานการผลิตทุเรียนคุณภาพ 

โดยระบบจะสร้างขั้นตอนการผลิตทุเรียนที่เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐาน GAP ให้เกษตรกรสามารถบันทึกและวิเคราะห์ความก้าวหน้ากิจกรรมการผลิต และการดูแลรักษาในทุกระยะการเติบโต สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศผู้นำเข้า โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนอันดับหนึ่งของไทย โดยปัจจุบันเกษตรกรใช้งานแอปพลิเคชัน KASETTRACK แล้วกว่า 1,000 รายใน 8 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี ระยอง ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ยะลา และสุโขทัย พร้อมตั้งเป้าหมายว่า KASETTRACK จะดูแลการผลิตทุเรียนไทยคุณภาพได้กว่า 1 แสนตัน สร้างเกษตรกรคุณภาพที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ไม่น้อยกว่า 10,000 รายในปี 2569

“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่ผลักดันและพัฒนาศักยภาพภาคการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้ไทยซึ่งเป็นผลผลิตจากชุมชนท้องถิ่น ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งการส่งเสริมสินค้า GI และการผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อควบคุมการผลิต เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าทางการค้า คงมาตรฐานคุณภาพสินค้าไทยในตลาดโลก ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่น สร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ขึ้นรถแห่รอบบ่าย ชวนคนไทยใช้สิทธิชี้ชะตาประเทศ ลั่น!! ‘รทสช.’ พร้อมดูแลทุกคน อ้อน!! 14 พ.ค.นี้ เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(13 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรค ได้เดินทางมาสมทบกับคณะของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค  ขึ้นรถแห่หาเสียง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสีหน้าที่แจ่มใส แม้ว่าที่ผ่านมาจะเดินทางหาเสียง ท่ามกลางอากาศร้อนและฝนตกไปทั่วประเทศ รวมทั้งปราศรัย ในทุกเวทีที่เดินทางไป ทั้งนี้ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ขึ้นรถแห่หาเสียงที่ร้านศรแดง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีประชาชนมา ส่งเสียงเชียร์ และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สู้เพื่อคนไทยต่อไป พร้อมมอบดอกไม้เป็นกำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อน ขึ้นรถแห่ว่า พูดมาหลายวันแล้ววันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันสำคัญของคนไทย ขอวิงวอนขอร้องให้คนไทยทุกคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทุกที่ทั่วประเทศไทย เพราะนี่คือการเดินหน้าประเทศไทย ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ทั้งเขตและทั้งพรรค ขอให้ทุกคนออกไปลงมติโดยพร้อมเพรียงกัน อยากให้รู้ว่าบ้านเมืองของเราก็มีอะไรที่ดีอยู่แล้วแล้วเราก็จะทำต่อ เราไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านหลังใหญ่เพื่อสร้างหลังใหม่ ไม่จำเป็นต้องรื้อประเทศไทย เราสามารถทำทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ พรรครวมไทยสร้างชาติทำเพื่อทุกคนอยู่แล้ว แบ่งแยกไม่ได้

พรุ่งนี้ถึงอากาศจะไม่เป็นใจแต่เชื่อว่าถ้าทุกคนตั้งใจก็ไม่เป็นอุปสรรค ฝนฟ้าถ้าตกก็มีวันหยุด แต่หากทำบ้านเมืองให้เสียหายต่อไปมันจะไม่หยุด ตอนนี้ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะไม่มีใครจะแก้ได้นอกจากคนไทย เพื่อให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ขอร้องให้ทุกคนไปเลือกตั้ง

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถแห่พร้อมกล่าวปราศรัยด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่าวันนี้ขอโอกาสมาพบประชาชนอีกครั้งหนึ่งเพราะเป็นโค้งสุดท้าย ที่จะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้แล้วขอให้ชาวกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างพร้อมเพียงกัน เพราะถือเป็นการเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน อย่าทำให้เกิดการแตกแยก ก่อนจะแวะลงกราบสักการะพระประธานภายในวัดชนะสงคราม และเดินทางต่อโดยมีประชาชนชาวกรุงเทพฯ ให้กำลังใจโบกมือส่งเสียงเชียร์ตลอดเส้นทาง

'นายกฯ' ปลื้ม!! มาตรฐาน 'ฮาลาลไทย' นานาชาติไว้ใจ พร้อมหนุน บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

(16 พ.ค.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาล และเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลรายใหญ่ของโลก อุตสาหกรรมฮาลาลไทยเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ 

โดยอาหารฮาลาลคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของการส่งออกอาหารทั้งหมดของประเทศไทย และร้อยละ 60 ของการส่งออกอาหารฮาลาลไปยังประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้แก่ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และบรูไน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564/2565 ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าขึ้นร้อยละ 3 ภายในปี 2566 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เชื่อมั่นในศักยภาพ การผลิต และส่งออกสินค้าฮาลาลมาโดยตลอด พร้อมสนับสนุน และยกระดับธุรกิจฮาลาลของไทยให้เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เข้าถึงตลาดประชากรมุสลิมจำนวนหลายพันล้านคน 

นายอนุชา กล่าวว่า อุตสาหกรรมฮาลาลของไทยยังครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆที่หลากหลาย เช่น เครื่องสำอาง แฟชั่น เวชภัณฑ์ และการท่องเที่ยว ซึ่งกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวฮาลาล (Halal tourism) ถือเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันกระแสความต้องการท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรมเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคชาวมุสลิม และประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมใน Global Muslim Travel Index ปี 2565 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมงาน Arabian Travel Market (ATM) 2023 งานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นำเอกลักษณ์และความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และ Soft Power ของไทย โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคจากตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่สุดตลาดหนี่งของประเทศไทย ทั้งทางรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางมาไทยกว่า 3 แสนคน และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 220 ดอลลาร์สหรัฐ และมีวันพักค้างเฉลี่ย 11.14 วันในปี 2562

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพ ชื่อเสียงของไทย และการทำงานสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจฮาลาลอย่างต่อเนื่อง ทั้งการค้าและการลงทุน ผลิตภัณฑ์และอาหารฮาลาล รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งมั่นใจว่าด้วยระบบสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และชื่อเสียง คุณภาพที่เป็นที่ยอมรับมายาวนานของผลิตภัณฑ์ไทยที่ผ่านการรับรองฮาลาล ส่งผลให้อุตสาหกรรมฮาลาลของไทยมีความพร้อม และมีศักยภาพที่จะเติบโตในระดับสากลได้อีกมาก” นายอนุชากล่าว

‘ลีน่าจัง’ แนะ ‘สาวกส้ม’ สงบปากสงบคำ-เลิกแขวะประยุทธ์ ชี้!! 8 ปีที่ผ่านมาผลงาน 'บิ๊กตู่' ชัด ต้องให้ความเป็นธรรม

(16 พ.ค.66) ผู้ใช้ติ๊กต๊อกบัญชี ‘ccc.team’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘ลีน่าจัง’ โต้เดือดสาวกพรรคส้มกับผลงาน 8 ปีที่ผ่านของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างอะไรไว้บ้าง โดยระบุว่า…

รู้ไหม 8 ปี ที่ประยุทธ์เป็นรัฐบาล เขาสร้างรถไฟฟ้า สร้างทางยกระดับ สร้างเต็มไปหมด ไปดูซิที่รถติดหรือถนนเกะกะรุงรัง ฝีมือประยุทธ์ทั้งนั้น แล้วก็ที่ซาอุดีอาระเบียมาลงทุนที่ประเทศเรา 6 แสนล้านบาท ก็ฝีมือประยุทธ์ เขาโกรธประเทศไทยเขาไม่ทำมาค้าขึ้นกับไทยเป็นเวลาตั้งเกือบ 20 ปี รู้หรือเปล่า และประยุทธ์เนี่ยแหละไปเจรจาจนเขายอมมาลงทุนตั้ง 6 แสนล้านบาท และในช่วงที่มีโควิด-19 ก็ประยุทธ์ที่จัดการหมด แจกเงินสวัสดิการคนจน 15 ล้านคน ฉันเองยังได้รับแจกเลยเงินคนละครึ่ง เงินคนชรา เขาแจกหมด คือต้องให้ความเป็นธรรมกับประยุทธ์บ้าง ฉันไม่ได้เข้าข้างประยุทธ์นะ 

ก้าวไกลก็ได้แต่พูด ยังไม่เคยทำงานเลย คุณก็เลยยังไม่รู้ไงว่าข้อบกพร่องมันอยู่ไหน ก็ได้แค่พูด ใครๆ ก็พูดได้ แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลจะทำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง เข้าใจหรือเปล่า ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับประยุทธ์เขา เพราะเมื่อ 8 ปี ประยุทธ์เขาอยู่ เขาก็ทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีม็อบ ใครมาเป็นม็อบอะไรก็โดนจับเข้าคุก ติดคุกหมด โดนเป็นร้อยคดี บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ไม่สกปรก ไม่มีม็อบ เข้าใจหรือเปล่า?

ไม่ใช่ว่าประยุทธ์ไม่ทำงาน เขาทำ ทำตั้งเยอะแยะ แต่เขาประชาสัมพันธ์ไม่เป็น โกหกตอแหลไม่เป็น คุยขี้โม้ไม่เป็น เข้าใจหรือเปล่า อย่างเมื่อวานพอพ่ายแพ้ ประยุทธ์ก็ไม่ให้สัมภาษณ์ก็กลับบ้าน ก็ถูกต้องแล้ว นักข่าวก็ไปด่าเขาใหญ่เลย ว่าให้รอตั้ง 4 ชั่วโมงแล้วก็กลับบ้านเลย เอ้า!! ก็เขาพ่ายแพ้ จะให้พูดไรล่ะ เดี๋ยวเขาก็ไปเป็นองคมนตรีแล้ว 

คุณก็คลั่งมากเกินไป คลั่งส้มมากเกินไป จนบอกว่า 8 ปี ไม่ทำอะไร มาดรามาใส่ รู้ไหม 60 วันยังอันตรายอยู่ เคยเห็นพรรคไทยรักษาชาติหรือเปล่า ลูกชายเจ๊ระเบียบรัตน์ ที่ลูกหล่อๆ เป็นหัวหน้าพรรค แป๊บเดียวโดนยุบพรรคเลย แป๊บเดียวลูกชายระเบียบรัตน์โดนเพิกถอนสิทธิ 10 ปี หายเข้าป่าไปแล้ว ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย 

‘สาวกส้ม’ ต้องสงบปากสงบคำ พอชนะแล้ว ฝ่ายอำนาจเก่ากุมอำนาจเก่ามันพ่ายแพ้ ก็เฉยๆ สงบปากสงบคำ ไม่ต้องไปด่าเขา แตะไม่ได้เชียวเหรอ เดี๋ยวถ้าเกิดฝั่งนู้นเขาโมโหขึ้นมา เขาไปสั่งศาลเลยบอกตัดสินคดีเร็วๆเลยไอ้พิธาเนี่ย แล้วจะรู้สึก มันชนะไม่เด็ดขาด พิธาออกมาแถลงงี้แต่ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่า กกต. ต้องภายใน 60 วัน รับรองอย่างเป็นทางการ 500 คน เสร็จแล้วถึงจะเลือกนายกฯ แล้วเลือกนายกฯ เสร็จถึงจะมีรัฐบาล นายกฯ เป็นคนตั้งรัฐบาล แล้วมี ส.ว.ในการเลือกนายกฯ รู้หรือเปล่า 

ใครพูดอะไรไม่ได้ ใครถามอะไรไม่ได้เลย คนพูดความจริง คนมันเวลาจะพูดอะไรก็พูดได้ ยังไม่ได้ลงมือทำ เข้าใจหรือยัง ฉันไม่ได้เข้าข้างประยุทธ์ แต่พูดถึงประยุทธ์ 8 ปีที่มาอยู่ เขาสร้างอะไรไว้ตั้งเยอะแยะเหมือนกัน

‘ดร.ปฐมพงษ์’ ชี้ การเมืองไทยจะเหลือแค่ ‘พรรคใหญ่’  หุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก – พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยม

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2566 - ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่บทความผ่านเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้ ขณะที่ประเทศอเมริกามี 2 พรรคใหญ่คือพรรครีพับลิกันและเดโมแครตซึ่งกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์อยู่เบื้องหลังทั้งคู่

ต่อไป พรรคการเมืองในประเทศไทยจะเหลือแค่ ๒ พรรคใหญ่ๆ เท่านั้นคือพรรคที่เป็นหุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกและพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมซึ่งต้องการให้ประเทศเป็นไทจากชาตินักล่าอาณานิคม

ในที่สุด พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ก็จะถูกบีบให้เลือกข้าง ไปเข้าข้างรัสเซียและจีนซึ่งมีอุดมการณ์อย่างเดียวกันจนได้ ถ้าพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมคัดเลือกแต่นักการเมืองน้ำดีซึ่งมีอุดมการณ์จริงๆ ประวัติไม่มีด่างพร้อยมาอยู่ พรรคจะเจริญก้าวหน้า มีคนศรัทธามากยิ่งขึ้นและเอาชนะคู่แข่งได้โดยลำดับ

แต่ถ้ารับคนจำพวกแสวงหาตำแหน่งการเมืองซึ่งมีให้เห็นตั้งแต่ชุมนุมพันธมิตรแล้ว พวกนี้อาศัยช่องทีวีพันธมิตรโผล่หน้าให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นบันไดก้าวไปร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ๑ และประยุทธ์ ๒ จนถึงทุกวันนี้ พรรคก็จะไม่เป็นที่น่าศรัทธาเท่าไหร่

การเลือกตั้งใหญ่แต่ละครั้ง จะต้องเเตรียมให้พร้อมกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเพราะเดิมพันสูง ต้องให้พรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมชนะทุกครั้ง นั่นแปลว่าระหว่างบริหารบ้านเมือง จะต้องทำให้เศรษฐกิจดีทุกๆ ด้านเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพึงพอใจ และเหนือกว่านั้นคือต้องเอาชนะ สงครามพันทาง จากอเมริกาให้ได้ไปด้วยเหมือนที่วลาดิเมียร์ ปูตินทำอยู่ในขณะนี้

เพราะถ้าพรรคหุ่นเชิดชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตกอีกพรรคได้คะแนนเสียงข้างมากเมื่อไหร่ ก็จะจัดการปรับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงอ่อนแอลงเพื่อให้ต่างชาติแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ต่างชาติก็จะเข้ามาบงการนโยบายประเทศไทยได้และจะมีการแก้กฎหมายต่างๆ เอื้อประโยชน์ต่างชาติให้วุ่นวายไปหมด

คุณจารุณี สุขสวัสดิ์ คุณเจสัน ยังและคุณสินจัย เปล่งพาณิช เป็นตัวอย่างดาราที่มีอุดมการณ์หนักแน่น ไม่กลัวการถูกวิจารณ์เมื่อแสดงจุดยืน น่าสรรเสริญมากและน่าจะเป็นตัวแทนฝ่ายบรรเทิงที่จะเข้ามาอยู่ในพรรคที่มีอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ได้

หมายเหตุ: ชาตินิยมในที่นี้คือ nationalism หรือ patriotism ไม่ใช่เลยเถิดไปเป็น radical nationalism หรือ racism เหมือนในเยอรมนีสมัยฮิตเลอร์

'ลุงตู่' ยก 9 ประเด็นสำคัญในช่วงระยะเวลา 9 ปี 'ทุกแรงขับเคลื่อน' เกิดขึ้นได้ เพราะคนไทยร่วมใจเป็นหนึ่ง

(26 ส.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha’ โดยระบุว่า…

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดของชีวิต เป็น 9 ปีที่ได้ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผม และของเราทุกคน เป็น 9 ปีที่ผมได้ใช้สติปัญญา ทุ่มเททุกศักยภาพและกำลังความสามารถ สานพลังจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งเชิดชูสถาบันอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และเป็น 9 ปีของประเทศไทยที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีความเจริญก้าวหน้าในหลายด้านทัดเทียมนานาอารยประเทศ และพร้อมยกระดับไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยเหตุผลสำคัญได้แก่

1. เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมี ‘ยุทธศาสตร์ชาติ’ ระยะยาว 20 ปี เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางและกรอบแนวคิดในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนได้ทำงานร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกระดับ

2. มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมครั้งยิ่งใหญ่ ในทุกระบบ ทั้งทางถนน ทางราง ทางทะเล และทางอากาศรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต ยกบทบาทของประเทศจากความโดดเด่นทางภูมิรัฐศาสตร์ ให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ด้านการบิน ด้านการขนส่งสินค้า ด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ

3. มีความพร้อมเรื่อง ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ และ ‘เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม’ โดยมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล และ 5G ที่โดดเด่นในภูมิภาค เป็นที่ดึงดูดการลงทุนบริษัทชั้นนำของโลกหลายราย ซึ่งจะส่งเสริมบทบาทให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน 5G - Data center - Cloud services ที่สำคัญในภูมิภาค มีการใช้ประโยชน์ของประชาชนในชีวิตประจำวัน การศึกษาหาความรู้ การประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนและสร้างรายได้ที่สูงขึ้นของคนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ

4. มีการกำหนด 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมทั้งมีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อกิจการพิเศษ ทั้งด้านการแพทย์ ด้านนวัตกรรม ด้านดิจิทัล เป็นต้น ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะแรงงานทักษะสูง-แรงงานแห่งอนาคต รวมถึงเกษตรอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานในอนาคตและการพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21

5. สร้างกลไกในการบริการจัดการทรัพยากรที่สำคัญของชาติ (1) ‘น้ำ’ ออกกฎหมายน้ำฉบับแรกของประเทศ มีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการหน่วยงานน้ำในทุกระดับ (2) ‘ดิน’ ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และจัดทำแผนที่ One Map เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนมาหลายสิบปี รวมทั้งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับผู้ยากไร้-เกษตรกร (3) ‘ป่า’ เช่น ออกกฎหมายป่าชุมชน ไม้มีค่า และตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ

6. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น (1) ส่งเสริมสวัสดิการกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก-ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ (2) ส่งเสริมบทบาทกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กองทุนยุติธรรม และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (3) การยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา รองรับความท้าทายใหม่ๆ ของโลกในอนาคต

7. ปฏิรูปกฎหมายไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมทั้งแก้ไขและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถแก้ไขวิกฤตชาติได้ในหลายเรื่อง เช่น ปลดธงแดง ICAO และแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย IUU สร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในเวทีโลก

8. ประยุกต์เทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบราชการไทย เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนและเอกชน ที่เข้าถึงง่าย- สะดวก - โปร่งใส เช่น (1) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ช่วยให้การจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตรงเป้าหมาย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตรวจสอบได้ (2) UCEP สายด่วน 1669 บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฟรีทุกสิทธิ์ ทุกโรงพยาบาล เป็นต้น

9. สร้างความสัมพันธ์ทั่วโลก ทั้งในรูปแบบทวิภาคี-พหุภาคี และเขตการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และตลาดการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้ การเดินทางของประเทศไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ราบรื่น หรือง่ายดาย ยังคงมีวิกฤตโควิด วิกฤตความขัดแย้งในโลก ที่ส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน ค่าครองชีพ และเงินเฟ้อจนถึงในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และฟื้นตัวมาได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ยังคงผันผวน

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อนข้าราชการ และทุกภาคส่วน ที่ได้เสียสละและอดทนในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าประเทศไทยนับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ได้เริ่มนับที่ 1 อีกต่อไป หากทุกอย่างที่เราสร้างกันมานั้นได้รับการต่อยอด ก็จะทำให้เราเดินทางเข้าสู่ ‘เส้นชัย’ ได้เร็ววันขึ้นครับ

'สมชัย' เทียบฟอร์มแถลงนโยบาย 'เศรษฐา-ประยุทธ์' ชำแหละ 5 ข้อ คนหนึ่งวนไปวนมา อีกคนทำได้ไม่ถึง 30%

(11 ก.ย. 66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ดังนี้…

เมื่อคืนนั่งอ่านนโยบาย เศรษฐา แล้วกลับไปอ่านนโยบายประยุทธ์ 2

มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง

1. ความยาวนโยบาย : เศรษฐา ยาว 14 หน้า ของประยุทธ์ 33 หน้า
2. การใช้เวลาในการจัดทำหลังจากวันได้รับเลือกเป็นนายก จนถึงวันแถลงนโยบาย : เศรษฐา 21 วัน ประยุทธ์ 51 วัน
3. สไตล์การเขียน : เศรษฐา เป็นแบบพรรณนา แบ่งเป็น ระยะสั้น 5 เรื่อง ระยะกลางและยาว 3 กลุ่มเรื่อง โดยมีนโยบายเรื่องต่างๆ แทรกอยู่ ต้องไปอ่านจับประเด็นให้ได้ 

ส่วน ประยุทธ์ เป็นแบบวิชาการ แบ่งหัวข้อ ระยะยาว 12 ข้อ ระยะสั้น 12 ข้อ ในแต่ละข้อแบ่งเป็นข้อย่อย .1 .2 .3 อ่านจับประเด็นได้ง่ายกว่า

4. เดาเรื่องคนเขียน : เศรษฐา น่าจะเป็นคนในพรรค หรือหากใช้คนของราชการ อาจเวลาน้อยเลยได้แค่นี้ ส่วนของประยุทธ์ สภาพัฒน์ เขียนให้ชัวร์ 
5. ความรู้สึกเมื่ออ่านแล้ว : เศรษฐา วนไปวนมา คลุมเครือ แต่มีความหวังในบางเรื่อง เช่น เรื่องเงิน 10,000 บาท ได้แน่ สิ้นหวังบางเรื่อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ พูดอ้อมๆ แอ้มๆ การปฏิรูปกองทัพ พูดเรื่องไม่ใช่แก่นสาร

ของ ประยุทธ์ อ่านแล้ว เหมือนอ่านแผนพัฒนาประเทศ เขียนไปงั้นๆ พอครบระยะ ห้ามกลับไปอ่านอีก เพราะทำได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ 

รอคำแถลงทางการ ที่จะเพิ่มความหวังประชาชนวันนี้ครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top