Sunday, 28 April 2024
ประยุทธ์

'ไตรรงค์' ลั่น!! 'บิ๊กตู่' นี่โง่จริงๆ เป็นนายกฯ มา 8 ปี ไม่กินสักบาท ยกคำ 'ตู่-จตุพร' นักการเมืองที่โกงประชาชน เลวกว่าหมา

เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.66) บรรยากาศเวทีปราศรัยใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นเวทีแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเป็นครั้งแรก ภายใต้ม็อตโต้ ลุงตู่เปิดประตูสู่ภาคใต้ 

นายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ุ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายวิชัย สุดสวาทดิ์ เขต 1 นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 และ นายสุพล จุลใส หรือลูกช้าง เขต 3  และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ รวมถึงแกนนำพรรค เช่น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค บอกกับชาวชุมพรว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน ชาวอีสานให้การต้อนรับ ลุงตู่ และกระแสดี อยากให้ลุงตู่อยู่ต่อ พร้อมเย้ยพรรคเพื่อไทย ที่เปิดเวทีปราศรัยเมื่อวานนี้ที่ จ.เลยว่ามีคนมาแค่หลักพันเท่านั้น 

นอกจากนี้นายเอกนัฎ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะชนะยกจังหวัดชุมพรเพียงจังหวัดเดียวไม่ได้ เพราะ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ก็ชนะยกจังหวัด จึงหวังว่าในภาคใต้ จะได้ไม่น้อยกว่า 30 ที่นั่ง

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แนะนำว่าตนเองเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มาทำงานกับลุงตู่ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่นำพาประเทศหลุดพ้นวิกฤตมาได้ พร้อมยกตัวอย่างนโนยบายที่สำเร็จแล้ว คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้มีนักการเมืองจังหวัดตนเองที่มีแกนนำพรรคไม่ติดคุกหรือหนีไปต่างประเทศนำมาโจมตี แต่บอกว่าได้เต็มปากว่านโยบายนี้เป็นความคิดของพล.อ.ประยุทธ์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำด้วยว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน ทุกสิ้นเดือนชาวบ้านจะรอคอยและเรียกว่าบัตรลุงตู่ พร้อมพูดถึงการทำงานของลุงตู่ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เช่นการแก้ปัญหาโควิด เพราะลุงตู่ตัดสินใจเด็ดขาด ทำให้เราผ่านพ้นสถานการณ์โควิดมาจนถึงทุกวันนี้

นายสุชาติ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ ออก พรบ.นิรโทษกรรม โดยบอกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์สุดซอยในคืนนั้น เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้เห็นด้วย และในคืนนั้น ได้ยิน เจ๊คนหนึ่งที่อยู่ภาคเหนือ กล่าวว่า "อ้ายๆ ตีสามเอาให้จบเลยนะ" จึงเป็นเหตุผลให้ตนมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ เราจะสนับสนุน ลุงตู่ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต่อไป เพราะลุงตู่เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมชม นายชุมพล จุลใส หรือ ส.ส.ลูกหมี และ นายสุพล จุลใส หรือส.ส.ลูกช้าง ว่าจัดเวทีได้ยิ่งใหญ่ ถ้าตนจะจัดเวทีชลบุรี ไม่รู้ว่าจะทำได้ยิ่งใหญ่เท่านี้หรือไม่

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางเสียงเชียร์ของประชาชน โดยยอมรับว่า กลายเป็นประเพณีที่ตนเองไปขึ้นเวทีปราศรัยในภาคใต้ จะมีคนแก่นำหมากมาให้กิน สร้างเสียงหัวเรา วันนี้ตั้งใจมาขอบคุณประชาชน เคยมาหาเสียงให้ นายชุมพล หรือ ส.ส.ลูกหมี ไปต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทักษิณ ที่โกงไปนับหมื่นล้าน และยังออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ตัวเอง เพราะอยากกลับประเทศ แต่คดีมีการตัดสินไปแล้ว 12 ปี ยังมีอีกหลายคดี ยังไม่รวมคดีฆ่าคนไป 2,500 คน ในสมัยปราบปรามยาเสพติด มีแต่ประเทศไทยที่ทำได้ในสมัยนั้น จึงขอขอบคุณประชาชนได้วางมาตรฐานให้คนในชาติ ในการเลือกตั้งว่าคนที่ต่อสู้แบบ ส.ส.ลูกหมี ที่ต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นคนดี  

ตนมาพูดครั้งนี้ ออกจากพรรคนั้นแล้ว แต่จำชื่อไม่ได้ แต่พรรคนี้มีอุดมการณ์มั่นคง รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเลือกคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกริดสีดวงตนเอง หรือ ถูกใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นี่โง่จริง ๆ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ไม่กินสักบาท พร้อมดูนาฬิกาว่ามีเวลาพูดไม่มาก แต่นาฬิกานี้ภรรยาซื้อให้ ไม่ได้ยืมใครมา 

‘เพื่อไทย’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ใช้อำนาจเล่นงานเยาวชน แต่กลับไม่ตรวจสอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ บ่อนทำลายชาติ

(30 ม.ค. 66) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย สร้างความเสียหายทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง แต่น่าประหลาดใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับไม่ให้ความสำคัญ ไม่เคยสั่งการให้ดำเนินการกับกลุ่มทุนผิดกฎหมายอย่างจริงใจ ทั้ง ๆ ที่กลุ่มทุนนอกกฎหมายกลุ่มนี้ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายประเทศชาติ ทำลายเกียรติภูมิประเทศชาติมาก เพราะกลุ่มทุนนี้ขนเงินผิดกฎหมายมาฟอกขาวในประเทศไทย ผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว รถทัวร์ 

นอกจากนี้ที่น่าเป็นห่วงคือมีเว็บไซต์ในประเทศจีน ลงเกี่ยวกับการเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย หากต้องการความสะดวก ได้สิทธิพิเศษ ต้องติดต่อผ่านช่องทางไหน แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าส่วนราชการ สามารถที่จะหยุดยั้งความเสียหายได้ แต่เลือกที่จะเพิกเฉยกับกรณีดังกล่าว

‘โรม’ ฝากสื่อกระตุก ‘ประยุทธ์’ ก่อนเข้าที่ทำการพรรค รทสช. อย่าตีมึน ควรตอบสังคมปมที่ดิน ‘ส.ว.อุปกิต’ ให้ชัด!!

(27 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขอให้สื่อมวลชนร่วมติดตามกรณีอื้อฉาวของ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่ผ่านมา ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. รายดังกล่าว กับ นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ไปจนถึงขบวนการค้าอาวุธสงคราม แต่จนถึงวันนี้กลับยังไม่มีความชัดเจนจาก พล.อ. ประยุทธ์

ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จะเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงขอฝากคำถามผ่านผู้สื่อข่าว ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ต้องตอบให้ได้ว่าในเมื่ออุปกิต มีข้อครหาเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีคำตอบใดให้สังคม และใช้ความเงียบเพื่อเลี่ยงตอบปัญหา จนน่าสงสัยว่าเป็นความตั้งใจทำให้สังคมลืม เพื่อปกป้องอุปกิต ซึ่งเป็นเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ทำการปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่

‘บิ๊กตู่’ ลงสนามเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 นำทัพ ‘รทสช.’ หลังอุบมานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการลงสนามเลือกตั้งและความชัดเจนในการลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมเปิดเผยความชัดเจนแต่ล่าสุด นายพูน แก้วภราดัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความพร้อมภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน มีโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมป้องปากด้วยรอยยิ้ม ว่า ‘ลุงตู่’ ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 รวมไทยสร้างขาติ 

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. พล.อ. ประยุทธ์ได้ยื่นลากิจในช่วงบ่าย ซึ่งคาดว่าจะเดินทางเข้าร่วม แถลงข่าวเปิดตัวทีมเศรษฐกิจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเวลา 13.00 น.

‘อภิสิทธิ์’ โพล / ‘โทนี่’ โพล VS โพลลับ ‘ประยุทธ์-เพื่อไทย’ ใครจะร่วง?

ไม่เหนือความคาดหมายที่...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะประกาศชัดเจนว่าไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค (ประชาธิปัตย์) เหตุผลก็ชัดเจนว่าเพื่อให้คณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันนำพาพรรคไปตามแนวทางอย่างเป็นเอกภาพ...แต่ตนก็จะช่วยหาเสียงให้พรรคตามวิธีการของตน

ประเด็นที่น่าสนใจที่อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ 2-3ครั้งในสองวันนี้ ก็คือ คำพยากรณ์ที่ว่า...บนพื้นฐานของผลการเลือกตั้งโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯ นั้น ‘ยากมาก’ เพราะ…

1) จะจัดตั้งรัฐบาลต้องมีเสียงสนับสนุน (ในสภาผู้แทนราษฎร) 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าจะมีไม่ถึง 250
2) แม้จะรวบรวมได้เกิน 250 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่น่าจะเป็นแชมป์หรือมีเสียงมากที่สุดในปีกนี้หรือขั้วนี้...

แม้ ‘อภิสิทธิ์’ จะไม่ระบุตัวเลขแชมป์เลือกตั้งอย่างเพื่อไทยว่าจะได้เท่าไหร่..ใแต่ก็พูดชัดว่าจะทิ้งพรรคที่สองเป็นร้อยที่นั่ง และคะแนนรวมของปีกเพื่อไทยจะเกินครึ่ง (250)..แน่นอน และนั่นคือความชอบธรรมของเพื่อไทยที่จะจัดตั้งรัฐบาล..

แน่นอนว่าเมื่อ ‘อภิสิทธิ์โพล’ เป็นเช่นนี้...ก็ต้องสอดคล้องอย่างช่วยไม่ได้กับ ‘โทนี่ โพล’ ที่ประกาศผ่านรายการแคร์ คิดเคลื่อนไทยมาโดยลำดับว่า...แลนด์สไลด์เกิน 250 แน่นอน...และฝ่ายประชาธิปไตยคะแนนรวมกันจะเกิน 375 เสียงอีกต่างหาก..!!

ล่าสุดคืนวันอังคาร 21 มี.ค.ถึงขั้นขานรับแลนด์สไลด์ 310 เสียง..ประกาศความเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยคงเป็นรัฐบาลพรรคเดียวไม่ขายพ่วงกัน เลยทีเดียว…

ถ้าถามว่ากระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ (เกิน250เสียง) มีไหม...ถ้าดูตามโพล2-3สำนักก็ต้องบอกว่ามี...โดยเฉพาะ ‘นิด้าโพล’ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ ‘อุ๊งอิ๊ง-เพื่อไทย’ ทิ้งขาดพรรคอันดับ2-3 เกินเท่าตัว...แต่เมื่อดูรายละเอียดในข้อเท็จจริงบางอย่างมันก็ย้อนแย้งมาก เช่น กรณีภูมิใจไทย หากเอาคะแนนนิยม ส.ส.เขต2.70% จาก 400 เขต มาเทียบบัญญัติไตรยางค์พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.เขตแค่ 11 คน เท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แค่ ‘บุรีรัมย์+โคราช’ ก็เกินแล้ว...!!

และส่งท้ายด้วยโพลที่...หน่วยงานกึ่งความมั่นคงแห่งหนึ่งทำขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่ง ‘เลียบการเมือง’ ขอนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่ได้จุดประสงค์อื่นใดมากไปกว่านี้ ปรากฏดังนี้…

‘บิ๊กตู่’ ห่วงสุขภาพประชาชน อากาศร้อนหวั่นเป็นฮีทสโตรก แนะ ให้ดูแลสุขภาพ-ไม่ประมาท-หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

(28 มี.ค.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีความห่วงใยสุขภาพประชาชน เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้หลายพื้นที่มีอากาศร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมา อุณหภูมิอาจจะสูงถึง 40-43 องศาเซลเซียส สภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางวัน อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยจากโรคลมแดด หรือโรคฮีทสโตรก (Heat stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้ตัวร้อน หน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย หายใจเร็ว มึนงง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง ช็อก จนถึงขั้นหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยรัฐบาลห่วงใยประชาชนที่ทำงานกลางแจ้ง แดดแรงจัด อาจช็อกฮีทสโตรก ขอให้ดูแลสุขภาพตนเอง และไม่ประมาทจากการทำงานกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแดดร้อนจัด

นายอนุชา กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร พนักงานรักษาความปลอดภัย คนสวน กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร ประมง พนักงานงานส่งของ ไรเดอร์ และพนักงานที่ต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน และการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดผื่น ตะคริวจากความร้อน และหากมีโรคประจำตัว พักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้เพลีย อาจทำให้เกิดการวูบและพลัดตกจากที่สูงได้ 

นายอนุชา กล่าวว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยจากโรคลมแดด โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ซึ่งในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ‘ขยายตลาด-ส่งเสริมแรงงานไทย’ ไปทำงานตปท. หลังส่งออกกว่า 1 แสนคน โกยเงินเข้าประเทศกว่า 2.9 แสนล้านบาท

(16 เม.ย.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีกับสถานการณ์แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ในช่วง 2 ปี (2565 – 2566) ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และโดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งสามารถทำให้ตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศ มากถึง 113,186 คน และส่งเงินกลับเข้าประเทศผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 299,077 ล้านบาท ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าขยายตลาดและส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยมีงานทำ มีอาชีพ สร้างรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ 

นายอนุชา กล่าวว่า แรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ มีทักษะฝีมือดี ขยันทำงาน อดทน และเรียนรู้ได้รวดเร็ว ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ โดยกระทรวงแรงงาน มีการอนุญาตให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ในปี 2565 จำนวน 88,164 คน และปี 2566 (เดือนมกราคม - มีนาคม) จำนวน 25,022 คน โดยตลาดที่เป็นที่นิยมของแรงงานไทยมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี รัฐอิสราเอล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานตั้งเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 50,000 คน โดยรักษาตลาดแรงงานเดิมที่มีศักยภาพ อาทิ ภาคการเกษตรในรัฐอิสราเอล ภาคอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น และภาคก่อสร้าง อุตสาหกรรม และการเกษตรในสาธารณรัฐเกาหลี ควบคู่ไปกับการขยายตลาดแรงงานใหม่ที่มีแนวโน้มความต้องการแรงงานไทย 

“นายกฯ ให้ความสำคัญและมีนโยบายสนับสนุนให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และปกป้องดูแลแรงงานไทยได้ตามสิทธิ รวมถึงได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม ทั้งนี้ รัฐบาลได้สร้างความร่วมมือด้านแรงงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายประเทศ เพื่อจัดหาตลาดที่มีศักยภาพรองรับแรงงานไทย รวมถึงฝึกอบรมเพิ่มทักษะแรงงานไทยให้มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับแรงงานไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งแรงงานไทยในต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาวิถีชีวิตคนไทย” นายอนุชา กล่าว

ประชาธิปไตยของแมลงวัน มองการเมืองตาม ‘พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)’ เมื่อเสียงข้างมาก ‘อาจ’ ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกต้องเสมอไป

                   

หลวงปู่ชา สุภทฺโท ขณะมีชีวิตอยู่ท่านได้อุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมและเผยแผ่พุทธศาสนา ทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งบังเกิดผลทำให้ผลงานที่เป็นประโยชน์อเนกอนันต์แก่พระศาสนา ทั้งที่เป็นพระธรรมเทศนา และสำนักปฏิบัติธรรมในนามวัดสาขาวัดหนองป่าพงมากมาย ซึ่งแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ศิษยานุศิษย์ของท่านก็ยังคงรักษาแนวทางปฏิบัติธรรมที่ท่านได้สั่งสอนไว้จนถึงปัจจุบัน

                              

หลวงปู่ชา แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี  เคยพูดเรื่องประชาธิปไตย พอสรุปได้ว่า... 

"...ประชาธิปไตย คือ เสียงของคนหมู่มาก ไม่ถูกต้องเสมอไป  หากคนหมู่มากนั้น ไม่มีปัญญา..."  

แสดงว่า ท่านยอมรับเสียงข้างมาก แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเป็นเสียงข้างมากของคนดี การตัดสินด้วยหลักประชาธิปไตยบางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าไม่เอาหลักธรรมาธิปไตยเข้าไปตัดสิน
                                  

ครั้งหนึ่งมีโยมเข้าไปกราบหลวงพ่อแล้วนำเรื่องการเมืองเข้าไปสนทนาด้วย

โยม : หลวงพ่อครับผมว่ามีประชาธิปไตยก็ดีนะครับ ผู้คนจะได้เคารพในการตัดสินใจของคนหมู่มากเป็นหลัก
หลวงพ่อชา : มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไปหรอกโยม
โยม : ไม่ถูกต้องยังไงครับ

                     

หลวงพ่อชา : ยกตัวอย่าง มีแมลงวัน 20 ตัว มีแมลงผึ้ง 10 ตัว มาลงมติกันกับของ 2 สิ่งได้แก่ 1) อุจจาระ และ 2) น้ำผึ้ง เมื่อใดที่ลงมติว่าอะไรหอม แมลงวันจะชนะทุกครั้งถ้าพูดเรื่องอุจจาระ แต่ถ้าเปลี่ยนหัวข้อเป็นน้ำผึ้ง ตัวผึ้งแพ้ทุกครั้ง ด้วย 2 เหตุผล คือ 1) จำนวนน้อยกว่า และ 2) ความหอมหวานของน้ำผึ้ง เปลี่ยนเจตคติของแมลงวันไม่ได้ 

"ลมใต้ปีกของผมคือ ประชาชน ภรรยา และลูกๆ"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค 
กล่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย.66 ณ ตลาดบองมาร์เช่


ที่มา : https://www.matichon.co.th/election66/news_3929522


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top