‘เพื่อไทย’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ใช้อำนาจเล่นงานเยาวชน แต่กลับไม่ตรวจสอบ ‘ทุนจีนสีเทา’ บ่อนทำลายชาติ

(30 ม.ค. 66) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย สร้างความเสียหายทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง แต่น่าประหลาดใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับไม่ให้ความสำคัญ ไม่เคยสั่งการให้ดำเนินการกับกลุ่มทุนผิดกฎหมายอย่างจริงใจ ทั้ง ๆ ที่กลุ่มทุนนอกกฎหมายกลุ่มนี้ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายประเทศชาติ ทำลายเกียรติภูมิประเทศชาติมาก เพราะกลุ่มทุนนี้ขนเงินผิดกฎหมายมาฟอกขาวในประเทศไทย ผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว รถทัวร์ 

นอกจากนี้ที่น่าเป็นห่วงคือมีเว็บไซต์ในประเทศจีน ลงเกี่ยวกับการเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย หากต้องการความสะดวก ได้สิทธิพิเศษ ต้องติดต่อผ่านช่องทางไหน แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าส่วนราชการ สามารถที่จะหยุดยั้งความเสียหายได้ แต่เลือกที่จะเพิกเฉยกับกรณีดังกล่าว

นายวิสาร กล่าวต่อว่า กรณีของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม นักกิจกรรมทางการเมือง ได้เดินทางเพื่อถอนประกันตัวเองในคดี ม.112 เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองทั้งหมด ทั้งนี้การเอาเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ไปขัง ไม่ใช่การแก้ปัญหา ทุกอย่างควรมาจากการเจรจาเพื่อหาทางออก ยิ่งมีข่าวว่าน้องทั้งสองคนอดข้าวอดน้ำ จนร่างกายทรุดหนัก จนล่าสุดทางราชทัณฑ์ส่งตัวเข้ารับการรักษาโรงพยาบาล ถูกส่งตัวไปรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

“กรณีที่เกิดขึ้นมาจากความอำมหิตของพล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่สนใจชีวิตของกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่จะเป็นอนาคตของชาติในอนาคต ไม่ต่างจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ที่พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจมาตรา 44 จับนักการเมือง เอาถุงดำคลุมหัวไปไว้ค่ายทหาร เพื่อแสดงอำนาจให้ประชาชนเกรงกลัว ถึงเวลานี้ต้องทำทุกอย่างที่จะรักษาอำนาจให้นานที่สุด จึงมองกลุ่มเห็นต่างและเยาวชนที่ออกมาใช้สิทธิเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญเป็นศัตรู ต้องใช้กฎหมายพิเศษจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรจะมาเก่งกับกลุ่มเยาวชน แต่ควรเก่งกับกลุ่มคนร้าย กลุ่มค้ายาเสพติด กลุ่มนายทุนสีเทาที่ทำลายเศรษฐกิจประเทศ จะเกิดประโยชน์กว่า เพราะการนำตัวนักศึกษาเข้าเรือนจำไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครทั้งสิ้น หรือพล.อ.ประยุทธ์ได้ประโยชน์จากการนำคนกลุ่มนี้เข้าเรือนจำ” นายวิสาร กล่าว