Sunday, 28 April 2024
ประยุทธ์

‘เพื่อไทย’ ปลุกรัฐตื่นจากฝันยุทธศาสตร์ 3 แกน แซะ!! ต่างชาติไม่คิดลงทุนในยุค ‘ประยุทธ์’

นายวิกรม  เตชะธีราวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงราย และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงยุทธศาสตร์ 3 แกน โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แนวคิดดังกล่าว ดูเป็นเพียงการขายฝันในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เพราะพลเอก ประยุทธ์ ไม่มีนโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อีกทั้งการเตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งเรื่อง สถานีอัดประจุ หากมีการเดินทางระยะยาวหรือข้ามจังหวัดนั้น ควรจะต้องมีการวางแผนหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานีอัดประจุ เนื่องจากปัจจุบันสถานีอัดประจุในประเทศยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ นอกจากนี้การที่ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นที่จะสูงถึงหน่วยละ 5 บาทอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้รับความนิยมมากนักในประเทศไทย 

นอกจากนี้ รัฐบาลจะไม่มีการส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังไม่มีแนวนโยบายในการจัดการขยะจากแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันมีอายุการใช้งานที่จำกัด การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่การกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพไปแล้วนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการกำจัดแบตเตอรี่ที่เป็นขยะเหล่านี้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้หากไม่มีแนวทางหรือแผนงานที่ชัดเจนจะเป็นแหล่งขยะพิษส่งผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนได้ 

ทั้งนี้ที่ผ่านมา คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ เรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มา 3-4 ปีแล้ว และได้แนะนำรัฐบาลให้เตรียมความพร้อมในการร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต

'นายกฯ' ห่วงใยเด็ก-เยาวชน สั่งตำรวจ-ดีอีเอส ปราบปรามสื่อลามก

(17 ก.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใย กรณีปรากฏเป็นข่าวการจำหน่ายคลิปลามกอนาจารแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สามารถเข้าถึงโดยง่าย จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ ให้เข้มงวดกวดขัน การเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นวัยสำหรับการเรียนรู้ โดยขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อกรณีพบการกระทำความผิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแล ให้คำแนะนำบุตรหลานในการใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อว่าสถาบันครอบครัวจะมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เช่นเดียวกับโรงเรียน ต้องช่วยให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้เท่าทันสื่อในโลกออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรู้ทันพิษภัยของการเสพสื่อในทางที่ผิด

น.ส.ไตรศุลี ย้ำเตือนว่า การขายคลิปลามกอนาจารมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกรณีสื่อลามก อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

'ก้าวไกล' ลุยต่อ 'ยุทธการโรยเกลือ' ซีซั่น 3 เล็งยื่น ป.ป.ช. เอาผิด 'ประยุทธ์และคณะ'

'พรรคก้าวไกล' ลุยต่อ 'ยุทธการโรยเกลือ' ซีซั่น 3 - เล็งยื่นข้อมูลหลักฐานจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเอาผิด 'ประยุทธ์และคณะ รมต.' ต่อ ป.ป.ช. 'ศิริกัญญา' ชี้ความผิดปกติโครงการสร้างอนุสาวรีย์ - 'โรม' มั่นใจทุจริตในกองบินตำรวจหลักฐานมัด ด้าน 'พิธา' ขอบคุณประชาชนร่วมลงมติคู่ขนาน 

ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะยังคงดำเนินยุทธการโรยเกลือต่อเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งแม้ที่ผ่านมาการยื่นเรื่องไปที่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. คดีความจะไม่ค่อยมีความคืบหน้า ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ได้อภิปรายใน 2 เรื่องที่แม้จะมองว่าเป็นเรื่องเก่าแต่ผลก็เพิ่งออกมา นั่นคือกรณีของ จีที 200 และนาฬิกาเพื่อน และแม้ว่าความเชื่อมั่นในองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. สำหรับประชาชนแล้วจะเหลือน้อย แต่อย่างไรพวกเราก็คงต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยการรวบรวมเอกสารทั้ง 11 กรณีที่ได้อภิปรายนำไปยื่นอีกครั้ง ด้วยหวังว่าเมื่อระบอบประยุทธ์สิ้นสุดลง วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดก็จะต้องหมดไปด้วย การเช็กบิลผู้ที่ทำผิดจะต้องเกิดขึ้นภายใต้ระบอบที่องค์กรอิสระเป็นอิสระอย่างแท้จริง 

"ที่ผ่านมา เราพบความผิดปกติหลายๆ เรื่อง เช่น กรณีที่คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคได้อภิปรายเรื่องทุจริตการสร้างอนุสาวรีย์ ก็พบว่ามีการยกเลิกประกาศสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง การสร้างเพียง 1 วันก่อนอภิปราย ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทางพรรคได้ปล่อยหนังตัวอย่างออกมาว่าจะมีการอภิปรายเรื่องนี้ จึงส่งผลให้มีการแก้ประกาศเพียง 1 วันหลังจากนั้น และเป็น 1 วันก่อนที่จะมีการอภิปราย ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีก 2 กรณี ที่ไม่สามารถไปยกเลิกประกาศย้อนหลังได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราเตรียมข้อมูลหลักฐานไว้พร้อมแล้ว  

นอกจากนี้ยังมีเรื่องกัญชา การซุกหุ้ง การทุจริตในเคหะแห่งชาติ การออกโฉนดอย่างไม่ชอบ การใช้สปายแวร์สอดแนมโจมตีผู้เห็นต่างและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และที่สำคัญคือการทุจริตในกองบินตำรวจ ก็ต้องเข้าสู่การตรวจสอบด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้หลักฐานพร้อมแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะเริ่มทยอยยื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช.ได้" ศิริกัญญา กล่าว

นายกห่วงใยประชาชน กำชับ!! สธ. ติดตามคัดกรอง หลังพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 วอนประชาชนอย่าตระหนก 'งด-เลี่ยง' พฤติกรรมเสี่ยง

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานจากทางสาธารณสุขยืนยันไทยพบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายที่ 2 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร  ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทีมเจ้าหน้าที่ติดตามและคัดกรองผู้มีความเสี่ยง เพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกเกินไปประชาชนทั่วไป สามารถดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ขอให้งดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยง ทั้งนี้ โรคโควิด-19 และโรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันการติดเชื้อ ด้วยการดูแลตนเองด้วยมาตรการสุขอนามัย

'เพื่อไทย' ติง 'ประยุทธ์' อย่าพูดเกินจริง เศรษฐกิจขยายตัวยังไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา ชี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบมา 3 ปีแล้ว แนะ ฟื้นฟูเศรษฐกิจดีกว่าแจกเงิน คนอยากมีรายได้ที่มั่นคง

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แย่งซีน สภาพัฒน์ ฯ เร่งแถลงการขยายตัวในไตรมาสที่สองว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ทั้งที่โดยมารยาทแล้วต้องให้สภาพัฒน์ฯ แถลงข่าวก่อนในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะพลเอกประยุทธ์ถูกโจมตีเรื่องความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจจึงพยายามหาเรื่องเพื่อมากลบปมด้อย โดยที่อาจจะไม่ทราบเลยว่าการขยายตัวได้ 3.3% ไม่ได้แปลว่าดี ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ทรุดหนักติดลบไปถึง - 6.2% และปี 2564 เศรษฐกิจไทยแทบไม่ฟื้นเลย โดยขยายได้แค่ 1.6% ซึ่งบวกลบกันแล้ว ยังคงติดลบอยู่ถึง - 4.6% ดังนั้น การขยายตัว 3.3% ก็ยังฟื้นไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา แถมไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 2.2% เท่านั้น ดังนั้น ครึ่งปีแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงประมาณ 2.8% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ไม่เห็นน่าจะภูมิใจถึงกับต้องเร่งแย่งแถลงข่าวแต่อย่างไร ทั้งที่ตอนต้นปีพลเอกประยุทธ์ยังโม้เองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 4% ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกแต่แรกแล้วว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะทำได้ไม่ถึงแน่ 

การที่ในปีนี้เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวได้ต่ำยังไม่ฟื้นกลับไปถึงระดับที่ได้ตกลงมา ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขนาดนักวิชาการของทีดีอาร์ไอยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นช้าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ส่งผลทำให้ทำไมประชาชนถึงรู้สึกลำบากกันอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจติดลบทำให้รายได้ของประชาชนลดลง คนหาเงินไม่พอค่าใช้จ่ายที่จะเลี้ยงตัวเองแลครอบครัว หาเงินไม่พอผ่อนบ้าน ไม่พอผ่อนรถ ต้องกู้เงินมาประคองชีวิต กู้มาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลาน ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อีกทั้งธุรกิจก็ย่ำแย่ หนี้สินรุงรังและพุ่งสูงขึ้นเพราะรายได้เข้ามาน้อยแต่รายจ่ายเพิ่ม แถมยังต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ไข่แพง หมูแพง น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มแพง ไฟฟ้าแพง ปุ๋ยแพง ค่าขนส่งแพง ฯลฯ ซ้ำเติม ยิ่งทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่รู้จะหารายได้ที่ไหนมาประคองชีวิตให้เพียงพอ อีกทั้งหากดอกเบี้ยขึ้นอีก ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเดิมอยู่แล้วให้ยิ่งหนักขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เลย ปัญหาจะเพิ่มหนักขึ้น และ ประชาชนจะทนกันไม่ไหว

'เพื่อไทย' ห่วง 'ประยุทธ์' อยู่เกิน 8 ปี แสดงถึงการยึดติดอำนาจ  จะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม ชี้ ความน่าเชื่อถือทางกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แนะ มีจิตสำนึกเห็นชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล

 

นายพชร นริพทะพันธุ์  กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นครบกำหนด 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องรู้ดีว่า การออกแบบจำกัดเวลาให้ ผู้มีอำนาจ อยู่จำกัดไว้ที่ 8 ปีก็เพื่อ เสถียรภาพ และ ดุลยภาพของประเทศ เกินจากนี้ ระบบราชการจะถดถอย จะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งปรากฏให้เห็นแล้วจากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์ 

อีกทั้ง การออกแบบให้ผู้บริหารในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่นปลัดกระทรวง และ อธิบดีก็มีวาระ ที่จำกัดไว้เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่ นายก ยิ่งลักษณ์ ต่อวาระ ผบ ทบ ในช่วง พลเอก ประยุทธ์ เป็น ผบ ทบ เองก็ได้เห็น การปฎิวัติ รัฐประหาร เป็นตัวอย่าง ของผลลัพท์ ที่เกิดจาก การบิดกฎ เพื่อสนองความต้องการ ของบุคคล ทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้ายแล้ว และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว 

ดังนั้น การที่จะให้ พลเอก ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ทั้งๆที่ รัฐธรรมนูญเขียน ไว้ชัดเจน ลึกไปถึง เจตนารมณ์ของ ประธาน กรธ และ สมาชิก ก็บันทึกไว้ชัดเจน ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนอาจารย์เธียรชัย ณ นคร หนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาเล่านายพิชัย นริพทะพันธุ์ เรื่องเจตนาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจะมีความพยายามการกดดันให้ศาลตัดสิน ตามความต้องการของตนนั้น ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรม คือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law  ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่า ทุกธุรกรรม และ ทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรมในประเทศ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องผูกความศิวิไลซ์ของประเทศ กับระบบยุติธรรมของแต่ละประเทศ การกดดันศาลและความพยายามเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบ ความเจริญของประเทศอย่างแน่นอน

'วันนิวัต' ชี้ไม่มี 'ประยุทธ์' ก็จัดประชุมเอเปคได้ เชื่อว่าทำดีกว่าด้วย อัด ทำคนไทยลำบาก หมดเวลาแล้วประชาชนหมดศรัทธาผลโหวตสะท้อนไม่เอาแล้ว

นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประชาชนทั้งประเทศ ให้ความสนใจในวาระดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้จากการโหวตของประชาชนทั่วประเทศ พบว่าประชาชนโหวตให้ออกจากตำแหน่ง มากถึงร้อยละ 93.17 จากจำนวนผู้เข้าร่วมโหวตถึง 524,806 คน แสดงว่าคนไทยหมดศรัทธาในตัวพลเอกประยุทธ์แล้ว และไม่ต้องการให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ดังนั้นการอ้างข้อกฎหมายอธิบายวาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นเวที ของคนหัวหมอที่จะช่วยกัน

กรณีที่เกิดขึ้นควรเอาความจริงมาอธิบายกันดีกว่ามาอ้างกฎหมาย เพื่อสร้างความชอบธรรม และตีกินทางการเมืองอย่างที่ทำอยู่ คำถามจากประชาชนอยากถามว่า พลเอกประยุทธ์ จำได้หรือไม่ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วกี่ปี คนเป็นนายกรัฐมนตรีแต่บวกเลขไม่ถูก ไม่อายตัวเอง ก็อาย ประชาชนบ้าง 8 ปีที่ผ่านมา คือความพังพินาศเสียหายทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศไทย ประชาชนจำนวนมากรายได้ไม่พอรายจ่าย หลายครอบครัวอดอยาก ข้าวยากหมากแพง สินค้าทุกชนิดพากันขึ้นราคา มีแต่ยาบ้าที่ราคาถูกลงจากหลัก 100 เหลือหลัก 10  รัฐบาลปล่อยให้ ยาเสพติด เกลื่อนไปทุกตรอกซอกซอย เหตุร้าย ข่าวการฆ่ากันตามท้องถนน ฆ่ากันเองของคนในครอบครัวมีให้เห็นเป็นกระแสรายวัน

'ธนกร' ชูผลงาน 'บิ๊กตู่' ทำเพื่อปชช. เหน็บฝ่ายค้าน ดีแต่ดิสเครดิตไปวันๆ 

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยังพยายามออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก ว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศจนประสบความสำเร็จในหลายๆ โครงการ และหลายโครงการกำลังทยอยเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมให้ได้เห็น เช่น โครงการ EEC ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจมหภาคเติบโตอย่างยั่งยืน การลงทุนที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าที่มากขึ้น การสนับสนุนการพัฒนาระบบ 5G โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา 

ในอนาคตไทยจะมีระบบขนส่งทางรางที่รวดเร็วไว้บริการนักท่องเที่ยวให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทาง รวมทั้งการเชื่อมโยงการเดินทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยระบบรถไฟฟ้า จะทำให้การขนส่งทางราง การเดินทางของประชาชน สะดวกสบาย รวดเร็ว และลดมลพิษลงได้ 

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับผลงานที่โดดเด่นของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์เริ่มต้นไว้เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา และกำลังทยอยเห็นผลเป็นรูปธรรมนั้น เช่น ถนนมอเตอร์เวย์สายสำคัญๆ ได้แก่ บางปะอิน-นครราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี, นครปฐม-ชะอำ และอีกหลายเส้นทางที่จะเกิดขี้นในอนาคต 

ในวันที่ ‘อดีตบิ๊กสีกากี’ จ่อผงาด ลือ พปชร.เล็งส่งแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกฯ

วันนี้ (วันที่ 2 กันยายน 2565) เหมือนช่วยกระพือข่าว “ป.ที่4” อีกเสียง หลังจากที่ โทนี วูดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาจ้อผ่านคลับเฮาส์ถึงกระแสข่าวว่ารอบหน้า หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ไปต่อเพราะศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็อาจจะเตรียมดัน ป.ที่4 ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรคพลังประชารัฐเคยเสนอชื่อเมื่อตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 

หากมองถึงกระแสการดัน “ป.ที่4” ขึ้นมาก็ต้องยอมรับว่ามีมานานพอสมควร ไม่ใช่เพิ่งมามีเมื่อวันสองวัน “คงไม่ใช่ประยุทธ์แน่ อาจเปลี่ยนจากทหารเป็นตำรวจ” ซึ่งหากจับเฉพาะประเด็นที่นายทักษิณได้พูดถึง ป.ที่4 ตรงนี้ว่าอาจเปลี่ยนจาก “ทหารเป็นตำรวจ” แล้วลองมาไล่ชื่อดูว่ามีบิ๊กสีกากีท่านใดพอจะมีความเป็นไปได้ถึงการเป็น ป.ที่4 ? ชื่อหนึ่งที่พอนึกออกก็คงจะไม่พ้นชื่อของ “ป.แป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตอนนี้แว่วมาว่ากำลังซุ่มทำพื้นที่อยู่ในภาคอีสาน 

ในแง่ประวัติการรับราชการตำรวจของ “ป.แป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ บอกตรง ๆ ว่า “ครบเครื่อง” มีผลงานให้เห็นมาตั้งแต่ รับหน้าที่เป็นผู้เจรจากับนักโทษในเหตุการณ์จลาจลเรือนจำสมุทรสาคร การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ จนภายหลังมีสถิติการก่อเหตุลดลง ไปจนถึงผลงานด้านสืบสวนสอบสวนที่สามารถปิดคดีสะเทือนขวัญต่าง ๆ ได้ หลายผลงานก็เป็นของ พล.ต.อ.จักรทิพย์

'บิ๊กตู่' ยัน!! ทหารทุกเหล่าทัพ หนุนรัฐบาล รับมือ 'พายุโนรู' ย้ำ!! ต้องอยู่ช่วยประชาชนในพื้นที่จนกว่าน้ำจะลด

โฆษก กห. เปิดเผยว่า กห. โดยทุกเหล่าทัพ ที่มีหน่วยทหารในพื้นที่ 25 จว.ที่ประสบอุทกภัย ยังคงกำลังพล เครื่องมือช่าง ทำงานร่วมกับจิตอาสาและหน่วยงานในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องมา โดยเฉพาะ การเร่งช่วยกันบรรจุกระสอบทรายจัดทำคันกั้นน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชน การเบี่ยงทางน้ำและการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมทั้งการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ การอำนวยความสะดวกการสัญจรและการแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กห. ได้ย้ำสั่งการให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมกำลังและเครื่องมือช่าง พร้อมหนุนเสริมให้การช่วยเหลือทุกจังหวัด รับมือกับ “พายุโนรู” โดยให้ติดตามสถานการณ์ แจ้งเตือนประชาชนให้ทันเหตุการณ์และเข้าไปช่วยเหลือให้ทั่วถึงไม่ซ้ำซ้อน  พร้อมย้ำให้อยู่กับประชาชนในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

สำหรับในพื้นที่ กทม.และ จว.ปริมณฑล หน่วยทหารจากทุกเหล่าทัพ ยังคงสนับสนุน กทม.และจว.ปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมรับมือจากมวลน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่เอ่อล้นมากขึ้น จากปรับการระบายน้ำ โดยอยู่ระหว่างเร่งกรอกกระสอบทรายเสริมความแกร่งคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยา การเร่งดูดและผลักดันน้ำออกจากพื้นที่เก็บกักน้ำและคูคลอง รวมทั้งการกำจัดขยะวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำจำนวนมากในลำน้ำสายหลักและรอง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการระบายน้ำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top