Tuesday, 30 April 2024
ประเทศไทย

แลกหมัด!! ศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาล

จากกรณีที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเด็นเหมืองทองอัครา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดินกระทำความผิด ใช้มาตรา 44 และมติครม. ออกคำสั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทองคำจนทำให้เกิดความเสียหาย แม้เรื่องเหมืองทองอัคราจะถูกนำมาอภิปรายในสภาไปแล้ว และดูจะไม่จำเป็นต้องเอามาอภิปรายอีกครั้ง เพราะคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น

ด้านรมต.อุตสาหกรรม ก็ได้ออกมาชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง โดยยืนยันว่า ปมพิพาทเหมืองทองอัครา ยืนยันนายกฯ สั่งศึกษารอบด้าน-ยึดประโยชน์ชาติ และโอกาสชนะทางคดีมีกว่า 60% 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีตามรับธรรมนูญมาตรา 151 ประเด็นข้อพิพาทเหมืองทองอัคราที่มีการใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองทองอัครา กรณีที่น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ระบุว่า...

ที่ผ่านมามีการเสนอให้นายกฯ ยกเลิกการใช้มาตรา 44 ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 ระงับทำเหมืองอัคราชั่วคราว โดยไม่ใช้กฎหมายทั่วไป

พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบเกือบ 3 ปี ก่อนใช้มาตรา 44 ตามข้อเสนอ เพื่อความปลอดภัยประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใด

ส่วนเอกสารกระทรวงต่างประเทศที่ทักท้วงการใช้มาตรา 44 นั้น เป็นการพูดความจริงครึ่งเดียว เอกสารดังกล่าวระบุว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 จะต้องทำเพื่อป้องกันสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม

กรณีนี้จึงออกคำสั่งที่คำนึงถึงสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ

ส่วนที่บริษัททนายฝ่ายไทยประเมินไทยแพ้คดีแน่ ก็ไม่เป็นจริง หนังสือดังกล่าว ตนเสนอครม.รายงานการต่อสู้คดี ประเมินว่า ฝ่ายไทยมีโอกาสชนะ 66% แพ้ 34% ไม่ใช่แพ้คดีแน่นอน ถ้าบริษัทคิงส์เกตมีโอกาสชนะ 100% ได้ค่าเสียหาย 3 หมื่นล้านบาท คงไม่มาเจรจารัฐบาลไทย

ที่ผ่านมา คิงส์เกตกำไรปีละ 800 ล้านบาท ต้องใช้เวลา 38 ปี จึงได้เงินดังกล่าว ถ้าคิดว่าชนะแน่ คงไม่เจรจา ถ้าได้เงิน 30,000 ล้านบาทแน่นอน หลังจากคิงส์เกตเห็นข้อต่อสู้ฝ่ายไทย จึงเข้าใจสิ่งที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ ทางบริษัท อัคราจึงกลับมาขอประทานอาชญาบัตร พื้นที่ 44 แปลง ส่วนการขออาชญาบัตรแสนกว่าไร ปัจจุบันยังไม่เดินเรื่องขอ ยังไม่อนุญาตใดๆ หากมาเดินเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอนุญาต ต้องดูแผนสำรวจมีความเหมาะสมหรือไม่

'นายกฯ' ยัน!! ทุกปัญหา 'ศก.-เงินเฟ้อ-พลังงาน' แก้ไขเต็มที่ พ้อ!! จุดแข็งประเทศมีมาก แต่หลายคนชอบโจมตีเรื่องลบ ๆ

นายกฯ ชี้แจง!! รัฐบาลแก้ไขวิกฤตราคาพลังงานสูง เงินเฟ้อ ยืนยันดูแลทุกด้านเศรษฐกิจสาธารณสุขตามแนวทางสายกลางอย่างเต็มความสามารถ

เมื่อค่ำของวันที่ 21 ก.ค.65 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยได้ชี้แจงต่อเรื่องวิกฤตด้านพลังงานสูง ของแพง น้ำมันแพง เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจริงกับไทย และเกิดกับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเกิดจากผลกระทบของโรคโควิด-19 สงคราม ผลพวงจากนโยบายการเงิน-การคลังของประเทศใหญ่ ๆ ที่ใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะนโยบาย Zero Covid Policy ในบางประเทศ ก่อให้เกิดการผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งอัตราค่าเงิน เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย เกิดปัญหาขึ้นกับทุกประเทศ เป็นไปตามหลักการเศรษฐศาสตร์ 

"อัตราเงินเฟ้อโลกพุ่งสูงมากในช่วงโควิด เกิดกับทุกประเทศแม้กระทั่งประเทศมหาอำนาจ ก็ได้รับผลกระทบ หากดูราคาน้ำมันดิบ ช่วงโควิด ราคาน้ำมันต่ำลงมากในช่วงที่ไม่มีการเดินทาง เมื่อเปิดประเทศมีการเดินทางและปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งไทยต้องนำเข้ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และได้มาจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งก็ไม่มากนัก สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติภัยครั้งใหญ่ของโลก เป็นคลื่นที่พัดพาความเสียหายเหล่านี้มายังประเทศไทย แม้ในบางพื้นที่จะดีขึ้น แต่ก็ยังฝากความเสียหายกับเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกอย่างมหาศาล ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เรียกประชุมหลายครั้ง และประชุมหารือในเรื่องจำนวนคนเสียชีวิตจากโควิดทั่วโลกยังคงมีจำนวนสูง มีการปิดเมือง ปิดประเทศและการเดินทาง ทำให้ธุรกิจเสียหาย และกว่าจะตั้งหลักใหม่ต้องใช้เวลาพอสมควร หลายประเทศเลือกใช้นโยบายเศรษฐกิจนำหน้าสาธารณสุข ส่งผลให้จำนวนคนตายเยอะกว่าค่าเฉลี่ยโลก บางประเทศเป็นผู้ผลิตวัคซีนและยา เมื่อเกิดการผันผวนทางเศรษฐกิจ มีเกิดภาวะเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะสูง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจเสียหาย ทำให้เกิดเงินเฟ้อมหาศาล หลายประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังจัดการดูแลสิ่งเหล่านี้อยู่

"ขณะที่บางประเทศ ใช้สาธารณสุขนำหน้าเศรษฐกิจ ผลคืออัตราคนตายน้อยลง และเศรษฐกิจผันผวนน้อยกว่า อย่างไรก็ดี ไทยใช้ทางสายกลาง สร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพและปากท้อง ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ใช้มาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็น ขอยืนยันว่า ไม่ได้ใช้เพื่อควบคุมการชุมนุม เพียงต้องการควบคุมสถานการณ์โควิด ไม่ต้องการให้มีการเสียชีวิต จึงต้องรักษาทางสายกลางให้ได้ ไม่ให้เกิดความเครียดจากโควิด เศรษฐกิจ และความขัดแย้ง สังคมไทยต้องไม่เครียดเกินไป กิจกรรมที่มีความเสี่ยงมากต้องควบคุม"

นายกฯ กล่าวอีกว่า อัตราการตายของไทยอยู่ระดับต่ำมาก อยู่ในลำดับ 127 ของโลก อันดับที่ 6 ของอาเซียน แต่นายกรัฐมนตรียังคงไม่พอใจ รัฐบาลทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งการกู้เงิน เพื่อจัดหาวัคซีน รักษาประชาชน ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ 1.5 ล้านล้านบาท ใช้เงินกว่า 854,000 ล้านบาท แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบกว่า 45 ล้านราย ยืนยันว่า รัฐบาลนำเงินช่วยเหลือตรงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านโครงการเราชนะ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ม.33 ช่วยเหลือค่าน้ำ-ค่าไฟ คนละครึ่ง รักษาการจ้างงาน SMEs

ในส่วนของการดำเนินการที่ผ่านมา นายกฯ เผยว่า เป็นผลดีพอสมควร ได้รับการร่วมมือจากนโยบายเปิดประเทศได้อย่างดี หลายประเทศชื่นชมไทย หารือความร่วมมือกับไทยเพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาโควิด และมีการจัดตั้งศูนย์โรคระบาดใหม่ที่ไทย จึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียง องค์กรระหว่างประเทศชื่นชมไทยว่า ดูแลโควิดได้ดีที่สุด เป็นต้นแบบความสำเร็จอันดับ 3 ของโลก 

นอกจากนี้ เรื่องสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP หลายประเทศมีนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ ไทยก็เช่นกัน และมีการกำหนดเป็นไปตามหลักการสากล โดยไทยรักษาหนี้สาธารณะได้อย่างดี ซึ่งจากข้อมูลของ IMF ไทยมีหนี้สาธารณะเป็นเพียงสีส้มอ่อน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศ ไทยมีหนี้สาธารณะไม่มาก ทั้งนี้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และวิกฤตพลังงาน ซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าลง รัฐบาลมีความพยายามในการแก้ไขปัญหามาตลอด เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของไทยไว้ให้ได้ ดูแล ลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ลดผลกระทบภาวะเงินเฟ้อ เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาปรับตัวด้วยมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น การช่วยเหลือซื้อก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมันให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้า ก๊าซ NGV รักษาราคาน้ำมันดีเซล เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าให้ได้มากที่สุด ขายสินค้าราคาถูกผ่านร้านธงฟ้า ตลอดจนได้เสริมสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจ และแรงงานในระบบประกันสังคม ด้วยการลดเงินสมทบประกันสังคม ในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ทุกมาตราเป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2565 โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 34,540 ล้านบาท และได้ต่อมาตรการดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง จนถึงเดือนกันยายน 2565 

"รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่มาโดยตลอด และสามารถประคับประคองประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้ และแม้ปัจจุบันจะเผชิญหน้ากับแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่อาจจะสูงที่สุดในรอบ 13 ปี แต่ยังรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของประเทศไว้ได้ในระดับที่ดีเหมือนก่อนเจอวิกฤต ต่อจากนี้ วิกฤตเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะแย่ลง หลายประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ๆ กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession ในขณะที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง ถึงสูงมาก รัฐบาล และธนาคารกลางทั่วโลก ต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจตึงตัว รวมถึงการดึงเงินกลับเข้าประเทศ (Quantitative Tightening) และออกมาตรการต่างๆ ขึ้นดอกเบี้ย ขึ้นภาษี เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ที่มีการกู้เงินในช่วงวิกฤตโควิด และกำลังเผชิญกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จะทำให้รัฐบาลมีเงินเหลือใช้จ่ายประจำ และลงทุนน้อยลง ก็จะเป็นสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก"

นายกฯ ปลื้ม!! นักท่องเที่ยวเข้าไทยทะลุ 3 ล้านราย หลังผ่อนคลายมาตรการ โกยรายได้ 1.57 แสนล้านบาท

(6 ส.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 กรกฎาคม 2565 พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมอยู่ที่ 3,150,303 คน สามารถสร้างรายได้ 1.57 แสนล้านบาท โดยประเทศที่เดินทางมาไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 425,289 คน อินเดีย 333,973 คน สิงคโปร์ 183,716 คน สหราชอาณาจักร 161,780 คน และสหรัฐอเมริกา 146,891 คน ตามลำดับ

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของรายงานกระทรวงการคลัง (กค.) เกี่ยวกับภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2565 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565) ของคณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) ในเรื่องของการประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 อยู่ที่ 6 ล้านคน สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 5.6 ล้านคน เนื่องจากการเปิดประเทศของไทยและต่างประเทศเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และในปี 2566 คาดการณ์จำนวนอยู่ที่ 19 ล้านคน โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก

'วราวุธ' สั่งล่าตัวนักท่องเที่ยว-คนขับเรือ ตกปลานกแก้ว ใกล้หมู่เกาะพีพี

วันที่ 11 สิงหาคม นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์คลิปวิดีโอลงบนสื่อออนไลน์ (TikTok) บัญชี @ roslanofficial ช่องทาง https://www.tiktok.com/@roslanofficial ในคลิปปรากฏว่าเจ้าของบัญชี TikTok พร้อมกัปตันเรือ ยืนถือปลานกแก้ว 3 ตัว ปลาไม่ทราบชนิด 2 ตัว และใช้มีดแทงหัวปลาไหลทะเล 1 ตัว นั้น ตนได้สั่งการลงไปในพื้นที่ ให้หาตัวคนขับเรือ และนักท่องเที่ยวต่างชาติคนดังกล่าวให้ได้โดยเร็วเพื่อนำตัวเอามาลงโทษให้ได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องซีเรียสอย่างมาก 

ทั้งนี้ ทช. ได้ประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย เพราะพื้นที่เกิดเหตุน่าจะเกิดในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

นายโสภณ กล่าวว่า ล่าสุดนั้น ทางกรมอุทยานฯ แจ้งมาว่าได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ปรากฏว่าที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเกาะพีพีเล พิกัด 47N 0474172E 0850966N ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเปรียบเทียบพิกัดที่เกิดเหตุตามคลิปวิดีโอเพื่อแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเกาะพีพี ตามระเบียบและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าเรือที่ก่อเหตุชื่อเรือ 'เอวาริน' อยู่ระหว่างติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

เที่ยวไทยนอนมา คาดต่างชาติเข้าไทยสิ้นปีแตะ 10 ล้านคน ยอดคนพุ่งกว่า 1,800% ดันรายได้พุ่ง 1,100%

(23 ส.ค. 65) ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมเกียรติ โอสถสภา ระบุว่า...

นอนมาเลย! มั่นใจต่างชาติเข้าไทยถึงสิ้นปีนี้แตะ 10 ล้านคน ยอดคนพุ่งกว่า 1,800% ดันรายได้พุ่งกว่า 1,100% 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เยี่ยมครับ

ข่าว B time ปีหน้า 20 ล้านคนไปเลย เอ๊ะหรือ 30 ล้านคน ยังไม่นับจีน ตั้งเป้าสามสิบล้านคนเลย พี่ช่วยเต็มที่

'ครูมิกกี้' แนะ หากมีเงินให้ส่งลูกเรียนเอกชน-ตปท. ชี้!! รร.รัฐ ครูทำแต่เอกสาร - ไม่มีเวลาเตรียมสอน

'ครูมิกกี้' ระบายร่ายยาวเรื่องราวเกี่ยวกับเอกสาร SDQ ชี้ทำให้ครูไม่มีเวลาสอนหนังสือ ถึงมีก็ทำไม่เต็มที่ แนะผู้ปกครองที่มีกำลังส่งลูกไปเอกชนหรือต่างประเทศ หนีไปให้ไกลจากโรงเรียนรัฐ ระบุโรงเรียนคือแหล่งผลิตเอกสารขยะรอวันทิ้ง ไม่ใช่ที่บ่มเพาะศักยภาพของเด็กอีกแล้ว

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'TeacherMickey Suphanta' หรือ 'ครูมิกกี้' ออกมาตำหนิระบบการศึกษาของไทยโดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐบาล โดยเจ้าตัวแนะนำหากมีกำลังทรัพย์ให้ส่งลูกไปเรียนเอกชน หรือต่างประเทศไปเลยจะดีกว่า ชี้ครูโรงเรียนรัฐไม่เวลามาสั่งสอน มัวแต่ทำเอกสาร การศึกษาไทยถึงไม่พัฒนา ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ระบุข้อความระบายออกมาว่า

"เชิญชมเอกสารงี่เง่าอีก 1 ชุดค่ะ SDQ ผู้ปกครองท่านไหนคิดอยากจะส่งลูกไปโรงเรียน ถ้ามีเงินมากพอ มีกำลังส่งไปเรียนเอกชน สาธิต หรือโปรแกรมดีๆ ไปต่างประเทศให้ รีบลาออก หรือผู้ปกครองทำบ้านเรียนเองเลย

อย่าส่งลูกคุณไปโรงเรียนรัฐค่ะ เพราะครูไม่มีเวลามาอบรมสั่งสอนลูกของคุณค่ะ ไม่ใช่ว่าครูไม่ดี หรือไม่อยากสอน แต่เป็นเพราะครูยุ่งอยู่ กรอกเอกสารอยู่ค่ะ นักเรียนมีกี่คนก็คูณเข้าไป

ถามว่ามีข้อมูลมันดีมั้ย มันก็ดีมากๆ ถ้ากรอกแล้วเอาไปใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนจริง ไม่ใช่กรอกส่งหน่วยเหนือแล้ว รายงานแล้ว ทิ้งไว้ให้ปลวกกิน (SDQ อันนี้คือครูต้องแจกให้ผู้ปกครองกรอก)

แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขาแค่กรอกส่งเฉยๆ ตามหน้าที่ค่ะ นี่เป็นแค่เอกสาร 0.1% ที่ครู "ต้องทำ ต้องส่ง หรือต้องตามเก็บจากผู้ปกครองให้ครบ" ต้องทำอย่างปฏิเสธไม่ได้ เขาเลยไม่ค่อยมีเวลาเตรียมสอนกัน แล้วคุณภาพผู้เรียนก็ออกมาเละเทะ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง

จริงๆ ถ้าอยากได้ข้อมูลพวกนี้ แค่ปล่อยครูไปอยู่กับนักเรียนเยอะๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าจุดแข็ง จุดอ่อน ของนักเรียนแต่ละคนเป็นยังไง ก็เห็นหน้า เห็นพฤติกรรมกันอยู่ทุกวัน

แล้วคือถ้าถ่ายเอกสารออกมาเป็นแผ่นๆ แบบนี้ หมายความว่า ผปค./ครู แต่ละคนต้องใช้มือติ๊ก ทีละข้อ ทีละข้อ ของนักเรียนแต่ละคน เสร็จแล้วครูต้องไปไล่ตามเก็บไปเข้าเล่ม รายงาน หลังจากนั้นไปอีก 2-3 ปี หรือรอจนกระดาษเหลืองแล้ว เราก็เตรียมชั่งกิโลขายกระดาษค่ะ

เบื่อจริงๆ พวกนักสำรวจ สำรวจอย่างเดียว รอรายงานอย่างเดียว ไม่รู้เลยหรือไงว่าเอกสารพวกนี้คือสิ่งที่แย่งเวลาครูไป แย่งเวลาเรียนของนักเรียนไป คุณภาพการศึกษาบ้านเราถึงตกต่ำ ต่ำแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดกันขนาดนี้

คิดว่าครูเขาว่างมากนักหรือไง เอกสาร 80 อย่าง จะแบ่งเวลาตรงไหนมาสอน ต่อให้สอนก็ไม่เต็มที่ เพราะเวลามีไม่พอที่จะเตรียมตัว หรือทำสื่อ หรือมีเวลามาใส่ใจลูกของคุณ

'ดร.สมเกียรติ' โพสต์รำลึกคุณูปการของ 'ป๋าเปรม' ชวนลูกหลานจำไว้ 'ประเทศไทย' ไม่ได้สร้างด้วยน้ำลาย

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ 'พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประเทศนี้ ไม่ได้สร้างด้วยน้ำลาย'

กองทัพฝ่ายปฏิวัติของเวียดนาม ลาว และกัมพูชา บุกยึดเมืองหลวงได้ทั้งสามประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2518 เกิดการอพยพออกนอกประเทศมากมาย ยิ่งกว่าซีเรียหรือประเทศใดๆ

ทั้งสามประเทศรวมกันจัดตั้งสหพันธรัฐอินโดจีน ประเทศไทยคือ เป้าหมายต่อไป 

วันนั้น อเมริกาถอนทัพ ประเทศไทยมีกระสุนพอสู้ได้สามวัน

ห้องส่งรหัสลับที่วังปารุสก์ ดังไม่หยุด ทั้งวันและคืนต่อเนื่องมาก่อนหน้าไซ่ง่อนแตกมา สิบปีก่อนหน้า

ยิ่งต้องทุ่มกำลังทั้งวันและคืน 

คนไทยจำนวนมาก หนีออกนอกประเทศ พร้อมทรัพย์สมบัติ

แต่เสียงเพลงเราสู้ก็ดังกระหึ่มหัวใจคนไทย พร้อมเพลงความฝันอันสูงสุด เราสู้ไม่ถอยแม้จนก้าวเดียว และเพลงจากยอดดอยของป๋าเปรม นายกรัฐมนตรี

ลูกหลานจำไว้นะครับ

เพราะวันนั้น วันนี้เราจึงยืนอยู่บนแผ่นดินนี้

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ วีรบุรุษจากภาคอีสาน อดีตแม่ทัพภาค 2 ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี 2523 ห้าปีหลังจากอินโดจีนเปลี่ยนการปกครอง
---------------------------------------------------------------------
ป๋าเปรมสร้างความเคารพมายาวนานก่อนดำรงตำแหน่งนี้ 

ผมเข้าคารวะป๋าที่ค่ายทหารม้าสระบุรีราวปี 2512 หลังจากทำค่ายที่จังหวัดนั้น ทำถนน

พวกเราได้ยินว่าท่านเป็นทหารที่เก่ง น่านับถือ เป็นที่ปรึกษาให้ค่าย 

เน้นว่าเอาชนะความยากจนได้ ประเทศไทยจะสุขสงบ ไม่ต้องรบกัน

เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่

เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี

1. ประเทศไทยยันสหพันธรัฐอินโดจีน มีสงครามใหญ่ชายแดนทุกปี 

เส้นทางกัมพูชามาสุรินทร์ เสี่ยงสุด เพียงหกชั่วโมงถึงกรุงเทพ สามชั่วโมงถึงโคราช

การป้องกันประเทศตลอดแนวจึงสำคัญมาก ต้องการผู้นำที่รู้พื้นที่ ป้องกันประเทศได้ รวมหัวใจทหารและคนทั้งประเทศได้ แตกหนึ่งแนวรบ พังทั้งประเทศ

พลเอกเปรมรักษาชาติไว้ได้ ในยามคับขันที่สุด

2. ยุคของพลเอกเปรม คือ สงครามกลางเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ  

Time ทำแผนที่แดงเถือกทั้งประเทศ ยุทธการทำการเมืองนำการทหารเกิดขึ้น จากวนาสู่นาคร รับนักศึกษากลับบ้าน รับชาวบ้านกลับบ้าน  

ความมั่นคงภายใน เกิด ความมั่นคงภายนอกก็เกิด เอาชนะไทยไม่ได้หรอก

เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง

ไม่ด่ามัน ไม่ฆ่ามัน ไม่ส่งทหารไปล้อม ตามแนวประธานเหมา คือ การสร้างความปรองดองครั้งใหญ่ของชาติ

3. ยุคของพลเอกเปรม ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ ยุคที่ต้องฟันฝ่าวิกฤติโลกที่เกิดจากการรวมตัวของโอเปค ขึ้นราคาน้ำมัน ต้องซื้อสดล่วงหน้า

เกิดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า ดุลงบประมาณ พังทั้งโลก 

แต่ไทยสามารถผ่านมาได้ ไม่เกิดวิกฤติ

4. พลเอกเปรม สามารถระดมคนดีทั้งแผ่นดินไปร่วมงาน ไม่มีคอรัปชั่น

ค้นพบแก๊สในอ่าวไทย เกิดโครงการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปโตรเคมี น้ำมัน เกิดอีสเทอร์นซีบอร์ด เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งสำคัญ อุตสาหกรรมขยายไปทั่วประเทศ เชื่อมโยงกันหมด เยี่ยมมาก

คือ การปฏิวัติอุตสากรรม

คนมาลงทุนกันมาก ยุคทองของการลงทุนจากต่างประเทศ

5. มีโครงการชนบทยากจนเกิดขึ้น ได้ผลมาก กระจายเงินไปต่างจังหวัด เริ่มยุคพุ่งความสนใจไปที่คนจน แม้เงินจะมีไม่มาก อยู่ระหว่างสงคราม

ผมออกไปทำงานอีสานยุคนี้แหละ (อุดมการณ์)

6. เป็นแปดปีของการรวมพลังคนทั้งโลก เข้าต่อสู้กับมหาอำนาจที่เข้ามาทางอินโดจีน

เป็นการต่อสู้ทางการทูตครั้งสำคัญที่สุดของไทย

เป็นปรากฎการณ์โลกตะลึง ทางการทูต เรียบร้อยอย่างที่เป็นปัจจุบัน

7.เป็นเวลาที่ระดมใจของคนไทยให้รักชาติบ้านเมือง ได้มากที่สุด 

คนเชื่อผู้นำครับ  

ราชการต่าง ๆ ก็เดินดี เดินกันด้วยหัวใจไทย กลัวเสียบ้านเสียเมือง

'ทิพานัน' ชี้!! ค่าแรงไม่ถึง 425 เพราะหลายตัวแปร ย้ำ!! รัฐมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนเสมอมา

'ทิพานัน' แจงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพผู้ใช้แรงงาน ปรับไม่ถึง 425 บาท เพราะผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอย่างหนัก ชี้ที่ผ่านมาอัดมาตรการช่วยเหลือทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ทุกมาตรการยึดประโยชน์ประเทศและประชาชน มากกว่าการเมือง

27 ส.ค. 65 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ว่า ต้องขอชี้แจงเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความตั้งใจของรัฐบาลว่าการปรับค่าจ้างให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้เพิ่ม เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพจากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น ยิ่งสถานการณ์หวั่นไหวทางเศรษฐกิจอาจทำให้มีการปรับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นได้ ที่ผ่านมารัฐบาลโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้กำชับให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลแรงงาน โดยให้หาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้าน ต้องทำความเข้าใจเกณฑ์สำหรับการปรับอัตราค่าแรงได้นำตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของแต่ละจังหวัดชัดเจน และนำมาเทียบกับภาวะเงินเฟ้อ นำมาคำนวณจนได้ข้อสรุปแบ่งเป็น 9 อัตรา และมีระดับค่าแรงตั้งแต่ 328 - 354 บาท ตามที่ทราบกัน ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรียกว่าคณะกรรมการค่าจ้าง โดยมีผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล ร่วมหารือมาโดยตลอดจนได้ข้อสรุป เพื่อเสนอ ครม. ที่คาดว่าจะประกาศใช้ ภายใน 1 ตุลาคม 2565

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศได้ตามนโยบายหาเสียงไว้จนปลายอายุรัฐบาล น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจากมาตรการทางด้านสาธารณสุข โดยตัวเลขอัตราค่าแรงขั้นต่ำนั้นได้มีการหารือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการมาแล้วเบื้องต้นว่าอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือและเยียวยาทั้งนายจ้างและลูกจ้างผ่านมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้และไม่เกิดการว่างงานขึ้น รวมเงินกู้ผ่านธนาคารของรัฐเพื่อให้พลิกฟื้นธุรกิจ

‘เยาวราช’ ติดอันดับ 8 ถนนสุดเจ๋งของโลก ที่สุดแห่งถนนสายวัฒนธรรมและสตรีทฟู้ด

เมืองไทยติดอันดับโลกอีกแล้ว เมื่อนิตยสาร Time Out จัดอันดับถนนสุดเจ๋งของโลก โดยมี ‘ถนนเยาวราช’ จากประเทศไทย ติดอยู่ในอันดับที่ 8 และบอกว่าไชน่าทาวน์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเป็นถนนของคนรักสตรีทฟู้ด 

หลาย ๆ ครั้งที่มีการจัดอันดับโลกในด้านต่าง ๆ เมืองไทยของเราก็มักจะติดอับดับไปด้วย อย่างล่าสุดนี้ ‘ถนนเยาวราช’ ไชน่าทาวน์แห่งกรุงเทพมหานคร ก็ติดอันดับโลกไปด้วยเช่นกัน

นิตยสาร Time Out ได้มีการจัดอันดับ 33 ถนนที่เจ๋งที่สุดในโลก โดยได้มีการสัมภาษณ์ผู้คนทั่วโลกกว่า 20,000 คน และมีผู้เชี่ยวชาญในการจัดอันดับถนนสายชั้นนำของโลก ทั้งทางด้านอาหาร ความสนุกสนาน วัฒนธรรม และชุมชน

โดย ‘ถนนเยาวราช’ ของประเทศไทย ได้รับเลือกให้อยู่ในอันดับที่ 8 จากการเป็นถนนสายหลักสายหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีประวัติความเป็นมาอย่างยาว ย่านไชน่าทาวน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เรียงรายไปด้วยป้ายไฟทั้งสองฝั่ง ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนก็มีความพลุกพล่าน เป็นที่ตั้งของวัด ร้านอาหาร ตลาด เป็นแหล่งนักฝังเข็มและยาจีน รวมไปถึงเป็นศูนย์รวมของคนรักสตรีทฟู้ด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top