Saturday, 4 May 2024
กาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์ยอดติดเชื้อโควิดคลัสเตอร์สองสามีภรรยา-ร้านอาหารยังพุ่ง

ยอดผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์สองสามีภรรยาและร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดพบติดเชื้อเพิ่มอีก 38 ราย และลามไปยังงานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อำเภอสหัสขันธ์อีก 12 ราย ขณะที่ผลตรวจสายพันธุ์เบื้องต้นผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ทั้ง 66 ราย ส่วนใหญ่สามารถเข้าได้กับสายพันธุ์โอมิครอน พร้อมรอผลยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์อย่างเป็นทางการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

(26 ธ.ค. 2564) ศูนย์อำนวยการต้านโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุด พบมีผู้ป่วยรายใหม่  57 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นคลัสเตอร์เชื่อมโยงกับสองสามีภรรยากลับจากต่างประเทศและตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ 38 ราย และคลัสเตอร์งานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อ.สหัสขันธ์ 12 ราย หลังผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงกับตลาดโรงสีไปร่วมงาน ส่วนที่เหลือพบในพื้นที่ อ.ยางตลาด อ.นามน และ อ.ท่าคันโท ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,510 ราย หายป่วยแล้ว 10,227 ราย กำลังรักษา 210 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 73 รายเท่าเดิม



ทั้งนี้ทางศูนย์อำนวยการฯ ยังได้ประกาศประชาสัมพันธ์สื่อสารความเสี่ยงเพิ่มเติม จากเดิมขอให้ผู้ที่ไปใช้บริการที่ร้านอาหารสวิกบาร์ ร้านอาหารคิกคาปู้ตลาดโรงสี ในวันที่ 12 ธันวาคม 2564 , สำนักงานที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564,  ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี กาฬสินธุ์ และสำนักงานบังคับคดี ในวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อแล้ว ล่าสุดยังประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ที่ไปใช้บริการร้านอาหารพารวย ระหว่างวันที่ 12-22 ธันวาคม 2564  และผู้ที่ไปร่วมงานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อ.สหัสขันธ์ ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2564 รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รพ.สต.หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อประเมินความเสี่ยงและตรวจหาเชื้อ หลังพบพนักงานของร้านอาหารพารวยไปใช้บริการร้านอาหารในตลาดโรงสีแล้วติดเชื้อโควิดกว่า 10 คน  และมีผู้ติดเชื้อโควิดเชื่อมโยงกับร้านอาหารในตลาดโรงสีไปร่วมงานแสดงดนตรีจนมีผู้ติดเชื้อในงานนี้แล้ว 12 ราย


กาฬสินธุ์ - คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค!! รณรงค์กระเช้าสุขภาพ

กาฬสินธุ์ - คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค!! รณรงค์กระเช้าสุขภาพ

คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ลงพื้นที่ตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ “Healthier Choice”  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ คุมเข้มมาตรฐาน ไม่เอาเปรียบผู้บิโภค แนะเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ

ที่ห้างสรรพสินค้ากาฬสินธุ์พลาซา นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ และคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ ตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ “Healthier Choice”  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีนายประพันธ์ โพธิ์วันนา ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำ จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบฉลากสินค้า ประเภทการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ และประชาสัมพันธ์การมอบกระเช้าของขวัญ ในช่วงเทศกาลปีใหม่

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้มอบนโยบายและขอความร่วมมือให้ สคบ.ประจำจังหวัด ติดตามสำรวจและตรวจสอบการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่องลักษณะของสินค้าที่ควบคุมฉลาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบธุรกิจละเมิดสิทธิของผู้บริโภค ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขายสินค้าเกินราคา ไม่นำสินค้าไม่มีคุณภาพหรือสินค้าที่หมดอายุ มาบรรจุลงในกระเช้าของขวัญปีใหม่ และขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจในการแสดงฉลากสินค้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดกระเช้าของขวัญว่ามีอะไรบ้าง และต้องแสดงรายการวันผลิต วันหมดอายุ ให้มีตัวอักษรที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อผู้ที่ซื้อกระเช้าของขวัญ จะสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน  

นายศุภศิษย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพผู้บริโภคด้วย “สัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ Healthier Choice” มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคมีทางเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายที่รณรงค์ในการลดหวาน มัน เค็ม และภาควิชาการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้บริโภค ในการเลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณโซเดียม น้ำตาล และไขมันต่ำลง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคที่เกี่ยวข้องในคนไทย

 

 

กาฬสินธุ์ - สหกรณ์มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยสมาชิก แก่ปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และประสบภัยพิบัติกว่า 4 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ นำไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันมอบเช็คเงินสด ซึ่งเป็นเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สหกรณ์ร่วมโครงการจำนวน 14 สหกรณ์ มีสมาชิกที่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ยจำนวน 8,076 ราย มูลหนี้ต้นเงินรวม จำนวน 1,190,866,211.64 บาท เงินชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 4,357,459.92 บาท

นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จะจ่ายเป็น 2 งวด งวดที่ 1 คือวันนี้ จำนวน 2,178,729.94 บาท และงวดที่ 2 จะจ่ายประมาณเดือนเมษายน จำนวน 2,178,729.98 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ตามวัตถุประสงค์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และลดต้นทุนในการประกอบอาชีพการเกษตรแก่สมาชิก  และเพื่อให้สมาชิกที่ประกอบอาชีพการเกษตร มีโอกาสนำเงินส่วนที่ได้รับการช่วยเหลือไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ตลอดจนมีเงินทุนไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ด้วย

นายวิทยากล่าวอีกว่า สำหรับการมอบเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดมอบแล้ว 3 ครั้ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ครั้งแรกในปี 2562 จัดมอบไป 6 สหกรณ์ 1.สหกรณ์การเกษตรถาวรพัฒนากาฬสินธุ์ จำกัด 2.สหกรณ์การเกษตรท่าคันโท จำกัด 3.สหกรณ์การเกษตรนามน จำกัด 4.สหกรณ์การเกษตรเมืองกาฬสินธุ์ จำกัด 5.สหกรณ์การเกษตรร่องคำ จำกัด และ6. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนตำบลโคกสะอาด จำกัด จำนวนเงิน 3,246,202.12 บาท โดยจ่ายครบ 100%

 

กาฬสินธุ์ - ชาวนาพอใจ เงินประกันรายได้ภาพรวมถึงมือแล้ว 3,600 ล้าน

ชาวนาจังหวัดกาฬสินธุ์ พอใจเงินประกันรายได้ทำนา และเงินค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตข้าว ฤดูกาลผลิต 2564/65 ที่รัฐบาลจัดให้ ช่วยลดต้นทุนการผลิต มีเงินใช้จ่ายในการครองชีพช่วงสถานการณ์โควิด และมีเงินทุนทำนาปรัง อยากให้มีโครงการนี้ตลอดไป ในขณะที่เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ เผยภาพรวม รัฐโอนถึงมือชาวนาแล้ว 9 งวดเม็ดเงิน 3,678,654,188 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงฤดูแล้งและสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่าในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว เริ่มลงมือเพาะปลูกข้าวนาปรังกันแล้ว หลังทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว ได้ระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แม้ราคาขายข้าวเปลือกนาปีที่ผ่านมาจะตกต่ำ โดยเริ่มต้นเพียงกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้ชาวนาหลายคนถอดใจไม่อยากทำนา เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน  แต่วันนี้ชาวนากลับมาทำนาด้วยความหวังใหม่อีกครั้ง  ทั้งนี้เป็นผลพวงจากการได้รับเงินส่วนต่าง หรือเงินประกันรายได้ รวมทั้งยังได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยวอีกไร่ละ 1,000 บาท เป็นรายได้ 2 ต่อหลังจากขายข้าวเปลือกขาดทุนอีกด้วย

นายพงษ์ศักดิ์ ชินคีรี เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนโครงการที่รัฐบาลมอบให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวฤดูกาลผลิต 2564/65 มี 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องปีที่ 3 คือโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินส่วนต่าง และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินค่าเก็บเกี่ยว  ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวไว้และผ่านการรับรอง จำนวน 153,884 ครัวเรือน 265,859 แปลง เนื้อที่ 1,558,244.46 ไร่ ผ่านการรับรองและได้รับการช่วยเหลือ ตัดยอดล่าสุด 9 งวด (4 ม.ค.65) จำนวน 153,544 ครัวเรือน 264,997 แปลง เนื้อที่ 1,553,351.34 ไร่

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ผลการโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2,272,155,530 บาท ขณะที่ผลการโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 1,406,498,618 บาท รวมจำนวน 3,678,654,188 ล้านบาท โดยยังเหลือที่จะโอนให้อีก 2 งวด รวมที่รัฐบาลจะจัดโอนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้ง 2 โครงการทั้งหมด 11 งวด ทั้งนี้ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในการลดต้นทุนการผลิต มีเงินใช้จ่ายในการอุปโภค บริโภคในครัวเรือน ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับความพึงพอใจ 100%

ด้านนายประเสริฐ ภูสิงหา อายุ 55 ปี ชาวนาบ้านหนองบัวหน่วย อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 16 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า ตนที่พื้นที่ทำนา 19 ไร่ ขายผลผลิตข้าวนาปีได้กิโลกรัมละ 6 บาท ซึ่งขาดทุน เนื่องจากค่าปุ๋ยเคมี ค่าเก็บเกี่ยวสูงมาก จนคิดว่าในฤดูแล้งนี้ไม่อยากจะทำนาปรัง เพราะทำไปก็ขาดทุนซ้ำซาก แต่พอทางรัฐบาลจัดเงินส่วนต่างและค่าเก็บเกี่ยวให้ โดยโอนผ่าน ธ.ก.ส.ครอบครัวตนได้เกือบ  30,000 บาท ทำให้พอมีเงินใช้หนี้ปุ๋ยเคมี และชดเชยค่ารถเกี่ยวข้าว ทั้งมีเหลือพอใช้จ่ายในครัวเรือนบ้างจึงมีกำลังใจที่จะทำนาต่อไป ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลมีโครงการดี ๆ นี้ต่อเนื่องตลอดไป

 

กาฬสินธุ์ - รณรงค์หยุด!! ‘การเผาพื้นที่เกษตร’ ร่วมทำแนวกันไฟ เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกร ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกร รณรงค์หยุดการเผาในพื้นที่เกษตร เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกรใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์ ลดต้นทุนการผลิต เกิดความสมบูรณ์ของดินและอินทรียวัตถุในดิน ได้ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2565 ที่แปลงเกษตรกร นายสุนัน มิทะรา บ้านโนนตูม หมู่ที่ 4 ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผา ในพื้นที่การเกษตร ปี 2565 โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมงาน

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่างานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผาดังกล่าว จัดโดยสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับอำเภอยางตลาด สำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาด องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตอกแป้น องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตร สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการทำเกษตรปลอดการเผา รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรนำเอาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสร้างมูลค่าและเพิ่มผลผลิต

นายทรงพลกล่าวอีกว่า ปัญหาหมอกควันปกคลุมและเกิดมลพิษทางอากาศ มีสาเหตุหนึ่งมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งการเผาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อการทำอาชีพการเกษตรโดยตรง คือทำให้ดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์และส่งผลให้สูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และผลผลิตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

กาฬสินธุ์ - ออกหน่วยแพทย์ พอ.สว.เคลื่อนที่! บำบัดทุกข์สร้างรอยยิ้มสู้ภัยโควิด!!

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จัดโครงการหน่วยแพทย์ พอ.สว. และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนสู้ภัยโควิด เพื่อให้บริการด้านสุขภาพและบริการทั่วไป ให้ประชาชนได้รับบริการเชิงรุกอย่างทั่วถึง หลังว่างเว้นการจัดกิจกรรมไปนานหลายเดือน เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 มกราคม 2564 ที่โรงเรียนบ้านนาวิทยาคม บ้านนาใหญ่  หมู่ 4 ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมโครงการหน่วยแพทย์ พอ.สว.และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้ม ให้ประชาชน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ประชาชน ร่วมงาน ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายวีรดนย์ ศิริ นายอำเภอดอนจาน กล่าวว่า ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ อ.ดอนจานส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน และเขตป่าสงวนแห่งชาติ  นอกจากนี้ยังมีปัญหาเส้นทางคมนาคม ที่หลายหมู่บ้านยังไม่ได้รับความสะดวก ตลอดจนเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพทางการเกษตร ทำให้มีฐานะยากจน ในการจัดโครงการหน่วยแพทย์ พอ.สว. และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนในวันนี้ จึงทำให้ประชาชน มีขวัญกำลังใจ ที่จะดำรงชีวิตในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้

ด้านนายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการหน่วยแพทย์ พอ.สว. เป็นกิจกรรมที่คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ออกบริการรักษา ตรวจสุขภาพให้ประชาชนในพื้นที่ ของหน่วยแพทย์ พอ.สว. ขณะที่โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน เป็นโครงการส่วนราชการต่างๆและอำเภอ ออกมาให้บริการประชาชน มีการรับฟังปัญหาของประชาชนไปดำเนินการแก้ไข ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ในการที่จะดำรงชีวิต ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ให้ประชาชนจะได้ประกอบอาชีพตามปกติอย่างไม่กังวลใจ ในส่วนสถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 ในขณะนี้ มีแนวโน้มคลี่คลายลงไปมาก อย่างไรก็ตามขอฝากให้ประชาชน ไม่ประมาท เช่น สวมหน้ากากอนามัย รับการฉีดวัคซีน จ.กาฬสินธุ์ และปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายทรงพล กล่าวอีกว่า ในการจัดโครงการหน่วยแพทย์ พอ.สว. และโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนในครั้งนี้ จัดขึ้นหลังจากที่ว่างเว้นหลายเดือน เนื่องจากเกิดสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19  

 

กาฬสินธุ์ - ชลประทานกาฬสินธุ์ ยันปริมาณน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง เพียงพอฤดูแล้ง

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์เผยภาวะฝนทิ้งช่วงยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำชลประทาน อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง โดยภาพรวมมีปริมาณน้ำ 60%  ยืนยันเพียงพอใช้พ้นฤดูแล้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนในช่วงฤดูแล้ง ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน พบว่า มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อการยังชีพและจำหน่าย เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว พืชตระกูลแตงอื่นๆ ขณะที่ปริมาณน้ำตามอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ซึ่งอยู่ในการดูแลของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ทั้ง 17 แห่ง พบว่ายังมีเหลือเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคให้กับประชาชน โดยภาพรวมเฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%

นายเกริงกรุง สุภัควนิช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคในฤดูแล้งนี้ ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่ใช้น้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะปลูกข้าวนาปรังประมาณ 1 หมื่นกว่าไร่ ในภาพรวมมีการบริหารจัดการน้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%  โดยเพียงมีอ่างเก็บ 4 แห่งคือ อ่างเก็บน้ำหนองหมาจอก ต.ยางตลาด อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด, อ่างเก็บน้ำวังลิ้นฟ้า อ.ห้วยเม็ก และอ่างลำพะยังตอนบน อ.เขาวงเท่านั้น ที่มีปริมาณต่ำว่า 30% แต่ยังก็เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค 

นายเกริงกรุง กล่าวอีกว่า ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์นั้น มีการวางแผนรับมือภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพ โดยมีการจัดสรรเป็นน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เพียงพอถึงต้นฤดูฝน เช่น มีการกักเก็บน้ำในช่วงเกิดภาวะน้ำท่วมตามแนวแม่น้ำชี อ.ฆ้องชัย เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้, มีการจัดการน้ำทั้งในส่วนของการเกษตรกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมให้เพียงพอ, เตรียมเครื่องสูบน้ำ โดยประสานการทำงานร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อสูบน้ำระยะไกล ในกรณีเกิดภัยแล้ง, สร้างการรับรู้การใช้น้ำให้กับประชาชน พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกรไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งจะไม่ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ

 

กาฬสินธุ์ - ผู้การกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขายไข่ขาดทุน! ราคาถูก - ช่วยลดค่าครองชีพช่วงของแพง!!

ผู้การฯกาฬสินธุ์ ควงประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งโต๊ะขาย “ไข่ไก่ผู้การโป้ง”เบอร์ 1 ราคาถูก แผงละ 80 บาท สด ๆ จากฟาร์มขายขาดทุนให้ครอบครัวตำรวจกาฬสินธุ์ครัวเรือนละ 2 แผง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงไข่ไก่-เนื้อหมูราคาแพง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม 2565 พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นางพรพรรณ มะลิ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นำไข่ไก่เบอร์ 1 “ไข่ไก่ผู้การโป้ง” สด ๆ จากฟาร์มมาตั้งโต๊ะวางขายราคาถูกกว่าท้องตลาดและขายแบบขาดทุนแผงละ 80 บาท ให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยกำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง  เพื่อเป็นแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และช่วงที่ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่ และเนื้อหมูที่มีราคาแพง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ มะลิ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวส่วนตัวได้ไปซื้อไข่ไก่สด ๆ เบอร์ 1 จากฟาร์มโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งซื้อได้ราคาแผงละ 90 บาทถูกกว่าท้องตลาดที่ทราบว่าปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่แผงละ 110 -120 บาท จำนวน 1,000 แผง แล้วนำมาขายให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยขายแผงละ 80 บาท  ซึ่งถูกกว่าท้องตลาด และเป็นการขายแบบขาดทุน กำหนดให้ซื้อได้คนละ 2 แผง

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้หากคิดในด้านการค้า การขาย หรือธุรกิจเป็นเงินนั้นถือว่าขาดทุน แต่ส่วนตัวนั้นตนเห็นว่าได้กำไร คือการให้สวัสดิการกับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา และได้กำไรเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ราคาไข่ไก่ และเนื้อหมู นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องตำรวจ ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโครงการดังกล่าวนำไข่ไก่มาขายเดือนละครั้ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ตำรวจต่อไป

กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯ ลุย!ตรวจตลาด ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงตรุษจีน!!

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงสำรวจตลาดสดทุ่งนาทอง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าในช่วงตรุษจีน ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา และกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม 2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายศิริพงษ์ วิวัฒน์เกษมชัย พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตลาดสดทุ่งนาทอง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจติดตามการจำหน่ายราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะถึง โดยได้สำรวจการจำหน่ายไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้งก้ามกราม ปลา ผัก ผลไม้

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจตลาดในครั้งนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์เนื้อหมูที่มีราคาแพงขึ้น ทางหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีมาตรการช่วยเหลือด้วยการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกกิโลกรัมละ 150 บาท จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 และได้กำชับ พ่อค้า แม่ค้า ให้จำหน่ายในราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาด ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ ได้ขอพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการแสดงป้ายราคาให้เห็นเป็นที่ชัดเจน และตรวจดูในเรื่องของเครื่องชั่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน

 

กาฬสินธุ์ - ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ ชี้!มูลความผิดวินัย และอาญา นายก อบต.

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 4 เดือน ชี้มูลความผิดวินัยและอาญา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กับพวก รวม 8 ราย

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ [ป.ป.ช.] ประจำ จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565  สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ได้แถลงผลการดำเนินงานในรอบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 - 31 มกราคม 2565 ทั้งด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริตหลายรายการ

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ นั้น แบ่งออกเป็นทางด้านการป้องกันการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และด้านการปราบปรามการทุจริต  ดังนี้ ด้านการป้องกันการทุจริตและการป้องกันการทุจริตเชิงรุก 1. ดำเนินการเปิดศูนย์เรียนรู้ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลองค์ความรู้ด้านการส่งเสริมคุณธรรมและการป้องกันการทุจริตของ จ.กาฬสินธุ์, 2. การตรวจติดตามการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด-19 กรณี โคก หนอง นา โมเดล, 3. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ กรณีมีการก่อสร้างถนน โดยไม่มีการรื้อถอนเสาไฟฟ้า ทำให้ปรากฏว่ามีเสาไฟฟ้าปรากฏอยู่กลางถนนที่ใช้ในการสัญจร, 4. ตรวจสอบกรณีการก่อสร้างตลาดสดของเทศบาลตำบลดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ตามที่เป็นข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ Watchdogth Act ซึ่งได้ก่อสร้างเมื่อปี 2561 ใช้เงินกว่า 4.8 ล้านบาท สร้างไม่เสร็จปล่อยทิ้งร้าง ไม่สามารถใช้งานได้

ว่าที่ร้อยตรีสมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน มีการตรวจสอบและเปิดบัญชีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีพ้นจากตำแหน่งจำนวน 49 ราย, ด้านการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหาอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ กับพวก รวม 8 ราย ว่าทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโคกสำราญ หมู่ 2 งบประมาณ 76,000 บาท และทุจริตโครงการจ้างเหมาซ่อมแซมถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านโนนเสียว หมู่ 6,14 งบประมาณ 100,000 บาท  เมื่อปีงบประมาณ 2559


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top