Saturday, 4 May 2024
กาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์ เพื่อไทยยกทัพตอกเสาเข็มแลนด์สไลด์กาฬสินธุ์ทั้ง 6 เขต

เพื่อไทยยกทัพนำขุนพลเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “บอล” พลากร พิมพะนิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 ตอกเสาเข็มกาฬสินธุ์ต้องแลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต  ด้าน“อุ๊งอิ๊ง”วีดีโอคอลอ้อนคิดถึงชาวกาฬสินธุ์ขออย่าปันใจ ย้ำพรรคเพื่อไทยไม่มีสาขา  ให้เลือกทั้งคน ทั้งพรรคแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ ขณะที่ “เศรษฐา”ประกาศเดินหน้านโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้คนละ 10,000 บาท ยืนยันไม่ยกเลิกบัตรคนจน ระบุพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนจนจะหมดไปเอง


เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 18 เมษายน 2566 ที่สนามกีฬาโรงเรียนวังมนวิทยาคาร ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย  และนายพานทองแท้ ชินวัตร เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายพลากร พิมพะนิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย เบอร์ 4 โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์  ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายทินพล ศรีธเรศ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 และผู้สมัคร ส.ส.จาก จ.ร้อยเอ็ดเข้าร่วมปราศรัย พร้อมประกาศตอกเสาเข็มแลนด์สไลด์กาฬสินธุ์ทั้ง 6 เขต ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังกว่า 20,000 คน หลังจากเมื่อช่วงเวลา 15.00 น.ได้เปิดเวทีปราศรัยจุดแรกที่อำเภอกมลาไสย


โดยเวทีการปราศรัยครั้งนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยังได้ปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ หรือวีดีโอคอลมาถึงพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งนางสาวแพทองธาร บอกว่า คิดถึงพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ รอคลอดน้องแล้วจะไปหา พร้อมขอแรงเชียร์ แรงใจ จากพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ เลือกพรรคเพื่อไทย เราไม่มีพรรคอื่น ขออย่าปันใจ ให้เลือกทั้งคน ทั้งพรรค เลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้นให้แลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต และแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศ


ด้านนายอดิศร เพียงเกษ  กล่าวปราศรัยว่า ผ่านมา 8 ปีแล้ว และหมดเวลาแล้วสำหรับการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาล"ประยุทธ์"  ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมที่สุด พร้อมทั้ง ส.ส.เขต พร้อมทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพร้อมทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าไปกู้หน้าตาให้ประเทศไทยกลับคืนมา ขอพี่น้องประชาชนเปิดโอกาสให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลและขอพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้ง 6 เขต

‘เศรษฐา’ ประกาศชัด!! นาทีนี้ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง วอน ปชช.แทงตรง!! เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบเท่านั้น

(18 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย น.ส.พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ได้แก่ นายวิรัช พิมพะนิตย์ เขต 1 เบอร์ 9, นายพลากร พิมพะนิตย์ เขต 2 เบอร์ 4, นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล เขต 3 เบอร์ 7, นายพีระเพชร ศิริกุล เขต 4 เบอร์ 3, นายทินพล ศรีธเรศ เขต 5 เบอร์ 8, และ นายประเสริฐ บุญเรือง เขต 6 เบอร์ 9 เปิดปราศรัยที่สวนสุขภาพข้างที่ว่าการ อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่ามกลางประชาชนผู้ฟังกว่า 5,000 คน

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ชาวนาถือว่าเป็นอาชีพหลักของพี่น้องกาฬสินธุ์ ปัจจุบันค่าปุ๋ยแพง ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้รายได้ไม่พอกินพอใช้ ประชาชนอยู่ได้อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาบริหารจัดการ เราจะใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม มีบุคลากรที่มีคุณภาพ ให้ไปเปิดตลาดใหม่ ๆ ในการค้าขายให้พี่น้องทุกคน ด้านสิทธิที่ดินทำกิน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะให้ที่ดินทำกิน 50 ล้านไร่ภายใน 4 ปี เพื่อให้พี่น้องมีที่ดินอย่างมีศักดิ์ศรี

“นโยบายดี ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล วันนี้พรรคเพื่อไทยมาวิงวอนหาเสียงให้พี่น้องคนกาฬสินธุ์ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เรายอมไม่ได้ให้ใครมาบอกเป็นพรรคพี่พรรคน้อง วันนี้ต้องแทงตรงอย่างเดียวคือ เลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าว

ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปราศรัยว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ถ้าคนหนึ่งได้เป็นนายก อีกสองคนก็จะร่วมกันทำงาน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย คือเพื่อไทย ต้องกาเพื่อไทย ไม่มีพรรคเพื่อน ไม่มีพรรคพี่ พรรคน้อง ขอให้พี่น้องเลือกให้เพื่อไทยชนะขาดลอย และถ้าต้องการให้ประยุทธ์ ประวิตร กลับบ้าน ต้องกาพรรคเพื่อไทย คราวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ ตนจึงชวนประชาชนล้มอำนาจ 3 ป. และ 250 สว.

“กาฬสินธุ์ เว้นเขตใดเขตหนึ่งไม่ได้ ฟันหลอไม่ได้ เพราะว่าถ้าพลาดแม้แต่แต้มเดียว พวกนั้นทึกทักเอาอีก สิทธิ์ในการตั้งรัฐบาลของพวกเขาคือเสียงข้างน้อย หรือใช้กล้วย มีงูเห่า ฉะนั้น ต้องฆ่างูเห่าล่วงหน้า ด้วยการกาเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์” นายณัฐวุฒิ กล่าว


ที่มา : https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/pfbid0vAFHspD1zYpC9drW88CJQJLMRBURmrFNaDpyvhGRqnG6EmFUYkQ25TusRJ52ickPl

กกต.กาฬสินธุ์ ติวเข้มวิทยากรเขตเลือกตั้ง รับเลือกตั้ง ส.ส.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์  อบรมวิทยากรเขตเลือกตั้ง  เพื่อไปถ่ายทอด ให้กับเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง ในระดับอำเภอ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการเลือกตั้ง ส.ส.ได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน ระเบียบ ข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 24 เม.ย.66 ที่ห้องทศพร  โรงแรมริมปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดการอบรมวิทยากรเขตเลือกตั้ง เตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566  ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม  โดยวิทยากรเขตเลือกตั้งอำเภอละ 18 คน  คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 3 คน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 1 คน ผู้ประสานประจำเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 2 คน รวมทั้งสิ้น 144 คน เข้ารับการอบรม
 

นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566  วันเลือกตั้ง ส.ส.  ผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง (จพง.ปน.) เป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการที่จะดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้งให้เป็นไปตามขั้นตอน ระเบียบ ข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ส.ส. สำนักงาน กกต.จ.กาฬสินธุ์ จึงได้จัดอบรมวิทยากรเขตเลือกตั้ง  เพื่อให้รับทราบ เข้าใจ ขั้นตอนวิธีการเลือกตั้ง อย่างถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมาย และสามารถนำความรู้  ไปถ่ายทอดให้กับเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง ในระดับอำเภอ จำนวน 1,611 หน่วยเลือกตั้ง 17,721 คน ได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน ระเบียบ ข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กาฬสินธุ์โชว์ผ้าไหมแพรวามูลค่า 30 ล้านเปิดงานมหกรรมโอทอปตักบาตรเทโวคาดเงินสะพัด 20 ล้านบาท

ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหมเมืองน้ำดำรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย และเครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวา ใน จ.กาฬสินธุ์ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา “ลายผ้าไหมแพรวาประจำอำเภอ” 18 ลาย ฝีมือระดับขั้นเทพ ขึ้นเวทีประชันความประณีต จากการคิดค้นลายผ้า และโชว์ความอลังการ บนเวทีเสวนาผ้าไหมแพรวาผ้าโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ พร้อมจำหน่ายบนถนนไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์  ในงานตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล ระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.66 ขณะที่พัฒนาชุมชนตั้งเป้าเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

วันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 16.00 น. ที่บริเวณถนนสายบุญ-ไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 โดยมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ นายบุญมี แก่นนาคำ นายก ทต.โนนบุรี นางนฤมล สิงห์เงา ปลัด ทต.โนนบุรี นายวิญญู ขันผง นายก ทต.นิคม พร้อมด้วยส่วนราชการ กรรมการเหล่ากาชาดฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอ.สหัสขันธ์ เครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวาและผ้าพื้นเมืองทั้ง 18 อำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้งรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย ประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ก่อนเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ยังได้มีการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ดำเนินรายการโดย ดร.สุภาพร เกียรติดำเนินงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ผู้ร่วมรายการประกอบด้วยปราชญ์ด้านผ้าไหมแพรวา และศิลปินผ้าไหมแพรวา อาทิ นายวิทวัส โสภารักษ์  นายอดุลย์  มุลละชาติ นายจักรวรรดิวัตร ปรีจำรัส ท่ามกลางความฮือฮาของผู้ร่วมงาน เนื่องจากผ้าไหมแพรวาที่นำมาโชว์และนำเสนอความเป็นมาจำนวนกว่า 100 ผืน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ผ้าแพรวาทุกผืนที่นำมาโชว์บนเวทีเสนาฯ ครั้งนี้ ล้วนเกิดจากภูมิปัญญา และเป็นลายผ้าที่เกิดจากไอเดีย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์หรือสื่อถึงของดีทั้ง 18 อำเภอ โดยคิดค้นลายผ้า ย้อมสี และถักทอด้วยมือ จึงเป็นผืนผ้าไหมแพรวาที่ทรงคุณค่า เป็นการต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเครือข่าย ทั้ง 18 อำเภอใจ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีอบจ.กาฬสินธุ์ และพัฒนาชุมน จ.กาฬสินธุ์ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าของผู้ที่มีรสนิยมในผ้าแพรวา ราชินีแห่งไหม ที่กลุ่มผู้ผลิตหรือเจ้าตำรับ ซึ่งเป็นคนกาฬสินธุ์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นผลิตภัณฑ์พระราชทาน โดยสืบสานพระปณิธานฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จุดประกายจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพโดยแท้

ด้านนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของดีล้ำค่า สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ได้ปีละหลายร้อยล้านบาท  ที่ผ่านมามีการจัดงานนิทรรศการ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้าไหม ทั้งระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับปะเทศ ทั้งนี้ อบจ.กาฬสินธุ์ มีแนวทางให้การสนับสนุน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างโอกาส เปิดช่องทางตลาด ให้มีการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ที่สำคัญเพื่อการสร้างงาน สร้างรายได้ตลอดปี ตลอดไป

นางเฉลิมขวัญกล่าวอีกว่า ในส่วนของการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ในวันเปิดงานพระเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 หลังวันออกพรรษาครั้งนี้ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.นี้ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเปิดมหกรรมตลาดผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหม ของดีเมืองน้ำดำอีกครั้งหนึ่ง  จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบผ้าไหมแพรวา ได้มาเลือกช็อป ได้อย่างเต็มที่ ตลอด 9 วัน 9 คืน  เพราะมีผู้ประกอบการสินค้าผ้าไหมแพรวา และผ้าผืนเมือง ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวาจาก 18 อำเภอมาออกร้านกว่า 50 บูธ โดยมาออกร้านด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ผลิต และผู้ประกอบการกับผู้ซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้เลือกสรรและเลือกซื้อในราคาที่เป็นธรรม 

ด้านนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก) ประจำปี 2566 สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ร่วมด้วย โดยเชิญชวนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์โอทอป ที่หลากหลาย เช่น ผ้าไหมแพรวา ผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์คุณภาพอื่นๆ ระดับ 4-5 ดาวร่วมออกร้านจำหน่าย เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยในปีนี้ซึ่งที่ปลอดจากสถานการณ์โควิด-19  และเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น คาดว่ามีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าโอทอป โดยเฉพาะผ้าไหมแพรวาไม่น้อยนกว่า 20 ล้านบาท

'สมรักษ์’ ยัน!! ไม่ได้ข่มขืนหญิงสาว-ไม่รู้เป็นเด็กอายุ 17 ปี พร้อมตั้งทนาย ให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย

(11 ธ.ค.66) ความคืบหน้ากรณีหญิงสาววัย 17 ปี ชาว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับ 'สมรักษ์ คำสิงห์' อดีตนักมวยทีมชาติไทยเหรียญทองโอลิมปิก โดยกล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น กระทั่งถูกพาไปล่วงละเมิดทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เหตุเกิดเวลาประมาณ 03.30 วันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 'สมรักษ์' ยืนยันไม่ได้ข่มขืนหญิงสาวที่เข้าแจ้งความ มีหลักฐานวงจรปิดหลายมุม เผยไม่รู้ว่าเป็นเด็กอายุ 17 ปี

สำหรับ กรณีเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกล่าวโทษ อดีตนักมวยเหรียญโอลิมปิกคนดัง ทางผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถาม นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายสมรักษ์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ตนเองทราบแล้ว และได้แต่งตั้งให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

นายสมรักษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้ข่มขืน ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายและนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ตนไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และตนเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่า เด็กคนดังกล่าวอายุ 17 ปี

จากการรายงานของผู้สื่อข่าว เผยว่า นายสมรักษ์ บอกว่า ตนเองมาเที่ยวตามประสาคนเที่ยวทั่วไป ส่วนน้องเค้าก็มาเที่ยวของน้องเค้า และมาที่โต๊ะเดียวกัน ก่อนจะตามกันไปที่โรงแรม ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องรอพิสูจน์ ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนใคร และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ในคืนนั้นมีเพียงการถอดเสื้อผ้า และหอมกอดกันธรรมดา ก่อนจะถามอายุว่าเท่าไหร่ บอกว่า 17 พอรู้ก็ตกใจเลย จึงบอกว่าไม่ได้ๆ ก่อนจะนอนหลับอยู่บนเตียงเลย กระทั่งถูกถ่ายภาพตอนหลับเข้าแจ้งความดังกล่าว

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐานหลายมุม ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไรมาก ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ข่มขืนอย่างแน่นอน

นายสมรักษ์ ได้บอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ตนเองเซ็นใบหย่ากับภรรยานานแล้ว ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนเองไม่อยากพูดเยอะ เพราะน้องก็เป็นเด็ก

กาฬสินธุ์บพท.ลงนามความร่วมมือม.กว่างซีแก้จนข้ามชาติ บพท.ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนกับมหาวิทยาลัยกว่างซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินหน้าเปิดประตูเชื่อมโยงองค์ความรู้แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จแม

บพท.ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนกับมหาวิทยาลัยกว่างซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินหน้าเปิดประตูเชื่อมโยงองค์ความรู้แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จแม่นยำของประชาคมนักวิจัยไทย สู่ความร่วมมือยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาความยากจนกับประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 18 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมพยับหมอก ชั้น 3 สำนักงานอธิการบดีและบริหารสินทรัพย์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายฉัตรชัย  พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริหารหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นประธานพิธีลงนามลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการแลกเปลี่ยนความรู้ ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนระหว่าง บพท. กับ มหาวิทยาลัยกว่างซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กับ มร.Xiao Jian Zhuang รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกว่างซี สาธารณรัฐประชาชนชนจีนลงนาม และมีรศ.จิรพันธ์ ห้วยแสน อธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ผศ.ดร.วิชยุทธ จันทะรี รองอธิการบดี ม.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้บริหาร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากสถาบันอุดมศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิคณาจารย์ และนักวิจัยร่วมงานและร่วมเป็นสักขีพยาน

นายฉัตรชัย  พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริหารหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า  ลงนามลงนามครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการประสานความร่วมมือกันของหน่วยราชการ 2 ประเทศในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมร่วมกัน เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาความยากจนให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน บนพื้นฐานความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า  เหตุผลสำคัญที่เราเลือกทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกว่างซี มณฑลกว่างซี เป็นเพราะมณฑลกว่างซี กับประเทศไทยมีความใกล้เคียงกันมากทั้งด้านวัฒนธรรม หลักคิดความเชื่อค่านิยม ตลอดจนสภาพภูมิประเทศ ขนาดพื้นที่ รวมทั้งขนาดประชากร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือระหว่างกันของ บพท. และมหาวิทยาลัยกว่างซี จะนำความรู้ด้านการแก้ปัญหาความยากจนไปใช้ในพื้นที่วิจัยเชิงยุทธศาสตร์ 7 จังหวัด เป็นพื้นที่นำร่อง ได้แก่กาฬสินธุ์ ลำปาง มุกดาหาร ร้อยเอ็ด พัทลุง ปัตตานี และยะลา  ก่อนที่จะขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศต่อไป

ด้าน ดร.กิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. ระบุว่า สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตั้งมั่นบนเจตนารมณ์ร่วมกันในการเสริมสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาความยากจนระหว่างฝ่ายต่างๆ ด้วยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม บนพื้นฐานความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิด องค์ความรู้ ประสบการณ์ เงื่อนไขความสำเร็จ โครงสร้างพื้นฐาน และกระบวนการในการแก้ไขปัญหาความยากจนระหว่างฝ่ายต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนมุ่งส่งเสริมความร่วมมือรูปแบบใหม่ระหว่างสถาบันการวิจัย เพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือร่วมกันแบบทวิภาคี ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการแลกเปลี่ยนความรู้ในการแก้ไขปัญหาความยากจน
“ขอบเขตความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนระหว่าง บพท. กับ มหาวิทยาลัยกว่างซี ครอบคลุม 4 มิติคือ1).มิติของความร่วมมือกันด้านองค์ความรู้

และบัญชีรายชื่อนวัตกรรมตลอดจนเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาความยากจน 2).มิติของผลผลิต ห่วงโซ่คุณค่า และกระบวนการในการแก้ปัญหาความยากจน 3). มิติต้นแบบพื้นที่หรือหมู่บ้านที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจน อย่างน้อย 1 แห่ง 4). มิติความร่วมมือด้านอื่นๆที่เห็นชอบร่วมกัน”ดร.กิตติ กล่าว
ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวด้วยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจกับมหาวิทยาลัยกว่างซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นปฐมบทของการเปิดประตูเชื่อมโยงองค์ความรู้แก้ปัญหาความยากจนของประชาคมนักวิจัยไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน  ซึ่ง บพท. มีความคาดหวังและตั้งใจจะต่อยอดขยายผลชุดความรู้จากงานวิจัยแก้จน ออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย

‘ชาวนากาฬสินธุ์’ หันปลูกแตงโม-ขายเมล็ดส่งนอก โกยเงินล้าน ชี้!! ใช้น้ำน้อย ราคาดีกว่าขายข้าวเปลือก สร้างรายได้ต่อรายสูง

(19 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ ทั้งพื้นที่รับน้ำชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว พบว่ามีการทำนาปรังหรือนาฤดูแล้งเต็มพื้นที่ ขณะที่พื้นที่นอกเขตชลประทาน มีการเพาะปลูกพืชอายุสั้น พืชตระกูลแตงเป็นจำนวนมาก โดยใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่มีอยู่อย่างเพียงพอ

นางประนอม ภูเต้านา อายุ 45 ปี เกษตรกรบ้านขมิ้น เลขที่ 95 หมู่ 5 ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่นาอยู่นอกเขตชลประทาน แต่ก็อยู่ใกล้กับหนองเลิงไก่โอก แหล่งน้ำสาธารณะประจำตำบลนาดี ซึ่งปีนี้มีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมาก เพียงพอต่อการสูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงแปลงแตงโม และแปลงแตงแคนตาลูป ที่เพาะปลูกประมาณ 2 ไร่

นางประนอม กล่าวอีกว่า ที่เลือกเพาะปลูกพืชตระกูลแตง 2 ชนิด เพราะว่าอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศร้อนแล้งได้ดี อายุ 4 เดือนเก็บผลผลิตจำหน่าย ที่สำคัญมีบริษัทของเอกชนเข้ามาส่งเสริม มีประกันราคาแน่นอน โดยเป็นแตงลูกผสม จำหน่ายเมล็ดส่งต่างประเทศ ก.ก.ละ 1,600-2,000 บาท ปลูกมาประมาณ 20 ปี รายได้เฉลี่ยรายละ 5 หมื่นบาท ซึ่งรายได้สูงกว่าปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้งชนิดอื่น

นางประนอม กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อราคาขายเมล็ดแตงโมและเมล็ดแตงแคนตาลูปสูง โดยที่ผ่านมาได้กำไรทุกปี ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกยังตกต่ำ รายได้ไม่คุ้มทุน เพราะปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ค่าแรง ค่าเก็บเกี่ยวสูง ดังนั้น ในปีนี้จึงพบว่าพี่น้องเกษตรกรชาวนาในหมู่บ้าน หันมาปลูกแตงโม และแตงแคนตาลูปลูกผสม เพื่อขายเมล็ดต่างประเทศกับบริษัทเอกชนถึง 20 ราย ที่หากเฉลี่ยได้กำไรไร่ละ 5 หมื่น ก็จะมีรายได้ในภาพรวมถึง 1 ล้านบาททีเดียว

กาฬสินธุ์รวมพลังถวายกำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพประกาศปกป้องสถาบัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำข้าราชการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ และพสกนิกรชาวกาฬสินธุ์ทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันสวมเสื้อสีม่วงร่วมแสดงพลังถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมประกาศขอปกป้อง และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวันทนา อินทปัตย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.กาฬสินธุ์ นางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม, นายธนภัทร ณ ระนอง, นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พ.อ.นิสิต สมานมิตร รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นางอุบลรักษ์ ศิริกุลแสบงบาล อัยการ จ.กาฬสินธุ์ นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ข้าราชการทุกหน่วยงาน ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรชาว จ.กาฬสินธุ์ทุกหมู่เหล่ากว่า 1,000 คน ซึ่งพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดโทนสีม่วง สีประจำพระองค์ร่วมแสดงพลังถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมประกาศขอปกป้องและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย 

โดยนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้วางพุ่มดอกไม้ และถวายธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำกล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณ เพื่อบำบัดทุกบำรุงสุข แก่อาณาประชาราษฎร์ ล้วนเป็นที่ประจักษ์อยู่ในดวงใจของพสกนิชาวไทยตลอดมา พร้อมร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังอย่างกึกก้อง 

จากนั้นนำทุกภาคส่วนลงนามถวายกำลังใจ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด อีกทั้งยังรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด พสกนิกรชาว จ.กาฬสินธุ์ทุกหมู่เหล่าจึงได้ร่วมกันแสดงพลังประกาศขอปกป้อง และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งในครั้งนี้ 

'กาฬสินธุ์' นายกลุยแก้น้ำท่วม-น้ำแล้ง พนังกั้นน้ำชีทรุดตัวในพื้นที่กาฬสินธุ์

'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ลุยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และป้องกันปัญหาพนังกั้นแม่น้ำชีทรุดตัวในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

วันที่ 2 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยในช่วงเช้าเวลา 10.45 น.เข้าติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้ากุดแคน ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายพลากร พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 นายชูชาติ รักจิตร อธิการบดีกรมชลประทาน นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ นายเดช เล็กวิชัย รองอธิการบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยส.ส.ภาคอีสาน ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน และประชาชนรายงานสภาพปัญหาและให้การต้อนรับ

โดยนายกรัฐมนตรีได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปการนำเสนอโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งจากกรมชลประทานก่อนจะเดินพบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับ

ทั้งนี้จากสภาพปัญหาอุทกภัยบริเวณพื้นที่เพาะปลูกโดยรอบกุดวังซอ, กุดกว้างน้อย,กุดกว้างใหญ่ และกุดแคน (กุดขวาง) ซึ่งเป็นพื้นที่ชลประทานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวนั้น เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี บริเวณสองฝั่งลำห้วยเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากกว่า 20,000 ไร่ สาเหตุมาจากระดับน้ำในลำน้ำชีมีระดับสูง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำพื้นที่ด้านในออกลงสู่แม่น้ำชีได้ 

ดังนั้นทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ จึงได้เสนอโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย บริเวณพื้นที่ บ.แจ้งจม ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ให้สำนักชลประทานที่ 6 พิจารณาศึกษาโครงการ และเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำถาวร เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ชลประทานไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ในฤดูน้ำหลากเมื่อปีพ.ศ. 2552 ทำการก่อสร้างปี 2563 และก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2565 ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับสามารถช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม และป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเกิดปัญหาแหล่งน้ำมีสภาพตื้นเขิน และมีวัชพืชปกคลุมจำนวนมาก ทำให้น้ำไหลเข้าไม่สะดวก และไม่สามารถระบายน้ำได้ทันในช่วงหน้าฝน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวประชาชน และผู้นำหมู่บ้านได้ร้องขอเข้ามายังหน่วยงานของกรมชลทาน และ นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมสภาฯ เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และติดตามการแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการขุดลอกแก้มลิงกุดกว้างน้อย งบประมาณ 24 ล้านบาท แก้มลิงกุดกว้างใหญ่ พร้อมก่อสร้างอาคารประกอบ งบประมาณ 61 ล้านบาท และกำจัดวัชพืชในกุดแคนโดยเครื่องจักร งบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้กับประชาชน และระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูฝน 

จากนั้นเวลา 11.30 น.นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางไปติดตามการแก้ไขปัญหาพนังกั้นลำน้ำชีทรุดตัว ที่บริเวณพนังกั้นลำน้ำชีชั่วคราวกม.ที่ 2 บ้านโนนแดง ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายพลากร พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมทางหลวงชนบท และประชาชนในพื้นที่รายงานสภาพปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดจากพนังกั้นน้ำชีทรุดตัวทำให้ปริมาณน้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรของประชาชนทุกปี โดยเฉพาะในปี 2565  ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้างพื้นที่เกษตรกรเสียหายหลายหมื่นไร่ และมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบหลายพันหลังคาเรือน ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก จึงทำให้นายพลากร พิมพะนิตย์ หรือ ส.ส.บอล เขต 2 นำเรื่องปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวเข้าหารือในประชุมสภาฯ เพื่อแก้ไขปัญหา ก่อนที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ และพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และลงพื้นที่มารับปัญหา และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาให้กับประชาชน

โดยในวันนี้ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาคันทางพังทลายและป้องกันน้ำท่วม  ซึ่งเป็นการก่อสร้างพนัง เพื่อป้องกันคันทาง หรือพนังแม่น้ำชีพังทลายจากกระแสน้ำชีกัดเซาะคันทางความยาว 425 เมตร งบประมาณกว่า 51 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ อ.กมลาไสย และอ.ฆ้องชัย ป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรกว่า 100,000 ไร่ และระบบสาธารณูปโภคบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่และรับฟังปัญหาทั้ง 2 จุด โดยนายกฯระบุว่าวันนี้มาดูการขุดลอกการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และการก่อสร้างพนัง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี 

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นภารกิจในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีได้รับประทานอาหารที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และในช่วงบ่ายเวลา 13.15 น.มีกำหนดการลงพื้นที่บึงอร่าม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อหารือการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์ค และจุดแวะพักของ จ.กาฬสินธุ์ และ เวลา 14.15 น.เดินทางไปประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือประเด็นปัญหาและแผนพัฒนา จ.กาฬสินธุ์ ที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ และในช่วงเวลา 15.45 น.จะลงพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย ต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อหารือประเด็นการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ และใช้สำหรับการอุปโภค บริโภคให้กับประชาชน

กาฬสินธุ์- 'ไทด์' เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ รวมพลัง 'ขุนพลรวงข้าวอีสาน' ช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่

'ไทด์' เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน รวมพลังผู้บริหารสมาคมกู้ภัยฯ อาสากู้ภัย 'สมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าว สายอีสานใต้' จัดประชุมใหญ่ ระดมสรรพกำลังพร้อมช่วยเหลือชาวบ้านทุกสถานการณ์ และเตรียมพร้อมรับมือสาธารณภัยพายุฤดูร้อนอย่างเต็มที่ ตามอุดมการณ์ “เสียสละด้วยใจ เพื่อรับใช้สังคม”

วันที่ 23 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการจัดประชุมใหญ่ของอาสาสมัครกู้ภัย ในนาม “ขุนพลรวงข้าว” โดย “ไทด์” เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน มอบหมาย “ปู่ตูน” หรือนายอำนวยพล ไทยจู นามเรียกขาน 'อีสาน 01' รองประธานกลุ่มขุนพลรวงข้าว เป็นประธานประชุม มีนายชยพล วัชระอุดมกุล นายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์ นามเรียกขาน “อีสานเหนือ 02”  หัวหน้ากลุ่มขุนพลรวงข้าว สายอีสานเหนือ  พร้อมด้วยผู้บริหารสมาคมกู้ภัยฯ  และอาสากู้ภัยจากหลายจังหวัด ในภาคอีสานตอนบนและอีสานใต้ ร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก

'ปู่ตูน' หรือนายอำนวยพล ไทยจู นามเรียกขาน “อีสาน 01” รองประธานกลุ่มขุนพลรวงข้าว กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่ “สมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าวสายอีสาน” ครั้งนี้ เพื่อพบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ของแต่ละสมาคม ในนาม “ขุนพลรวงข้าว”  ซึ่งมีสมาคมกู้ภัยในเครือข่ายทุกจังหวัดในภาคอีสานตอนเหนือและตอนล่าง ซึ่งทุกสมาคม และอาสากู้ภัยทุกคน ต่างทำหน้าที่ด้วยจิตอาสา ด้วยความเสียสละ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ความสุข ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน คือหน้าที่และความสุขของพวกเราชาว “ขุนพลรวงข้าว” ทุกคน ทั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทาง “ไทด์” เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์” ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน

ด้านนายชยพล วัชระอุดมกุล นายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์กล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ ทุกสมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าวสายอีสาน ต่างยืนยันศักยภาพของบุคลากร อุปกรณ์กู้ภัยและช่วยเหลือชีวิตที่จำเป็น เครื่องมือสื่อสาร ยานพาหะ จึงมีความพร้อมทุกเมื่อ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเตรียมความพร้อมรับมือและช่วยเหลือประชาชน กรณีเกิดสาธารณภัยในฤดูแล้ง เช่น ไฟไหม้ ภัยแล้ง ร่วมทั้งที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนอย่างเต็มที่ ตามอุดมการณ์ “เสียสละด้วยใจ เพื่อรับใช้สังคม”

อย่างไรก็ตาม ในการจัดประชุมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก สภ.ยางตลาด เทศบาลตำบลยางตลาด ร้าน อ.พิษณุโลกเบเกอรี่ ป้าหวีบ้านอร่ามมงคล นางจันทร์ ภูพิลา บ้านขาม ต.คลองขาม ที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร โต๊ะ เก้าอี้ และอาหาร ให้การประชุมครั้งนี้สำเร็จเรียบร้อยด้วยดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top