Wednesday, 9 July 2025
SPECIAL

การลงทุนในทองคำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ที่นักลงทุนเลือกเพื่อเก็งกำไร

การจัดสรรเงินออมในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อนำไปลงทุนเพิ่มค่าของเงินด้วยวิธีการต่าง ๆ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้นั้น ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการสร้างความมั่นคงทางการเงินส่วนบุคคลที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบให้การลงทุนในหลายรูปแบบมีความผันผวน ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงลักษณะ ผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการลงทุน ก่อนตัดสินใจนำเงินไปลงทุนในทางเลือกนั้น ๆ

โดยในบทความนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึง “การลงทุนในทองคำ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวที่นักลงทุนเลือกเพื่อเก็งกำไร เนื่องจาก ทองคำมักมีมูลค่าเพิ่มในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อีกทั้งทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าและไม่เสื่อมสภาพ สามารถแปลงเป็นเงินสดได้เร็วโดยที่ไม่กระทบต่อมูลค่ามากนัก ตลอดจนนักลงทุนหลายคนนิยมใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนรวมอีกด้วย

การลงทุนในทองคำแบบดั้งเดิม คือการลงทุนซื้อ “ทองคำแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ” ผ่านหน้าร้านตามราคาที่ทางร้านประกาศไว้ โดยอ้างอิงจากราคากลางของสมาคมค้าทองคำ น้ำหนักทองคำ 1 ออนซ์ ซึ่งเป็นหน่วยวัดในระดับสากล จะเท่ากับทองคำประมาณ 2 บาทตามหน่วยวัดของไทย ทั้งนี้ในการซื้อขายทองคำในตลาดสากลนิยมทองคำบริสุทธิ์ 99.9% ในขณะที่การซื้อขายทองคำในตลาดไทยเป็นไปตามมาตรฐานที่ 96.5% โดยนักลงทุนทองคำเพื่อเก็งกำไรมักเลือกลงทุนในทองคำแท่ง ที่มีค่าบล็อคเล็กน้อย ไม่มีค่ากำเหน็จ และเวลาขายคืนจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทองรูปพรรณ

ทั้งนี้นักลงทุนจะสามารถทำกำไรจาการลงทุนในทองคำด้วยการดูราคาทองคำในตลาดปัจจุบันและคาดคะเนความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งโดยปกตินักลงทุนมักจะเทขายเมื่อราคาทองคำสูงขึ้น 2-5% จากราคาต้นทุน อย่างไรก็ดีปัจจุบันการลงทุนในทองคำแท่งและทองรูปพรรณยังสามารถซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์

อาทิเช่น
วายแอลจี พรีเชียส บนเว็บไซต์ https://www.ylgprecious.co.th
ฮั่วเซ่งเฮง บนเว็บไซต์ https://www.huasengheng.com/buy-sell-online
แม่ทองสุก บนเว็บไซต์ http://trade.mtsgold.co.th/goldonline
App บนมือถือ “HSHtrade” เป็นต้น

สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีเงินทุนน้อย อาจเลือกลงทุนในทองคำผ่านรูปแบบการ “ออมทอง” โดยนักลงทุนจะเปิดบัญชีกับบริษัทที่ให้บริการ จากนั้นจึงทยอยจ่ายเงินลงทุนซื้อทองทุกเดือน โดยมียอดขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาท เสมือนการทยอยซื้อทองน้ำหนัก 5 - 10 สตางค์ ทุกเดือนไปเรื่อย ๆ จนครบน้ำหนักทอง 1 บาท

นักลงทุนก็สามารถไปขอรับเป็นทองจริงได้จากบริษัทที่เลือกลงทุน อาทิเช่น ฮั่วเซ่งเฮง, ออสสิริส, โกลเบล็ก, จีแคป, Hello Gold เป็นต้น ทั้งนี้การออมทองจะเป็นการถัวเฉลี่ยซื้อในแต่ละเดือน ทำให้ราคาทองที่ลงทุนจึงเป็นค่าเฉลี่ยของการซื้อในแต่ละครั้งของช่วงเวลาที่มีการออม ดังนั้นนักลงทุนจึงควรพิจารณาความผันผวนของราคาทองที่เป็นไปตามราคาตลาดโลกควบคู่ประกอบการตัดสินใจออมทองไปด้วย

ทางเลือกการลงทุนในทองคำรูปแบบถัดไป เป็นการลงทุนที่ไม่มีการถือทองคำจริง เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ได้แก่ การลงทุนทองคำผ่าน ”กองทุนรวม” ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเงินไปลงทุนในทองคำให้กับนักลงทุน โดยแต่ละกองทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องการลงทุน วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ และความผันผวนของราคาของคำที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ จะมีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนรวมเป็นค่าใช้จ่ายของนักลงทุน การลงทุนทองคำผ่านกองทุนรวมนี้ นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุน (Capital Gain)

สำหรับทางเลือกการลงทุนในทองคำที่มีความซับซ้อนขึ้น สามารถเก็งกำไรทองได้ ทั้งในภาวะขาขึ้นและขาลง ทำให้มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความเสี่ยงจากการลงทุนที่สูงเช่นกัน ได้แก่ การลงทุนในทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ “การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส” ที่อ้างอิงราคาทองคำแท่งที่ผู้ลงทุนคาดการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สไว้ก่อน เมื่อคาดว่าทองจะขึ้นในอนาคต และทำกำไรเท่ากับส่วนต่างของราคาซื้อและขาย เมื่อราคาทองคำในอนาคตนั้นปรับตัวขึ้นจริง ในขณะที่ผู้ลงทุนจะขายโกลด์ฟิวเจอร์สล่วงหน้า เมื่อคาดว่าราคาทองจะปรับตัวลดลง การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สนี้จะเป็นการซื้อขายโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX มีบริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ประกันการชำระราคา และมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้กำกับดูแลการซื้อขาย

และทางเลือกลงทุนในทองคำรูปแบบใหม่ล่าสุด ได้แก่ “โทเคนทองคำ” ที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายทองคำดิจิทัลได้เสมือนกับได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในทองคำแท่ง ผ่านเหรียญ xBullion (GOLD), UPXAU, และ GoldGo โดยมีการ Backup ทองคำจริงเอาไว้ และใช้เทคโนโลยี blockchain และรหัสทองคำ เพื่อรักษาความปลอดภัยของการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละราย เพิ่มภาพคล่อง และสามารถโอนรายการระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว

จากรูปแบบการลงทุนทั้งหมดที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการลงทุนในทองคำที่นักลงทุนควรคำนึงถึงได้แก่ นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน ตลอดจน Demand supply หรือความต้องการซื้อขายทองคำในตลาด เป็นต้น

เขียนโดย อาจารย์ กมลวรรณ รอดหริ่ง อาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.tfex.co.th/th/education/files/2011-09-GF-Th.pdf

ชัยภูมิ – อินทผาลัมดั้มราคาสุด ๆ จากโลละ 400 เหลือ 200 บาท สู้ภัยโควิดเราต้องรอด

เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ประสบปัญหาผลผลิตอินทผาลัมในไร่ที่กำลังแก่จัดออกสู่ผู้บริโภค ผู้บริโภคน้อยลง ยอมดั้มราคาลงสุด ๆ จากทุกปีขายกิโลกรัมละ 400 บาท เหลือขายในราคากิโลกรัมละเพียง 200 บาท รับประกันสดจากสวนระดับพรีเมี่ยม สู้ภัยโควิด-19 เราต้องรอดไปกัน

วันนี้(29ก.ค.64) นายสุริยา มาทน  (โจ)อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม ไร่แม่ถวิล บ้านเลขที่ 19 หมู่6 บ้านแจ้งใหญ่ ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ได้นำชมสวนอินทผาลัมในไร่ของตนเองจำนวน 65 ต้น หลังจากกลับจากทำงานที่ต่างประเทศ ได้กลับมาประเทศไทย ได้ทำการเกษตรปลูกอินทผาลัม สายพันธุ์ต่าง ๆ เมื่อ 4 ปีก่อน และเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ผลผลิตอินทผาลัมที่ปลูกเริ่มให้ผลผลิตได้ประมาณ 3 ตัน นำออกขายกิโลกรัมละ 400 บาท มีรายได้หักค่าใช้จ่ายจากการขายอินทผาลัมหลักแสนบาท 

ในปีนี้อินทผาลัม คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 3 ตันเช่นเดิม แต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังดียังพอมีรายได้จากการขายอินทผาลัม มีรายได้พอเลี้ยงชีพครอบครัวได้บ้าง แต่ต้องยอมรับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผลอินทผาลัมในไร่มียอดขายลดลงมากกว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 เมื่อผลผลิตทางการเกษตรออกมาจำนวนมาก ในไร่สวนอินทผาลัมของตนเอง จะขายทั้งผลอินทผาลัมกินสด และน้ำสกัดอินทผาลัมแช่เย็น ส่วนไร่อินทผาลัมที่นี่จะใช้ปุ๋ยขี่ไก่บำรุงดิน ทำให้ผลอินทผาลัมที่นี่ได้ผลลูกมีขนาดใหญ่ เปลือกบาง ฉ่ำน้ำ และเปลือกไม่แข็ง ส่วนน้ำสกัดอินทผาลัมแช่เย็น ไม่มีการใส่น้ำตาล แต่จะมีความหอมหวานตามธรรมชาติผลอินทผาลัม คลายผลละมุดแต่มีเอกลักษณ์ของผลอินทผาลัม หลังโควิด-19ระบาดลูกค้าน้อยลงหายไปมากกว่าครึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานอินผาลัมได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาก ทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย ไม่ว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มกำลัง ขจัดความเมื่อยล้า ช่วยดับความหนาวเย็นแล้ว เมื่อร่างกายมีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หากรับประทานอินทผาลัมภายในครึ่งชั่วโมงก็จะทำให้ร่างกายกลับมามีกำลังเหมือนเดิม และอื่น ๆ มากมาย

นายสุริยา มาทน (โจ) อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวสวนอินทผาลัม แม่ถวิล บอกว่าขณะนี้ผลอินทผาลัมในไร่กำลังออกผลแก่ พร้อมออกสู่ตลาด หลังโควิด-19ระบาด ขณะนี้ยอมลดราคาลงแบบสุด ๆ จากกิโลกรัมละ 400 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 200 บาท และที่สำคัญต้องยอมลดราคาจากกำไร มาเป็นราคาต้นทุน เพื่อให้คนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารด้วย

นอกจากนั้น อินทผาลัมในไร่ช่วงนี้ได้เปิดร้านขายผลอินทผาลัมที่ถนนหมายเลข 201 ถนนชัยภูมิ- สีคิ้ว ทางออกไปยัง กทม. เลยปั้ม ปตท.ประมาณ 500 เมตร โดยจำหน่ายอินทผาลัมสดจากสวนของตนในราคากิโลละ 200 บาทเท่านั้น รวมทั้งสินค้าทางการเกษตรอื่น ๆ ตามฤดูกาลด้วย มีผลผลิตทางการเกษตร ไร่แม่ถวิล อินทผาลัม สดจากสวนระดับพรีเมี่ยม ราคาถูกสุด ๆ ราคาต้นทุนได้ทุกวัน และสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งจองได้ที่ คุณโจ เบอร์โทรศัพท์ 06 3929 9223 หรือ เฟซบุ๊ก “คุณโจ มาทน” https://www.facebook.com/jo.mathon ระยะทางห่างจากตัวอำเภอหนองบัวระเหว ประมาณ 14 กม. รับรองไม่ผิดหวัง

นครนายก - มูลนิธิวังรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราชราชา (หลวงพี่ต่อ) มอบบ้านนาคาปันสุขหลังที่ 5 ให้ผู้ป่วยพิการทางสมอง

มูลนิธิรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราชราชา พระครูปิยรัตนานุกุล(หลวงพี่ต่อ)รองเจ้าอาวาสวัดมณีวงศ์ ตำบลดงละคร มอบบ้านนาคาปันสุขหลังที่ 5 ให้กับผู้ป่วยพิการทางสมอง ที่บ้านดงละคร หมู่ที่ 6 ตำบลดงละคร อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก มูลนิธิรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราชราชา โดยพระครูปิยรัตนานุกุล หรือ(หลวงพี่ต่อ) รองเจ้าอาวาสวัดมณีวงศ์ วัดดงละคร ร่วมกับ นายเกียรติศักดิ์ ชูเกียรติศิริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงละคร,นางสาว ณัชญสนัน เติมวิทยาพานิช ผู้ใหญ่บ้านหมุ่ที่ 6 ตำบลดงละคร ,ผู้นำชุมชน,, อ.ส.ม.ดงละคร และประชาชน

ร่วมในพิธีมอบบ้านนาคาปันสุข เป็นบ้านพักอาศัยหลังที่ 5 ให้กับคุณลุงบุญช่วย เจริญสุข อายุ 71 ผู้ป่วยพิการทางสอง โดยจากเดิมพักอาศัยที่เป็นบ้านไม้หลังเก่าที่ผุพังอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีไฟฟ้าและน้ำใช้ ต้องนอนเปลญวนอยู่ใต้ถุนบ้านเนื่องจากด้านบนบ้านผุพังทั้งหลังและเมื่อฝนตกหลังคารั่วนอนพักอาศัยไม่ได้ ในวันนี้ได้มีการทำพิธีมอบบ้านนาคาปันสุข เป็นบ้านชั้นเดียวที่มีเนื้อที่ 50 ตารางวา บ้านมีความกว้าง 6 เมตรความยาว 8 เมตร โดยใช้งบประมาณสร้างบ้านจำนวน 210,000 บาท ที่ได้รับบริจาคมาจากญาติโยม และนำสิ่งของเครื่องใช้มาให้กับคุณลุงบุญช่วย เจริญสุข อีกด้วย

สืบเนื่องจากมูลนิธิรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราชราชา โดยพระครูปิยรัตนนุกุล หลวงพี่ต่อ รองเจ้าอาวาสวัดมณีวงศ์ วัดดงละคร ได้จัดทำเป็นมูลนิธิฯ โครงการปลูกบ้านนาคาปันสุขให้กับผู้ป่วยพิการทางสมอง, ผู้ป่วยติดเตียง,ผู้ป่วยพิการ,ผู้ป่วยวัยชรา,และช่วยเหลือสังคมกิจกรรมต่าง โดยได้ประสานผู้นำชุมชนในแต่ละหมู่บ้านคัดสรรผู้ป่วย,ผู้ยากไร้ในแต่ละหมู่บ้านเพื่อทำการช่วยเหลือ โดยได้รับการสนับสนุนจากญาติโยมผู้ใจบุญบริจาคเข้ามูลนิธิฯ และจะได้นำเงินที่ได้รับบริจาคไปช่วยเหลือสังคมต่อไป

(สัมภาษณ์ นางสาวณัชญสนัน เติมวิทยาพานิช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.ดงละคร)


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

จับ !! โอปป้าเกาหลี ซุกของกลาง 'ยาไอซ์' ในอุปกรณ์เมาส์ ส่งผ่าน GRAB ขายให้ลูกค้าคนไทย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล,พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1  นำโดย พ.ต.อ.กีรติศักดิ์  ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.ท.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 พ.ต.ท.ทรงพันธุ์ กุลดิลก, พ.ต.ท.ปัฐน์ แสนอินอำนาจ สว.กก.สส.บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ร่วมกันจับกุม

1) .MR.NAM หรือ นายนาม อายุ 37 ปี สัญชาติเกาหลี

2) .MR.SHIN หรือ อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลี

3) .นางสาวต้อง อายุ 22 ปี สัญชาติไทย

4) .นางสาวณัช อายุ 22 ปี สัญชาติไทย

พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีชาวต่างชาติสัญชาติเกาหลี จะทำการซื้อขายยาเสพติดที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ  จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ไว้โดยรอบบริเวณ จนกระทั่งพบ MR.NAM ซึ่งมีลักษณะรูปร่างและเครื่องแต่งกายคล้ายกันกับที่สายลับได้แจ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจสอบ ขณะเจ้าหน้าที่แสดงตัว MR.NAM ได้พยายามขัดขืนเพื่อจะหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้จึงทำการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ผลการตรวจสอบพบ ยาไอซ์ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิด-ปิดได้ จำนวน 1 ถุง ใส่อยู่ในกล่องเมาส์คอมพิวเตอร์ ภายในกระเป๋าสะพายตัวที่ MR.NAM สะพายอยู่ และจากการตรวจสอบเมาส์ฯ ที่ใส่อยู่ในกล่องเมาส์ฯ ภายในกระเป๋าสะพายตัวที่ MR.NAM สะพายอยู่ พบยาไอซ์ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ถุงพลาสติกใสแบบรูดเปิด-ปิดได้ และพันด้วยเทปกาวสีแดง จำนวน 3 ถุง จากการสอบปากคำ MR.NAM ให้การเพิ่มเติมว่ายังมียาเสพติดอีกจำนวนหนึ่งอยู่ภายในห้องพักของตน เจ้าหน้าที่จึงนำ MR.NAM ไปทำการตรวจค้นภายในห้องพักแห่งหนึ่งใน แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ตามที่ MR.NAM ให้ข้อมูล ผลการตรวจค้นภายในห้องพักดังกล่าวพบ

น.ส.ต้อง และ น.ส.ณัช (นามสมมุติ) สัญชาติไทย ซึ่งบุคคลทั้งสอง ให้การว่าเข้ามาพักในห้องดังกล่าวเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมาพร้อมกัน เพื่อซื้อยาเสพติดต่อจาก MR.NAM เพื่อเสพด้วยกัน นอกจากนั้นขณะที่เจ้าหน้าที่ฯทำการตรวจค้นห้องพักอยู่นั้น ได้มี MR.SHIN เปิดประตูห้องเข้ามา เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการตรวจสอบและสอบถาม MR. SHIN ซึ่งได้ให้การว่าพักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวร่วมกับ MR.NAM เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว MR.NAM และ MR.SHIN ยอมรับว่ายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบภายในห้องดังกล่าว ทั้งสองคนเป็นผู้ซื้อมาจากผู้ค้าหลายราย และตนจะทำการจำหน่ายต่อไปยังลูกค้าโดยวิธีการซุกซ่อนไว้ภายในเมาส์ฯ คอมพิวเตอร์ และเรียกใช้บริการขนส่งพัสดุบริษัท GRAB ในการส่ง โดยจะถ่ายรูปพัสดุและคนขับของบริษัท GRAB ส่งให้กับลูกค้าดูก่อน จากนั้นจะให้ลูกค้าจะจ่ายเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ของ น.ส.สา (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นแฟนสาวของ MR.NAM โดยยาเสพติดส่วนหนึ่ง MR.NAM และ MR.SHIN จะเก็บไว้เพื่อเสพเอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของกลุ่มเครือข่ายการ ซื้อ-ขาย ยาเสพติด กก.สส.บก.ตม.1 อยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการต่อไป

โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ยาคีตามีน) ไว้เพื่อขายอันเป็นการขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ผู้ถูกจับที่ 3 “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ผู้ถูกจับที่ 4 “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

พร้อมด้วยของกลาง

1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมตแอมเฟตามีน) รวม 16.88 กรัม

2.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ยาคีตามีน) รวม 1.57 กรัม

3.ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) รวม 37 กรัม

4.เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล จำนวน 1 เครื่อง

5.สมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชื่อบัญชี น.ส.สา เลขที่บัญชี xxxxx

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

อุบลราชธานี - แท็กซี่อุบลฯ นำรถแท็กซี่ เป็นแกลลอรี่เทียนพรรษาเคลื่อนที่ "คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม" หวังสร้างการรับรู้เพิ่ม ช่วงเทศกาลเข้าพรรษานับเป็นครั้งแรก

นายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานที่ปรึกษาสภาหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทแท็กซี่สหการอุบลฯ นำรถแท็กซี่จำนวนมาก มาทำเป็น Gallery เทียนพรรษาสวยงามเคลื่อนที่ พร้อมข้อความป้ายซีทรูกระจกด้านหลังระบุ คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม การมีส่วนร่วมของรถแท็กซี่ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป 

โดยได้ดำเนินการเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ แท็กซี่อุบล ได้พร้อมใจกันทำสติกเกอร์ Gallery เทียนพรรษา ติดไว้ที่ประตูรถด้านหลังซ้าย-ขวา รวมทั้งกระจกด้านหลังแท็กซี่โดยเขียนข้อความในป้ายซีทรูว่า “คนอุบล ทำเทียนบูชาธรรม" ทั้งนี้เพื่อ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ ต้นเทียนพรรษาอุบล ผ่านรถแท็กซี่ ซึ่งป้ายสติกเกอร์ดังกล่าว จะทำให้ผู้โดยสารรถแท็กซี่หรือนักท่องเที่ยว มาใช้บริการรถแท็กซี่ได้รับรู้ถึงต้นเทียนพรรษาที่สวยงามและการมีส่วนร่วมภาคภูมิใจ ในงานเทศกาลเทียนพรรษาอุบลราชธานีช่วงเทศกาลเข้าพรรษา

คาดว่าสติกเกอร์ดังกล่าว จะอยู่นานมากกว่า 3 เดือนแน่นอน เป็นความภาคภูมิใจและการมีส่วนร่วมของแท็กซี่อุบลราชธานี ที่พร้อมใจกันทำสติกเกอร์ติดบนรถแท็กซี่ โดยสมัครใจและไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว  เอกชัย โปธา รายงาน

ตราด - หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 ฝึกเตรียมความพร้อมรับ-ส่ง ผู้ป่วยโควิด 19 ทางเรือ จากเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ จว.ตราด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ในปัจจุบัน พบว่ามีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายเป็นจำนวนมาก ทางหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 จึงมีแนวทางการปฏิบัติกรณีเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID 19 ทางทะเล เพื่อนำตัวผู้ป่วยจากหมู่เกาะต่าง ๆ ส่งเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้มอบหมายให้ นาวาเอก เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาค 1/ผู้บังคับหมวดเรือตระเวนชายแดน ฝึกเตรียมความพร้อมในการรับ–ส่ง ผู้ป่วยโควิด-19 ทางเรือ จากหมู่เกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ จว.ตราด เพื่อทบทวนหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง และสรุปปัญหาข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น พร้อมหาแนวทางแก้ไข โดยเป็นการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกเรือ เพื่อขนย้ายผู้ป่วยจากหมู่เกาะต่าง ๆ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล การตรวจสอบข้อมูลเพื่อเข้ารับการรักษา การนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วยทุกขั้นตอน รวมทั้งขั้นตอนการถอดชุดอุปกรณ์ป้องกันตนเอง (PPE) ของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ ที่ร่วมปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้แก่ตนเอง และประชาชนในพื้นที่

ในการนี้ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เน้นย้ำกำลังพลให้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชม. และคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยเป็นสำคัญ พิจารณาอาการและสภาพแวดล้อม หากมีแนวโน้มที่จะปฎิบัติภารกิจสำเร็จก็ขอให้ดำเนินการทันที


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือนทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี

ชุมพร - "เติมกำลังใจ" นิพนธ์ เยี่ยมเจ้าหน้าที่ด่านโควิด พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายปฏิบัติงานอย่างเสียสละ เข้มแข็งตลอด 24 ชม. ย้ำ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานทุกภาคส่วนเพื่อนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้โดยเร็ว

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 28 ก.ค.64 ที่จังหวัดชุมพร นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบหน้ากากอนามัย ชุดPPE แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการควบคุมและเฝ้าระวังสถานการณ์ COVID-19 ณ จุดตรวจบ้านพละ ถนนเพชรเกษม ตำบลเขาไชยราช อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร โดยมีนายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสราวุธ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จนท.ที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมฯ และมีการปฏิบัติที่เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "จังหวัดชุมพร เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้บูรณาการทำงานร่วมกันเป็นอย่าง เกิดประสิทธิภาพ ทั้งท่านผู้ว่าฯธีระ ท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด บุคลากรที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง จนท.ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร จิตอาสา ต่าง ๆ ที่ช่วยกันทำงานอย่างเข้มแข็ง ซึ่งขณะนี้จังหวัดชุมพรยังไม่ใช่จังหวัดสีแดงที่ต้องมีการเคอร์ฟิว แต่สิ่งสำคัญคือเราทุกคนต้องไม่ประมาท รวมถึงการให้ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนพร้อมปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงได้ในที่สุด"

รมช.มท.ยังกล่าวอีกว่า "กลไกต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาสำหรับการทำงานในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลก็เร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทราบดีว่าเราต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อลดอัตราการสูญเสีย ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมีความเสียใจต่อทุกการสูญเสียที่เกิดขึ้นและต้องทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งใดที่เป็นอุปสรรคในการทำงานอีก ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยินดีจะนำปัญหาต่าง ๆ สะท้อนผ่านไปยังท่านนายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานอย่างเสียสละ เข้มแข็งตลอด 24 ชม. ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศของเราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว"

ชลบุรี - นอภ.สัตหีบ เปิดครัวสนามแบ่งปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 บางเสร่

วันนี้ 28 ก.ค.64 ที่วัดสามัคคีบรรพต ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาย กิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย นาย ชัยวัฒน์ อินอนงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่ พลเรือโท บรรจบ โพธิ์แดง อดีตผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นาย พนธกร ใคร่ครวญ รองนายกเทศนมนตรี เทศบาลเมืองสัตหีบ นาย วรฤทธิ์ จังบวร กำนันตำบลบางเสร่ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ผู้ใหญ่บ้าน และในทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันเปิดครัวสนามบางเสร่ แบ่งปันน้ำใจสู้ภัย โควิด-19 บรรเทาทุกข์ประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 10 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 โดยมี พระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์ จ่อย) เจ้าอาวาสวัด สามัคคีบรรพต สนับสนุนพื้นที่และบริเวณภายในวัด จัดตั้งโรงครัวสนาม ขึ้นในครั้งนี้

ตามที่ เทศบาลตำบลบางเสร่ ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ห้างร้านต่าง ๆ และพี่น้องประชาชนชาวบางเสร่ จัดครัวสนามบางเสร่ แบ่งปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.64 ถึง 11 ส.ค.64 รวม 15 วัน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในหลวงรัชกาลที่ 10 หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของ สมทบครัวสนาม สามารถร่วมบริจาค ได้ที่จุดบริการครัวสนาม วัดสามัคคีบรรพต ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ตั้งแต่เวลา 09.00 น.-16.00 น. ของทุกวัน เราจะผ่านวิกฤติ โควิด-19 ไปด้วยกัน


นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

รวบเครือข่ายชาวจีน Hybrid scam หลอกเงินคนร่วมชาติ ชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกพื้นที่จังหวัด ที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา,ว่าที่ พ.ต.ต.สิทธิมณ  สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม.ช่วยราชการ กก.ปอพ.บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รอง สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม. ได้ร่วมกันจับกุม

1.นายเติ้ง อายุ 32 ปี สัญชาติจีน

ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฏหมายฯ”

2.นายต้ง อายุ 36 ปี สัญชาติจีน

ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฏหมายฯ”

สืบเนื่องจาก กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายสัญชาติจีนว่าได้ถูกคนร้ายที่รู้จักกันผ่านแอพพลิเคชั่น  FACEBOOK ใช้ชื่อว่า “ZHONG” (จง) ได้เข้ามาพูดคุยเพื่อตีสนิท โดยอ้างว่าเป็นคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจที่ประเทศไทย ต่อมาได้อ้างว่าปัจจุบันได้ทำการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิตอล

โดยได้ทำการส่งข้อมูลให้ผู้เสียหายดูว่าสามารถได้รับผลประโยชน์จริง ต่อมาคนร้ายได้ทำการชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุน ซึ่งได้ส่ง URL ชื่อ https://www.cqnyys.com/app และให้ผู้เสียหายทำการสมัครและทำการโอนเงินเพื่อลงทุน โดยในช่วงแรกเมื่อผู้เสียหายลงทุนก็พบว่ามีเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบจริง และเมื่อผู้เสียหายต้องการที่จะถอนเงินออกจากระบบ ก็ถูกคนร้ายอ้างว่าจะต้องมีการโอนเงินค่าประกัน

ในการรับประกัน user จากนั้นเมื่อผู้เสียหายโอนแล้วพบว่าสามารถถอนเงินออกมาได้จากพอร์ทจริง จึงลงทุนเพิ่มไปในพอร์ทตามคำชักชวนของคนร้าย รวมมูลค่า กว่า 5.1 ล้านบาท จากนั้นเมื่อผู้เสียหายได้โอนเงินแล้วปรากฏว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ปิดไป จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกลวงและเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

ต่อมาทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้ใด จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายเติ้ง สัญชาติจีน และนายต๋ง  สัญชาติจีน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายเติ้ง ได้พักอาศัยอยู่บริเวณเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการขอหมายค้นและเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา และสืบทราบว่า นายต๋ง  พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงได้ทำการเฝ้าติดตามและทำการจับกุมได้ในที่สุด โดยจากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการสั่งการมาจาก นายเจิ้ง ที่อยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการออกหมายจับและติดตามผู้ต้องหาต่อไป ซึ่งทั้งนี้จากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้จำนวน 1.7 ล้านบาท

สตม.จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ชุมพร - บุฟเฟ่ต์ผลไม้+ทุเรียนไม่อั้น ทานได้ทั้งหมด ภายใต้มาตรฐาน ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ตามวิถีการท่องเที่ยวแนวใหม่ (New Normal Tourism)

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.30 น นายธีระ  อนันตะเสรีวิทยาผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายนักรบ ณ ถลางนายอำเภอเมืองชุมพร นางสาวญาติกา แก้วบริสุทธิ์ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานชุมพร พร้อม คณะสื่อมลชน ร่วมสังเกตการณ์กิจกรรมบุฟเฟ่ต์ผลไม้+ทุเรียนไม่อั้น ทานได้ทั้งหมด ภายใต้มาตรฐาน ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ตามวิถีการท่องเที่ยวแนวใหม่ (New Normal Tourism)  ที่สวนของนายอนัน รามพันธุ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร บ้านเลขที่ 171 หมู่ 1 ตำบลถ้ำสิงห์ อำเภอเมืองจังหวัดชุมพร ทีจัดให้มีขึ้นหลังจากโรคโควิด-19 เบาบางลง

นายอนัน รามพันธุ์ กล่าวว่า จังหวัดชุมพรเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนรักผลไม้จะต้องหลงรัก เพราะทางสวนเราเปิดให้บริการเข้าไปเยี่ยมชมในสวนได้แบบใกล้ชิด พร้อมให้ความรู้เพิ่มเติม แถมยังมีบุฟเฟ่ต์ผลไม้สำหรับคนรักผลไม้อีกด้วย ซึ่งบุฟเฟ่ต์ของทางสวนชาวจังหวัดชุมพรนั้นต้องขอบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก  เพราะทางสวนเขาจัดเป็น "โปรแกรมเที่ยวชมสวน & บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้นานาชนิด" ลูกค้าทุกคนจะได้ชมสวน วิถีชีวิตของชาวสายแล้วและยังได้เห็นการเก็บทุเรียนจากต้นให้ชมกัน และทางเราจะรวมร่วมชาวบริเวณใกล้เคียงให้มามีส่วนร่วมเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางเกษตรกรตกต่ำอีกทางด้วย โดยได้รับความสนับสนุนจาก ททท.สำนักงานชุมพร

นางสาวญาติกา แก้วบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมโรค ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  มาตรฐาน SHA มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ให้ความรู้และยกระดับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ ให้สามารถปรับปรุงสถานประกอบการให้ได้มาตรฐาน SHA จากวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมที่กล่าวมานั้น มาตรฐาน SHAสามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวภายในพื้นที่จังหวัดชุมพรให้กับนักท่องเที่ยว ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย เป็นการให้ความรู้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

นนทบุรี - ผบช.ภ.1 ปล่อยขบวน “รถยนต์นำส่งผู้ป่วยนนทบุรี เราจะผ่านวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน”

วันนี้ (วันพุธที่ 28 ก.ค.64) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ประธานฯ และ คุณนฤมล บัวรับพร ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย นายจัตุรงค์ เสริมสุข สมาชิกวุฒิสภา, พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธาน กต.ตร.จว.นนทบุรี(ภาคประชาชน) ร่วมพิธีปล่อยขบวนรถยนต์โครงการ “รถยนต์นำส่งผู้ป่วย นนทบุรี เราจะผ่านวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน”

พร้อมทั้งมอบถุงห่วงใย เป็นยา เวชภัณฑ์และเครื่องบริโภค เช่น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, ยาฟ้าทะลายโจร, ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวในสังกัดภาค 1 ทั้ง จำนวน 9 จังหวัด โดยมี พ.ต.อ.อริยะ พันธุฟัก รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.สุวัฒน์ ตันติมาสน์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1, คณะ กต.ตร.จว.นนทบุรี, ผกก.สภ.ในสังกัด ภ.จว.นนทบุรี และกำลังพลข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ภ.จว.นนทบุรี


ภาพ/ข่าว  กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

สืบ ตม.1 รวบสาวใหญ่ เอี่ยวเครือข่าย ROMANCE SCAM ฉ้อโกงทรัพย์กว่าล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล,พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง1  นำโดย พ.ต.อ.กีรติศักดิ์  ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.ท.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 พ.ต.ท.ทรงพันธุ์ กุลดิลก, พ.ต.ท.ปัฐน์ แสนอินอำนาจ สว.กก.สส.บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ร่วมกันจับกุมเครือข่าย Romance Scam ในไทย

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้รับแจ้งข้อมูลจากนางน้อย ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ว่าได้มีผู้ใช้บัญชีแอพพลิเคชั่น LINKEDIN นามว่า WANG มาขอเพิ่มเป็นเพื่อน จากนั้นได้ส่งข้อความบอกว่าตนเป็นลูกครึ่ง แคนาดา - จีน ปัจจุบันเป็นวิศวกรแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมอยู่ที่ตุรกี ต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และขอไอดีไลน์เพื่อปรึกษา โดย นาย WANG ได้พูดคุยตีสนิทถามข้อมูลส่วนตัว และบอกว่าหลังจากหมดสัญญาทำงานที่ตุรกีแล้วตนจะรีบเดินทางมาพบนางน้อยที่ประเทศไทย เมื่อพูดคุยกันได้ระยะหนึ่ง นาย WANG ได้บอกว่ามีปัญหาเรื่องงานเกี่ยวกับการสั่งซื้อเครื่องจักรจากญี่ปุ่นเข้ามาตุรกี

กล่าวคือติดตามเครื่องจักรที่สั่งไม่ได้และงานจะไม่สำเร็จถ้าไม่มีเครื่องจักรจะต้องติดคุกและเสียค่าปรับจำนวนมาก นาย WANG บอกว่าไม่สามารถโอนเงินได้ จึงได้ขอร้องให้นางน้อย ส่งอีเมล์ไปยังบริษัทขนส่งชื่อ X Shipping Service เพื่อติดตามพัสดุหมายเลข XXXYYYZZZ จากนั้นนาย WANG ติดต่อกลับมา และขอร้องให้นางน้อยทำการโอนเงินค่าภาษีศุลกากร “การนำเข้าเครื่องจักร” ดังกล่าวแทนตนไปก่อน โดยให้โอนผ่านเว็บไซต์ที่ นาย WANG ส่งลิงค์มา นางน้อยสงสัยว่าลิงค์ดังกล่าวไม่ปลอดภัย จึงได้สอบถามบริษัทขนส่งฯ ว่าสามารถโอนเงินช่องทางอื่นได้หรือไม่ โดยบริษัทขนส่งฯ ได้ตอบอีเมล์กลับมาว่ามีบัญชีธนาคารในประเทศไทย เลขที่บัญชี xxxxx ซึ่งเป็นบัญชีของนางบี โดยนางน้อยหลงเชื่อในคำพูด และได้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าว ภายหลังจากที่นางน้อยโอนเงินไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อนาย WANG ได้ จึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอกลวง

จากนั้น เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับทราบข้อมูลและพบข้อสงสัยในพฤติกรรมของ นาย WANG และความถูกต้องของเว็บไซต์บริษัทขนส่งฯ จึงได้นำชื่อและภาพถ่ายของ นาย WANG เข้าตรวจสอบระบบจัดเก็บข้อมูล Biometrics (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลของบุคคลดังกล่าว และได้ทำการตรวจสอบเว็บไซต์ที่นาย WANG ให้ใช้โอนเงิน และ บริษัทขนส่งฯ ที่นาย WANG ส่งให้นางน้อย เพื่อหาความเชื่อมโยงกัน ผลการตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์บริษัทขนส่งฯ นั้นถูกสร้างขึ้นมาเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.63 ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่นาย WANG ได้บอกกับนางน้อย ว่าได้ใช้บริการบริษัทขนส่งฯ มานานแล้ว ส่วนเว็บไซต์ที่นาย WANG ให้ใช้ในการโอนเงินเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.63 ซึ่งมีระยะเวลาไล่เลี่ยกันกับเว็บไซต์ของบริษัทขนส่งฯ และผู้จดทะเบียนเว็บไซต์ทั้งสองเว็บไซต์เป็นบุคคลเดียวกัน นอกจากนี้เวลาการโต้ตอบการสนทนาของ นาย WANG กับบริษัทขนส่งฯ ต่อนางน้อย มักจะมีเวลาสอดคล้องใกล้เคียงกันตลอด และเจ้าหน้าที่ฯ ยังได้ตรวจสอบบัญชีบัญชีธนาคาร เลขที่บัญชี xxxxx บัญชีนางบี พบว่ามีเงิน เข้า-ออก ซึ่งรวมมูลค่ากว่าล้านบาท

โดยทุกครั้งเมื่อมีการถอนเงิน จะเป็นการใช้บัตรกดเงินสดผ่านตู้กดเงินสดในประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ตรวจสอบชื่อของนางบี เจ้าของบัญชีดังกล่าว ในระบบสารสนเทศข้อมูลอาชญากรรมฯ Crime จนทราบข้อมูลจึงได้เดินทางไปพบนางบี เจ้าหน้าที่ฯ สอบถามข้อมูล โดยนางบีบอกว่าตนได้ทำการเปิดบัญชีธนาคาร เลขที่บัญชี xxxxx และได้ส่งบัตรกดเงินสด ATM ไปให้ผู้รับชื่อ MR.ANTHONIO ที่อยู่ประเทศมาเลเซีย โดยตนรู้จักกันทางแอพพลิเคชั่น SKOUT และได้พูดคุยกันมาระยะหนึ่งแล้ว โดย MR.ANTHONIO อ้างว่าบัญชีตนเองไม่สามารถรับโอนเงินจากประเทศไทยได้ จึงขอให้นางบีส่งบัตรกดเงินสดมาให้ตนเองเพื่อใช้กดเงิน เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งหาข้อกล่าวหาฐาน ร่วมกัน ฉ้อโกงทรัพย์ ในเบื้องต้นนางบีให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เห็นกับเหตุการหลอกลวงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้นำตัวนางบีไป สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ประสานฝ่ายตำรวจสากลเพื่อประสานไปยังกรมตำรวจ ประเทศมาเลเซียเพื่อดำเนินการกับ MR.ANTHONIO ต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘อุตุนิยมวิทยา’ โดยเฉพาะการพยากรณ์ลักษณะสภาพดินฟ้าอากาศ มีความสำคัญและถูกซึมซับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันของมนุษย์ทุกสาขาอาชีพ

เวลาที่ผู้เขียนสอนหนังสือในรายวิชาโลกและการเปลี่ยนแปลง มักจะถามผู้เรียนเสมอว่า พรุ่งนี้ฝนจะตกไหม หรือสัปดาห์หน้าอากาศจะร้อนหรือเย็น ซึ่งผู้เรียนต้องค้นหาคำตอบโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ตอบคำถามได้ถูกต้องและแม่นยำ และเชื่อแน่ว่าหลาย ๆ ท่าน ก่อนออกจากบ้านเพื่อจะทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการจัดงานมงคลก็ตาม นอกจากจะดูฤกษ์ ดูชัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงด้วย นั่นก็คือสภาพดินฟ้า อากาศ ในช่วงนั้น ซึ่งลักษณะสภาพอากาศที่ดีนั้น ก็กลายมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของฤกษ์ที่ดีในช่วงนั้นไปด้วย และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราไปแล้วนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การจัดงานต่าง หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปท่องเที่ยว ๆ ทั้งในประเทศ หรือต่างประเทศ 

โดยในปัจจุบันศาสตร์ที่มีความสำคัญ และเป็นสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำกิจกรรมต่าง ๆ คือ อุตุนิยมวิทยา 

อุตุนิยมวิทยา คือ วิชาที่ว่าด้วยการศึกษาลักษณะบรรยากาศของโลก เช่น การเกิดฤดูการต่าง ๆ การเกิดลม เกิดฝน เกิดพายุ เป็นต้น 

และหนึ่งในความสำคัญของอุตุนิยมวิทยา คือ การพยากรณ์อากาศ โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศของประเทศไทยที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ คือ กรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้ในแต่ละวันเรามักจะได้ยินข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับลักษณะสภาพของอากาศที่จะเกิดขึ้นในอีกวันสองวันข้างหน้า หรือในอีกอาทิตย์หนึ่ง เพื่อให้เราได้มีการเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่กำลังจะมาถึง เช่น อาจเกิดฝนตกหนัก หรือพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นต้น 

ในอดีตการพยากรณ์อากาศนั้นมักจะไม่ค่อยมีความแม่นยำมากเท่าไรนัก เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพยากรณ์อากาศ มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้การพยากรณ์อากาศมีความแม่นยำสูง และสามารถทำนายล่วงหน้าได้เป็นเวลานานขึ้น 

สำหรับวันนี้จะพูดถึงวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการพยากรณ์อากาศกันครับ ก่อนอื่นเราต้องรู้จักคำว่าพยากรณ์อากาศกันก่อน 

พยากรณ์ แปลว่า การทำนายอนาคตที่กำลังจะมาถึง คล้ายกับการที่เราไปดูหมอดู เพื่อให้ทำนายสิ่งที่จะมาถึงในวันข้างหน้ากัน แต่แตกต่างกันที่การพยากรณ์อากาศ ใช้หลักการและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ โดยเครื่องมือหลัก ๆ ที่ใช้สำหรับการพยากรณ์อากาศ ที่ทำให้เกิดความแม่นยำสูงได้แก่ การใช้ดาวเทียมในการศึกษาลักษณะการเคลื่อนที่ของอากาศช่วงนั้น เช่นการเกิดลม เกิดฝน หรืออากาศร้อน หนาว เย็น ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆ ที่จะทำให้เกิดฝน หรือทิศทางการเคลื่อนที่ของลม ซึ่งจะทำให้ร้อน หนาว เย็น ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการเคลื่อนที่ ความเร็ว 

นอกจากนั้นการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางดาวเทียมยังสามารถบอกได้ถึงลักษณะการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆในช่วงนั้น เป็นการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆฝนธรรมดา หรือเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่ของพายุได้อีกด้วย เมื่อนำมาประมวลผลโดยการใช้คอมพิวเตอร์แม่นยำสูง (Supper computer)  ทำให้รู้ระยะเวลาของการเคลื่อนที่มาถึงยังตำแหน่ง หรือภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ 

โดยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ ถูกนำมาจัดทำในรูปแบบของแผนที่อากาศ ในแผนที่อากาศ ประกอบไปด้วยลักษณะของหย่อมความดกอากาศต่ำ หรืออากาศร้อน (Low presser ) แทนด้วยสัญลักษณ์ตัว L และหย่อมความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็น (High presser) แทนด้วยสัญลักษณ์ตัว H และเมื่อเกิดพายุ ในแผนที่อากาศก็จะแสดงเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นระดับความรุนแรง และทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุ

นอกจากการใช้ดาวเทียมแล้ว ยังมีการใช้เรดาร์ตรวจอากาศ ที่สามารถตรวจจับกลุ่มของฝน และทิศทางการเคลื่อนที่และความเร็วของกลุ่มฝน ทำให้สามารถทำนายระยะเวลาที่จะเกิดลมและฝนในพื้นที่อื่น ๆ ได้ และมีการรวบรวมปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ เมื่อวางแผนการใช้น้ำหรือการทำเกษตรกรรมอีกด้วย โดยสถานีวัดปริมาณน้ำฝนจะถูกกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในระดับตำบล และมีการายงานผลเขาสู่ส่วนกลาง เพื่อรวบรวมเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกในแต่ละวัน 

นอกจากเป็นเครื่องมือสำหรับวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อุตุนิยมวิทยา ยังเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการเตือนภัยที่จะเกิดจากลักษณะดินฟ้าอากาศ อีกด้วย เช่นการเกิดพายุ การเกิดฝนตกหนัก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือแม้กระทั่งการเกิดสภาวะแห้งแล้ง และต้องยอมรับว่าการมีเครื่องมือในการเตือนภัยของอุตุนิยมวิทยา มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถลดความสูญเสีย หรือความเสียหายอันเนื่องมากจากภัยทางธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วมูลค่าของความเสียหายมักจะสูง อย่างเช่นการเกิดพายุฤดูร้อนในเขตภาคอีสาน และภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เตรียมมือในการรับพายุที่จะมาถึง ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ความเสียหายที่เกิดจากพายุลดลงพอสมควรเนื่องจากมีการเตรียมรับมือไว้ 

จากที่กล่าวมาข้างต้น อุตุนิยมวิทยา โดยเฉพาะการพยากรณ์ลักษณะสภาพดินฟ้าอากาศที่จะเกิดขึ้น จึงมีความสำคัญและถูกซึมซับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันของมนุษย์ทุกสาขาอาชีพไปแล้ว นั่นเอง


เขียนโดย: ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา ประธานสาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

สตูล แถลงข่าวจับยาไอซ์ มูลค่าประมาณ 6,000,000 บาท

(28 ก.ค.2564)​ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล,​ พ.ต.อ.สมชาย ศรีศรยุทธ์ รอง ผบก.ตชด.ภาค 4,​ พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436,​ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436 สนธิกำลังกับตำรวจน้ำสตูล,​ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล,กอ.รมน.จังหวัดสตูล,​ ชุด ชปข.ร้อย ตชด.436, ตร.น้ำ สตูล,​ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล,​ ตำรวจตม.สตูล​ เข้าจับกุมผู้กระทำความผิด พรบ. ยาเสพติด

หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีชายอายุประมาณ 30​ ถึง​ 35 ปี รูปร่างท้วมผิวดำแดงสูงประมาณ 160 -165 ซม. ซึ่งขับเรือปั่นไฟ ชื่อก.นิยมสิน19 ออกเรือหาปลาบริเวณร่องน้ำระหว่างเกาะตะรุเตากับเกาะราวี น่าจะมียาเสพติดยา​ (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่​ จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยด่วนๆ

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้เดินทางเข้าตรวจสอบเรือดังกล่าว​ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุมวางแผนที่กองร้อยตชด 436 ในการเข้าทำการตรวจค้นจับกุมและได้ประสานกับตำรวจน้ำจังหวัดสตูล​ เพื่อขอสนับสนุนเรือตรวจการณ์ 521 ของทางตำรวจน้ำเพื่อเข้าทำการตรวจสอบในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เจอเรือปั่นไฟชื่อ​ ก.นิยมสิน19 ลอยลำอยู่บริเวณร่องน้ำเกาะแกวใหญ่หมู่ 2 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

จึงได้นำเรือเข้าเทียบเพื่อขอทำการตรวจสอบพบชายวัยรุ่น 1 คนนั่งอยู่บริเวณท้ายเรือดังกล่าว ลักษณะตรงตามที่สายรับแจ้งไว้เมื่อชายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงอาการมีพิรุธ ลุกลี้ลุกลน​ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบถามชื่อของชายวัยรุ่นคนดังกล่าวทราบชื่อนายจเร หรือตี๋ แห่ชู อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 1 ตำบลเกตรี อำเภอเมือง จังหวัดสตูลเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอทำการตรวจค้นตัวและเรือผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด​ (ยาไอซ์) จำนวน 3 กระสอบซุกซ่อนอยู่ในห้องเครื่องบริเวณหัวเรือปั่นไฟ ชื่อ​ ก.นิยมสิน19 ทั้งหมดจำนวน 29 ก้อนและบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกจำนวน 2 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 30 กิโลกรัมมูลค่ายาไอซ์ประมาณ 6,000,000 บาท​ ตรวจพร้อมทั้งยึดเรือจำนวน 1 ลำ ราคาประมาณ  4,000,000  บาท

ผู้ถูกจับกุมให้การรับสารภาพว่ายาดังกล่าวเป็นของตนจริงเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ผู้ถูกจับกุมได้ออกเรือปั่นไฟไปทางทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะเพื่อหาปลาและเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 9.00 น ได้สังเกตเห็นกระสอบสีขาวจำนวน 5 กระสอบลอยตามกระแสน้ำำ​ จากนั้นจึงเดินเรือไปเพื่อเก็บกระสอบดังกล่าวและได้เปิดดูภายในพบยาเสพติด​ (ยาไอซ์)  ซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบ​ จากนั้นได้นำกระสอบดังกล่าวมาเก็บไว้ภายในห้องเครื่องบริเวณหัวเรือเพื่อนำมาไว้เสพ จนมาถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ผู้ถูกจับกุมให้การยอมรับตลอดข้อกล่าวหา 

ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 25564 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำร่วมกับหน่วยต่างๆ​ ได้ตรวจยึดยาไอซ์จำนวน 391 กิโลกรัม เฮโรอีน ประมาณ 390 กิโลกรัม ซึ่งยาไอซ์มีบรรจุหีบห่อ สีแดง สีเขียวอ่อนและสีเขียว มีตัวอักษรภาษาจีนบรรจุอยู่ในตะกร้าผลไม้คลองกุ้ง ตำบลตำมะลังอำเภอเมืองจังหวัดสตูล

จากการสอบถามผู้ถูกจับกุมเบื้องต้นลักษณะห่อยาไอซ์ที่จับกุมมีลักษณะเป็นถุงชาสีเขียวมีตัวอักษรภาษาจีน​ ซึ่งเหมือนกับยาไอซ์ที่มีการตรวจยึดที่ตำมะลัง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้สืบสวนเพื่อติดตามผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

 

ปทุมธานี - บิ๊กแจ็ส มอบถุงรอดชีพ 4,000 ชุด ให้สสจ.ส่งต่อผู้ป่วยโควิดที่กักตัวที่บ้าน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564  ที่อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงาน อบจ.ปทุมธานี มอบถุงรอดชีพ จำนวน 4,000 ชุด แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี โดยมี นายจรูญศักดิ์  สิงหเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และ นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปส่งมอบให้ประชาชนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เข้ารับการรักษาโดยกระบวนการกักตัวที่บ้าน (home isolation)

ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นรวมถึงมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้นมาก จากสถิติพบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 18,311 ราย มีผู้ที่รักษาหายแล้วจำนวน 8,617 ราย อยู่ระหว่างการรักษา จำนวน 9,371 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 154 ราย ซึ่งการดูแลรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มสีประกอบด้วย กลุ่มสีแดง มีอาการรุนแรกและหนักมาก หายใจลำบากจะดูแลรักษาภายในโรงพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง มีอาการปานกลาง เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว จะต่องดูแลที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนกลุ่มสีเขียวมีอาการเล็กน้อย จะกักกันตัวอยู่ที่บ้าน หรือดูแลภายในศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลโควิดชุมชน) ที่อปท.ในพื้นที่จัดตั้งขึ้น โดยสนับสนุน อาหารและยาสมุนไพร

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า อบจ.ปทุมธานีได้จัดถุงรอดชีพจำนวน 4,000 ชุด จะมี ของจำเป็นสำหรับผู้ป่วย เช่นข้าวสาร อาหาร เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และแมส ซึ่งชุดแรก อบจ.ได้เตรียมไว้จำนวน 500 ชุด จากยอด4,000ชุดทยอยส่งให้พี่น้องประชาชน ได้นำไปใช้ ให้ถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยชุดแรกจะนำไปมอบให้ผู้ที่กักตัวที่บ้านในพื้นที่อำเภอคลองหลวง

ส่วน นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในชุดแรกทาง สสจ.จะส่งมอบให้ผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านในพื้นที่อำเภอคลวงหลวง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนผู้ป่วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแล พร้อมกับนำถุงรอดชีพของทาง อบจ.ปทุมธานีได้จัดไว้ไปมอบให้ ในส่วนของศูนย์พักคอยหรือโรงพยาบาลสนามโควิดชุมชน ที่ได้ทยอยเปิดเพื่อรองรับดุแลผู้ป่วยโควิด เบื้องต้นได้เปิดแล้วกว่า 10 แห่ง ทั้ง 7 อำเภอ


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top