Wednesday, 9 July 2025
SPECIAL

ปราบเซียนกับ “ความเครียด” ในสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 แบบฉบับรับมือง่าย ๆ

ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและทุกคนล้วนมีความเครียดและความกังวลใจ ทั้งเรื่องของการแพร่ระบาดอย่างเป็นวงกว้าง ปัญหาเศรษฐกิจภาคครัวเรือน และปัญหาสุขภาพอันเกิดจากความเครียดสะสม ดังนั้น หากสามารถจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้นได้ ย่อมทำให้รับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ด้วยความเข้าใจ 

ความเครียดเป็นภาวะที่แสดงออกมาเมื่อถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม สังคม ภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากจิตใจ รวมถึงสภาพร่างกาย ความเครียดแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้

ความเครียดระดับต่ำ เป็นความเครียดที่ไม่คุกคามต่อการดําเนินชีวิต อาจมีความรู้สึกเพียงแค่เบื่อหน่าย ขาดแรงกระตุ้น และมีพฤติกรรมที่เชื่องช้าลง

ความเครียดระดับปานกลาง เป็นความเครียดในระดับปกติที่ไม่ก่ออันตรายและไม่แสดงออกถึงความเครียดที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติได้เองจากการได้ทํากิจกรรมที่ชื่นชอบ ซึ่งช่วยคลายเครียดได้

ความเครียดระดับสูง เป็นความเครียดที่เกิดจากเหตุการณ์รุนแรง หากปรับตัวไม่ได้จะทําให้เกิดความผิดปกติตามมา ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย หงุดหงิด พฤติกรรมการนอนและการรับประทานอาหารเปลี่ยนไป จนมีผลต่อการดําเนินชีวิต จึงควรหาใครสักคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรับฟังปัญหาและระบายความรู้สึก รวมถึงมีผู้ให้คําปรึกษาอย่างใกล้ชิด

ความเครียดระดับรุนแรง เป็นความเครียดระดับสูงและเรื้อรังต่อเนื่องจนทําให้มีความล้มเหลวในการปรับตัวและก่อให้เกิดความผิดปกติและเกิดโรคต่าง ๆ ที่รุนแรง เช่น อารมณ์แปรปรวน มีอาการทางจิต มีความบกพร่องในการดําเนินชีวิตประจําวัน ซึ่งอาจมีอาการนานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปี ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์

>> ความเครียดเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์

ความเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้นเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยให้มนุษย์เตรียมตัว วางแผนและรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าไม่รู้สึกเครียด ไม่กลัวติดเชื้อ ไม่สนใจว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่สนใจประกาศจากรัฐบาล อาจนำพาไปสู่ความเสี่ยงมากมายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังนั้นความเครียด ความกังวล ความกลัวและตื่นตระหนกเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ทุกคนขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม มีการวางแผน และเตรียมการอย่างถูกวิธี

>> สัญญาณของความเครียดในสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 

กลัวการติดเชื้อ อาจเกิดความรู้สึกหวาดระแวงคนรอบข้าง คนใกล้ตัว แม้แต่คนที่ดูปกติที่สุด แข็งแรงร่าเริงดีก็สามารถกลายเป็นผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการและแพร่เชื้อได้โดยง่าย ต้องระแวงแม้แต่ตัวเอง พอมีอาการตัวรุม ๆ หรือคัดจมูกก็เริ่มวิตกจริตว่าควรไปตรวจหาเชื้อหรือไม่

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงรายวัน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น นโยบายรัฐบาลปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เกือบทุกวัน วันนี้อาจไปทำงานปกติ วันรุ่งขึ้นที่ทำงานอาจถูกปิด 

กังวลกับทุกเรื่อง นอกจากกลัวติดเชื้อ COVID-19 ยังมีความกังวลในเรื่องต่าง ๆ เช่น ตกงาน ภาวะเศรษฐกิจ การปรับลดจำนวนพนักงาน การปิดโรงเรียน ความไม่เพียงพอของวัคซีน เป็นต้น ทำให้เกิดความกังวลในการใช้ชีวิต ความเครียดจากการติดตามข่าวรายวันอาจสะสมโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อไร บางคนพยากรณ์ว่าการระบาดนี้จะยาวนานถึงปีหน้า เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอีกยาว ปัจจุบันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์จะแย่ลงอีกหรือไม่ เราเดินทางมาถึงจุดสูงสุดของการระบาดหรือยัง แม้จะมีนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตามรายงานของภาครัฐอย่างเคร่งครัด การแพร่ระบาดก็ยังน่าจะไม่ยุติในระยะเวลาอันใกล้

>> การรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 อย่างเข้าใจ

สุขภาพร่างกาย

ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้หลายออฟฟิศปรับเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work From Home คือ สามารถทำงานหรือประชุมผ่านโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์จากที่ใดก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ได้แก่

รับประทานอาหารให้ตรงเวลา หรือ เริ่มต้นทำอาหารง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช่น หุงข้าว ทอดไข่ เป็นต้น หรือจะสั่งอาหารเดลิเวอรี่บ้างก็ได้ แต่พยายามเลือกชนิดอาหารที่มีความหลากหลายและมีประโยชน์

หมั่นเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ แม้จะ Work From Home ก็ควรตื่นแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัว ออกกำลังกายตามยูทูปแทนการไปฟิตเนส ทำงานบ้าน ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้ เดินขึ้นลงบันได ทำท่ากายบริหารง่าย ๆ เป็นต้น

พักสายตาเมื่อใช้สายตาต่อเนื่องนานเกิน 1 ชั่วโมงด้วยการหลับตาสักครู่และมองออกไปยังพื้นที่สีเขียวรอบตัว

ปฏิบัติตามนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส

นอนหลับให้เพียงพอวันละ 7 ชั่วโมง ปิดโทรศัพท์และปิดเสียงเตือนก่อนเข้านอน พยายามผ่อนคลาย สังเกตลมหายใจเข้าและออกก่อนนอน หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

สุขภาพจิตใจ

ด้วยภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้เกิดภาวะจิตตก หมดหวัง นำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เช่น การทำร้ายตัวเอง การฆ่าตัวตาย ภาวะซึมเศร้า การลาออกจากงาน การทะเลาะกับคนใกล้ชิด การกระทบกระทั่งกันในหมู่เพื่อน เป็นต้น อารมณ์ที่ไม่ปกติเหล่านี้สามารถทำให้ตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ โดยความไม่รอบคอบ ซึ่งคำแนะนำเบื้องต้น ได้แก่

ปรับทัศนคติ เมื่อเกิดความเครียดหรือความไม่พอใจ อย่าตำหนิตัวเอง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เชื่อว่าทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างดีที่สุด ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการให้กำลังใจกัน ติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น ลดการเสพโซเชียลมีเดีย ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ระมัดระวังข่าวปลอม 

หมั่นสังเกตตัวเอง ทุกครั้งที่มีความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น ต้องมีสติรู้สึกตัว ลองใช้เวลาวันละ 5 นาที สำรวจตัวเองทบทวนความคิด ความรู้สึก หรือการตอบสนองทางร่างกาย

เชื่อมต่อกับผู้คน แม้จะเจอเพื่อนฝูงหรือผู้คนเหมือนก่อนไม่ได้ แต่ยังสามารถเชื่อมต่อ พูดคุยกันได้ โดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อถึงกัน เช่น วีดีโอคอลหรือโทรศัพท์ เพราะการแยกตัวโดดเดี่ยวอาจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น

ทำงานอดิเรกที่ชอบ ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น วาดรูป ทำอาหาร ฟังเพลง เล่นดนตรี ต่อจิ๊กซอว์ ทำงานประดิษฐ์ ฝึกโยคะ เป็นต้น

กลิ่นบำบัด (Aromatherapy) ขณะนั่งจิบกาแฟยามเช้าและไม่ต้องเปิดดูข่าว ไม่ต้องคุยกันเรื่อง Covid-19 ลองสูดดมกลิ่นกาแฟหอม ๆ รับรู้สัมผัสของอุณหภูมิอุ่น ๆ หรือ ขณะอาบน้ำลองสังเกตอุณภูมิของน้ำ รับรู้กลิ่นหอมของแชมพูหรือครีมอาบน้ำ ลองฝึกจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน หยุดความคิดทั้งหมดและโฟกัสอยู่กับกลิ่นและอุณหภูมิของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว

สุขภาพทางการเงิน

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน ดังนั้นควรรีบวางแผนการใช้เงินให้รัดกุมมากขึ้นด้วยวิธีการเหล่านี้

ลดการใช้จ่ายเกินตัว ซื้อของเฉพาะที่จำเป็นหรืออดทนรอจนกว่าจะเก็บเงินได้ครบก่อนจึงค่อยซื้อ รวมทั้งลดรายจ่ายที่สามารถประหยัดได้ เช่น ค่ากินบุฟเฟ่ต์ ค่าฟิตเนส เป็นต้น

ออมเงินและแบ่งเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ ออกจากงาน หรือ ต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องไปกู้ยืมจากที่ไหน

เพิ่มรายได้มากกว่า 1 ทาง เช่น งานเขียนบทความ งานแปลภาษา รีวิวสินค้า เป็นต้น ลองมองหาอาชีพเสริมที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ใช้ความถนัดและความสามารถแทน

หมั่นเช็กสภาพคล่องทางการเงิน ดูรายรับ รายจ่าย ยอดหนี้ แล้วประเมินคร่าว ๆ ว่ายอดหนี้สูงเกินกว่าที่จะจ่ายได้หรือไม่

การทำงาน

แม้ในภาวะปกติ ความเครียดจากการทำงานถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีมีข้อควรปฏิบัติดังนี้

ควรเปิดกว้างและมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากยิ่งขึ้น นำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ

เลือกงานหรืออาชีพที่มั่นคงและตรงกับความสามารถของตนเอง เพราะบางงานต้องทำระยะเวลายาวนานไปจนถึงวัยเกษียณ 

หาเวลาพักผ่อนหลังการทำงาน สร้างสมดุลของงานและการใช้ชีวิต 


เอกสารอ้างอิง
อาจารย์วัฒนารี อัมมวรรธน์.(2555). กิจกรรมบำบัดเพื่อประชาชน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แสงดาว
https://www.bangkokhospital.com/content/psychiatric-guidance-on-stress-management-trading-covid-19
https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/05142014-1901
https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30321


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

INTERLINK จัดงานสัมมนา Share & Go Together ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ Fully Online @บ้านที่ปลอดภัย ผ่านระบบ Zoom

#INTERLINK (31 ก.ค. 2564)

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา Share & Go Together ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ Fully Online @บ้านที่ปลอดภัย ผ่านระบบ Zoom ในช่วงสถานการณ์ที่ต้องรักษาระยะห่าง แต่เราก็ยังคงใช้เทคโนโลยีที่เข้ามาเพิ่มศักยภาพในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้ชาว  INTERLINK ได้มาแชร์ และแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในงานขายแก่ทีม Front ทั้งหมดจากทั่วประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับงานขายอย่างทั่วถึง

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

ความรู้สึกรักกับชอบนั้นแตกต่างกันอย่างไร? ความรักบางครั้งไม่ใช่การครอบครอง แต่ความรักคือการได้ชื่นชม มองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ

เวลาที่ความรู้สึกบางอย่างของเราที่มีต่อใครบางคนก่อตัวขึ้นในใจ เคยสำรวจความรู้สึกนั้นไหมว่าเป็นความชอบ ความรัก หรือแค่ความหลงใหล หวั่นไหวเพียงชั่วครู่ มีคนมากมายออกมานิยาม ให้ความหมาย จัดหมวดหมู่ความรู้สึกว่ารู้สึกแบบไหน เรียกว่าอะไร แตกต่างและรับมือยังไง 

แต่สำหรับเราแล้ว คำตอบของการแยกแยะความรู้สึกที่ตอบโจทย์และชัดเจนที่สุด มีที่มาจากข้อความหนึ่ง ที่เราเองก็จำไม่ได้ว่าไปเจอมาจากที่ไหน อาจจะเฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ที่หลายคนแชร์ต่อๆ กันมา แต่จำได้ว่าแค่เห็นผ่านตาเพียงครั้งเดียวกลับจำได้ขึ้นใจ ข้อความนั้นเขียนว่า 

“รักกับชอบต่างกันยังไง
หากคุณชอบดอกไม้ คุณจะเด็ดมัน แต่หากคุณรักดอกไม้ คุณจะรดน้ำให้มัน”    

แค่เพียงเลื่อนผ่านก็ต้องหยุดชะงักเพื่อไล่อ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง ความหมายแฝงที่ไม่ได้บอกคำตอบตรงๆ แต่เปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของความรู้สึกได้ลึกซึ้งและกินใจที่สุด เราได้ลองไปหาที่มาของข้อความนี้จากอินเทอร์เน็ต จนได้พบกับคำพูดของนักปราชญ์ชาวอินเดียท่านหนึ่งที่มีความหมายในเชิงเดียวกัน ไม่แน่อาจดัดแปลงกันมาอีกที ข้อความนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ใจความว่า

“If you love a flower, don’t pick it up. 
Because if you pick it up it dies 
and it ceases to be what you love. 
So if you love a flower, let it be. 
Love is not about possession. 
Love is about appreciation.”

— Osho นักปราชญ์ชาวอินเดีย

ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า… 

“หากคุณรักดอกไม้ อย่าได้เด็ดมันขึ้นมา
เพราะเมื่อคุณเด็ดมันขึ้นมา มันก็จะตาย
และยุติการเป็นสิ่งที่คุณรัก
ดังนั้นหากคุณรักดอกไม้ ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น
ความรักไม่ใช่การครอบครอง
ความรักคือการชื่นชม เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น”

สิ่งที่ประโยคทั้งสองต้องการสื่อ ผ่านการตีความของเราคือ หากคุณรู้สึกชื่นชอบหรือหลงใหลในใครสักคน คุณคงรู้สึกเพียงแค่อยากจะดึงเขาหรือเธอมาครอบครองอยู่กับตัว ไม่สนว่าจะเป็นเช่นไร เพียงได้มีสิ่งนั้นไว้ข้างกาย เหมือนการเดินผ่านดอกไม้ที่ถูกใจ จนต้องขอเด็ดดอกไม้ดอกนั้นมาไว้กับตัว ซึ่งดูเป็นความคิดที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก 

ขณะที่หากคุณมีความรู้สึกรักในใครสักคนแล้ว คุณคงจะอยากเห็นเขาหรือเธอเติบโต เบ่งบาน สิ่งที่ทำได้อาจเพียงแค่เฝ้ามอง หวังดี และคอยทะนุถนอมอย่างสุดกำลัง โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองเป็นเจ้าของ เพราะความรักที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง ก็เหมือนกับการที่คุณหลงรักดอกไม้ดอกหนึ่ง สิ่งที่คุณต้องทำคืออย่าได้เด็ดมัน เพราะสุดท้ายมันก็จะเหี่ยวเฉาและตายลง สิ่งที่พอจะทำได้คือการเฝ้าดูแลรดน้ำ ใส่ปุ๋ยพรวนดิน เพื่อทำให้มันเติบโต งอกงามเป็นดอกไม้ดังเดิมที่ได้อยู่ในที่ของมัน ขอแค่ได้เฝ้ามองอยู่ไกลๆ รับรู้และมองเห็นความสวยงามและคุณค่าของมัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของดอกไม้นั้นก็ได้ 

นิยามความรักสอนใจมีอยู่มากมาย แต่สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราว่าจะเลือกหยิบไปใช้กับรูปแบบความรักของตัวเองได้ไหม บางครั้งความรักกับความชอบที่หลายคนเฝ้าค้นหานิยามอาจจะง่ายๆ แค่นี้เอง แท้จริงแล้ว ความรักไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย มันง่ายในตัวมันเอง เพียงแต่ผู้คนนั่นแหละที่ทำให้มันยาก 


เขียนโดย เพลิน ภารวี สุภามาลา Content Editor THE STUDY TIMES

เลือก ช้อป ที่ ใช่!! เลือก ใช้ ที่ ชอบ!! Click on Goods @THESHOPSTIMES

ปุกาศๆ อัปเดตๆ

ช่วงนี้ทางเพจ THESTATESTIMES (TST) มีการนำเสนอกลุ่มคอนเทนต์เอาใจสายช้อปปิ้งออนไลน์มาแทรกให้กับท่านผู้อ่านเป็นระยะ ๆ ผ่านช่องทางที่ใช้ชื่อว่า ‘THE SHOPS TIMES’

เหตุผลสำคัญที่จะมีการเสริมคอนเทนต์แนวนี้เพิ่มเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าช่วงนี้หลากหลายธุรกิจกำลังเจอปัญหายอดขายหาย รายได้หด กันหนักพอควร แม้จะมีการนำเสนอสินค้าและบริการกันอย่างหนักหน่วง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าได้เกิดการรับรู้ก็ตาม

ประจวบเหมาะกับเพจของ TST ก็เปิดมาได้ระยะหนึ่ง และก็เริ่มมีจำนวนลูกเพจเพิ่มขึ้นไปตามเวลา พร้อม ๆ กับกลุ่มธุรกิจสินค้าและบริการที่อยากจะให้ช่วยนำเสนอมาเป็นระยะ (ระยะหลังเริ่มเยอะ) ไอเดียนี้เลยบรรเจิด

ว่าแล้วในมุมของทีมงาน ก็เลยมานั่งเขย่าเหล่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เวียนผ่านสายตาเข้ามา พบว่าหลาย ๆ กลุ่มสินค้าก็มีความน่าสนใจและน่านำเสนอผ่านช่องทาง THE SHOPS TIMES เพื่อช่วยกระจายการรับรู้ให้แก่ธุรกิจต่าง ๆ ในช่วงนี้ไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้น

อ้อ!! นอกจากนี้ เพื่อให้ THE SHOPS TIMES by TST ไม่เป็นเพียงแค่คอนเทนต์เหงา ๆ ที่ใครอ่านปุ๊บแล้วเกิดคันนิ้วอยาก Click ช้อปปิ้งแบบ Real-time ทาง TST จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อการซื้อการขายแบบ Digital Media Commerce หรือจะเรียกว่าเป็นช้อปปิ้งออนไลน์แพลตฟอร์มกลาย ๆ มาให้ในตัว

สำหรับ THE SHOPS TIMES ภายใต้ไอเดีย Click on Goods จะดีลสินค้าดี โปรเด็ด มาให้แฟนคลับของ TST ได้รับทราบ พร้อมนำเสนอจุดเด่นของสินค้า ที่ทีมงานโอน้อยออกกันแล้วบอกว่าดี!!

ล้อเล่น ๆ!! ทางทีมงานจะมีการเลือกจากคุณภาพของสินค้า เทรนด์ความต้องการของตลาด และโอกาสที่เงินในกระเป๋าของผู้บริโภคที่จะถูกดึงออกไปด้วยความสมเหตุสมผลมากที่สุด

และก็อย่างที่บอก ตอนนี้เราได้มีการพัฒนาระบบการสั่งซื้อแบบครบวงจนผ่านทาง ไลน์แอด @THESHOPSTIMES ถ้าแฟนเพจชอบใจสินค้าแนวไหน ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย เดี๋ยวทีมงานเข้าไปช่วยเคลียร์ให้ (ส่วนทีมงานคนไหนพูดจาไม่ดี เดี๋ยวพี่ตบเอง)

สำหรับก่อนหน้านี้ THE SHOPS TIMES ได้ดีลกับกลุ่มสินค้าในฝันของใครหลาย ๆ คน เช่น กลุ่มรถยนต์หลากแบรนด์มาได้ระยะหนึ่ง

ล่าสุดเราได้ร่วมมือกับ ‘บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด’ นำเสนอ สินค้าประกันภัยรถยนต์ โดยสามารถแวะมาคลิกผ่านระบบสมาชิก @THESHOPTIMES ซึ่งบริหารงานภายใต้เครือข่ายระบบ MGM (Member get Member) ของบริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด กันได้โลด

เพราะเพียงสมัครเป็นสมาชิกกับเราวันนี้ ได้ทันที 4 คุ้ม (ค่าสมัคร 200 บาท)

- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

- ขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเอง

นอกจากนี้ สิ่งที่จะได้รับจากการซื้อประกันภัยผ่าน @THESHOPTIMES ยังมีแบบประกันหลากหลาย สมัครที่เดียว ขายได้เกือบทุกบริษัท โดยไม่บังคับยอดขาย ส่วนเจ้าของรถยนต์สมัครสมาชิก ซื้อใช้เองในราคาถูก เหมือนซื้อในราคาตัวแทนประกันภัย เช็กเบี้ยประกัน และเปรียบเทียบราคาได้ถึง 36 บริษัทประกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยโครงสร้างธุรกิจแบบ MGM ยังช่วยให้คุณสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองแบบไร้ขีดจำกัด จาก 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น...

- รายได้จากการขายเอง มาจากการขายให้กับคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน หรือคนรู้จัก หรือซื้อให้กับรถตัวคุณเอง

- รายได้จากค่าแนะนำ มาจากการที่คุณแนะนำ ทุกคนที่คุณรู้จัก ให้มาเป็นสมาชิกกับศรีกรุงโบรกเกอร์ บริษัทให้ค่าแนะนำกับคุณ โอนเข้าบัญชี

- รายได้จากค่าสายงาน ซึ่งมาจากคนทีมงานของคุณ ยอดขายของทีมงานคุณคือรายได้ของคุณในอัตราผลตอบแทน 3-7% โดยมีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำแนะนำ แต่จะต้องมีใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย

เรียกว่าได้ทั้งความคุ้มครอง และเป็นได้ทั้งอาชีพหลัก อาชีพเสริม อาชีพอิสระ ช่วยสร้างรายได้ไร้ขีดจำกัด เหมาะกับสถานการณ์วิกฤตที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

ที่สำคัญความเสี่ยงต่ำม้ากกกกก เพราะทุกวันนี้ธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่ยังเติบโตได้ในขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก และที่สำคัญรหัสสมาชิก ยังเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลาน นั่นหมายความว่ารายได้จากทีมงานที่คุณสร้างไว้จะตกทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไปด้วยแหละ...

เอาเป็นว่าแฟนเพจหรือเพื่อน ๆ ที่สนใจ โปรเด็ด ถูกคุ้ม อย่างสมเหตุสมผล ก็สามารถติดตามคอนเทนต์ THE SHOPS TIMES ใน THE STATES TIMES

สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก ???? https://lin.ee/vfTXud9

แล้วเราจะมีสินค้ากลุ่มอื่นมาอัปเดตเรื่อย ๆ จ้า…

นักเรียน-นักศึกษาทุกคน จะต้องตระหนักถึงผลพวงทางสังคมที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ต รวมถึงการรู้จักสิทธิและความรับผิดชอบออนไลน์

ในโลกปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราปฎิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันและสังคมของนักเรียน-นักศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เช่น Facebook Line TikTok Instagram Twitter และ Instant messaging อื่นๆ ซึ่งนักเรียน-นักศึกษานั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารหรือท่องโลกโซเชียลต่างๆ อย่างเสรีภาพได้ทุกที่และทุกเวลา จากเครื่องมือสื่อสาร สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ฯลฯ 

ซึ่งการใช้สื่อออนไลน์ดังกล่าวนั้น ทุกคนควรใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ รับผิดชอบ ปลอดภัย และควรมีจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในส่วนของจริยธรรมนี้ ครูพิมพ์จะขอหยิบยกนำมาเขียน นั่นก็คือ จริยธรรมของการใช้เทคโนโลยี โดยที่นักเรียน-นักศึกษาทุกคนจะต้องตระหนักถึงผลพวงทางสังคมที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ต รวมถึงการรู้จักสิทธิและความรับผิดชอบออนไลน์ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า นักเรียน–นักศึกษาทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในแสดงออก ในทุกๆ มิติเรื่องราวที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการพูด (Freedom of Speech) เสรีภาพการแสดงออก (Freedom of Expression) การแสดงความคิดเห็น การตั้งกระทู้ถาม-ตอบเรื่องต่างๆ การโพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊ก โพสต์รูปภาพ คลิปวีดีโอ และคอมเมนต์เพื่อตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็นของตนเองในสเตตัสของผู้อื่น ฯลฯ 

ทั้งนี้ จะต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ หรือโพสต์ต่อว่าพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย อับอาย ถูกเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง การทำให้เข้าใจผิด กลั่นแกล้ง ทำให้หวาดกลัว ข่มขู่ ประจาน รวมทั้ง การแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จส่งต่อผ่านสื่อ Social Media ต่างๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่มีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฯ รวมทั้งไม่นำเสนอสินค้าหรือผลงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ไปละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอยู่มากมายในยุคปัจจุบัน

ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียน – นักศึกษา ส่วนใหญ่ที่ครูพิมพ์พบมากที่สุด คือ การหมิ่นประมาท โดยการโพสต์ต่อว่าพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ เช่น การโพสต์ต่อว่าสถานศึกษา ต่อว่าครู-อาจารย์ ต่อว่าเพื่อนทั้งในโรงเรียนและต่างโรงเรียน รวมทั้งต่อว่าคนอื่นๆ ตามช่องทางสื่อโซเซียลต่างๆ โดยส่วนมากมักจะไม่แสดงโปรไฟล์ที่แท้จริงของตน แต่จะใช้โปรไฟล์อวตาร บางคนเรียกว่า แอคหลุม หรือ แอคเคาท์หลุม ซึ่งเป็นคำเรียกของชื่อบัญชีที่ไม่แสดงข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อบัญชีนั้น ไม่แสดงรูปโปรไฟล์ ไม่มีความหมายของชื่อแอคเค้าท์นั้นๆ ซึ่งเมื่อนักเรียน-นักศึกษา ไม่ใช้โปรไฟล์ที่แสดงตัวตนจริง จึงคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษที่สามารถโพสต์หรือคอมเมนต์ต่อว่าใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ก็ได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลินและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (กลายเป็นคำพูดที่ฮิตกันเมื่อกระทำความผิดแล้วถูกจับได้) เพราะคิดว่าไม่มีใครทราบว่าโปรไฟล์อวตารนี้เป็นใคร และคงไม่มีใครตามจับเพื่อให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบได้ 

ซึ่งการคิดและการกระทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะคะ เพราะถ้านักเรียน-นักศึกษา โพสต์ในลักษณะเชิงประจาน ดูถูก เหยียดหยามผู้อื่น หรือแสดงความคิดเห็นในเชิงคุกคาม ข่มขู่ ทำให้หวาดกลัว หรือการนำเรื่องที่ไม่จริงมาแสร้งทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้เรียกได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาททางออนไลน์ หรือคดีหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้เสียหายอาจได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เป็นเครือข่าย ขยายไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น เช่น ผู้ที่โพสต์มีเพื่อนใน Facebook จำนวนห้าพันคนและมีผู้ติดตามอีกมากมายนับไม่ถ้วน โดยที่เพื่อนอาจแชร์ไปสักสองพันคน และเพื่อนของสองพันคนนี้ ก็เห็นโพสต์ข้อความดังกล่าวและก็แชร์ต่อๆ กันโดยไม่สิ้นสุดไปเรื่อยๆ 

ทราบแล้วไช่ไหมคะว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโพสต์เพียงแค่ 1 ครั้ง คุณก็ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้เป็นวงกว้างขนาดไหน ครูพิมพ์คิดว่าการกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่น่ารักและใจร้ายมากๆ นะคะ ที่เราสามารถทำร้ายคนอื่น ให้เค้าได้รับความเสียหาย อับอาย เสียใจ ถูกเกลียดชัง ถูกเข้าใจผิด และเป็นการทำลายผู้อื่นโดยการใช้เพียงแค่ปลายนิ้วโพสต์ข้อความที่เราต้องการลงในโลกโซเชียล ยิ่งถ้าเป็นเรื่องในแง่ลบนั้น ข่าวก็ยิ่งกระจายอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ผู้ที่โพสต์ต้นเรื่องอาจจะลบข้อความที่ตนโพสต์ไปแล้วก็ตาม แต่บางคนที่อ่านอาจจะแคปไว้ได้ทันและอาจจะนำมาส่งต่อๆ หรือนำไปโพสต์ต่ออีกทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้ว ก็เป็นไปได้ 

ซึ่งผลกระทบที่ตามมานั้น ผู้ที่เสียหายอาจเกิดความอับอาย เสียใจ หนีจากสังคม อาจส่งผลกระทบต่อการงาน ต่อธุรกิจ และอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนผู้ที่โพสต์นั้นถ้ากระทำความผิดจริงก็อาจถูกดำเนินคดีทางอาญาและรับโทษทางอาญาหรือชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่ง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ โดยผู้เสียหายจะต้องรวบรวมหลักฐานและพยานต่างๆ เข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป และที่กำลังฮอตฮิตที่สุด คือ อาจต้องขอโทษผู้เสียหายด้วยเงินสดเป็นจำนวนตามที่ผู้เสียหายต้องการอีกด้วยนะคะ แล้วยิ่งถ้าเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นผู้มีชื่อเสียง เช่น ดารา ไฮโซ นักร้อง นักดนตรี นักธุรกิจ นักการเมือง หรือคนดัง ฯลฯ ความเสียหายยิ่งมาก ค่าเสียหายก็จะมากขึ้นตามไปด้วยนะคะ 

โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา การโพสต์ต่อว่าด่าทอและวิจารณ์ครูบาอาจารย์ในแง่ลบนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควรและไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะครูบาอาจารย์ เป็นผู้สั่งสอน อบรม พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์ทุกคนด้วยความรัก ความปรารถนาดี และมีเมตตาต่อศิษย์ทุกคนโดยเท่าเทียมกันและไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งปกป้องและให้อภัยทุกครั้งเมื่อศิษย์ของตนได้กระทำความผิด 

ครูพิมพ์จะขอฝากถึงศิษย์ทุกคนให้คิดและตระหนักถึงในเรื่องดังกล่าวนี้ให้มากๆ นะคะ ไม่มีครูบาอาจารย์คนใดที่ไม่รักศิษย์ของตน ไม่มีครูบาอาจารย์คนใดคิดทำร้ายทำลายศิษย์ของตน มีแต่มอบวิชาความรู้ มอบประสบการณ์ มอบความรักและความเมตตา ความปรารถนาดี ความหวังดี และอยากเห็นศิษย์ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า เติบโตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ มีคุณธรรม เป็นคนเก่งและคนดีของคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว สังคม และประเทศชาตินะคะ     

“ครูบาอาจารย์เปรียบเสมือนเรือจ้าง แต่เรือจ้างลำน้อยๆ นี่แหละ ที่จะตั้งใจคอยรับคอยส่งศิษย์ทุกคนไปให้ถึงฝั่งฝัน แม้จะเผชิญอุปสรรค์ยากลำบาก เสมือนโดนพายุพัดพาสักเพียงใด ครูพิมพ์ก็จะพยายามพายไปส่งทุกคนให้ถึงฝั่งฝันให้สำเร็จนะคะ”


เขียนโดย ครูพิมพ์ฑักษอร แสงทองไชย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ 

สุรินทร์ - มณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมจัดกิจกรรม “สุรินทร์รวมใจปันสุข แด่ผู้ประสบภัยโรคโควิค-19”

วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 มณฑลทหารบกที่ 25 โดย พลตรีสาธิต เกิดโภค ร่วมกับ จังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กองกำลังสุรนารี ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ โดย พลตำรวจตรี ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ หอการค้าจังหวัดสุรินทร์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ ร่วมจัดงาน “สุรินทร์รวมใจปันสุข”ได้จัดทำอาหารกล่อง ถุงยังชีพและน้ำดื่ม ไปมอบให้แก่พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค covid-19 ตลอดจนจะขยายพื้นที่ออกไปยังต่างอำเภอ ตลอด 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.-12 ส.ค. 64

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค จากผู้มีเมตรตาร่วมบริจาคในครั้งนี้ ให้กับตัวแทนชุมชนเพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนชนผู้ได้รับผลกระทบในชุมชน ในครั้งนี้ด้วย โดยมีส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน องค์กร มูลนิธิฯต่าง ๆ ร่วมในครั้งนี้ด้วยความรัก และสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อยามทุกคนประสบกับวิกฤติด้วยกัน คนสุรินทร์ย่อมไม่ทิ้งกัน โดยระดมเงินทุนจากผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงาน เริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาท เพื่อปันสุขให้ชาวสุรินทร์ โดยจะร่วมกันประกอบอาหารและบรรจุกล่องแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาขอรับ ณ  บริเวณหอประชุม อบจ.สุรินทร์ และจะทยอยแจกจ่ายไปยังชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

 โดยมีรถประกอบอาหารจากมณฑลทหารบกที่ 25 จำนวน 2 คัน มาร่วมประกอบอาหารเมนูเด็ดคือข้าวผัดใบกะเพราทั้งหมู ทั้งไก่ และเมนูอื่น ๆ อีกอย่างหลากหลาย ซึ่งจะ Kick Off ชุมชนแรกในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์  ตั้งแต่วันนี้( 28  กรกฎาคม 2564) เป็นต้นไป ส่วนพื้นที่อื่นจะทยอยดำเนินการไปจนถึง 12 สิงหาคม 2564  นี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฏาคม 2564 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประกอบกับเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โดยบูรณาการร่วมกับส่วนราชการและประชาชนทุกภาคส่วนในจังหวัดสุรินทร์ จัดตั้งศูนย์บรรเทาความเดือดร้อนและครัวสนาม ณ บริเวณหอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และได้เปิดรับบริจาคจากผู้ที่มีจิตเมตตาเพิ่มเติมเพื่อระดมเงินทุนช่วยเหลือชาวสุรินทร์ ในครั้งนี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

กาฬสินธุ์ - โควิดดับอีก 3 ป่วยเพิ่ม 202 ราย เร่งตั้งรพ.สนามชุมชนตำบล รองรับผู้ป่วย

สถานการณ์โรคโควิด-19ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย และพบผู้ป่วยรายใหม่ 202 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสม 2,613 ราย ขณะที่ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ สั่งเตรียมพร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบลทุกตำบลรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ขอเดินทางกลับมารักษาที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 202 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุถึง 2,613 ราย กำลังรักษาอยู่ 1,578 ราย รักษาหายแล้ว 1,021 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รายแรกเป็นเพศชาย อายุ 48 ปี ชาว อ.กุฉินารายณ์ รายที่ 2 เพศชาย อายุ 53 ปี ชาว อ.หนองกุงศรี และรายที่ 3 เพศเพศหญิง อายุ 37 ปี ชาว อ.สมเด็จ โดยทั้ง 3 ราย มีภาวะปอดอักเสบรุนแรงจากโควิด-19 และระบบหายใจล้มเหลว ซึ่งเจ้าหน้าที่และญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจตามประเพณีแบบเรียบง่าย และตามมาตรการขั้นตอน ทั้งนี้ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 14 ราย

ขณะที่นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงลงพื้นที่ดูแลความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบล (Community Isolation) หลังจากมีนโยบายให้ทุกตำบลในจังหวัดจัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเพิ่มมากขึ้น ภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน ทั้งนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข

โดยจุดแรกที่บริเวณสมอทอง รีสอร์ท เทศบาลตำบลภูดิน อ.เมืองกาฬสินธุ์  ที่ได้ปรับสถานที่จากจุดพักคอยเป็นโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบล โดยเป็นการให้บริการสาธารณาสุขแก่ผู้ป่วยโควิด-19  ที่มีอาการไม่หนัก หรืออยู่ในระดับสีเขียว และสำหรับผู้ป่วยที่รอการพักฟื้นเพื่อเฝ้าดูอาการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล ซึ่งจะมีการตรวจเช็คอาการผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เบื้องต้นสามารถรับผู้ป่วยได้เตียง 10 เตียง และอยู่ระหว่างการจัดสถานที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับให้แต่ละตำบลจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบลในทุกตำบล อย่างน้อยให้ได้ตำบลละ 20-30 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจจะมีเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่อำเภอนามน จ.กาฬสินธุ์ได้มีการยกระดับจากศูนย์พักคอย เป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 100 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วย โควิด-19 โดยนางสาวอ้อมอารีย์  ยี่วาศรี นายอำเภอนามนได้ให้ทุกตำบลเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชุมชนประจำตำบล ให้ได้ประมาณ 20-50 เตียง ซึ่ง ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ทั้งภาคเอกชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ระยอง - พ่อเมืองระยอง เปิดศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 เทศบาลตำบลมาบข่า โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 100 เตียง

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้เดินทางไปเปิดศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 อำเภอนิคมพัฒนา ซึ่งใช้อาคารหอประชุมที่ว่าการอำเภอนิคมพัฒนาจัดตั้ง ดำเนินการโดยเทศบาลตำบลมาบข่า และภาคีเครือข่าย ภาคเอกชนในพื้นที่ มีนายภิรมย์ ชุมนุม นายอำเภอนิคมพัฒนา นพ.โกมล ภู่ถาวรทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนิคมพัฒนา นายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายอาจิน อ่ำพุด นายกเทศมนตรีตำบลมาบข่า พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผกก.สภ.นิคมพัฒนา นางพิมพ์บุญญา สมุทรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอนิคมพัฒนา นายมนูญ วิวรรณ ปลัดเทศบาลตำบลมาบข่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ยังได้เป็นตัวแทนรับมอบเงินสนับสนุนศูนย์พักคอยฯ จำนวนเงินกว่า 2 แสนบาท และรับมอบเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยจากผู้ประกอบการในพื้นที่กว่า 10 ราย

สำหรับศูนย์พักคอยของอำเภอนิคมพัฒนาดังกล่าว เทศบาลตำบลมาบข่า และองค์กรภาคีเครือข่าย ภาคเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินการจัดตั้งขึ้นเพื่อรองผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลนิคมพัฒนา โดยมีเตียงจำนวน 100 เตียง


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ตำรวจเมืองช้าง จับกุมพ่อค้าไม้พะยูงและไม้ประดู่ ฝ่าสถานการณ์โควิด-19

วันที่ 28 กรกฏาคม 2564 เวลา 17.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.สืบสวน ภ.จว. สุรินทร์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท. วิชิตเวช ต๊ะผัด รอง ผกก. สืบสวน พ.ต.ต. สาโรจ ตระกูลโศภิษฐ์  สว.กก.สืบสวน ได้สั่งการให้ชุด ปทส.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม ร.ต.อ.เฉลิมพล สายรัตน์ รองสว.กก.สืบสวน ดต.ธวัช เจนรอบ ส.ต.อ.ประสาน ราษีทอง ส.ต.ต.นุชา เหล่าพุทธา ผบ.หมู่ กก.สืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมดงรัก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สร.3 จนท.ตร.ชุด ปทส. ภาค 3 และ จนท.ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ ได้ทำการตรวจสอบไม้ดังกล่าวพร้อมได้ทำการจับกุมตัว

1.นายรวย ธรรมธร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 167หมู่ 1 ต.ทุ่งสว่าง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ

2. นาง สุรวิภา สีดำ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 132 ม. 7 ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ

พร้อมของกลาง

1.ไม้ประดู่ จำนวน 16 ท่อน ปริมาตร 7.45 ลบม.

2. ไม้พะยูง จำนวน 13 ท่อน ปริมาตร 3.09 ลบม.

3. รถยนต์บรรทุกสิบล้อ เทรลเลอร์ ยี่ห้ออีชูซุ สีขาว เลขทะเบียน 82-8352 ศรีสะเกษ จำนวน 1 คัน 

ช่วงเวลา 16.00 น.จนท.ตร.สภ.พนมดงรัก ได้ตั้งจุดตรวจบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 หน้า อบต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์และเวลา 17.30 น.พบรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกไม้ผ่านมาจึงได้เรียกเพื่อทำการตรวจสอบพบว่าไม่มีเอกสารการได้มาของไม้มาแสดงต่อ จนท.จึงได้บันทึกจับกุมพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.พนมดงรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า

สุรินทร์ - พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการ ‘รถ Mobile…พาณิซย์ลดราคา!’ ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดสุรินทร์

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานปล่อยขบวนรถ โครงการรถ Mobile...พาณิซย์ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พันเอกชินวิช  เจริญพิบูลย์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมกิจกรรม และมี นายสิทธิศักดิ์  พรหมบุตร พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน  จากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ขยายระบาดโรคออกเป็นวงกว้างกระจายไปในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจบางส่วนปิดตัวลง ทำให้เกิดการว่างงาน การบริโภคครัวเรือนหยุดชะงัก เนื่องจากประชาชนเกิดความหวาดระแวงในการออกนอกพื้นที่ และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ โดยงดออกนอกเคหะสถาน และมาตรการ Work from Home

ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รองรัฐนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการ รถ Mobile...พณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณ จำนวน 161.3240 ล้านบาทจากงบประมาณเงินกู้ ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ดำเนินโครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากขึ้น  เพื่อช่วยประชาชนในพื้นที่ของทุกจังหวัด ระยะเวลาดำเนินการ 1 เดือน

สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าเกษตร/ชุมชนที่ได้รับกระทบจากโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ผ่านรถ Mobile เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนและลดค่าครองชีพ ตลอดจนเป็นการลดความเสี่ยงจากการเดินทางไป จับจ่ายสินค้าให้แก่ประชาชนในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งยังเป็นการกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกร เกิดการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 สำหรับจังหวัดสุรินทร์ มีเป้าหมาย จำนวนรถ Mobile จำนวน 12 คัน ครอบคลุมทั้ง 17 อำเภอ 159 ตำบล รวมทั้งหมด 720 จุด (คันละ 2 จุดต่อวัน) ในการนำสินค้าอุปโภคบริโภคไป จำหน่ายให้กับประชาชนในราคาประหยัดที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ประมาณ 10-40 % อาทิเช่น ไข่ไก่ น้ำมันพืช ปลากระปอง น้ำตาลทราย บะหมี่ถึงสำเร็จรูป

โดยเริ่มวิ่งไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 และจะสิ้นสุดในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 สำหรับโครงการนี้ ได้รับความ ร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชนอย่างดี โดยเฉพาะท่านนายอำเภอทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่อำนวยความสะดวกในการกำหนดจุดจำหน่าย การประชาสัมพันธ์ การจัดส่งเจ้าหน้าไปอำนวยความสะดวก และการกำกับดูแลตามมาคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสุรินทร์อย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์  แสนกล้า

อดีตพ่อค้าออนไลน์ธุรกิจเจ๊ง ผันตัวเข้าสู่ขบวนการค้ารถหรูเถื่อนสวมทะเบียน

อดีตพ่อค้าเครื่องสำอางออนไลน์ในตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้ว ธุรกิจพังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด 19 หันไปเอาดีทางด้านมืด โดยผันตัวเองเข้าไปสู่ขบวนการค้ารถหรูเถื่อน พร้อมสวมทะเบียนปลอม

ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว บุกเข้าควบคุมตัวนายธนธรณ์ กิจสมัย อายุ 39 ปี ชาวบ้านในอำเภออรัญประเทศ ขณะขับรถเก๋งยี่ห้อ มินิคูเปอร์ สีครีม-แดง ทะเบียน 1 กฌ 3332 กรุงเทพฯ จอดอยู่ภายในปั้มน้ำมัน ปตท.เพชรรัตน์ บนถนนธนะวิถี ตำบลหนองสังข์ อำเภออรัญประเทศ หลังจากตำรวจพบข้อมูลว่า นายธนธรณ์ฯ ได้ใช้รถหรูคันนี้โดยสวมทะเบียนปลอม จากการสอบสวนนายธนธรณ์ฯ ยอมรับว่า รถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ ซื้อมาในราคา 290,000 บาท จากเฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า รถหลุดจำนำจากนายทุน พร้อมทั้งทะเบียนปลอม 1 กฌ -3332 กรุงเทพฯ อีก 2 แผ่นป้าย ในราคา 2,500 บาท โดยทางเพจเฟสบุ๊กดังกล่าว จัดหามาให้ทั้งหมด

โดยนายธนธรณ์ฯ ยังยอมรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ เคยประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางค์ผ่านช่องทางออนไลน์ อยู่ภายในตลาดโรงเกลือ แต่จากสภาพเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 จึงทำให้ธุรกิจไปไม่รอด ก่อนจะหันมาจับธุรกิจ ซื้อขายรถหรูในราคาถูกก่อนจะขายต่อทำกำไร เช่นเดียวกับรถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ ซื้อมาไม่ถึง 300,000 บาท จะประกาศขายต่อในราคาๆเกือบๆ 400,000 บาท จากนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ปลอมหรือใช้เอกสารสิทธิ์หรือเอกสาราชการปลอม ก่อนถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ดำเนินคดี

ขณะที่ตำรวจชุดจับกุม ให้ข้อมูลว่า รถเก๋งมินิคูเปอร์คันนี้ เป็นรถหลบหนีไฟแนนซ์มา โดยผู้ต้องหาใช้อยู่ในเขตอำเภออรัญประเทศ ก่อนเจ้าหน้าที่จะพบพิรุธจากรถคันนี้หลายจุด และเมื่อตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ปรากฏว่า ทั้งเลขตัวถังรถ แผ่นป้ายทะเบียน พบว่าข้อมูลไม่ตรงกัน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังพบอีกว่า ทะเบียน 1 กฌ 3332 กรุงเทพฯ ได้มีการใช้เลขทะเบียนนี้ ที่กรุงเทพฯ 1 คัน ภาคอีสาน 1 คันและจังหวัดสระแก้ว 1 คัน โดยผู้ต้องหาคนนี้ ยอมรับ หลังเลิกจากธุรกิจค้าเครื่องสำอางออนไลน์ ได้หันไปเข้าสู่ขบวนการซื้อขายรถหรูราคาถูก ลักษณะซื้อถูกขายแพง โดยอาศัยส่วนต่าง เพื่อให้อยู่ได้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้


ภาพ/ข่าว  สมสัณห์ เอี่ยมศิลป์ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

เพชรบูรณ์ - “เหมืองทองอัครา” มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในเพชรบูรณ์ เพื่อร่วมฝ่าวิกฤติ COVID-19

เพื่อให้การบริหารจัดการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ในจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์  และสำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัด จึงเร่งลงพื้นที่ตรวจเชิกรุก เตรียมความพร้อมของสถานที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการรักษา พร้อมทั้งให้กำลังใจบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนักรบด่านหน้าในการก้าวผ่านวิกฤกติโควิดครั้งนี้

ในโอกาสนี้ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ขอเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่า 150,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลวังโป่งและโรงพยาบาลชนแดน เพื่อให้นักรบด่านหน้าของเรามีอุปกรณ์เพียงพอในการต่อสู้กับโควิด โดยได้รับเกียรติจากนายสมศักดิ์ เกี้ยวเกิด นายอำเภอวังโป่ง นายนาวิน สังฆมาตร นายอำเภอชนแดน นายณัฐพัชร์ ภัทรพิศิษฐ์ ปลัดอาวุโสอำเภอวังโป่ง พร้อมด้วยคณะแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งเป็นผู้รับมอบเมื่อวันที่  22 กรกฎาคมที่ผ่านมา #เพราะเราต้องรอดไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ยุทธ ศรีทองสุข / มนสิชา คล้ายแก้ว

นครศรีธรรมราช - นิพนธ์ ยัน พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรราคามังคุดภาคใต้ตกต่ำ สั่งการใช้กลไกมหาดไทย อำนวยความสะดวกเดินทางมารับซื้อผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้น ประสาน 3 กระทรวง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาราคาไม้ผลตกต่ำ(มังคุด) โดยมีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนมังคุดภาคใต้และภาคตะวันออก ได้รับผลกระทบไม่สามารถส่งผลผลิตไปขายยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้ โดยมังคุดออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี  ทำให้ผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยกลไกของกระทรวงมหาดไทยยินดีสนับสนุนและให้ความร่วมมือช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกร  ส่วนปัญหาการขาดแคลนจุดรับซื้อและกระจาย(ล้ง)และแรงงานที่จะลงไปรับซื้อและคัดแยกมังคุดในพื้นที่จุดรวบรวมใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นครศรีธรรมราช และชุมพร โดยผู้ว่าฯ ทั้ง 3 จังหวัดรับทราบปัญหาและช่วยผ่อนผันให้ล้งและแรงงานเคลื่อนย้ายไปซื้อมังคุดที่นครศรีธรรมราช ชุมพร และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ได้ โดยทำงานร่วมกันระหว่างแรงงานจังหวัดและสาธารณสุขจังหวัดในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด-19 สำหรับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้รัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ขอความร่วมมือไปยังเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ให้จัดมังคุดเข้าไปในเมนูอาหารของกรมราชทัณฑ์ด้วย จึงขอให้มั่นใจว่าทุกมาตรการรัฐบาลดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยที่ยืนยันสนับสนุนการดูแลแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวเกษตรกรอย่างเต็มที่เร่งด่วนและรวดเร็วที่สุด ส่วนปัญหาเรื่องตู้บรรทุกสินค้า ขาดช่วง ตู้กลับไม่ทัน จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหากรณีด่านตรวจประเทศเพื่อนบ้านใช้เวลาในการตรวจตู้สินค้าเป็นเวลานาน เพื่อให้รถบรรทุกสินค้ากลับมารับผลไม้ของจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทัน ไม่มีผลผลิตตกค้างในพื้นที่

นครพนม - ทบ.นำเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด ถึงภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วย นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสมชัย นำโชคประเสริฐ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครพนม นายแพทย์ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดเตรียมสถานที่บริเวณท่าอากาศยานนครพนมและศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรับช่วงต่อจากกองทัพบกที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด – 19 กลับบ้านที่นครพนม ซึ่งในวันนี้เป็นเที่ยวบินแรกที่นำส่งผู้ป่วยที่นครพนม

พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมแพทย์ต้องรับมือและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดในด้านจำนวนบุคลากร ดังนั้นจึงได้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของในแต่ละจังหวัดเพื่อแบ่งเบาภาระ ซึ่งทางรัฐบาลและกองทัพบก ได้มีความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับสู่ภูมิลำเนา และที่ผ่านมาก็มีทั้งการเตรียมการในการจัดขบวนยานพาหนะนับ 100 คัน ไว้ที่กองทัพภาคที่ 2 และมีการขนย้ายมาบ้างแล้วในทางรถยนต์ ส่วนทางรถไฟในปัจจุบันก็มีการเตรียมแผนเช่นเดียวกัน แม้จะมีการเลื่อนไปเมื่อในเมื่อวานแต่วันนี้ก็ดำเนินการแล้วเหมือนกัน

ในส่วนของจังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางที่ไกลและผู้ป่วยมีความจำเป็นเร่งด่วนทางกองทัพบก ก็ได้มีการสนับสนุนเครื่องบินลำเลียงแบบ 295 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไป เพื่อขนย้ายพี่น้องประชาชนที่พบเชื้อโควิดกลับภูมิลำเนา ซึ่งเดิมทีจะมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบิน เกิดความไม่ปลอดภัย จึงยังไม่ได้นำส่งผู้ป่วย แต่ในวันนี้ที่สภาพอากาศพร้อมจึงได้นำผู้ป่วยบินกลับภูมิลำเนา จำนวน 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวแรกในเวลา 11:30 น จำนวน 18 คน เที่ยวบินที่ 2 เวลา 15.30 น. อีก 20 คน

ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบูรณาการในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ท่าอากาศยานนครพนมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ในการลงจอดของเครื่องบิน หน่วยงานสาธารณสุขที่สนับสนุนบุคลากรในการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยทางมณฑลทหารบกที่ 210 จะดำเนินการลำเลียงผู้ป่วยจากสนามบินไปยังจุดพักคอยเพื่อคัดกรองผู้ป่วยก่อนนำส่งต่อไปยังจุดรักษาต่าง ๆ ตามอาการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม ในส่วนของค่ายพระยอดเมืองขวางก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสถานที่เพื่อรองรับเป็นลักษณะของโรงพยาบาลสนามเช่นเดียวกันหากโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือนมีเตียงไม่เพียงพอ ซึ่งก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลค่ายพระยอดเมืองขวาง ที่เมื่อมีผู้ป่วยเข้าไปในค่ายแล้วทางค่ายจะมีมาตรการที่เข้มงวดและเข้มข้นในการที่จะไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชนและพื้นที่

ขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติว่าทางค่ายพระยอดเมืองขวางมีความพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่จะช่วยแบ่งเบาภาระและพร้อมในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผู้สื่อข่าวนครพนม

ปทุมธานี – นครรังสิต เตรียมเปิดรพ.สนาม อาคารหอประชุม 100 ปี เมืองธัญบุรี ต้นเดือนนี้พร้อมรับ 300 เตียง

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่อาคารหอประชุม 100 ปี เมืองธัญญบุรี ถนนรังสิต-นครนายก ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต กล่าวว่า วันนี้ ทน.รังสิตได้เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามที่หอประชุม 100 ปี เมืองธัญบุรี ของเทศบาลนครรังสิต โดยเฟสแรกมีเตียง 128 เตียง รวมแล้วจะทยอยเพิ่มเตียงให้ได้จำนวน 300 เตียง โดยจะเปิดได้ช่วงต้นเดือนนี้

ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่เทศบาลนครรังสิตได้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และได้กักตัวเองอยู่ที่บ้าน Home isolation จำนวน 236 คน และทางเทศบาลนครรังสิตได้เปิดโรงครัว เพื่อส่งอาหารให้ผู้ที่กักตัวที่บ้านทั้ง 3 มื้อจำนวนวันละเกือบ 1,000 กล่อง ขณะนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน ในส่วนของวัคซีน ชิโนฟาร์มนั้นทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้อนุมัติวัคซีนให้ จำนวน 1,130 โดส ซึ่งคาดว่าจะมาถึงเราประมาณต้นเดือนนี้ โดยจะรีบจัดสรรให้กับพี่น้องประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ให้เร็วที่สุด ฝากถึงพี่น้องประชาชนเราต้องดูแลตัวเราเอง โดยป้องกันทุกอย่าง เพราะว่าขณะนี้สถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เราต้องระมัดระวัง ต้องรักษาความสะอาด สวมใส่แมส ยิ่งหากเรายังไม่ได้รับวัคซีนต้องยิ่งระมัดระวังมากขึ้น แต่เมื่อได้รับวัคซีนแล้วก็ยังต้องระมัดระวัง สถานการณ์แบบนี้เราต้องช่วยกัน ทางเทศบาลนครรังสิตจะได้รีบจัดสรรวัคซีน การจัดถุงยังชีพต้องทั่วถึง อาจจะช้าต้องขออภัยด้วย และขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ท่าน


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top