Monday, 19 May 2025
SPECIAL

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” น้อมเกล้า 23 ตุลา มอบเงิน 350,000 บาท สนับสนุนการศึกษา พร้อมจับมือ ร.พ. Walk in เข็มแรก ถวายเป็นพระราชกุศล

ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง  อ.บางพลี  จ.สมุทรปราการ  ท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มีความห่วงใยเรื่องของการศึกษา อีกทั้ง  มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสาธารณูปโภค  พัฒนาวัดให้มีความเจริญรุ่งเรื่องสืบไป  

จึงได้เมตตามอบเงินสดเพื่อสนับสนุนการศึกษา  จำนวน 350,000 บาท  โดยมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 100,000 บาท  โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์  จำนวน 100,000 บาท  โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง  จำนวน 100,000 บาท  และสำนักงานเขตการศึกษา เขต 2  จำนวน 50,000 บาท  รวมทั้งสิ้น 350,000 บาท  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทางโรงเรียนนำไปใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด  อีกทั้ง เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม อีกด้วย

อีกทั้ง  ในวันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง  โดยท่าน  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  ยังได้ร่วมกับ  นายแพทย์สกล  สุขพรหม  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี  โดยได้เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง แบบ Walk in เข็มแรก  

นครพนม-จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ "ตำหนักอุทัยกัญญามงคลธรรม" อย่างยิ่งใหญ่เป็นพุทธบูชาวัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 

ณ วัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ "ตำหนักอุทัยกัญญามงคลธรรม" และ จัดพิธีพุททธาภิเษก วัตถุมงคลรุ่นแรก และ เหรียญรุ่นแรก "พระอาจารย์แก้ว ฐิตสึโล"

โดย "ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร" ผู้ช่วยเลขานุการ ในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์ เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจาก "นายชาธิป รุจนเสรี" ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ อาทิเช่น นายดำรงค์ สีริวิชย อิ่มวิเศษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร / ว่าที่ร้อยตรี ตร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัตนครพนม / ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม / นายวรวิทย์ พิมพ์พินิจ นายอำเภอธาตุพนม / นายไขยวัฒน์คม สีละวงศ์ เจ้าภาพหลักกฐินสามัคคี ปี 2564 / นายประดิษฐ์ อัครทวีทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร / คุณธิชา คุณข้าวโพด คุณน้ำฟ้า 

จริง หรือ มั่ว ? ฝังเข็มลดน้ำหนัก!! | LOCK LENS GURU EP.51

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง 

???? พบกับ กูรู ‘แองจี้ ธนธร ศิระพัฒน์’ นักศึกษาการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัย Shanghai University of Traditional Chinese Medicine

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

'ก.เกษตรฯ' เร่งขับเคลื่อนภารกิจ​ จับมือ 5 คลัสเตอร์สภาอุตสาหกรรมผนึก 'พาณิชย์-หอการค้า'​ ลุยตลาดโลก 6 ล้านล้านบาท

'เฉลิมชัย'​ รุกนโยบายอาหารแห่งอนาคต​ (Future Food) ส่งเสริม​ 'ไข่น้ำ-คาเวียร์เขียว'​ (Green Caviar) เป็นซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) ดาวรุ่งสร้างอาชีพใหม่ให้เกษตรกรฝ่าวิกฤติโควิด19 ด้าน​ 'อลงกรณ์'​ เร่งขับเคลื่อนจับมือ 5 คลัสเตอร์สภาอุตสาหกรรมผนึก 'พาณิชย์-หอการค้า' ลุยตลาดโลก 6 ล้านล้านบาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เปิดเผย (23ต.ค.64) ภายหลังกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ศักยภาพของไข่น้ำสำหรับเกษตรกรไทยและการส่งออก” ว่า...

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายอาหารแห่งอนาคต​ (Future Food Policy) เป็นหนึ่งในนโยบายหลักเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ​ ให้กับประเทศตลอดห่วงโซ่เกษตรและอาหารเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก​ใน​ยุคนิวนอร์มอล (New Normal)

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ จึงร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภายใต้การขับเคลื่อนของ​ 'กรกอ.'​ ้ดินหน้าส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่คือ​ 'ผำ'​ หรือ 'ไข่ผำ'​ หรือไข่น้ำ​ (Wolffia) ซึ่งเป็นพืชน้ำล้ำค่ามีฉายาว่า​  'คาเวียร์เขียว'​ (Green Caviar) ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ด​(SuperFood) ของอาหารแห่งอนาคต​ (Future Food) โดยสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

1.การวิจัยและพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC)และสวก.
2.การส่งเสริมการผลิต โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมประมง สปก. วิสาหกิจชุมชน เกษตรแปลงใหญ่ และเอสเอ็มอี.เกษตร
3.การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างแบรนด์ใน5คลัสเตอร์อุตสาหกรรม
4.การตลาดออนไลน์และออฟไลน์ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย​ ตั้งเป้าเจาะตลาดมูลค่าสูงถึง 2​แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ​ หรือ 6 ล้านล้านบาท 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช ประจำปี 2564

เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช ประจำปี 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อประเทศชาติบ้านเมือง พสกนิกรชาวไทย และข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่อดีตจนสืบเนื่องถึงปัจจุบัน

(23 ต.ค. 64)​ ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) กำหนดจัดพิธีวางพวงมาลาหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธีฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯในฐานะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

วิเคราะห์ ‘โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล’ แนวส่งน้ำยวม - อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล

ข้อสังเกตรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม บทที่ 9 การวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล

สรรสาระ ประชาธรรม คราวนี้มาด้วยเรื่องร้อน ๆ ของประเทศที่ว่าด้วยการมีโครงการระดับ 7 หมื่นล้านบาท และใช้เครื่องมือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นใบผ่านทาง ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์จึงเป็นหน้าที่ของผู้เขียนที่ต้องชี้ประเด็นว่า ในบทที่ 9 การวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมนั้น มีข้อสังเกตสำคัญอะไรบ้างที่ ผู้รับผิดชอบต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการตัดสินใจใช้งบประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาทนั้น แท้ที่จริงมีทางเลือกอื่น ๆ อีกหรือไม่อย่างไร

เรื่องมีอยู่ว่า กรมชลประทานว่าจ้างกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรจัดทำรายงาน EIA โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล หลัก ๆ คือ ผันน้ำประมาณ 1.7 พันล้านลูกบาศก์เมตรมาเติมเขื่อนภูมิพลเพื่อนำน้ำดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากเขื่อนภูมิพลมีความจุเหลือในหน้าฝน 

แต่การผันน้ำนั้นต้องสร้างเขื่อนน้ำยวม สถานีสูบน้ำ อุโมงค์ส่งน้ำ และระบบสายส่งไฟฟ้า ราคาโครงการรวมทั้งหมด 70,675 ล้านบาท ประกอบด้วย ราคาเขื่อนและระบบส่งน้ำ 65,485 ล้านบาท และราคาระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 5,190 ล้านบาท ดังนั้น ต้นทุนของโครงการประมาณ 7 หมื่นล้านบาท 

ในด้านต้นทุนนี้มีข้อสังเกตสำคัญ 2 ประการ คือ ข้อแรก ราคาที่ใช้เป็นเกณฑ์ราคาปี 2555 จากกรมบัญชีกลาง และ ข้อสอง ราคาระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จะไม่ถูกนำมาคิดในต้นทุนโครงการเพราะที่ปรึกษากล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กฟผ. 

สำหรับประโยชน์ของโครงการนั้น ที่ปรึกษา แบ่งเป็นการทำการเกษตรรูปแบบปัจจุบัน และการปรับปรุงการปลูกพืชฤดูแล้งตามความเหมาะสมของดิน โดยมีรายละเอียดผลประโยชน์คือ 
1.) ปริมาณน้ำผันเฉลี่ยปีละ 1.79 พันล้าน ลบ.ม. 
2.) ปริมาณน้ำเพื่อการเกษตร 1.49 พันล้าน ลบ.ม.ต่อปี 
3.) ปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภคและอุตสาหกรรม 300 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี 
4.) พื้นที่เพาะปลูกฤดูแล้งเพิ่มขึ้น 1.61 ล้านไร่ต่อปี
และ 5.) เพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าเขื่อนภูมิพล 417 ล้านหน่วยต่อปี ผลประโยชน์ของโครงการนั้น ที่ปรึกษาได้แจกแจงไว้ ดังนี้

ที่ปรึกษาได้แจกแจงไว้ในตารางที่ 1 ดังนี้
ตารางที่ 1 ผลประโยชน์ของโครงการ

ที่มา: บริษัทที่ปรึกษา

หมายเหตุ: 1.) กรณีที่ 1 การปลูกพืชฤดูแล้งในรูปแบบปัจจุบัน กรณีที่ 2 ปรับปรุงการปลูกพืชฤดูแล้งตามความเหมาะสมของดิน
2.) ผลประโยชน์จะเกิดขึ้นในปีที่ 7 เป็นต้นไป

เมื่อที่ปรึกษาคำนวณโดยใช้ต้นทุนและผลประโยชน์ (Cost-Benefit Analysis) จะได้ว่าโครงการนี้จะคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เมื่ออัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 8 ในกรณีที่ 1 

สำหรับกรณีที่ 2 นั้นคุ้มค่าทุกระดับอัตราดอกเบี้ย เพราะมีค่าผลประโยชน์สุทธิเป็นบวก มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่าอัตราดอกเบี้ย มีอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุนมากกว่าหนึ่ง ตามตารางที่ 2

Hometown Cha-Cha-Cha เมื่อเกาหลีเบนเข็มกระชับคนเมือง - ชนบทให้ใกล้กัน พร้อมเชื่อมสัมพันธ์ความต่างระหว่างวัย

เป็นที่โด่งดังกับกระแสภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha ซึ่งเป็นเรื่องรักโรแมนติกระหว่างพระเอก-นางเอก พร้อมกับพล็อตเรื่องที่อยู่ในเมืองชนบทริมทะเลของประเทศเกาหลี ซึ่งเรียบง่ายแต่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเสน่ห์    

ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์กันว่านอกจากความรักโรแมนติกของคู่พระ-นาง เนื้อเรื่องเข้มข้น ที่มีทั้งสนุก ขำขัน เศร้า กดดัน และบทดี ๆ ที่ทำให้ได้อมยิ้มอยู่ตลอดทั้งเรื่องแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แฝง ‘ทัศนคติ’ และ ‘ค่านิยม’ อะไรให้กับผู้รับชมบ้าง

การเชื่อม ‘เมือง-ชนบท’ (Urban-Rural) และความเข้าอกเข้าใจบริบทในแต่ละท้องถิ่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยให้เห็นถึงความขัดแย้งกันระหว่าง นางเอกซึ่งเป็นหมอฟันจากเมืองหลวงอย่างโซล มีสังคมอยู่กับชนชั้นที่มีการศึกษาดี มีหน้ามีตาในสังคม มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี จากอาชีพที่ทำรายได้สูง ซึ่งแตกต่างและแปลกแยกจากคนอื่นในพล็อตของเรื่องที่เป็นคนในสังคมชนบทริมทะเล ซึ่งประกอบอาชีพทั่วไปและไม่ได้มีการศึกษาสูง หรือมีรสนิยมการใช้ชีวิตและเข้าสังคมแบบคนเมือง ทำให้เกิดความไม่ลงรอยและขัดแย้งกันหลายประการ โดยมีพระเอกของเรื่องที่คอยเป็นผู้สอนสิ่งต่าง ๆ ให้กับนางเอก เพื่อให้นางเอกสามารถปรับตัวเข้ากับความเป็นสังคมชนบทของเมืองกงจินได้

ครั้งหนึ่งนางเอกซึ่งไปร่วมงานรื่นเริงของหมู่บ้าน ได้ไปแสดงท่าทางรังเกียจการทำอาหารของชาวบ้านในงานว่า ‘ไม่สะอาด ถูกสุขอนามัย’ เพราะทำในที่เปิดโล่ง หรือ การที่คุณยายกัมรีปั้นข้าวกับกิมจิให้นางเอกกินด้วยมือ ซึ่งนางเอกก็แกล้งรับไว้แต่ไม่กิน เพราะมองว่าผ่านกระบวนการที่ไม่สะอาด

รวมถึงการใช้คำพูดที่ขวานผ่าซาก รุนแรงกับคนในวงสนทนา ที่แม้จะเป็นความจริง แต่คำพูดของนางเอกนั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจในเรื่องมารยาทหรือปราศจากความถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมในชนบท

ภาพยนตร์ต้องการแสดงให้เห็นว่า แท้ที่จริงนางเอกไม่ได้เป็นคนจิตใจไม่ดี แต่เพราะมุมมองของคนที่โตมาในสังคมเมืองที่ทุกคนมีความเป็น ‘ปัจเจก’ สูง แต่เมื่อนางเอกเข้ามาอยู่ในเมืองชนบทซึ่งรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคมแตกต่างจากสังคมเมือง ทำให้เธอปรับตัวไม่ได้ จนเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น

ซึ่งกว่าที่พระเอกจะเข้ามาชักจูง (แกมบังคับ) ให้นางเอกไปขอโทษต่อชุมชน พร้อมทั้งซื้อขนม-น้ำดื่มติดไม้ติดมือไปเลี้ยงในที่ประชุมหมู่บ้าน จนถึงให้นางเอกลดละอัตตาส่วนตัวและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับคนในหมู่บ้าน สุดท้ายผู้คนเริ่มเปิดใจและยกโทษให้นางเอกได้ ก็ใช้เวลาพอสมควร

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดของคนในชนบทจำนวนมาก ที่เป็นคนซื่อและจริงใจ ใครทำอะไรไม่ดี เขาก็ไม่ชอบ แต่หากคนนั้นสำนึกผิด พร้อมปรับตัวแก้ไข พวกเขาก็พร้อมจะให้อภัยและอยู่ร่วมกันได้

เสรีภาพที่มาพร้อมกับความเคารพต่อบริบทสังคม
อีกตัวอย่างคือกรณีที่นางเอก ใส่กางเกงเลคกิ้งรัดรูปและเสื้อเอวลอย วิ่งออกกำลังกายในหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อมองผ่านสายตาของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ก็มองว่าเป็นชุดที่ ‘โป๊เกินไป’ ไม่เหมาะสมจะใส่มาวิ่งในที่สาธารณะ ซึ่งพระเอกพอทราบเรื่องก็ได้มาคุยกับนางเอกถึงความกังวลใจของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน

เรื่องนี้นางเอกได้เถียงกับพระเอกในทำนองว่าเป็น ‘สิทธิเสรีภาพของตน’ พระเอกจึงได้ตอบกลับมาว่า “ใช่…มันเป็นสิทธิ” แต่ขณะเดียวกันนางเอกอยู่ในหมู่บ้านที่มีบริบททางสังคมวัฒนธรรมที่ต่างจากในเมืองใหญ่ และเป็นสังคมที่มีผู้สูงอายุอยู่เยอะ นางเอกจึงควรคิดถึงวัฒนธรรมและบริบทของสังคมที่ตนมาอาศัยอยู่ด้วย 

กรณีนี้ พระเอกไม่ได้ขอให้นางเอกเปลี่ยนแนวทางการแต่งตัวไปอีกแบบ หรือห้ามแต่งชุดออกกำลังกายมาวิ่ง แต่สิ่งที่พระเอกบอกคือ ขอให้คิดถึงความเหมาะสมและรักษา ‘สมดุล’ ระหว่างเสรีภาพของตนกับบริบททางสังคมที่ตนอยู่ ซึ่งภายหลังนางเอกก็ได้ใส่เสื้อที่ยาวปิดลงมา ไม่ได้เปิดเผยเนื้อหนังหรือสัดส่วนมากเช่นเดิม

ความเข้าใจผู้สูงอายุและคนต่างวัย
ตลอดทั้งเรื่องที่พยายามนำเสนอมุมมอง ทัศนคติ หรือค่านิยมของผู้สูงวัยที่โตมากับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่คนรุ่นใหม่หรือคนที่ยังไม่ต้องดูแลพ่อแม่วัยเกษียณ จะไม่เข้าอกเข้าใจมุมมองเหล่านี้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดมุมมองเหล่านี้ออกมาได้ดีมาก    

ในภาพยนตร์มีตอนที่นางเอกจะกลับเข้าเมืองโซล ไปทำธุระ โดยพระเอกขอให้นางเอกพาคุณยายผู้สูงอายุทั้ง 3 คนซึ่งมีธุระหรือไปเยี่ยมลูกหลาน ติดไปกับรถนางเอกด้วย ซึ่งตลอดทางผู้สูงอายุที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ก็จะปวดฉี่บ่อย ทำให้ต้องมีการจอดแวะข้างทางเพื่อให้ผู้สูงอายุไปเข้าห้องน้ำตลอดทาง

หรือกรณีที่ จีซอง-ฮยอน รุ่นพี่ของนางเอกซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ชื่อดัง และประทับใจหมู่บ้านกงจิน จะมาขอบ้านคุณยายกัมรีถ่ายรายการ ซึ่งในตอนแรกคุณยายปฏิเสธเสียงแข็ง ยังไงก็ไม่ยอม แต่เมื่อเขามาพบปะคุณยายบ่อย ๆ มาทำความสนิทสนม มาดูแลคุณยาย ก็เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน จนยอมให้โปรดิวเซอร์ใช้บ้านคุณยายถ่ายทำรายการได้

เพราะผู้สูงอายุจำนวนมาก เขาไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ และบางครั้งก็อาจมีดื้อรั้นหรือระแวงสิ่งต่าง ๆ บ้าง หากแต่อาศัยความเข้าใจ และค่อย ๆ พูดจาสื่อสารกันด้วยความจริงใจ ที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเปิดใจและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ในเรื่องนี้จึงไม่ได้มีใครดีกว่าใคร ผู้สูงอายุในชนบทก็ปรับตัวเข้าหาคนหนุ่มสาวจากในเมืองได้ เช่นเดียวกับที่คนหนุ่มสาวในเมืองก็เข้าอกเข้าใจผู้สูงอายุในชนบทได้ อยู่ที่ทุกคนเปิดใจที่จะเรียนรู้และเข้าใจผู้อื่นในสิ่งที่เขาเป็น มิใช่ตั้งท่าปิดประตูและก่นด่ากันด้วยความคิดที่แตกต่างเพียงอย่างเดียว 

'Arab Street' ถนนสายอาหรับ ณ กรุงเบอร์ลิน...มรดกมีชีวิตที่ ‘Angela Merkel’ มอบให้

เหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือนำมาซึ่งผู้อพยพเข้าสู่ยุโรปจำนวนมหาศาล ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมีนโยบายทั้งรับและไม่รับผู้อพยพเหล่านั้น แต่สหพันธรัฐเยอรมันภายใต้ ‘Angela Merkel’ นายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายรับผู้อพยพด้วยการเปิดพรมแดนของเยอรมนีสำหรับผู้ลี้ภัย 1 ล้านคนในปี พ.ศ. 2558 จนทำให้เกิดความแตกแยกในยุโรป และทำให้เห็นถึงความไม่พอใจสำหรับฝ่ายต่อต้านการอพยพเข้าเมือง 

นอกจากนี้ยังเป็นการเปลี่ยนองค์ประกอบทางวัฒนธรรมของเมืองหลวงของเยอรมันในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่การเข้ามาของคนงานจากตุรกีในทศวรรษ 1960 จึงมีผู้อพยพจำนวนมากเข้ามาอาศัยพำนักในเยอรมัน และเป็นที่มาของ 'Arab Street' ถนนสายอาหรับ ณ กรุงเบอร์ลิน

'Arab Street' สิงคโปร์

'Arab Street' เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ และที่เป็นที่รู้จักมาก่อนคือ 'Arab Street' ในสิงคโปร์ ซึ่งเคยเป็นย่านที่พ่อค้าชาวอาหรับเคยทำมาค้าขายมาในอดีต ปัจจุบัน 'Arab Street' ของสิงคโปร์ยังคงวางขายสินค้าและข้าวของที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอาหรับและชาวมุสลิม ซึ่งถนนเส้นนี้จะมีบรรยากาศเป็นตึกแถว 2 ชั้นสไตล์ Colonial ทาสีสดใส ใกล้ ๆ กันมีแหล่งท่องเที่ยวที่อีกหลายอย่าง เช่น ตรอกฮาจิ (Haji Lane) อีกหนึ่งถนนแห่งการจับจ่ายของชาวสิงคโปร์ และมัสยิดสุลต่าน (Sultan Mosque) อันเป็นมัสยิดสำคัญและสวยงามของชาวสิงคโปร์มุสลิม 

สำหรับบ้านเราแล้ว 'Arab Street' หมายถึงซอยที่ตั้งอยู่ทางเหนือของซอยนานา (ซอยสุขุมวิท 3) ระหว่างซอยสุขุมวิท 3 และ ซอยสุขุมวิท 5 หรือ ซอยสุขุมวิท 3/1 'Arab Street' ประกอบไปด้วย ร้านอาหาร - ร้านค้ามากมาย จึงเป็นถนนท่องเที่ยวที่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

'Arab Street' กรุงเทพฯ

ส่วน 'Arab Street' ถนนสายอาหรับ ณ กรุงเบอร์ลิน อยู่ที่ถนน Sonnenallee (“Sun Avenue”) ซึ่งเชื่อมระหว่างเขต Neukölln และ Treptow-Köpenick ยาว 5 กิโลเมตร ข้ามถนน Baumschulen ที่ปลายด้านตะวันออกเฉียงใต้ และสิ้นสุดที่ จัตุรัส Hermann ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งบริเวณรอบ ๆ ถนน Sonnenallee ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางระหว่างชนบทกับเมืองในสมัยนั้น ถนนสายนี้ตัดผ่านจัตุรัสกลางเมืองหลายแห่ง เช่น จัตุรัส Hermann, จัตุรัส Hertzberg และ จัตุรัส Venus เดิมทีตลอดถนนมีต้นไม้สองข้างทาง จนถึงปี พ.ศ. 2508 ได้มีการวางรางรถรางไว้ ต่อมาในทศวรรษ 1980 ต้นไม้สองข้างทางถูกรื้อออกเพื่อให้เป็นช่องจราจรเพิ่มเติม หรือที่จอดรถ 

'Arab Street' ถนนสายอาหรับ ณ กรุงเบอร์ลิน

ปัจจุบันถนน Sonnenallee กลายเป็นถนน 6 เลน และเป็นเส้นทางสายสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเบอร์ลิน แต่เดิมถนน Sonnenallee เป็นที่รู้จักในชื่ออื่น ๆ เริ่มต้นด้วย Straße 84 (ถนนหมายเลข 84) ในปี พ.ศ. 2436 ห้าปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของ ‘Kaiser Friedrich Wilhelm’ ถนนสายนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศ และในปี พ.ศ. 2563 ถนนถูกขยายไปทางตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งชื่อว่า Sonnenallee ในยุคสงครามเย็นเยอรมนียังไม่ได้รวมชาติ ถนนสายนี้ถูกกำแพงเบอร์ลินตัดผ่านเพื่อปิดกั้นทางข้ามพรมแดน

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ

ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 9 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด ไอซ์ 67 กก. เฮโรอีน 7 กก. ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ตามนโยบายของรัฐบาล ในการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./หน.ศอปส.ตร. ได้มอบนโยบายให้ทุก บช. เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตามแผนปฏิบัติการ ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศ ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมนั้น


     
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.บก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พ.ต.อ. พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด ผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.เชียงแสน, สภ.เมืองเชียงราย, สภ.แม่สรวย, สภ.แม่ลาว, กก.สส.ภ.จว.เชียงราย

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. ได้มีการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ดังนี้ 

คดีที่ 1  จับกุมผู้ต้องหา 5 คน ยาบ้า 310,000 เม็ด ไอซ์ 58 กก., เฮโรอีน 20 แท่ง ประมาณ 7 กก. 
1.นายสงกรานต์ หรือบ่าว เดชฤทัยภักดี อายุ 22 ปี 
2.นายเรวัต หรือวัฒน์ รุ่งกระจ่าง อายุ 37 ปี 
3.นายธีรวัฒน์ หรือเก็ต หลวงแก้ว อายุ 23 ปี 
4.น.ส.รุ่งทิวา หรือน้ำ ชูวงศ์ประทาน อายุ 34 ปี 
5.น.ส.นารีรัตน์ หรือเก๋ ก๋าแก้ว อายุ 25 ปี 

พฤติการณ์   
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตำรวจภูธรภาค 5  ได้สืบสวนจากแหล่งข่าวพบว่านายเรวัต รุ่งกระจ่าง ผู้ต้องหาตามจับคดียาเสพติด ของศาลจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับพวกลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดเชียงราย เข้าสู่พื้นที่ จว.นครปฐม - กาญจนบุรี จึงสืบสวนจากแหล่งข่าวพบว่า นายเรวัต รุ่งกระจ่าง ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว เลขทะเบียน 1ขฬ 7383 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะ ขับวนไปในพื้นที่แนวชายแดน อ.แม่สาย - เชียงแสน โดยมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน สีแดง ก 4369 เชียงใหม่ ขับติดตามมา เชื่อว่าจะลำเลียงยาเสพติด จึงสะกดรอยติดตาม 

จนกระทั่งวันที่ 20 ต.ค.2564 เวลาประมาณ  04:00 น. พบ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ติดป้ายทะเบียน สีแดง ก 4369 เชียงใหม่ ขับนำ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว เลขทะเบียน 1ขฬ 7383 กทม. จากแนวชายแดนทางด้าน อ.เชียงแสน มุ่งหน้า อ.เมืองเชียงราย ในลักษณะขับนำ ขับตาม จึงได้สะกดรอยติดตามไป พร้อมทั้งประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจเรียกตรวจค้น 

จนกระทั่งรถยนต์ทั้งสองคัน ขับผ่าน อ.แม่ลาว จว.เชียงราย  ได้เลี้ยวขวา มุ่งหน้าไป จว.เชียงใหม่  จึงได้ประสานด่านตรวจท่าก้อ สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย  ให้เรียกตรวจค้น เมื่อรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน สีแดง ก 4369 เชียงใหม่ เข้าด่านตรวจท่าก๊อ จึงเรียกตรวจค้น พบผู้ต้องหาที่ 2 - 5 คือ  นายเรวัต หรือวัต รุ่งกระจ่าง อายุ 37 ภูมิลำเนา ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี เป็นคนขับรถ, นายธีรวัฒน์ หรือเก๊ต หลวงแก้ว ภูมิลำเนา ต.แม่ปูคา อ.สันกำแพง  จว.เชียงใหม่, น.ส.รุ่งทิวา หรือน้ำ ชูวงศ์ประทาน อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา  ต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่  และ น.ส.นารีรัตน์ หรือเก๋ ก๋าแก้ว ภูมิลำเนา ต.บ้านแป้น อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นั่งโดยสารมาด้วย 

เมื่อรถยนต์เก๋งคันแรกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจค้น  รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว เลขทะเบียน 1ขฬ 7383 กรุงเทพมหานคร ขณะขับมาก่อนจะถึงด่านตรวจท่าก๊อ  ได้เลี้ยวกลับรถมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สรวย จึงได้ขับรถไล่ติดตามไป จนกระทั่งมาถึง โรงแรม บริเวณถนนทางขึ้นดอยวาวี ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย  ได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนี  จึงได้วิ่งไล่ติดตามไปและควบคุมตัวคนขับรถ คือ  นายสงกรานต์ หรือบ่าว เดชฤทัยภักดี อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ มาตรวจค้นภายในรถ  พบยาเสพติดของกลาง บรรจุอยู่ในกระสอบฟางสีรุ้ง รวมจำนวน 5 กระสอบ โดยวางอยู่บนเบาะที่นั่งภายในห้องโดยสารและอยู่ในช่องเก็บสัมภาระท้ายรถยนต์  

จากการซักถามขยายผล ผู้ต้องหาที่ 1-5 รับว่าร่วมกับลำเลียงยาเสพติด จากแนวชายแดน อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ไปส่งให้กลุ่มค้ายาเสพติดในพื้นที่ จว.นครปฐม โดยรถยนต์คันแรกมีหน้าที่ขับนำ สำรวจเส้นทาง ให้กับรถยนต์คันที่ 2 ที่บรรทุกยาเสพติด  จึงจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

รวบ!! 'เครือข่ายค้ามนุษย์' หลอกคนไทยทำงานผิดกฎหมายในกัมพูชา พร้อมจับกุมสมาชิกเครือข่ายค้าแรงงานข้ามชาติเมื่อปี 2558

จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อโทรทัศน์ต่าง ๆ ว่ามีคนไทยถูกหลอกลวงและบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการไทยให้ช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ตามที่ทราบแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการให้การช่วยเหลือเหยื่อคนไทยให้ได้กลับประเทศเป็นการเร่งด่วน และทำการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันยคนร้ายหรืออาชญากรได้ถือโอกาสที่คนได้รับผลกระทบจากปัญหาในช่วงไวรัสโควิด-19 สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยการหลอกลวงให้ไปใช้แรงงาน ทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นภัยต่อประเทศ ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) จึงได้ทำหน้าที่สืบสวนและปราบปรามอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว โดยได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวน พร้อมพวก ทำการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าว จนสามารถออกหมายจับเครือข่ายผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 10 ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาชาวจีนจำนวน 4 ราย, ผู้ต้องหาชาวกัมพูชาจำนวน 4 ราย และผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 2 ราย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ชุดปฏิบัติการสืบสวน ศพดส.ตร. ได้ทำการจับกุม สองผู้ต้องหาชาวไทยที่ได้ถูกออกหมายจับจากกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย

1) น.ส.อุบลรัตน์ พุฒิไพรสกุล อายุ 22 ปี

    ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1701/2564 ลงวันที่ 19 ต.ค.64

2) น.ส.เทียนฟ่ง แซ่หลี่ อายุ 28 ปี

    ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1702/2564 ลงวันที่ 19 ต.ค.64

โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ในพื้นที่ สภ.ฝาง และสภ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศพดส.ตร. ได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชา เพื่อให้ความช่วยเหลือเหยื่อคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางเอกสารเพื่อขอรับตัวเหยื่อคนไทยกลับประเทศไทยต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีกรณีที่ทางการมาเลเซีย โดยสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ได้มีคำร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ร้องขอให้ทางการไทยส่งตัวบุคคลสัญชาติไทยจำนวน ๙ รายเป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานโดยผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย ต่อมา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดของไทย ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับบุคคลทั้ง ๙ รายตามคำร้องขอของทางการมาเลเซีย เพื่อดำเนินการจับกุมและส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศมาเลเซียต่อไปนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ดังกล่าว

ขอนแก่น - รมช.ศธ.เปิดนิทรรศการ "KKC Smart Education 2021" ตอกย้ำมาตรฐานการศึกษาของไทย! ในยุคโควิด-19 ทั้งออนไลน์ - ออนไซค์ต้องได้มาตรฐาน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 ต.ค.2564 ที่ ห้องประชุมแก่นเมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดนิทรรศการ "KKC Smart Education 2021: เพราะการศึกษาต้อง Move on" ซึ่งกระทวงศึกษาธิการ และสำนักงานศึกษาธิการ จ.ขอนแก่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น โดยมี นายสุภัทร จำปากุล ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ,นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผจ.ขอนแก่น ,นายศุภชัย จันปุ่ม ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง เข้าร่วมงานกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางมาตราการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด

คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดนโยบายในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ มีความพร้อม ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยกำหนดจุดเน้นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการจัดการองค์ความรู้และยกระดับทักษะที่จำเป็นที่เน้นพัฒนาความรู้และสมรรถนะ ด้าน Digital  Literacy และเน้นหนักในเรื่องของการศึกษาแบบยกกำลัง 2 ในการพัฒนาครูให้มีความรู้ สมรรถนะและทักษะ

"ขณะเดียวกันในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา โดยพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้และระบบบริหารจัดการห้องเรียน Smart School และ Smart Classroom ซึ่งจังหวัดขอนแก่นมีแนวโน้มการขยายตัวของเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 7 เมือง ของประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี สู่การพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบหรือ Smart City ได้อย่างชัดเจนและลงตัวที่สุด"

 

ระยอง - ทัพเรือภาคที่ 1 เช็คความพร้อม!! นำคณะตรวจความพร้อมของกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรับมืออุทกภัย และภัยพิบัติทุกรูปแบบ

ณ สถานีการบิน กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ อ.บ้านฉาง จว.ระยอง พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 (ผอ.ศบภ.ทรภ.1) กองทัพเรือ นำคณะตรวจความพร้อมของกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของ เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ในการช่วยเหลือประชาชน ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ ประชาชน ได้แก่ กำลังพลจาก กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เมืองพัทยา และอำเภอสัตหีบ เพื่อรับมือต่อสถานการณ์ภัยพิบัติทุกรูปแบบ และพร้อมปฏิบัติงาน ได้อย่างทันท่วงที เมื่อรับคำสั่งจากกองทัพเรือ

พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล กล่าวว่า ตามที่กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ อนุมัติให้ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ขึ้น มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในห้วงฤดูมรสุม คลื่นลมแรง รวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่แปรเปลี่ยนไปของภูมิภาค มีแนวโน้มที่อาจเกิดภัยพิบัติขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้การเตรียมความพร้อม ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เป็นไปอย่างทันท่วงที และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด

จึงได้จัดให้มีพิธีตรวจความพร้อมขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า "เรามีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที" อย่างไรก็ตามขอให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อมสูงสุด พร้อมที่จะปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์

 

ชลบุรี - ‘ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ’ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบหน้ากากอนามัย พร้อมเจลล้างมือแก่ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

สโมสรสัญญาบัตร โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือโท นฤพล เกิดนาค ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจหน่วยแพทย์ปฏิบัติงานฉีดวัคซีน และผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19

โดยมี พลเรือตรี ขจิตร์ อุษณีษ์สวัสดิ์ชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ผู้บัญชาการฐานทัพเริือสัตหีบ ได้เดินกล่าวทักทายให้กำลังใจและมอบหน้ากากอนามัยพร้อมเจลแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่มาฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ด้วย

สระบุรี - อบจ.สระบุรี ร่วมกับเทศบาล ตำบลดอนพุด มอบถุงยังชีพ 1,700 ชุด ให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม อ.ดอนพุด

ที่หอประชุมเฉลิมเกียรติเทศบาลตำบลดอนพุด จ.สระบุรี นายอรรถพล วงษ์ประยูร รองนายกอบจ.จังหวัดสระบุรี นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส. จ.สระบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย และนายไพศาล ขำวงษ์ นายกเทศบาลตำบลดอนพุด พร้อมคณะผู้บริหาร

ปทุมธานี - “บิ๊กแจ๊ส” เตือนมวลน้ำปีนี้น้อง ๆ ปี 54 ประชาชนอย่าประมาท! ร่วมสมาคม อบจ.ช่วยเหลือคนปทุม

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 เวลา 10:30 น. นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมองค์การบริหาส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย มอบหมายให้ นางบังอร วิลาวัลย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมองค์การบริหาร่วมจังหวัดแห่งประเทศไทย ร่วมลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ 1,000 ถุง ให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย) เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี เพื่อไปมอบให้กับประชาชนเพื่อเป็นกำลังใจและบรรเทาภัยให้กับผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางหลวง ตำบลบางเดื่อ และตำบลบ้านฉาง ที่ชุมชนวัดบางหลวง ตำบลบางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี

สืบเนื่องจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้ประเมินและวิเคราะห์ปริมาณฝนตกร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากแม่น้ำปิงจะทำให้มีน้ำไหลผ่านบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มสูงสุดจากอัตรา 2,484 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 3,000-3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 22 ตุลาคม 2564 โดยจะบริหารจัตการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำและผันน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อยู่ในเกณฑ์ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 20-40 เซนติเมตร ในช่วงวันที่ 23-30 ตุลาคม 2564 

ด้าน นางบังอร วิลาวัลย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมองค์การบริหาร่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมองค์การบริหาส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย (นายก อบจ.สุพรรณบุรี) ได้มอบหมายให้ตนเองและทีมงานที่มาด้วยความตั้งใจและห่วยใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมไม่ว่าผู้ประสบภัยจะอยู่ที่ไหน สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย จะเข้าไปช่วยส่วนในจังหวัดปทุมวันนี้ได้จัดถุงยังชีพ 1,000 ชุด บรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 10 ซอง ปลากระป๋อง 10 กระป๋อง และข้าวสารหนัง 15 กิโลกรัม เพื่อบรรเทาภัยให้กับผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางหลวง ตำบลบางเดื่อ และตำบลบ้านฉาง จำนวน 500 ชุด และอีก 500 ชุด ทางพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงานจะทำไปมอบยังจุดอื่น ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top