Monday, 19 May 2025
SPECIAL

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! มิจฉาชีพหลอกชักชวนให้ลงทุนแชร์ลูกโซ่ ออมเงินและปล่อยเงินกู้ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเสียหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยกรณีที่มีเหล่ามิจฉาชีพหลอกชักชวนให้ลงทุนบนโลกออนไลน์ ในลักษณะตั้งวงแชร์ออนไลน์ กลุ่มออมเงิน และลงทุนปล่อยเงินกู้

เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่าง ๆ โดยหันมาทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ผนวกกับการที่ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้นและมีการหารายได้เสริมกันมากขึ้น จึงมีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ด้วยการโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือการชักชวน  ทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์และการบอกกันปากต่อปากให้มาร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมักจะมีข้อเสนอในลักษณะที่ให้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน ยิ่งโอนลงทุนมากยิ่งได้เงินมาก และมุ่งเน้นไปที่การชักชวนให้คนอื่นมาลงทุนต่อ โดยจะมีข้อเสนอพิเศษให้ สำหรับผู้ที่ชวนคนอื่นมาลงทุนเพิ่มได้ ก็จะได้เงินตอบแทน ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีปรากฎบนสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าควบคุมตัวท้าวแชร์ลูกโซ่หญิง วัย 20 ปี ตามหมายจับ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีว่ามีพฤติกรรตั้งวงแชร์ลูกโซ่ จัดตั้งกลุ่มออมเงิน และปล่อยเงินกู้ โดยเสนอผลตอบแทนสูง โดยผู้ต้องหาได้เปิดกลุ่มไลน์และเฟซบุ๊ค พร้อมมีข้อความชักชวนว่า “โอนไวจ่ายจริง” จนมีผู้หลงเชื่อเข้ามาร่วมลงทุนจำนวนมาก มีวงเงินตั้งแต่ 200-1,000,000 บาท มีผู้ร่วมลงทุนทั่วประเทศมากกว่า 1,400 คน รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนและตระหนักถึงพิษภัยจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมาย และเน้นย้ำว่าจะต้องดำเนินการเอาผิดและกวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยสั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ เร่งทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ รวมถึงขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง และให้สถานีตำรวจทั่วประเทศอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความจากประชาชน เพื่อให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุก      ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

 

สงขลา - ‘นิพนธ์’ ชู! จชต.ต้องแก้ความยากจน + สร้างความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน สู่เป้าหมาย ปชช.อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข ในเวทีรับฟังปัญหาของพระสงฆ์พื้นที่ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ณ ที่ โรงแรมตรังกรุงเทพ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนหารือร่วมกับผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจาก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา และเครือข่ายพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายนิพนธ์ กล่าวว่า “ได้ติดตามการทำงานของ ศอ.บต.มาโดยตลอดในฐานะรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และขอให้ทุกฝ่ายได้คลายกังวล และขอยืนยันให้มั่นใจได้ว่าผมพร้อมรับฟังและประสานการแก้ไขทุกปัญหาของพี่น้องประชาชน ทั้งประเด็นการตั้งคณะทำงานใน 2 ระดับ เพื่อบูรณาการงานเชิงนโยบายและงานระดับพื้นที่ ที่มีกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ศอ.บต. ฯลฯเป็นแกนกลางเพื่อประสานบูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งการส่งเสริม สนับสนุนกิจของสงฆ์ในประเด็นเร่งด่วน 3 ด้านได้แก่ การศึกษาเคราะห์ การเผยแผ่ และสาธารณสงเคราะห์ (ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพระพุทธศาสนาในพื้นที่จชต."

"นอกจากนี้ สิ่งที่ผลักดันขับเคลื่อนมาโดยตลอดและเกิดรูปธรรมแล้วก็คือเรื่องการศึกษา ที่ขณะนี้ 3 จังหวัดมีสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาครบทุกจังหวัดแล้ว อย่างที่จ.ปัตตานีก็มีม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่จ.ยะลา ก็มีม.ราชภัฏยะลา และที่จ.นราธิวาสก็มีม.นราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการต่อยอดและเสริมสร้างความมั่นคงด้านการศึกษาในพื้นที่ การขับเคลื่อนต่อจากนี้ก็คือเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวต่ำที่สุดในประเทศ ซึ่งต้องมีการยกระดับปัจจัยต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการยกระดับการผลิตสินค้าภาคการเกษตร การกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การเสริมสร้างช่องทางจำหน่ายตลาดออนไลน์ ตลอดจนการพัฒนาแห่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นต้น

 

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ลาดตระเวนทางน้ำ ติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอเหนือ อำเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก ก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ให้การต้อนรับ พลโท สิทธิพงษ์ จันทรัตน์  ผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการระบบ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตาม การดำเนินตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ในรายการจัดหาวัสดุสำหรับก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวชายแดน ระยะทาง 6 กิโลเมตร โดยได้รับฟัง การชี้แจงบรรยายสรุปของหน่วยตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย - มาเลเซีย สอบถามปัญกาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน

จากนั้น ได้เดินทางต่อไปยัง ด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อลงเรือลาดตระเวน ตรวจพื้นที่ในการดำเนินการก่อสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ท่าข้าม ได้แก่ 1. ท่าข้ามบันได 2. ท่าข้ามศรีพงัน 3. ท่าข้ามปะลุกา และ 4.ท่าข้ามกัวลอต๊ะ  โดยโครงการก่อสร้างรั้วชายแดน ไทย-มาเลเชีย เริ่มต้นเมื่อปี 2560โดย พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มีเจตนารมณ์ ต้องการให้ สร้างรั้วป้องกันชายแดนขึ้น จึงให้ชุดควบคุม ป้องกันชายแดน เสนอโครงการขึ้นมา เพื่อป้องกันสกัดกั้นยับยั้ง การลักลอบขนย้าย อาวุธ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว สิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และการคัดกรองบุคคล ตลอดจนการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด -19 หรือ โรคติดต่อ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เพื่อให้พื้นที่ชายแดน มีความมั่นคงปลอดภัยความต้องการงบประมาณที่เสนอขอ ประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ 1.การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่ง ระยะทาง 7.528 กิโลเมตร 2. การสร้างรั้วตาข่าย ระยะทาง 15 กิโลเมตร  3. การสร้างฐานปฏิบัติการย่อย จำนวน 3 ฐาน และ 4 รั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ ระยะทาง 6 กิโลเมตร

โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาให้ผ่านจำนวน 2 รายการ ได้แก่ การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7.528 กิโลเมตร และรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ระยะทาง 6 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งจ่ายในปีงบประมาณปี 2565 -2567

โดย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ เพื่อพบปะ สร้างความเข้าใจ ถึงเหตุผลและความจำเป็น ในการก่อสร้างรั้วชายแดน และให้ลงนามในหนังสือยินยอม ให้ก่อสร้างรั้วชายแดนในที่ดินของตนซึ่งมีผู้ที่มีที่ดินติดแนวชายแดน จำนวน 293 ราย ได้ยินยอมให้สร้างรั้วชายแดนเพราะเข้าใจในสภาพปัญหาในพื้นที่ และรับทราบว่าในการสร้างรั้วชายแดน ได้เปิดช่องทางบริเวณจุดผ่อนปรนให้สามารถเดินทางเข้า-ออก ตามวิถีชีวิตของประชาชน ตามแนวชายแดน และเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ประชาชนที่มีที่ดิน ติดแนวชายแดนยินยอมให้สร้างรั้วชายแดน คือ การที่แนวชายแดน ด้านประเทศมาเลเซียได้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตลอดแนวชายแดนทำให้ตลิ่งฝั่งไทยถูกกัดเซาะมาอย่างยาวนาน

 

ตร.ปทุมฯ รวบ! สาวแสบหลอกขายมือถือออนไลน์ ก่อนเชิดเงินหนี พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 7 ล้านบาท

สถานีตำรวจภูธรสามโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงจับกุมตัว นางสาวรุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23 ปี  ที่อยู่ 390 ถนนคลองเรียน 1 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงชลา ตามหมายจับ จำนวน 2 หมาย ดังนี้ 1.หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 133/2564 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ 2.หมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 330/2564 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” โดยทางเจ้าหน้าที่ตามจับกุม นางสาวรุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23ปี  ได้ที่จับกุม หน้าบ้านเลขที่ 429/6 ถนนธรรมนูญวิถี ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และในวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 14.30 น.ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมาที่ สถานีตำรวจภูธรสามโคก จังหวัดปทุมธานี

ด้านพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้านให้แก่ประชาชนและเป็นภัยต่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์(Social Media) เป็นจำนวนมาก ตำรวจภูธรภาค 1 ได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมชุดสืบสวน สภ.สามโคก ทำการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับ ผู้กระทำความผิด โดยการหลอกลวงประชาชน โดยใช้สื่อสังคมอนไลน์(Social Media )

กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สามโคก ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.รุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23 ปี  ที่อยู่ 390 ถนนคลองเรียน 1 ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงชลา ตามหมายจับ จำนวน 2 หมาย ดังนี้

1.หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 133/2564 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ

2.หมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 330/2564 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”

โดยทางเจ้าหน้าที่ตามจับกุม นางสาวรุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23ปี จึงได้นำตัวมาที่ สถานีตำรวจภูธรสามโคก จังหวัดปทุมธานี พฤติการณ์ กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ น.ส.รุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ (ผู้ต้องหา) ได้ประกาศหลอกขายสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น เอ็กซ์อาร์ (Iphone XR) สีดำ ขนาด 64 Gb ในราคาประมาณ 11,000-12,000 บาท ในแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรม(Instagram) ที่รับฝากขายสินค้าประเภทไอที ซึ่ง น.ส.รุ้งไพลินฯ ผู้ต้องหา ได้ลงรายละเอียดของข้อมูลสินค้าพร้อมข้อมูลการ ติดต่อซื้อ-ขายสินค้าระหว่างกัน

โดยเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและสนใจซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ฯที่น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ที่ประกาศเอกสารประชาสัมพันธ์หลอกขาย ผู้เสียหายจะไปติดต่อซื้อโทรศัพท์ฯกับน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์(Line)กับตัวน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา โดยระหว่างที่พูดคุยซื้อ-ขายกันอยู่นั้น น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จะใช้กลอุบายสร้างความน่าเชื่อถือ ว่ามีสินค้าฯจริง และจะแถมอุปกรณ์เสริมจำนวนหลายรายการให้ ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และแรงจูงใจ ในการซื้อโทรศัพท์ฯให้กับผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้ตกลงราคาซื้อ-ขายแล้วเรียบร้อยแล้ว น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จะส่งบัญชีธนาคารของน.ส.รุ้งไพลินฯ ให้กับผู้เสียหายไว้สำหรับโอนเงินชำระค้าโทรศัพท์ฯ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินให้กับน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาไป น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา)ไม่ยอมส่งสินค้าโทรศัพท์ฯ ให้กับผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายได้ทวงถามน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ก็ได้บ่ายเบี่ยงที่จะส่งสินค้า และจะบล็อกผู้เสียหายทันที จนไม่สามารถติดต่อตัวน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา)ได้ ต่อมาผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายจับต่อศาลฯ ตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อสืบสวนติดตามตัวน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 14.30 น. จากการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 469/6 ถนนธรรมนูญวิถี ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึง และพบน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว ทางเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้เข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ โดย น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) รับเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับในคดีนี้มาก่อน จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้แจ้สิทธิ์และข้อกล่าวหา ตามหมายจับ ให้น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาทราบ ว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ทางด้าน น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาทราบและเข้าใจดีแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

 

นครนายก - จัดพิธีบวงสรวงเบิกเนตร องค์ท้าวเวสสุวรรณ ความสูง 4.5 เมตร และพิธีทอดกฐินประจำปี 2564 ที่วัดวังบัว

ที่วัดวังบัว ตำบลพิกุลออก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก พระสมุห์อำนาจ โฆสธมฺโม เจ้าอาวาสวัดวังบัว ประกอบพิธีบวงสรวงเบิกเนตรและมอบถวายองค์ท้าวเวสสุวรรณ  ซึ่งประดิษฐานหน้าซุ้มประตูวัด และพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 โดยมี คุณพ่อสงคราม คุณแม่สำรวย ธารไพฑูรย์ ประธานจัดสร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณ พร้อมด้วย นางสาวภริม พูลเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ เขต3 คุณแม่ภรภัทร พูลเจริญ พร้อมคณะผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธี

เริ่มพิธีบวงสรวง คุณพ่อสงคราม คุณแม่สำรวย ธารไพฑูรย์ ประธานจัดสร้าง จุดธูปเทียนบูชาที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง พราหมณ์ทำพิธีอันเชิญเทพยดาเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระครูโสภณนาคกิจ เจ้าคณะอำเภอบ้านนา เจ้าอาวาสวัดช้าง ประธานฝ่ายสงฆ์ ขึ้นรถกระเช้าทำพิธีเบิกเนตรองค์ท้าวเวสสุสวรรณ ซึ่งที่มีความสูง 4.5 เมตร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์โปรยข้าวตอกดอกไม้ งบประมาณจัดสร้าง 200,000 บาท จากนั้น ศรราม น้ำเพชร พระเอกลิเกชื่อดัง ได้รำถวายองค์ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งทำให้ผู้ที่มาร่วมในพิธีต่างฮือฮา เข้ามาดูพระเอกลิเกชื่อดังและขอถ่ายภาพ

 

กรุงเทพฯ - โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ป้องกัน COVID – 19 ให้กับนักเรียน โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสำนักอนามัย

วันนี้ ( 25 ต.ค.64) กองทัพเรือ โดยโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา กรมแพทย์ทหารเรือ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19 ไฟเซอร์ (Pfizer) แก่นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและปวช. ณ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID – 19 ให้กับนักเรียนในครั้งนี้ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ บางนา กรมแพทย์ทหารเรือ ได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อฉีดวัคซีนรองรับการเปิดโรงเรียนในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง ซึ่งในเบื้องต้นจะทำการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ถึง วันที่ 28 ตุลาคม 2564 โดยนักเรียนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID – 19 ไฟเซอร์ (Pfizer) ในครั้งนี้ เป็นนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ ปวช ที่สมัครใจฉีดวัคซีน ทั้งหมด 885 คน

วันที่ 25 ตุลาคม 2564 โรงเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยีเกษมสันต์บริหารธุรกิจ  246 ราย

วันที่ 26 ตุลาคม 2564 โรงเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยีเกษมสันต์บริหารธุรกิจ  246 ราย

วันที่ 27 ตุลาคม 2564 โรงเรียน ศุภกรณ์วิทยา 174 ราย

วันที่ 28 ตุลาคม 2564 โรงเรียน อ้ามานะห์ศึกษาศาสน์  23 ราย และ โรงเรียน สรรพาวุธวิทยา 196 ราย

 

นครนายก - ‘ต่าย อรทัย’ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ร่วมกับแฟนเพจ นำปัจจัยร่วมทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ที่วัดวังยายฉิม

ที่ศาลาการเปรียญ วัดวังยายฉิม ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นางสาวอรทัย ดาบคำ หรือ ต่าย อรทัย นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง พร้อมครอบครัวและคณะ ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 โดยมี คุณแม่ทองใบ โห่ยุทธการ คุณจารุวรรณ์ จันทร์เจียม คุณแม่ระเบียบ ศิริงาม คุณพ่อสำเนียง โกศลจิตร เป็นเจ้าภาพกฐินใหญ่ โดยต่าย อรทัย ได้รวบรวมปัจจัยส่วนตัวและจากแฟนเพจที่ได้ร่วมทำบุญมา และเป็นตัวแทนนำมามอบถวาย ซึ่ง ต่าย อรทัย ได้เคยมาร่วมทำบุญเททองหล่อพระที่วัดวังยายฉิมแล้วครั้งหนึ่ง และเกิดความศรัทธาเพราะวัดวังยายฉิมเป็นวัดเล็ก ๆ และเป็นวัดเก่าแก่ที่รอการบูรณะซ่อมแซม

ซึ่งงานบุญกฐินปีนี้ทางวัดต้องการนำปัจจัยไปสร้างห้องน้ำหลังใหม่ จำนวน 20 ห้อง เพื่อไว้รองรับผู้ที่มาปฎิบัติธรรมและผู้ที่มาทำบุญที่วัดวังยายฉิม สำหรับยอดกฐินที่ได้จำนวน 922,253 บาท ต่าย อรทัย ได้เข้าถวายแด่ พระมหาพิทักษ์ คุณากโร เจ้าอาวาสวัดวังยายฉิม เพื่อสมทบทุนสร้างห้องน้ำหลังใหม่ จำนวน 20 ห้อง และบูรณะปฏิสังขรณ์ที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและถาวรวัตถุ จรรโลงพระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนต่อไป  โดยผู้เข้าร่วมในพิธี ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด อย่างเคร่งครัด

เปิดประวัติ “โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” หลังประกาศปิดสถานศึกษา เลิกกิจการโรงเรียน สิ้นปีการศึกษา 2564 นี้ เนื่องจากขาดทุนอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

"โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี" ระบุว่า โรงเรียนมีความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่าคณะกรรมการบริหารโรงเรียนอํานวยศิลป์ธนบุรี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้พิจารณาและมีมติที่จะปิดสถานศึกษา ณ สิ้นปีการศึกษา 2564 (สิ้นเดือนเมษายน 2565) เนื่องจากโรงเรียนประสบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง และยิ่งมาประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ซึ่งยาวนานกว่าที่คาดคิด โรงเรียนจึงยิ่งประสบปัญหาสภาพคล่อง ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากมูลนิธิอํานวยศิลป์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนโรงเรียนตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงเรียนจึงพิจารณาคืนเงินค่าแรกเข้าที่จ่ายให้โรงเรียนและเงินบริจาคที่มอบให้แก่มูลนิธิอํานวยศิลป์ จิตร- เอิบ ทั้งสุบุตร ให้ตามที่ได้จ่ายจริง 

โดยจะทําการคิดเป็นส่วนลดของค่าเทอมของภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2564 นี้ เว้นแต่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในการนี้ฝ่ายบัญชีจะทําหนังสือแจ้งรายละเอียดแก่ผู้ปกครองแต่ละท่านเป็นรายบุคคลอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ "โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี" ปิดกิจการ ได้ทําการสํารวจข้อมูลเบื้องต้นของโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้พิจารณา โรงเรียนพร้อมให้ความช่วยเหลือในการประสานงานกับโรงเรียนที่ผู้ปกครองสนใจ หรือหาข้อมูลของโรงเรียนอื่นเพิ่มเติม

ย้อนประวัติ "โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี"

“โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” จัดตั้งขึ้นได้เนื่องจากได้มีผู้ปกครองนำนักเรียนมาขอสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ ปากคลองตลาด จังหวัดพระนคร เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งทางโรงเรียนไม่สามารถรองรับความต้องการได้ เพราะสถานที่จำกัดขยายออกไปไม่ได้อีก รวมถึงสมัยนั้นทางรัฐบาลมีโครงการตัดถนนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเข้ามาในแนวโรงเรียนต้องเสียห้องเรียนไปจำนวน 12 ห้องเรียน

อาจารย์ จิตร ทังสุบุตร เจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนอำนวยศิลป์จึงพิจารณาจัดหาสถานที่สร้างโรงเรียนแห่งใหม่ เพื่อให้นักเรียนมีสถานที่เล่าเรียนเป็นหลักฐาน เป็นที่เชื่อถือของประชาชน  โดยกระทรวงศึกษาธิการวางหลักเกณฑ์ไว้ว่าเจ้าของและผู้จัดการ ครู นักเรียนจะต้องเป็นชุดเดียวกันจากโรงเรียน “อำนวยศิลป์” และอนุญาตให้เปิดสอนได้ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งยังกำหนดคุณสมบัติของครูใหญ่ไว้เป็นพิเศษ

ด้วยเหตุนี้ “โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” จึงได้รับการรองรับวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล ทันทีที่เริ่มการเปิดสอน พร้อมกับโรงเรียนอำนวยศิลป์ที่ตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2469 และได้รับรองวิทยฐานะ เมื่อ พ.ศ. 2475 นับว่าเป็นโรงเรียนราษฏร์แห่งแรกในจังหวัดธนบุรีที่ได้รับการรับรอง

“โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี” ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเลขที่ 82/2482 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2482 ได้โอนนักเรียนที่สมัครใจจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ซึ่งมีภูมิลำเลาในจังหวัดธนบุรี ใกล้กับโรงเรียนจำนวน 189 คน ครูและเจ้าหน้าที่ รวม 15 คน เปิดทำการสอนวันแรกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2482 ได้นิมนต์พระคุณเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม จังหวัดธนบุรี เป็นประธานเจิมป้าย เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2482

ใครสนใจอยากเรียนจิตวิทยาต้องรู้ จิตวิทยามีกี่สาขา เปิดที่ไหน ต้องสอบอะไรบ้าง? ไปดูกัน!!

เสพข่าวมากไป เสพสื่อมากไป กระทบจิตใจมากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะวัยรุ่นยุคนี้ ที่เรื่องราวมากมายประดังประเดเข้ามา การตั้งคำถามถึงวิธีการรับมือและแก้ไขภาวะจิตใจที่แปรปรวนนี้จะทำได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้นความสนใจอยากเรียนด้านจิตวิทยาก็มีมากขึ้นด้วย 

ก่อนอื่นมารู้จักประโยชน์ของจิตวิทยาก่อน 
 1. ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ความต้องการ การแก้ปัญหา การปรับตัว อารมณ์และความรู้สึกในสถานการณ์ต่างๆ

 2. ช่วยในการแก้ปัญหาทางจิต รู้จักวิธีรักษาสุขภาพจิตได้ดี สามารถเอาชนะปมด้อยต่างๆ รู้วิธีแก้ปัญหาและปรับตัวอย่างเหมาะสม ขจัดความขัดแย้งในใจได้และความวิตกกังวลได้

 3. สามารถเข้าใจ ตัดสินใจ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลในสังคม

 4. ช่วยในการวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม

จิตวิทยามีหลายสาขานะ รู้ยัง?

จิตวิทยาคลินิก
เมื่อเราเรียนจบสาขานี้มา สามารถเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนในตำแหน่ง นักจิตวิทยาคลินิก ทำหน้าที่ให้การปรึกษา พูดคุย ช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีสุขภาพจิตไม่ปกติไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความเครียดจากการทำงาน ผู้ที่มีความวิตกกังวล ไปจนถึงการบำบัดผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ให้ทุกคนคืนสู่สภาพจิตใจที่สมบูรณ์และปรับตัวเข้ากับสังคมได้ 

หนทางในการเป็นนักจิตวิทยาคลินิกก็อาจจะต้องฝ่าฟันกันพอสมควร ถึงแม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงเรียนครบจบ 4 ปีแล้ว แต่ก็ต้องอบรมหลักสูตรฝึกอบรมเฉพาะทาง (Internship) จัดโดยคณะกรรมการวิชาชีพสาขาจิตวิทยาคลินิก อย่างน้อยเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อสอบใบประกอบโรคศิลปะด้วย
 

จิตวิทยาชุมชน
หากจิตวิทยาคลินิกคือ Healer จิตวิทยาชุมชนก็ถือเป็น Protector เพราะเน้นไปที่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคลให้ดีขึ้น และเมื่อทุกคนเข้มแข็ง ก็จะนำพาให้ชุมชนแข็งแกร่งตามไปด้วย โอ้โห ภารกิจของคนเรียนสาขานี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ

เมื่อจบสาขานี้ เพื่อนๆ สามารถเป็นนักวิชาการที่ศึกษาและพัฒนาชุมชนได้นะ บางคนก็เน้นทำงานฝึกอบรม หรือเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตามหน่วยงานต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งบริษัทเอกชน และหน่วยงานรัฐบาลเปิดรับอยู่เยอะเลย เรียนไปไม่ตกงานชัวร์ๆ

จิตวิทยาพัฒนาการ
เพื่อนๆ ที่สนใจเกี่ยวกับผู้คนในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก วัยรุ่น หรือผู้สูงอายุ ขอแนะนำสาขานี้เลยจ้ะ เพราะศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรา โดยมีแนวคิดที่ช่วยส่งเสริมให้วัยนั้น ๆ มีความสุขและมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ในประเทศไทยจะเน้นไปที่จิตวิทยาวัยรุ่นกันซะเยอะ สามารถต่อยอดเป็นคุณครูแนะแนวได้อยู่นะ หรือจะทำงานคู่กับคุณหมอเด็กและวัยรุ่นก็ได้เช่นกัน

นำร่องแล้ว 29 โรงเรียน โดยเอกชนร่วมพัฒนาเครื่องมือเอไออัจฉริยะ Data and Impact Assessment, Monitoring and Development System วิเคราะห์การเรียนรู้ของนักเรียน ผ่านข้อสอบตามตัวชี้วัด และแบ่งเบาภาระงานของครู

การนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาอยู่ในระบบการเรียนการสอนในห้องเรียนนั้น จะช่วยสร้างการเรียนรู้ของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น โดยการใช้ข้อมูลมาสร้างข้อสอบที่เหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน ( Personalized Test ) เพื่อประเมินการเรียนรู้ให้ตรงจุดที่สุด

ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตจากนักวิชาการด้านการศึกษา อย่าง ดร.ดาริกา ลัทธิพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ถ้าห้องเรียนมี AI Video Analytics แบบ Real-Time จะเป็นอย่างไร ?

เพื่อให้เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด เทคโนโลยี AI สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายได้ตลอดเวลา ใครมีไข้สูงจะแจ้งเตือนทันที  หรือระหว่างการสอน AI จะช่วยตรวจดูและแจ้งเตือนว่า มีเด็กคนไหนถอดหรือสวมหน้ากากอนามัยไม่ถูกต้องมั้ย อาจารย์ก็สามารถเข้าไปกำชับเรื่องสวมหน้ากากได้

AI Video Analytics ยังเข้ามาทดแทนระบบเช็กชื่อเข้าเรียนแบบเดิมที่ทั้งเสียเวลา และตัดปัญหาเช็กชื่อแทนเพื่อน รวมทั้งมีระบบวิเคราะห์ Attention & Learning Engagement จากพฤติกรรมของผู้เรียน เช่น ในห้องมีใครหลับมั้ย มีเด็กก้มหน้าเล่นเกม เล่นมือถืออยู่กี่คน ซึ่งไม่ใช่การจับผิดนะคะ แต่เป็นการบอกให้อาจารย์รู้ว่าสอนแบบนี้ไม่เวิร์ก ตอนนี้เด็กเริ่มเบื่อแล้ว ควรปรับวิธีการสอนหรือหากิจกรรมอื่นมาแทรก เพื่อยกระดับผลลัพธ์ของการเรียนรู้ และสร้างแรงจูงใจให้ผู้สอนมีการปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การเรียนออนไลน์ก็เช่นกัน อีกไม่นานเราคงได้เห็นการใช้ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมมากขึ้น เช่น สอนอยู่มีเด็กหายไปมั้ย Active อยู่กี่คน หรืออาจจะถึงขั้นตรวจจับทิศทางการมองเพื่อดูว่าเด็กกำลังโฟกัสกับเนื้อหาอยู่หรือไม่

นราธิวาส - รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการทอดกฐินประจำปีครั้งแรกของวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จัดขึ้นเพื่อให้ผู้มีจิตและกำลังศรัทธา ถวายปัจจัยสมทบทุนเพื่อนำไปบูรณะทำนุบำรุงศาสนสถาน พัฒนาวัดให้เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ ของพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่  โดยมีพระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาสวัดศรีภิญโญศรัทธาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, พร้อมด้วยพลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,ส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมในพิธี  โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในบริเวณรอบวัดร่วมช่วยประกอบอาหาร แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงาน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชน 2 วีถี มีทั้งไทยพุทธไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตราการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับประเพณีการทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสืบทอดอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการทำบุญและปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเกิดความรักความหวงแหนในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามต่อไป โดยปัจจัยที่ได้จากบริวารกฐิน ซึ่งมียอดรวม 999,999 บาท นั้นทางวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จะนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

 

นครราชสีมา - “นิพนธ์” กำชับ! บริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคองให้เหมาะสม ลดผลกระทบพื้นที่เศรษฐกิจโคราช และเก็บกักน้ำเพื่อใช้อุปโภค-น้ำการเกษตร มั่นใจปีหน้ามีน้ำใช้เพียงพอ!!

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่เขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันยังคง มีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 316 ล้าน ลบ.ม. หรือ 103 % ของพื้นที่ความจุยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 50 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคาดการณ์ในช่วงวันที่ 27-28 ต.ค นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนลำตะคองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อำเภอพิมายที่เป็นจุดรับน้ำหลายสาย และไหลต่อไปยังอำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ได้กำชับให้กรม ปภ. จังหวัดนครราชสีมา ผอ.ชลประทานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะชุมชนเขตเศรษฐกิจตัวเมืองโคราช ร้านค้า ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ศาสนสถาน โบราณสถานต่างๆของอำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง ฯลฯให้เร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เพื่อลดผลกระทบจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองในวันพรุ่งนี้ 25 ต.ค. ซึ่งได้สั่งการให้ปภ.เป็นผู้ประสานงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในพื้นที่ และเคลื่อนย้ายเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงให้มีความพร้อมปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุฯ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ในการเพิ่มการระบายน้ำในวันพรุ่งนี้ พี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ฝ่ายปกครองได้ประสานท้องถิ่นในการแจ้งเตือนประชาชนผ่านทุกช่องทางให้ทุกครัวเรือนทราบถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ การเฝ้าระวังสถานการณ์พายุลูกใหม่และเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอำเภอพิมาย ที่น้ำแต่ละสาขาจะไหลไปรวมกัน กระทบต่อโรงพยาบาล โบราณสถาน เป็นต้นก็เร่งได้ให้เตรียมการป้องกันแล้ว"

 

พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ประทานผ้ากฐินสามัคคี ให้หม่อมราชวงศ์ ปณิธาน จรูญโรจน์ นำมาถวาย ณ วัดเกาะเกรียง

(24 ต.ค.​ 64)​ พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ประทานผ้ากฐินสามัคคี ให้หม่อมราชวงศ์ ปณิธาน จรูญโรจน์ นำมาถวาย ณ วัดเกาะเกรียง ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี

โดยมีพระมหาบัญญัติ สุจิตฺโต ดร. พร้อมด้วยพลตรีหญิงมาลินี พิพิธกลุ, คุณนภัทร์ อมรเรืองวาณิชย์, คุณแม่สมบูรญ์ชาติ ขำเมือง, คุณสิทธิศักดิ์ อุดมชัยรัตน์, คุณธรกฤต ธนิศรานนท์, ดร.ณัฎฐ์นรี ศรีสมบูรณ์ และ ประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

ภายในงานมีประชาชนได้ร่วมตั้งโรงทานกว่า 60 โรงทานเพื่อแจกอาหารคาว,​ หวานและเครื่องดื่มให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคีได้รับประทานฟรีตลอดทั้งวัน

ต่อจากนั้นหม่อมราชวงศ์ ปณิธาน จรูญโรจน์ และ ผู้เข้าร่วมงานก็ได้นำกองกฐินเดินเวียนรอบโบสถ์ จำนวน 3 รอบแล้วได้นำกองกฐินสามัคคีเข้าไปในศาลาการเปรียญและหม่อมราชวงศ์ ปณิธาน จรูญโรจน์ ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์อนุโมทนาพร หลังเสร็จพิธีสงฆ์ ผู้เข้าร่วมงานได้นำกองกฐินถวายแก่พระมหาบัญญัติ สุจิตฺโต,​ ดร.ประธานฝ่ายสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดเกาะเกรียง เพื่อนำจตุปัจจัยดำเนินการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมหลังใหม่ ภายในวัดเกาะเกรียง

ซึ่งปัจจุบันทางวัดเกาะเกรียงได้มีการสอนและฝึกนั่งสมาธิ โดยใช้หลักสติปัฏฐานสูตรในการฝึกสติและการฝึกภาวนา มีการสอนทั้งพระภิกษุและสาธุชนที่สนใจมาเข้าร่วมการปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปฏิบัตินั้นจะใช้ศาลารับรอง แต่เนื่องจากสถานที่มิอาจเอื้ออำนวยและไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม รวมทั้งมีคณะสาธุชนเดินทางมาร่วมเป็นจำนวนมาก ทางหลวงพ่อเจ้าอาวาส จึงมีความคิดในการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมหลังใหม่ขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ในการเหมาะแก่การนั่งเจริญสติกรรมฐาน และเป็นสถานที่รับรองเพียงพอแก่คณะสาธุชนที่มาร่วมปฏิบัติ

สตูล ตำรวจน้ำสตูลจัดกิจกรรมตามโครงการน้อมสำนึกถึงพระเมตา ตามรอยสมเด็จย่ากับตำรวจน้ำไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ครบรอบ 121 ปี ประจำปี 2564

พ.ต.อ. จตุรวิทย์ คชน่วม ผู้กำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.ท. บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. มอบหมายให้พันตำรวจโท ศิโรดม สนุ่นดี สารวัตร สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ.ส.รน.3 กก.9 บก.รน และจิตอาสาตำรวจน้ำ,ตำรวจท่องเที่ยว จัดกิจกรรมตามโครงการน้อมสำนึกถึงพระเมตา ตามรอยสมเด็จย่ากับตำรวจน้ำไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ครบรอบ 121 ปี โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานพิธีเปิดพร้อมด้วยนาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูล ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบสตูล จัดขึ้น ณ เกาะหลีเป๊ะ โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จ.สตูล 

พันตำรวจโท ศิโรดม สนุ่นดี สารวัตร สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกับกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยได้ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์พร้อมจิตอาสาตำรวจน้ำ จัดกิจกรรมในครั้งนี้มีการตรวจสุขภาพให้ประชาชนบนเกาะหลีเป๊ะ เพื่อให้ประชาชนได้รู้และรำลึกถึงการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสมเด็จย่า ที่มีพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งน้อยคนที่จะทราบว่าครั้งหนึ่งพระองค์ท่านได้เสด็จทางทะเล โดยประทับเรือของตำรวจน้ำเพื่อเสด็จเยี่ยมราษฎรและช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดาร  

สมุทรปราการ- “ผู้ว่าสมุทรปราการ” รวมพลังจิตอาสา พัฒนาลำคลอง กำจัดผักตบชวา  ถวายพระราชกุศล เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม

ที่บริเวณลานกิจกรรม  โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (ฝ่ายมัธยม) ต.แพรกษา  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  นายวันชัย  คงเกษม  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา  นำหัวหน้าส่วนราชการ   ปลัดอำเภอ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง  ผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา  ข้าราชการตำรวจ  จิตอาสาพระราชทาน  และประชาชนร่วมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองถวายความจงรักภักดีและแสดงความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี  เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 23  ตุลาคม 2564 ณ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (ฝ่ายมัธยม)  

จากนั้น  นายวันชัย  คงเกษม  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  พร้อมด้วย  นายชัยพจน์  จรูญพงศ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  นำหัวหน้าส่วนราชการ  ปลัดอำเภอ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง  ผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา  ข้าราชการตำรวจ  จิตอาสาพระราชทานและประชาชน  ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมทั้งกล่าวคำปฎิญาณ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ”

จากนั้น  นายวันชัย  คงเกษม  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  นายชัยพจน์  จรูญพงศ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  นำหัวหน้าส่วนราชการ  ปลัดอำเภอ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง  ผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา  ข้าราชการตำรวจ  กลุ่มจิตอาสาพระราชทานและประชาชน  ร่วมลงพื้นที่ภายในบริเวณคลองหกส่วนร่วมกันทำความสะอาดลำคลอง  กำจัดผักตบชวาและทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top