Monday, 19 May 2025
SPECIAL

“ตม.จว.สุราษฎร์ธานี” สนองนโยบาย ผบ.ตร.- ผบช.สตม. นำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ (BMW) ออกตรวจเข้ม!! จับกุมชาวอังกฤษอยู่เกินวีซ่าหลบในไทย ถูกดำเนินคดีและผลักดันส่งกลับ ติดแบล็คลิสยาว 5 ปี

วันนี้ 16 ต.ค.2564 เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี แถลงผลการจับกุมบุคคลต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย โดย ผกก.ตม.จว. สุราษฎร์ธานี สั่งการการให้ พ.ต.ท.ชาตรี ชูแก้ว รองผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ อํานาจเจริญยิ่ง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.สิริวัฒน์ สมหวัง รองสว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, ร.ต.ท.ประมุข กองกุล รอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, ด.ต.ภรภัทร เมืองชู, ด.ต.ธเนศพล สำลี, ด.ต.สิทธิชัย รอดเอียด และ ส.ต.อ.พนมกร สากุลา ผบ.หมู่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ BMW ออกตรวจพื้นที่ตามมาตรการป้องกันปราบปรามการกระทำผิด เพื่อป้องกันผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

โดยเมื่อวันที่ผ่านมาได้ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Craig Campbell อายุ 43 ปี สัญชาติ บริติช ได้ที่บริเวณ ริมถนนโฉลกรัฐ10/2 หมู่ 2 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จว.สุราษฎร์ธานี โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกินกำหนดอนุญาต 349 วัน)” และในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวผู้ถูกจับนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และเมื่อคดีสิ้นสุดจะถูกผลักดันส่งกลับประเทศ และถูกห้ามกลับเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี 

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของพล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ประพันศักดิ์ประสานสุข ผบก.ตม.6 ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และเน้นย้ำให้เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกันปราบปรามบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยแล้วกระทำผิดกฎหมาย  ซึ่งถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่เชื่อว่าเป็นภัยต่อสังคมหรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศได้ 

เจ็บ...ไม่จบ!! Long Covid แผลเป็นแห่งโควิด กับ ชีวิตที่ยากจะเหมือนเดิม | LOCK LENS GURU EP.50

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง

???? พบกับ กูรู ‘กภ.คณิต คล้ายแจ้ง’ นักกายภาพ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลศิริราช

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021100202

“Luxury Train” ยกระดับการเดินทางของผู้มีเงินและความสุนทรี...ด้วยรถไฟขบวนหรู

หลายท่านอาจจะนึกถึงภาพการเดินทางด้วยรถไฟที่ช้า ไม่ตรงต่อเวลา และรถที่มีสภาพเก่า แต่ยังมีรถไฟบางขบวนที่ให้บริการเหมือนกับโรงแรมห้าดาวที่สามารถเคลื่อนที่ได้ มีห้องพักที่หรูหราและสะดวกสบาย ให้บริการอาหารที่ปรุงด้วยเชฟฝีมือเยี่ยม และมีการแวะเที่ยวสถานที่สำคัญที่อยู่สองข้างทาง ทำให้การเดินทางด้วยขบวนรถไฟเหล่านี้ไม่ได้เน้นไปให้ถึงจุดหมายการเดินทาง แต่เน้นการท่องเที่ยวและพักผ่อนระหว่างการเดินทาง แถมด้วยขบวนรถแบบนี้ยังมีให้บริการในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งรถไฟแบบนี้เรียกกันว่า “Luxury Train”

ในอดีตการเดินทางด้วยรถไฟในเส้นทางที่ยาวไกลไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร เนื่องจากผู้โดยสารต้องนั่งหลับบนที่นั่งของตนเอง และที่นั่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถปรับเอนได้ ต่อมา ‘George M. Pullman’ จึงเห็นโอกาสทางธุรกิจและเปิดให้บริการขบวนรถ “Pioneer” ที่มีห้องโดยสารสามารถปรับเป็นที่นอนได้ขบวนแรกในปี 1865 โดยเริ่มต้นการให้บริการระหว่างเมืองชิคาโกและสปริงฟิลด์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และในสองปีถัดมา Pullman ได้เปิดให้บริการ Hotel train ที่นอกจากเป็นรถไฟตู้นอนแล้ว ยังมีบริการห้องอาหาร ที่แต่เดิมนั้นผู้โดยสารต้องลงไปซื้ออาหารตามสถานี 

เมื่อขบวนรถไฟแบบนี้เริ่มได้รับความนิยมจึงมีผู้ให้บริการหลายรายออกแบบและเพิ่มเติมความหรูหรารวมถึงความสะดวกสบายต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกและความหรูหราเหล่านั้น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรถไฟของตน และสามารถเก็บค่าโดยสารได้สูงขึ้นจึงเป็นจุดกำเนิดของ “Luxury Train”

ภาพจาก: https://www.historyhit.com/what-was-it-like-to-ride-a-victorian-luxury-train/

ถึงแม้ในปัจจุบัน จะมีทางเลือกการเดินทางได้หลายแบบที่ใช้ระยะเวลาน้อยกว่า และค่าโดยสารถูกกว่า แต่การให้บริการรถไฟหรูก็ยังคงมีอยู่ในหลายเส้นทาง เพราะการใช้บริการรถไฟแบบนี้เน้นการได้รับประสบการณ์ระหว่างการเดินทางพร้อมกับสิ่งอำนวยครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ที่บางห้องติดตั้งอ่างอาบน้ำด้วย ห้องอาหารที่ให้บริการแบบ fine dinning จากเชฟมากฝีมือ ห้องนั่งพักผ่อนสำหรับจิบชายามบ่าย นอกจากนั้นบางขบวนยังมีรถชมวิวที่เปิดโล่งเพื่อให้สัมผัสได้ถึงอากาศภายนอก หรือห้องสปาสำหรับผ่อนคลายจากการเดินทาง ในวันนี้จึงขอแนะนำตัวอย่างขบวนรถไฟหรูที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว

มาเริ่มต้นกันด้วยรถที่ให้บริการในทวีปยุโรป นั้นคือขบวน “Venice Simplon-Orient-Express” ที่ให้บริการระหว่างลอนดอนและเวนิส ซึ่งรถไฟสายนี้ยังเป็นฉากดำเนินเรื่องในนวนิยาย Murder on the Orient Express ของ ‘อกาธา คริสตี้’ นักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนชื่อดัง ผ่านวิวที่สวยงามของประเทศในยุโรป โดยเฉพาะช่วงระหว่าง Brenner และ Innsbruck ในประเทศออสเตรีย ส่วนของห้องพักที่ให้บริการมีทั้งแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่ นอกจากนั้นยังมีห้องสูทที่มีการตกแต่งเป็นรูปแบบเฉพาะอีก 6 ห้อง และตั้งชื่อตามเมืองต่าง ๆ ที่รถไฟขวบวนนี้เคยวิ่งผ่าน โดยการเดินทางใช้ระยะเวลา 2 วัน มีค่าโดยสารเริ่มต้นที่คนละ 110,000 บาท

ภาพจาก: www.belmond.com

ข้ามฝั่งไปที่ประเทศแคนาดา ก็มีรถไฟหรูที่มีชื่อเสียงอย่างขบวน “Royal Canadian Pacific” ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และเคยให้การต้อนรับราชวงศ์และผู้นำประเทศหลายครั้ง ในส่วนของโปรแกรมการเดินทางก็มีให้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเลาะริมเทือกเขาร็อกกี้ ที่ใช้ระยะเวลาเดินทาง 5 วัน หรือโปรแกรม 4 วัน ที่ให้เลือกว่าจะไปเส้นทางริมมหาสมุทรแปซิฟิกหรือผ่านทุ่งหญ้าแพร์รี่ โดยมีค่าโดยสารเริ่มต้นคนละ 300,000 บาท

ภาพจาก: www.royalcanadianpacific.com

ลงใต้ไปที่ประเทศเปรูก็มีรถไฟหรูอย่างขบวน “Belmond Andean Explorer” ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการในปี 2017 และเป็นรถไฟ Luxury Train ขบวนแรกที่ให้บริการในอเมริกาใต้ ให้บริการบนเส้นทางที่ราบสูงเปรูที่มีระดับความสูงไม่น้อยกว่า 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดังนั้นในห้องพักทุกห้องจึงต้องมีจุดจ่ายออกซิเจนเพราะอากาศในที่สูงจะเบาบางกว่าปกติ และอาจมีอาการแพ้ความสูง (Altitude sickness) ได้ นอกจากนั้นยังมีสปาบนรถเพื่อการผ่อนคลายระหว่างการท่องเที่ยว ในส่วนโปรแกรมการท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ทั้งแบบ 2 วัน เพื่อชมวิวของเทืองเขาแอนดิส หรือ 3 วันเพื่อไปท่องเที่ยวอารยธรรมอินดาและทะเลสาบติติกากา โดยมีค่าโดยสารเริ่มต้นคนละ 36,000 บาท

ภาพจาก: www.belmond.com

ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด!! ด้วย “CBDC” สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง

จากกระแสในโลกคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอย่างแพร่หลาย และในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบ โดย Disrupt ให้เกิดการปรับตัวอย่างรุนแรงทั้งภาคการเงิน การธนาคาร และการลงทุน โดยสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันที่มีมากกว่า 1,500 ชนิด พบว่า 5 สกุลเงินที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงสุด ประกอบด้วย Bitcoin , Ethereum , Ripple , Bitcoin Cash และ Litecoin 

แต่อย่างไรก็ตามในหลายประเทศทั่วโลกและในประเทศไทยสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวยังถูกจัดประเภทเป็นเพียงสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ต้องซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่านหน่วยงานที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวสูง และราคามีความผันผวนสูงมาก 

ดังนั้น ธนาคารกลางทั่วโลกและในประเทศไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย จึงทำการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่จัดประเภทเทียบเท่ากับเงินสด มีคุณสมบัติในการเป็นสื่อกลางเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ตามกฎหมาย สามารถรักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ เพื่อยกระดับระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ

Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ หรือบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะเป็นตัวแทนของเงินได้จริง ๆ มีวัตถุประสงค์ ได้แก่ 
(1.) ป้องกันการผูกขาดและลดความเสี่ยงในระบบการชำระเงินจากภาคเอกชนภายใต้แนวโน้มของสังคมไร้เงินสดที่เพิ่มมากขึ้น 
(2.) ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการชำระเงิน 
(3.) เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับภาคประชาชน ที่ธนาคารกลางสามารถกำหนดรูปแบบของ CBDC ได้อย่างเหมาะสม  

กระเป๋ามหาประลัย ที่กุมชะตาชีวิตของชาวโลก!! “Football & Cheget”

ประชากรกว่าเจ็ดพันล้านคนบนโลกใบนี้ ส่วนใหญ่แล้วไม่รู้ว่า ชะตากรรมของโลกขึ้นอยู่กับกระเป๋าเพียงสองใบ ใบแรกคือ “Football” อีกใบคือ “Cheget” ครั้งนี้จึงขอเล่าเรื่องราวของกระเป๋ามหาประลัยที่กุมชะตาชีวิตของชาวโลกทั้งสองใบนี้!!

“Football” (Nuclear Football) เป็นชื่อเรียก กระเป๋าฉุกเฉินติดตั้งปุ่มสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นกระเป๋าเอกสารซึ่งจะใช้โดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่ออนุญาตให้มีการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ในขณะที่อยู่ห่างจากศูนย์บัญชาการคงที่ เช่น ทำเนียบขาว ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในระบบการป้องกันทางยุทธศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกนำพาและรักษาโดยนายทหารคนสนิทประจำตัวประธานาธิบดีฯ

จากข้อมูลของเว็บไซต์ businessinsider.com ได้อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ Bill Gulley เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่เคยผ่านงานอารักขาและการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบขาว ซึ่งเปิดเผยว่า กระเป๋าสีดำที่ทั่วโลกเฝ้าสงสัยใบนี้คือสิ่งสำคัญที่ส่งมอบให้ประธานาธิบดีคนแล้วคนเล่าเพื่อใช้มันในภาวะฉุกเฉินและประกอบด้วยของสำคัญ 4 อย่างคือ

1.) หนังสือปกสีดำจำนวน 75 หน้า ซึ่งบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับนิวเคลียร์ และเงื่อนไขสำหรับการตอบโต้ในกรณีฉุกเฉิน โดยรายละเอียดจะถูกพิมพ์ด้วยหมึกสีดำและแดง
2.) หนังสือสีดำอีกหนึ่งเล่มที่รวบรวมรายชื่อสถานที่หลบภัยที่มีการป้องกันระดับสูงสุดซึ่งเข้าได้เฉพาะประธานาธิบดีสหรัฐฯ เท่านั้น
3. เอกสารจำนวน 10 หน้า ที่อธิบายเกี่ยวกับการวางตัวของประธานาธิบดีเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งสิ่งที่ควรสื่อสารเมื่อทำการถ่ายทอดสดแบบฉุกเฉินด้วยตัวเอง
4. การ์ดสำหรับเข้าถึงข้อมูลรหัสระดับสูงของกระทรวงความมั่นคง (‘Biscuit’ การ์ดพลาสติกขนาด 3 คูณ 5 นิ้ว ซึ่งมีรหัสลับเพื่อยืนยันตัวตนประธานาธิบดี)

นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าอีกแบบหนึ่งที่มีเสาอากาศยื่นออกมา ซึ่งมีคำกล่าวอ้างว่า กระเป๋าใบนั้นมีอุปกรณ์สื่อสารระดับสูงติดอยู่ และภายในมีคำสั่งยิงนิวเคลียร์ติดอยู่ด้วย และเพื่อความปลอดภัยสูงสุด กระเป๋าใบนี้จึงไม่ได้ถูกถืออยู่ในมือของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยตรง แต่จะมีนายทหารติดตามรับหน้าที่ดูแลกระเป๋าใบนั้นแทน และคนที่จะมารับตำแหน่งนี้ได้ ก็ต้องผ่านฝึกงานด้านอารักขามาโดยเฉพาะ และต้องมีทักษะพิเศษที่สามารถดำเนินการยิงนิวเคลียร์ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

Football มาจากรหัสปฏิบัติการสงครามนิวเคลียร์ ‘Operation Dropkick’ เพราะการ Dropkick ต้องใช้ Football เป็นอาวุธ กระเป๋าหนังใบนี้จะอยู่กับทหารองครักษ์ของประธานาธิบดี ซึ่งต้องเดินเป็นเงาตามตัวตลอดเวลาเมื่อออกนอกสถานที่ ทั้งในเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี Air Force One, เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี Marine One และการเดินทางด้วยพาหนะอื่น ๆ โดยนายทหารติดตามนี้จะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามกำหนดครบถ้วน

Nuclear Football เริ่มมีใช้ตั้งแต่สมัย ประธานาธิบดี John F. Kennedy ในช่วงวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา Football รุ่นปัจจุบันเป็นกระเป๋าโลหะ Zero-Halliburton หนัก 20 กิโลกรัม หุ้มด้วยหนังสีดำ กระเป๋านี้เปลี่ยนมาหลายใบแล้ว Nuclear Football ที่ปลดระวางแล้วจะนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian’s National Museum of American History ในวอชิงตัน เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นถึงอำนาจและความรับผิดชอบของประธานาธิบดี 

ประธานาธิบดี George W. Bush และ Donald H. Rumsfeld รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในขณะนั้นเดินออกศูนย์บัญชาการทหารแห่งชาติ (National Military Command Center) ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2546

มีข้อมูลระบุอีกว่า จริง ๆ แล้ว Nuclear Football มีทั้งหมดสามใบ หนึ่งอยู่ที่ประธานาธิบดี ใบที่สองอยู่กับรองประธานาธิบดี และสามอยู่ที่ทำเนียบขาว เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ ประธานาธิบดีซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดจะออกคำสั่งและส่งรหัสบนการ์ด Biscuit ไปยังศูนย์บัญชาการทหารแห่งชาติ (National Military Command Center) ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (อาคาร Pentagon) โดยมีหน้าที่เฝ้าระวังภัยคุกคามนิวเคลียร์จากทั่วโลก

จากนั้นรหัสนี้จะส่งไปยังกระทรวงกลาโหม (สามารถทำการตัดสินใจแทนได้ในกรณีที่ประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร) ตามด้วยศูนย์บัญชาการฐานทัพอากาศในมลรัฐ Nebraska และตามกฎ Two-man rule ของสหรัฐฯ ผู้ดำเนินการยิงขีปนาวุธต้องยืนยันรหัสว่า รหัสที่ประธานาธิบดีส่งมาตรงกับรหัสที่เก็บรักษาไว้ โดยการยิงขีปนาวุธนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถสั่งให้ยิงไปยังเป้าหมายศัตรูทั้งหมด หรือเลือกยิงเป็นบางเมืองได้ เช่น กรุงเปียงยาง กรุงปักกิ่ง และกรุงมอสโคว์

เหล่าบรรดานายทหารที่ทำหน้าที่ถือกระเป๋า ล้วนแต่ถูกฝึกมาให้สามารถเปิดคำสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ได้ภายในระยะเวลา 2-3 นาทีเท่านั้น!!! Robert Patterson อดีตนายทหารระดับสูงที่เคยถือกระเป๋าฟุตบอลให้กับประธานาธิบดี Bill Clinton ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Associated Press ว่า “คุณจะเหมือนว่ามีความกังวลอยู่ตลอด บางครั้งผมก็เปิดมันขึ้นมาเพื่อดูว่ามันมีอะไรอยู่ภายใน เพื่อความแน่ใจ และเป็นการ Refresh ตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญราวกับเป็นการเตรียมตัวและฝึกซ้อม เมื่อถึงสถานการณ์ฉุกเฉินที่ท่านประธานาธิบดีต้องตัดสินใจบางเรื่องสำคัญ คุณสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” เพราะฉะนั้นกระเป๋าฟุตบอลนี้จะอยู่ติดตัวกับท่านประธานาธิบดีตลอด บนเครื่องบินลำเดียวกัน รถคันเดียวกัน และพออยู่ในทำเนียบขาว ก็จะอยู่ในตู้ลับปลอดภัยที่เก็บล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา!!! ตามคำบอกเล่าของ Patterson เขาเคยต้องถือกระเป๋านี้วิ่งไปรอบ ๆ ทำเนียบขาว เพราะประธานาธิบดี Clinton มักจะวิ่งออกกำลังกายรอบ ๆ ทำเนียบขาว เป็นภาพที่ทุลักทุเลพอสมควรเลยทีเดียว

ด้วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำเป็นและต้องการอำนาจการสั่งยิงหัวรบอย่างรวดเร็ว และได้ยกเรื่องนี้ขึ้นในที่ประชุมของประเทศ กระเป๋าใบนี้ จึงเป็นสิ่งที่แสดงถึงแสนยานุภาพทางการทหาร และหัวรบนิวเคลียร์ ที่ติดตามประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากรุ่นสู่รุ่นไปในทุก ๆ ที่ คนทั่วไปก็คงจะนึกว่าเป็นกระเป๋าเอกสาร หรือของใช้อะไรพวกนั้น ไม่คิดเลยว่า กระเป๋าใบนี้จะสำคัญขนาดนี้ ประมาทสิ่งของเล็ก ๆ ไม่ได้จริง ๆ ถึงจะเป็นของประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะติดตามตัวไปในทุกที่ เพราะอย่างน้อยเมื่อเดินทางกลับบ้าน กระเป๋าใบนี้จะยังคงถูกเก็บไว้ในทำเนียบขาว และถูกคุ้มกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ ไม่เคยมีใครเปิดเผยว่า กระเป๋าใบนี้ถูกเก็บเอาไว้ที่ไหน?

Cheget (ชีเกท) หรือกระเป๋าใส่รหัสยิงอาวุธนิวเคลียร์ประจำตัวประธานาธิบดีรัสเซีย ครั้งหนึ่งในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ. 2538 เจ้าหน้าที่เรดาร์ของรัสเซียที่ Olenegorsk กับงานอันน่าเบื่อในการนั่งจ้องมองกับจอเรดาร์ทั้งวันทั้งคืน แต่ทว่าวันนี้แตกต่างจากวันอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะสัญญาณเตือนบางอย่างแสดงขึ้นมาให้เห็นบนจอเรดาร์ว่า มีการตรวจพบวัตถุบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูงในทะเล Barents และมันกำลังมุ่งหน้าตรงดิ่งเข้ามาทางภาคเหนือของรัสเซีย

เมื่อพบสัญญาแจ้งการมาของวัตถุบางอย่างบนจอเรดาร์ เจ้าหน้าที่เรดาร์ของรัสเซียที่เข้าเวรอยู่ในเวลานั้น ทำการวิเคราะห์ถึงลักษณะของวัตถุและที่มาของมัน ใช้เวลาไม่นานนัก พวกเขาก็ทราบว่า วัตถุลึกลับนั้นมันคือ Missile ไม่ทราบประเภทและขนาดของมัน ข้อสันนิษฐานแรกในวินาทีนั้นของรัสเซีย พวกเขาเชื่อว่า เจ้า Missile นี้มันน่าจะถูกยิงมาจากเรือดำน้ำของกองทัพเรืออเมริกัน ที่มักจะเข้ามาลาดตระเวนในบริเวณนั้นเป็นประจำ เพื่อสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองเรือรบรัสเซีย และจากระยะทางที่มันถูกยิงออกมา มันจะเข้าถึงแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียได้ภายในเวลา 10 นาที

ประธานาธิบดี Boris Yeltsin กับ ประธานาธิบดี Putin

ข่าวการตรวจพบ Missile นี้ ถูกแจ้งไปยังกองบัญชาการกองทัพรัสเซียในกรุงมอสโกทันทีว่า รัสเซียกำลังถูกโจมตีจาก Missile ที่ถูกยิงออกมาจากเรือดำน้ำของอเมริกัน ข้อมูลทั้งหมดถูกรีบแจ้งไปยังประธานาธิบดี Boris Yeltsin (ประธานาธิบดีรัสเซียในขณะนั้น) ว่า พวกเขามีเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ที่ต้องรีบในการตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวิกฤตินี้ 5 นาทีผ่านไป มีคำสั่งไปยังกองทัพเรือรัสเซีย ให้เรือดำน้ำรัสเซียทุกลำ รวมทั้งเรือดำน้ำที่ติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ ที่ลอยลำอยู่ในน่านน้ำใกล้ ๆ กับแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ให้เริ่มดำเนินการเตรียมยิงขีปนาวุธ และรอคำสั่งยิง เพื่อทำการโต้ตอบต่อแผ่นดินสหรัฐอเมริกา พร้อมกับเน้นย้ำไปยังเรือทุกลำว่า “นี่ไม่ใช่การซ้อมรบ” 4 นาทีผ่านไป ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซีย ทุกเหล่าทัพรอฟังคำสั่งยิงจากประธานาธิบดี Yeltsin โดยมีการนำ Cheget หรือกระเป๋าใส่รหัสยิงอาวุธนิวเคลียร์ประจำตัวประธานาธิบดีรัสเซียมาเตรียมไว้ให้

ขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำของรัสเซีย

เรือดำน้ำบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ดำเนินขั้นตอนการยิงจรวดพร้อมแล้ว เหลือแค่รอคำสั่งยิงเท่านั้น ความตึงเครียดก่อตัวไปทั่วห้องบัญชาการที่มอสโก นายทหารและเจ้าหน้าที่ทุกคน จับจ้องมาที่ตัวของประธานาธิบดี Yeltsin เพราะเขาคือผู้เดียวเท่านั้นในรัสเซียที่จะออกคำสั่งยิงได้ แต่ประธานาธิบดี Yeltsin เลือกที่จะยังไม่ออกคำสั่งใด ๆ เขากลับรอเวลาเพื่อดูท่าทีอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเร่งเร้าและเตือนของบรรดานายทหาร แต่หลังจาก 9 นาทีผ่านไป Missile ลึกลับนั้นก็ได้หายไปจากจอเรดาร์ สัญญาณสุดท้ายที่ตรวจพบ Missile ลูกนี้ คือบริเวณเหนือท้องทะเล

กองทัพรัสเซียรีบทำการตรวจสอบเมืองทุกเมืองในรัสเซีย หรือแม้กระทั่งหมู่บ้านที่ห่างไกลในทุก ๆ มุมของรัสเซีย ตั้งแต่ไครเมีย จนถึง ไซบีเรีย ว่ามีสถานที่แห่งใดในรัสเซียบ้างที่เสียหายจากการโจมตี หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีรายงานกลับมาว่า “ไม่มีเมือง หรือ พื้นที่ใด ๆ ในรัสเซีย เสียหายจากการโจมตีแต่อย่างใด” Missile ลูกนั้นมันมาไม่ถึงแผ่นดินรัสเซีย ทุกคนในห้องต่างโล่งอก เมื่อแน่ชัดว่า Missile นั้นหายไปแล้วประธานาธิบดี Yeltsin จึงออกคำสั่งไปยังกองทัพรัสเซีย ให้ยกเลิกคำสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ และกองกำลังที่เตรียมพร้อมอยู่นั้น ให้ลดระดับการเตรียมพร้อมรบลงมาในระดับปกติ

Black Brant XII จรวดสำรวจชั้นบรรยากาศ

หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงต่อมา ทางการรัสเซียจึงได้ทราบข้อเท็จจริงว่า แท้จริงแล้ว Missile ลึกลับนั้นคือ Black Brant XII จรวดสำรวจชั้นบรรยากาศของทีมนักวิทยาศาสตร์นอร์เวย์และอเมริกัน เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ การเกิดแสงออโรร่า (Aurora) ในชั้นบรรยากาศโลก เหตุการณ์ที่เกือบนำพาโลกเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์นี้ ได้ทำให้ประธานาธิบดีของอเมริกาและรัสเซีย ต้องหันมาวางมาตรการการป้องกันการเกิดเรื่องเข้าใจผิด ที่เกือบจะเลยเถิดจนกลายเป็นสงครามในครั้งนี้

กระบี่ - รับมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และสิ่งของใช้จำเป็นจำนวน 716 กล่อง มูลค่ากว่า 800,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด -19 ในโครงการ "ช่วยด้วย ช่วยคุณจาก โควิดได้ถึงบ้าน”

วันนี้ 15 กันยายน 2564 ที่ศาลากลาง จ.กระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  เป็นประธานในการรับมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งของใช้จำเป็นจำนวน 716 กล่อง มูลค่ากว่า 800,000 บาทเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด -19 ในจังหวัดกระบี่ โดยมี ผศ.ดร.พิชญ์สินี ขาวล้วน ผู้บริหารโรงเรียนด็อกเตอร์หนึ่งอินเตอร์แคร์กระบี่ และศูนย์พื้นฟูดูแลผู้สุงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงด็อกเตอร์อินเตอร์แคร์ ร่วมกับทีมโครงการ "ช่วยด้วย ช่วยคุณจาก โควิดได้ถึงบ้าน"

นำโดย ทีมนายแพทย์อนุชา พาน้อย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Doctor A to Z นางกรรณิการ์ จำป่าพันธ์ ผู้ก่อตั้งโครงการช่วยด้วย COO&CO Founder Doctor A to Z พว.นิตยา ชไนศวรรย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอกเฮลท์แคร์เซอร์วิสจำกัด ร่วมกันมอบสิ่งของบริจาค ยาและเวชภัณฑ์ ทางการแพทย์และสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในจังหวัดกระบี่ และได้ส่งมอบต่อให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เพื่อนำไปให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความจำเป็นต้องรักษาตัวที่บ้านภายในวิกฤตเตียงเต็มปัจจุบัน และหายป่วยเป็นจำนวนมากทางโครงการและผู้สนับสนุนจึงประสงค์ที่จะขยายความช่วยเหลือผู้ป่วยเป็น 2,000 คน ในจังหวัดกระบี่

‘ตม.ประจวบคีรีขันธ์’ คุมเข้มช่องทางธรรมชาติ สกัดโควิดระบาด!! จับกุมหนุ่มเมียนมาลักลอบนำพาแรงงานถื่อน พร้อมยาบ้า พร้อมรวบ 33 ชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองเพื่อไปทำงาน จว.สมุทรสาคร

วันนี้(15 ก.ย. 2564 ) เวลา 13.30 น.พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แถลงผลการจับกุมบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาพร้อมด้วยของกลางยาบ้า และนำพาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ออกสืบสวนหาข่าว และตรวจสอบผู้กระทำความผิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 14  ต.ค.64 เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคง ได้ตรวจพบบุคคลต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย และสามารถจับกุม นายมิวแตอู อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 10 เม็ด โดยกล่าวหาว่า”มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้าไว้ในความครอบครองโดยผิดกฏหมายและนำหรือพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ”   และควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 33 คน ได้ที่บริเวณ ช่องทางธรรมชาติช่องชุมนุมมะละกอ ม.5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ

จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานต่างด้าว เดินทางมาจาก มะริด 10 คน พะลอ 10 คน เมาะลำไย 5 คน มะกุย 1คน มันดาเล 3 คน พะโคะ 1 คน ทวาย 3 คน ทั้งหมดต้องการเดินทางไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร ในเบื้องต้นได้ทำการกักตัวไว้ในสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรน่า ( โควิด 19 ) หลังจากนี้จะได้ทำการสอบสวนขยายผลถึงขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป

อาชีพนักดำน้ำหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ามีเพียงการดำน้ำเพื่อดูสิ่งมีชีวิตที่สวยงามใต้ท้องทะเล แต่แท้จริงแล้วการดำน้ำเป็นเพียงทักษะหนึ่งในการประกอบอาชีพอีกหลายอาชีพที่หลาย ๆ คนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว !

ครั้งนี้จะเล่าถึงอีกอาชีพที่น่าสนใจ ให้กับน้อง ๆ และผู้ปกครอง นั่นก็คือ นักดำน้ำอาชีพ/นักดำน้ำเชิงพาณิชย์ (Professional/Commercial diver)
แต่อาชีพนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เพราะโดยทั่วไปแล้วเรามักจะพบเห็นนักดำน้ำในไม่กี่รูปแบบ อาทินักดำน้ำเพื่อการสันทนาการ นักดำน้ำกู้ภัยของหน่วยงานหรือมูลนิธิต่าง ๆ นักดำน้ำภารกิจทางทหาร และนักดำน้ำภารกิจทางตำรวจ หรือนักดำน้ำถ่ายภาพ ฯลฯ

อันที่จริงแล้วยังมีอาชีพที่เกี่ยวกับการดำน้ำอีกมากมาย การดำน้ำเชิงพาณิชย์เป็นอาชีพที่น่าสนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน ถือเป็นการประยุกต์ใช้การดำน้ำอาชีพ โดยนักดำน้ำซึ่งประกอบอาชีพใต้น้ำเพื่อทำงานด้าน อุตสาหกรรม การก่อสร้าง วิศวกรรม การบำรุงรักษา หรือวัตถุประสงค์ทางการค้าอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกับงานที่ทำบนบก แต่ต้องทำในน้ำ อย่างเช่น แท่นขุดเจาะน้ำมัน นอกชายฝั่ง การกู้เรือ การดูแลสายเคเบิลสัญญาณใต้น้ำ และโครงสร้างการก่อสร้างใต้น้ำ รวมถึงโรงไฟฟ้า การตรวจสอบสะพาน โรงบำบัดน้ำเสีย ฯลฯ

งานในการดำน้ำเชิงพาณิชย์ ได้แก่ 
-    การสอนการดำน้ำเพื่อการสันทนาการ หรือเชิงพาณิชย์อื่น ๆ
-    การดำน้ำวิศวกรรมโยธาเพื่อสนับสนุนโครงการวิศวกรรมโยธา
-    การก่อสร้างใต้น้ำ – การก่อสร้างอุตสาหกรรมในสภาพแวดล้อมใต้น้ำ
-    การตรวจสอบ การทดสอบ และการซ่อมแซมในสภาพแวดล้อมใต้น้ำ
-    การดำน้ำใต้น้ำในสำรวจสภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ
-    การดำน้ำในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสี (โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์)
-    การดำน้ำสำหรับงานบำรุงรักษาในระบบท่อระบายน้ำ
-    การดำน้ำสำรวจในแหล่งน้ำประปา-น้ำดื่ม
-    การดำน้ำกู้ภัยเกี่ยวข้องกับการกู้คืนยานพาหนะ สินค้า และโครงสร้าง ที่จมน้ำ
-    การดำน้ำที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาและบำรุงรักษาเรือ
-    การดำน้ำเพื่อการเก็บข้อมูลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และสมุทรศาสตร์
-    การดำน้ำเพื่อโบราณคดีทางทะเล (การหาจุดจมของเรือโบราณและโบราณวัตถุ) 
-    การดำน้ำเพื่อการถ่ายภาพ/ภาพยนตร์ใต้น้ำ

คุณลักษณะของนักดำน้ำอาชีพในสาขาต่าง ๆ ต้องมีในสองมิติทั้งวิชาชีพสำหรับการทำงาน และความสามารถในการดำน้ำ กล่าวคือ การมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านวิชาชีพในการทำงานด้านนั้น ๆ ก่อน แล้วเรื่องต่อมาจึงเป็นเรื่องของความรู้ ความสามารถในการดำน้ำ การเข้าสู่วิชาชีพดำน้ำเชิงพาณิชย์ เริ่มจากการเรียนสายวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ช่างโยธาก่อสร้าง ช่างกล ช่างเชื่อม ฯลฯ ในวิทยาลัยวิชาชีพ หรือการเข้ารับราชการในกองทัพเรือหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นนักดำน้ำของเหล่าทัพ 

จากนั้นก็เข้ารับการฝึกฝนในวิชาชีพเฉพาะที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเพิ่มพูนทักษะในการทำงานใต้น้ำ เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะของนักดำน้ำเชิงพาณิชย์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับบ้านเรายังไม่มีสถานศึกษาที่ให้การฝึกฝนอบรมวิชาชีพเพื่อเป็นนักดำน้ำเชิงพาณิชย์ คงมีแต่เรียนสอนดำน้ำเพื่อการสันทนาการ และเพื่อภารกิจของหน่วยราชการเท่านั้น (กองทัพ ตำรวจ งานโบราณคดีใต้น้ำ ฯลฯ) เท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพโดยรวมของงานนักดำน้ำอาชีพ/เชิงพาณิชย์ มายิ่งขึ้นขอกล่าวถึงยอดนิยมในการดำน้ำเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ บางส่วน

งานนี้ที่ชัดเจนที่สุดคือ ครูสอนดำน้ำ ใช้เวลาทั้งวันไปกับเรือดำน้ำและสำรวจโลกใต้น้ำ อาจได้อาศัยอยู่ในสถานที่เขตร้อนที่สวยงาม หากเป็นหนึ่งในผู้โชคดี การเป็นครูสอนดำน้ำมาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่านักเรียนใช้เทคนิคที่ ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการแนะนำและนำนักเรียนไปสู่การค้นพบใต้น้ำ 

โดยรวมแล้ว หากกำลังมองหางานที่ผสมผสานการสอนและการดำน้ำเข้าไว้ด้วยกัน นี่เป็นงานที่เหมาะมาก (รายได้เฉลี่ย : US$40,000 (1,350,000 บาท) ต่อปี) อาชีพนี้สามารถทำงานในบ้านเราได้ด้วยมีแหล่งดำน้ำและโรงเรียนสอนดำน้ำมากมาย หากมีประสบการณ์และทุนพอเพื่อทำธุรกิจก็สามารถเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำ และบริษัทนำเที่ยวใต้น้ำได้เอง

ชลบุรี - ทีมสัตว์แพทย์เคลื่อนย้าย 'พลายขุนแผน' แห่งปางช้างสยาม กระทิงลาย จากพัทยากลับบ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ เผยอาการยังทรงพร้อมเดินทางไกล

โรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน เมืองพัทยา โดย นายสัตวแพทย์ เผด็จ ศิริดำรง จะเข้าช่วยเหลือด้วยการให้นำเกลือและยารักษา นโยเบื้องต้นพบว่าสาเหตุมาจากช้างพลายขุนแผนเคยเป็นโรคเบาหวาน จึงส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเลือกเป็นกรดจากคีโตน เพราะอินซูลินในร่างกายเกิดความบกพร่องทำให้ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้นั้น

ล่าสุด ในวันที่ 14 ต.ค.64 นายสัตวแพทย์ เผด็จ ศิริดำรง นายสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ช่วงค่ำที่ผ่านมาได้ทำการเคลื่อนย้ายพลายขุนแผนขึ้นรถบรรทุก รถกู้ภัยช่วยช้าง เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพลายขุนแผน เพื่อนำส่งสถาบันสุขภาพช้างแห่งประเทศไทย เพื่อทำการรักษาจนแข็งแรงก่อนส่งกลับบ้าน

ปทุมธานี - “บิ๊กแจ๊ส” นายก อบจ.ปทุมฯ ลงสั่งการรถดับเพลิง เข้าช่วยดับเพลิงไฟไหม้ ร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับวอดทั้งหลัง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณริมถนนปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว (ติดกับการประปาส่วนภูมิภาคสาขาปทุมธานี) ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงประสานรถดับเพลิงจาก ทม.ปทุมธานีและ อบจ.ปทุมธานี จำนวน 2 คัน ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บ้านเลขที่ 1 ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง ซึ่งปลูกอยู่หลังร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับ โดยเปลวเพลิงได้ไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีลมแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงได้พยายามเร่งระดมฉีดน้ำโดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายก ทม.ปทุมธานีเดินทางมาสั่งการในการดับเพลิงด้วยตัวเอง ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สามารถดับไฟได้ทั้งหมดแต่บ้านก็ถูกไฟไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสอบถามนายวิรัตน์ ลายลักษณ์ อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน อดีต จนท.เวรเปล รพ.ปทุมธานี ซึ่งมีโรคประจำตัวและนั่งเหม่อมองไฟไหม้บ้านตัวเองจนวอดหมดทั้งหลังต่อหน้าต่อตา

โดยมีญาติ ๆ และเพื่อนบ้านต่างมาคอยปลอบให้กำลังใจไม่ให้คิดมาก โดยกล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวตนจะอยู่กับภรรยา อายุ 62 ปี และหลานสาว แต่ช่วงก่อนเกิดเหตุทุกคนมานั่งขายต้นไม้ ดอกไม้ประดับที่หน้าร้าน ส่วนตนกำลังเก็บกวาดหน้าร้าน จู่ ๆ ก็เห็นว่ามีเปลวไฟลุกไหม้มาจากทางหลังบ้านและช่วงเวลานั้นมีลมแรงทำให้ไฟลุกลามมาทางหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนไม่สามารถเข้าไปขนข้าวของและทรัพย์ออกมาได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แม้จะมีรถดับเพลิงจากทั้ง 2 หน่วยงานมาช่วยดับอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทัน สำหรับทรัพย์ที่ไหม้ไปกับกองเพลิงนอกจากจะเป็นข้าวของเครื่องใช้แล้ว ยังมีเงินสดร่วม 5 หมื่นและทองรูปพรรณอีกจำนวนหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนก็เหลือแต่เพียงเสือผ้าที่สวมใส่ในวันนี้เท่านั้น

 

กาฬสินธุ์ - กลุ่มแม่บ้านผลิตร่มผ้าขาวม้า ‘ผ้าแพรวางานแฮนด์เมด’ สร้างรายได้เดือนละแสน

กศน.ตำบลแจนแลน อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับกลุ่มแม่บ้าน นักเรียน กศน.แปรรูปผ้าขาวม้าเป็น “ร่มผ้าขาวม้า และร่มผ้าแพรวากาฬสินธุ์” ผลิตภัณฑ์ร่มกันฝน กันแดด สุดยอดไอเดียงานแฮนด์เมดขายดี พร้อมพัฒนายกระดับสู่สินค้าพรีเมี่ยม สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้ยั่งยืน รายได้เข้ากลุ่มเดือนละ 1 แสนบาท ล่าสุดได้รับรางวัล Onie Brand กศน.จากกระทรวงศึกษาธิการ

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ต.แจนแลน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นางพานธิวา ผิวอุดม ครูผู้ช่วย กศน.อ.กุฉินารายณ์ นางดรุณี โกมาร  ครู กศน.ต.แจนแลน และบุคลากร เจ้าหน้าที่ จัดอบรมกลุ่มแม่บ้าน และสาธิตในการแปรรูปผ้าขาวม้าและผ้าลายแพรวา เป็น “ร่มผ้าขาวม้า และร่มผ้าแพรวากาฬสินธุ์” สำหรับกันแดด กันฝน โดยมีนางเกสร เพิ่มขึ้น ประธานกลุ่มร่มผ้าขาวม้าแจนแลน และสมาชิกกลุ่มทั้งผู้สูงอายุ วัยทำงาน เยาวชน ร่วมเข้ารับการอบรม โดยทุกคนที่เข้าร่วมอบรม ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นางพานธิวา ผิวอุดม ครูผู้ช่วย กศน.อ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า ภารกิจของ กศน.ที่นอกจากจะให้ความรู้ทางวิชาการแก่นักเรียน กศน. ที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงในชีวิตแล้ว  สิ่งที่ดำเนินการภารกิจควบคู่กัน คือการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพที่หลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน อย่างเช่น การอบรมกลุ่มแม่บ้านและนักเรียน กศน.แปรรูปผ้าขาวม้าเป็นร่มกันฝนกันแดด โดยใช้ผ้าขาวม้าที่ทอจากผ้าฝ้าย ผ้าไหม และฝ้ายประดิษฐ์ มาตัดเย็บ ให้เข้ารูปกับร่มสำเร็จรูป ที่ซื้อจากท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มมูลค่า และเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค เป็นผลิตภัณฑ์ร่ม ภายใต้ชื่อ “ร่มผ้าขาวม้า ร่มผ้าแพรวากาฬสินธุ์” โดยดำเนินการมาประมาณ 1 ปี ได้รับการตอบรับดีมาก

นางพานธิวากล่าวอีกว่า จากผลตอบรับทั้งในส่วนของแม่บ้าน นักเรียน กศน.ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ แก้ไขปัญหาการว่างงาน โดยเฉพาะในช่วงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ร่มผ้าขาวม้าและร่มผ้าแพรวากาฬสินธุ์ เดิมจำหน่ายในชุมชน ต่อมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จึงเปิดช่องทางขายออนไลน์ อย่างไรก็ตาม จากการส่งเสริมของ กศน.กุฉินารายณ์และกศน.ต.แจนแลน ที่สร้างงาน สร้างอาชีพดังกล่าว ล่าสุด ผลิตภัณฑ์ร่มผ้าขาวม้าและผ้าแพรวา งานแฮนด์เมดของแม่บ้าน และนักเรียน กศน. ได้รับรางวัล Onie Brand กศน.จากกระทรวงศึกษาธิการ เป็นการการันตีคุณภาพและเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ที่สร้างอาชีพ รายได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยในอนาคตจะมีการพัฒนายกระดับสู่สินค้าพรีเมี่ยมต่อไป

เด็กและเยาวชนอายุ 12 ปีขึ้นไปใน จ.ประจวบฯ ได้รับวัคซีนมากกว่าร้อยละ 85 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้สามารถเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ตามเป้าที่ ศธ. กำหนด

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้กำลังใจแก่เด็กนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ในสถานศึกษาทุกสังกัดของ จ.ประจวบฯ ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จากบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ประจวบฯ มาให้บริการฉีดวัคซีนเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ที่โดมอเนกประสงค์อนุสรณ์ประจวบวิทยาลัย 103 ปี โรงเรียนประจวบวิทยาลัย 
 

ซึ่งในวันนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือเด็กนักเรียนระดับชั้น ม.4-ม.6 ปวช. ปวส. และนักเรียนที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 3,300 คนจากสถานศึกษา 8 แห่งใน อ.เมืองประจวบฯ 

นายเสถียร กล่าวว่า การให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่นักเรียนในครั้งนี้ถือเป็นรอบแรกของ จ.ประจวบฯ จะเน้นฉีดให้เด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าก่อน จากนั้นเมื่อมีการจัดส่งวัคซีนมาเพิ่มเติม ก็จะฉีดให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นการสร้างความปลอดภัยก่อนกลับไปเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนอีกครั้ง 

สำหรับผู้ปกครองที่ยังลังเลใจ สามารถเปลี่ยนใจให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนในครั้งต่อไปได้ โดยขณะนี้ได้มีการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่ง อย.ขึ้นทะเบียนรับรองให้สามารถใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้แต่ไม่รุนแรง

สุรินทร์ - ‘มทบ.25 ร่วมกิจกรรมจิตอาสา’ พัฒนาปรับภูมิทัศน์ - ทำความสะอาดลำน้ำ เนื่องในโอกาสวันคล้ายสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 มอบหมายให้ พันเอก สุดใจ แพงพรมมา หัวหน้าฝ่ายสรรพกำลัง มณฑลทหารบกที่ 25 เป็นผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 นำกำลังพลจิตอาสา มณฑลทหารบกที่ 25 รวมจำนวน 25 คน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ทำความสะอาดลำน้ำ คู คลอง ณ ฝายโคกเพชร ตำบลตระแสง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

จากกรณี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางแผนดึง "ลิซ่า BLACKPINK" ร่วมจุดพลุ สร้างภูเก็ต เวิลด์คลาสเดสติเนชั่น วันเคาท์ดาวน์ รับปี 2565 ล่าสุด รมว.ท่องเที่ยว ได้ให้สัมภาษณ์ ยืนยันเรื่องดังกล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand’ ยืนยันว่าจะจ้าง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ และ ‘แอนเดรีย โบเซลลี’ นักร้องโอเปร่าระดับโลก มาโชว์ตัวในงานเคาท์ดาวน์ รับปี 2565 จริง และได้มีการติดต่อไปยังทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

โดยค่าตัวของศิลปินทั้ง 2 คนอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งลิซ่าและแอนเดียมีค่าตัวที่ใกล้เคียงกัน แต่แอนเดรีย จะมีค่าตัวที่สูงกว่านิดหน่อย 

โดยแผนการจัดงานที่วางไว้ นายพิพัฒน์ ระบุว่าจะให้ ลิซ่า ไปแสดงตัวในงานเคาท์ดาวน์ที่ภูเก็ต ซึ่งจะจัดขึ้นที่บริเวณสะพานสารสิน ส่วน แอนเดรีย นั้นน่าจะมาแสดงตัวในงานเคาท์ดาวน์ที่กรุงเทพมหานคร โดยอาจจะขออนุญาต กทม. จัดที่ท้องสนามหลวง มีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว

คลิปรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand 14 ต.ค. 64 (นาทีที่ 26.20): https://youtu.be/qvnjbCKGJSM

โครงการทุนรัฐบาลจีน CSC ประกาศรับสมัครนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อปริญญาตรี โท และ เอก ที่ประเทศจีน จากมหาวิทยาลัย Anhui Agricultural University (AAU) ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นอันดับต้น ๆ

ประชาสัมพันธ์ทุนรัฐบาล (ทุน CSC) จากประเทศจีน จากมหาวิทยาลัย Anhui Agricultural University (AAU) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง เหอเฟย(Hefei) เมืองหลวงของมณฑลอัยฮุย (Anhui) ประเทศจีน

Anhui Agricultural University (AAU) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่นในเรื่องการวิจัย และมีห้องปฏิบัติการที่สำคัญของรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเปิดกว้างสำหรับนักศึกษาระดับนานาชาติ โดยได้มีการเชื่อมโยงใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการวิจัยจากกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค เช่น สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร เป็นต้น

โดยปกติจะเริ่มรับสมัครทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - สิ้นเดือนเมษายน โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มหาวิทยาลัย ????????http://gjjy.ahau.edu.cn/info/1022/1201.htm

เงื่อนไขการได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวน : HSK ระดับ 4 ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ไม่มีผลการสอบ HSK ระดับ 4ขึ้นไป ต้องมีการเรียนภาษาจีนเพื่อปรับพื้นฐานก่อน 1-2 ปี ก่อนเข้าเรียน

รายวิชาที่เปิดให้ยื่นขอทุนมีทั้งทุนระดับปริญญาตรี, โท และในระดับปริญญาเอก สำหรับนักศึกษาที่ยื่นขอทุน A จะได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวน โดยสามารถยื่นได้ในระดับการศึกษาปริญญาโทและเอก จะได้รับเงินเดือน 3,000 และ 3,500 หยวน (ประมาณ 15,500 และ 18,000 บาท) ตามลำดับ รวมถึงค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างอาศัยอยู่ที่ประเทศจีนอีกด้วย สำหรับนักศึกษาที่ยื่นขอทุน B สามารถยื่นได้ตั้งแต่ระดับการศึกษาปริญญาตรี-ปริญญาเอก 

รายวิชาที่เปิดรับสมัครมีดังต่อไปนี้

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top