Saturday, 14 December 2024
SPECIAL

'พิธา' เสนอแก้ฝุ่น PM 2.5 ต้องยกเครื่องโครงสร้างอำนาจ ออก กม.ใหม่-ให้อำนาจท้องถิ่น-ปั้นขนส่งพลังงานไฟฟ้า

'ก้าวไกล' เปิดเวทีพบชาวน่าน ย้ำนโยบายรัฐสวัสดิการทำได้ทันที พร้อมปรับเบี้ยคนแก่เป็น 3,000 บาท ด้าน 'พิธา' เสนอแก้ฝุ่น PM 2.5 ต้องยกเครื่องโครงสร้างอำนาจ ออกกฎหมายใหม่-กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น-ปรับขนส่งสาธารณะใช้พลังงานไฟฟ้า

(3 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล อาทิ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน ร่วมจัดเวทีพบปะประชาชนที่จังหวัดน่าน พร้อมนำเสนอนโยบายและตอบคำถามของประชาชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นที่สนใจของประชาชน เช่น เรื่องปากท้องเศรษฐกิจ และปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น

ณัฐชา ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ได้นำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเรื่องเงินผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่จะปรับจาก 600 บาทต่อเดือน ให้เป็น 3,000 บาทต่อเดือน โดยณัฐชาระบุว่านี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว ศึกษาลงไปถึงรายละเอียดว่าแหล่งรายได้ที่จะนำมาใช้ทำนโยบายดังกล่าวมาจากไหน และสามารถทำได้ทันที หากพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ผลที่จะเกิดขึ้นคือพี่น้องไม่ต้องมารอลุ้นให้ได้รับเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอายุของตัวเองอีกแล้ว ขอเพียงมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและเป็นคนไทย จะได้รับสิทธิทันที ไม่ต้องลงทะเบียนด้วย

จากนั้น มีหนึ่งในคำถามสำคัญจากวงพูดคุย เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น pm 2.5 ที่นับวันสถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลง ทางพรรคก้าวไกลมีนโยบายอย่างไร พิธาได้ตอบคำถามนี้โดยระบุว่าปัญหาฝุ่น pm 2.5 เป็นปัญหาที่มีต้นตอจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ หากเป็นเขตเมือง ก็มักเกิดจากรถยนต์ โรงงาน และการก่อสร้าง ส่วนในพื้นที่ชนบทมักเกิดจากการเผาไหม้จากภาคเกษตร การใช้พลังงานถ่านหิน หรือการเผาป่าที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ สาเหตุเหล่านี้เป็นที่รับรู้กันมายาวนาน แต่การแก้ไขปัญหาไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะโครงสร้างอำนาจที่มีปัญหา

กล่าวคือปัญหาของฝุ่น pm 2.5 เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่ความรับผิดชอบที่อธิบดีมีอยู่นั้น ไม่ได้มาพร้อมกับอำนาจ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษไม่สามารถไปสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษออกมาตรการเพื่อระงับฝุ่น pm 2.5 ได้ ผลก็คือที่ผ่านมามีเพียงการขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากก็มักไม่ได้รับความร่วมมือกลับมา

'พปชร.' ปลื้ม ปชช. ขานรับนโยบาย 'ประชารัฐ 700' แถมดัน 'บิ๊กป้อม' ฟีเวอร์!! จ่อเปิดนโยบายที่เหลือต่อ

(3 ก.พ. 66) น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสตอบรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเดินสายลงพื้นที่เปิดนโยบายเพิ่งเงิน บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชม บางคนถามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตว่าต้องทำอย่างไรให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีผลงานเป็นรูปธรรม เรื่องสวัสดิการประชารัฐ การบริหารจัดการน้ำ จัดที่ดินทำกิน ปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และมีนโยบายที่รอเปิดตัว จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน

‘นพดล’ จี้ รัฐบาล-กทม. เร่งจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 ลั่น! ดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดทันที หาก พท.เป็นรัฐบาล

(3 ก.พ. 66) 'นายนพดล ปัทมะ' รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย เสนอ 5 ทางออก แก้ฝุ่น PM 2.5 จะต้องหมดไป ย้ำ รัฐบาลต้องจริงจังกับปัญหา สิทธิ์หายใจในอากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชน

“ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่เลือกคนรวย คนจน เด็กอนุบาล หรือผู้สูงอายุ เราจะไม่ปล่อยให้แก้ปัญหาแบบนี้อีกต่อไป พรรคเพื่อไทยมา PM2.5 ต้องหมดไป ต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและโดยแก้เริ่มจากได้การมีรัฐบาลใหม่ที่เอาจริงเรื่องนี้" 

นพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ปัญหาค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครติดอันดับโลกขณะนี้ และอยู่ในระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากสภาพอากาศปิด ขณะที่ในหลายจังหวัดประสบปัญหาจากการเผาป่า เผาไร่ ที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาเป็นแบบไฟไหม้ฟางและปลายเหตุมาตลอด พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งระยะสั้น กลาง และระยะยาว หากได้เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาโดย 

1.) เข้มงวดห้ามเผาป่า เผาไร่เช่น อ้อย ข้าวโพด และของเหลือจากผลิตผลทางการเกษตรอย่างเคร่งครัด พร้อมกับดำเนินนโยบายปลูกป่าเศรษฐกิจขนานใหญ่ ได้ทั้งการแก้ปัญหาโลกร้อนและซับฝุ่น PM2.5

‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’เตือน 3 กลโกงล่าสุด หลอกขายนม-กดลิงก์บริษัทประกันปลอม

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ./หัวหน้าด้านข่าวสารและประชาสัมพันธ์ , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร. และ บช.สอท. พบอาชญากรรมออนไลน์ที่ต้องเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนประชาชน คือ หลอกขายนมไทยเดนมาร์ก , หลอกให้กดลิงก์บริษัท ไทยประกันชีวิตปลอม และหลอกให้ลงทุนเล่นพนันออนไลน์ เป็นต้น
สำหรับการหลอกขาย 'นมไทยเดนมาร์ก' นั้น ขั้นตอนการหลอกลวงคนของคนร้าย คือ

- สร้างเพจ Facebook ขึ้นมาโดยใช้ชื่อ รูปโปรไฟล์ รูปปก ที่อยู่ ข้อความแนะนำ ใกล้เคียงกับเพจไทยเดนมาร์ค
- สร้างเป็นเพจ Facebook หรือซื้อโฆษณาเพจเพื่อให้คนเห็นได้จากระบบอินเตอร์เน็ต
เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อ เพจจะใช้หลักจิตวิทยาเพื่อให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน เมื่อถึงวันรับสินค้า เหยื่อจะส่งข้อมูลไปสอบถาม  แต่ก็จะอ้างเลื่อนการส่งด้วยมีเหตุต่างๆ สุดท้ายปิดเพจหนีหรือเปลี่ยนชื่อเพจเป็นชื่อ

ข้อควรระวัง คือ ตรวจสอบเพจ Facebook ให้แน่ใจก่อนซื้อ โดยกด 'เกี่ยวกับ' 'ความโปร่งใส' ก็จะเห็นว่าเปิดมานานเท่าใด ผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทยหรือไม่(อยู่ต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยง) และดูช่องกดไลก์ ดูโพสต์เป็นหลัก อย่าดูด้านใต้ชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถซื้อ 'ไลก์' ได้

‘ตำรวจไซเบอร์’ เปิดยุทธการทลายเว็บพนันออนไลน์ หลัง ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉข้อมูล

‘ตำรวจไซเบอร์’ เปิดยุทธการทลายเว็บพนันออนไลน์ ‘มาเก๊า 888’ หลัง ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉข้อมูล

(3 ก.พ. 66) จากกรณีดาราสาว ‘ดิว อริสรา’ โพสต์แฉเว็บพนันออนไลน์ มาเก๊า 888 พร้อมกับให้ข้อมูลตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ภายใต้ยุทธการ ‘มาเก๊า 888’

ล่าสุด พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.สอท.1 ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นที่บ้านหรูหลังหนึ่ง ถนนเลียบคลองประปา ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักของ นายณัฐพงศ์ ระชินลา ผู้ต้องหาหนึ่งในขบวนการ ซึ่งทำหน้าที่การเงินการธนาคาร และรวบรวมโพยพนัน

5 อันดับ นโยบายภูมิใจไทย โดนใจคนกรุง

ชวนดู '5 นโยบาย' สุดแจ่มจาก 'ลุงหนู' แห่งพรรคภูมิใจไทยที่โดนใจคนกรุง 

'ชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ' ยกระดับสินค้า จัดตั้งกองทุนหนุนธุรกิจ จ้างงานผู้สูงวัย สร้างคุณค่าชีวิต

(3 ก.พ. 66) นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงนโยบายด้านการเกษตรของพรรคชาติพัฒนากล้าว่า โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ได้เอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกร ให้ลืมตาอ้าปากได้มากนัก พรรคชาติพัฒนากล้า ขอนำเสนอนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี – อุตสาหกรรม' โดยยก 4 ข้อหลักเพื่อไปสู่เป้าหมายได้ คือ

1.) พัฒนาสินค้าเกษตรเป็นเกษตรพรีเมี่ยม เพิ่มคุณภาพการผลิต จำหน่ายในราคาสูงได้ ปัญหาของเกษตรกรเวลานี้คือ เน้นปริมาณ ไม่ได้เน้นคุณภาพมากนัก ทำให้สินค้าผลิตออกมาขายไม่ได้มาตรฐาน หรือขายได้ในราคาถูก ไม่คุ้มต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สินค้าภาคการเกษตรเกี่ยวเนื่องกับหลายกระทรวง ที่มีนโยบายไม่สอดคล้องกัน ทำให้สินค้าภาคการเกษตรไม่สามารถแก้ปัญหาได้มาอย่างยาวนาน

2.) ใช้เทคโนโลยีช่วยเกษตรแปรรูป โดยเสนอระบบ cloud factory ซึ่งเป็นระบบที่รัฐใช้เงินสนับสนุน มีโครงสร้างพื้นฐาน ให้ชาวบ้านมาใช้ มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ที่อุทยานหลวงปู่ทวด ต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้นำท้องถิ่นได้รวบรวมสินค้าชุมชน นำมาแปรรูป และตั้ง อย.กลางเพื่อสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตตามออเดอร์ หมดปัญหาผลิตมาไม่รู้จะขายใคร

3.) สอนเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต ด้วยการค้าขายออนไลน์ ซึ่งมีตลาดแบบไร้พรมแดน หากทำได้ก็จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนมหาศาล ลืมตาอ้าปากได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแอบอ้าง 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกเงินค่าคุ้มครองจากกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่พัทยา

จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ว่ามีชายชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล โดยแอบอ้างนายตำรวจในพื้นที่พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) โดยมีการนำภาพถ่ายของตนเองซึ่งถ่ายภาพคู่กับนายตำรวจรายต่างๆ ขณะที่ตนเองเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Volunteer) ไปใช้ในการแอบอ้างต่อกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อเรียกรับเงินค่าคุ้มครองให้สามารถพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ได้นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบการการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฏหมายจนถึงที่สุด

จากการสืบสวนของชุดสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด หรือ Mr.Herve Christian Robert Leonard อายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับ ฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาแล้วหลายคดี โดยครบกำหนดการอนุญาตพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบเพื่อแกะรอยหาของตัวของบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตัวนายเฮอวี่ฯ กว่า 4 เดือน จนทราบว่า หลังจากที่ นายเฮอวี่ฯ ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ก่อนหน้านั้น ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างพิจารณาคดีของศาล แต่เมื่อถึงกำหนดนัดพิจารณาคดีกลับหลบหนี โดยนายเฮอวี่ฯ มีพฤติกรรมในการย้ายที่พักอาศัยบ่อยครั้ง ในวงรอบทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่พัทยา หัวหิน และ กรุงเทพมหานคร และแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจะแจ้งกับสถานที่พักต่างๆ ว่าเอกสารหนังสือเดินทางของตนสูญหาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเฮอวี่ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมดังกล่าวจนพบ นายเฮอวี่ฯ พักอาศัยอยู่จริง ซึ่งรวมระยะเวลาในการเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( 868 วัน ) และเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า นายเฮอวี่ฯ ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากผู้เสียหายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก และ ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวจำนวนหลายหมายจับ ได้แก่ 

‘ลุงหนู’ บอก รู้นานแล้ว ‘ทีมกำนันป้อ’ จ่อซบ พท. มองเป็นเรื่องดี จะได้เลิกวลี ‘ไล่หนูตีงูเห่า’

(2 ก.พ. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานะภายในพรรคของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรมช.คมนาคม และอดีตกรรมการบริหารพรรค ว่า สถานะยังเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ต้องเช็กกับนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคฯ

ส่วนที่มีข่าวว่ามีทีมงานของนายวีรศักดิ์ จะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้ว มองว่ามันก็ดี เพราะจะมีการคละเคล้ากันไป จะได้เลิกวลี ‘ไล่หนูตีงูเห่า’ หากมาพรรคภูมิใจไทย เพราะคนของพรรคภูมิใจไทยก็ออกไปพรรคอื่น ซึ่งเราไม่ได้ไล่ใครทั้งนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แล้วมาแข่งกันทำความดี และขายนโยบายให้กับประชาชนเพื่อตัดสินใจ

‘ลุงหนู’ ยินดี ‘ลุงตู่’ ขึ้นแท่นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 รทสช. บอก มีกำลังใจให้เสมอ ส่วนการเมืองต้องแข่งขันกัน

(2 ก.พ.66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 ว่า ก็ต้องแสดงความยินดีกับท่าน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้กำลังใจทุกพรรคการเมือง และทุกฝ่ายเสมอ เพราะทุกพรรคการเมืองมีความตั้งใจที่จะรับใช้ประเทศชาติ และประชาชน 

‘บิ๊กป้อม’ ใช้ใจบันดาลแรง นำทัพ ‘พปชร.’ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ถ้าใครได้ฟังสิ่งที่ออกจาก ‘ลุงป้อม’ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากงานกิจกรรมระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่ผ่านมานั้น จะเห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างแรก ก็คือ แกพูดเยอะขึ้น ไอ้ที่เห็นภาพแบบถามคำตอบคำอย่างที่คุ้นนั้น แทบจะพลิกจนคนเห็นแล้วตกใจ

ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะการตัดสินใจ ประกาศก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย โดยมีทัพ พปชร. ที่ยังคงอยู่ให้ความเคารพ และผลักดันแบบไม่มีใครคิดแตกแถว

แถมทุกคนยังแลดูเชื่อมั่น และอยากให้พี่ใหญ่แห่ง 3ป. นี้ ขึ้นมาอยู่ในสถานภาพสมกับบารมีที่มีอย่างจริงจัง

ในวันนั้น ทุกถ้อยคำของ ‘ลุงป้อม’ บอกเล่าตามแรง ที่แกมักจะพูดว่า มีแรงกลับคืนมาได้ เพราะใช้ใจบันดาล ซึ่งเนื้อความวันนั้น จับสาระสำคัญได้เยอะกว่าที่ผ่านมา เสมือนที่ผ่านมาแกเลือกที่จะไม่พูดเลยยังไงยังงั้น

วันนั้น ลุงป้อม พูดถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันวา่า สังคมไทยยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคงมุ่งมั่น ยืนหยัด ที่จะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ 'การสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' ให้พี่น้องประชาชนชาวไทย มีความอยู่ดี กินดี อย่างมีความสุข ใน 3 พันธกิจหลัก...

1.) สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2.) เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถ และโอกาสที่เท่าเทียม
3.) สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง และแบ่งปัน

พิธีกรมีการถามเรื่อง ผมไม่รู้?
ลุงป้อมตอบว่า ที่ผมตอบว่า "ไม่รู้" ความจริงแล้ว ผมอาจจะรู้ก็ได้นะครับ แต่ว่าผมก็จะต้องหาผู้รู้ที่รู้มากกว่าผม มาแนะนำผม คนที่รู้เนี่ย อยู่รอบตัวผมเยอะแยะ ผมก็เอามาใส่ในตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

พิธีกรถามเปิดใจลุงป้อม เรื่องการใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ

ลุงป้อมตอบว่า พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง และตัวเองก็เอาใจนี่แหละครับ ในการที่จะบันดาลแรงที่ได้ร่วงโรยไป ทุกวันนี้เดินก็ไม่ค่อยไหว แต่ก็ใช้ใจบันดาลแรงนี่แหละ ในการเดิน

ตลอดงานในวันนั้น ดู ลุงป้อม จะมีความเป็นตัวเองมากที่สุด มีรอยยิ้มที่แลดูมีความสุขแบบผ่อนคลาย แถมยังมีการฉายพูดถึงสิ่งที่อยากบอกกับผู้ร่วมงานวันนั้นแบบคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ เดินหน้าประเทศไทย ลุงป้อมพูดถึงปัญหาความยากจน พวกชาวนา ชาวไร่ พวกเกษตรกรหาชาวกินค่ำ ที่จะต้องดูแลคนพวกนี้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และก็จะได้ทำให้ประเทศไทยนั้น มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

เคล็บลับให้ได้ใจคน คือ 'ความจริงใจ' ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นฝูง เป็นน้อง พูดอะไรไป “ความจริงใจ ซื้อใจคน”

พูดถึงชีวิตช่วงผ่านศึกสงครามมาหลาย ๆ สงคราม เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลานั้นก็ได้พยายามทำงานประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และก็เพื่อประชาชน และพอมาทำงานการเมือง ก็หวังที่จะทำการเมืองเพื่อประชาชน ให้ประชาชนเราได้อยู่ดี กินดีขึ้น

‘ภูมิใจไทย’ เปิดตัว ‘กำนันฉอย’ ส.ส.กาญจน์ ที่ดึงมาจาก พปชร.

(2 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ชูมือเปิดตัว นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ (ซ้ายมือนายอนุทิน) เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย

นอกจากนี้ ยังมีนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ, นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ และ นางนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้านี้ มาร่วมแสดงความยินดีด้วย

‘เพื่อไทย’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ เพิ่ม 61 คน แง้ม!! ต้นเดือน มี.ค. จัดปราศรัยใหญ่ ที่โคราช

‘เพื่อไทย’ เปิดอีก 61 ผู้ประสงค์รับสมัครเลือกตั้ง มี ลูกชาย-หลาน พร้อมทีมงาน ‘กำนันป้อ’ ‘โฮม ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช’ โผล่ร่วมงานด้วย จ่อลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่โคราช ต้นมี.ค.

(2 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธาน ส.ส.พรรคพท. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมแถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและภาคใต้รวม 61 คน

โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย วันนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งในสามกลยุทธ์หลักของพรรคเพื่อไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ 

1.) แคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่นำพาการบริหารการเลือกตั้งหรือบริหารแผ่นดิน ย้ำว่าพร้อมประกาศทั้ง 3 รายชื่อ โดยจะประกาศในระยะเวลาอันใกล้ 

2.) กลยุทธ์นโยบายที่เป็นนโยบายจับต้องได้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้แต่ทำสำเร็จมาแล้ว 

และ 3.) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ที่เราจะประกาศรายชื่อทั้ง 61 คน มั่นใจว่าผู้สมัครทุกคนมีศักยภาพและความพร้อม

ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 61 คน ซึ่งล้วนเป็นอดีตส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น หลายคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกบริหารสภาท้องถิ่น และเป็นตัวแทนที่อยู่ในเขตเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนมาตลอด

เมื่อถามว่า การได้บ้านใหญ่ของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาจะช่วยเสริมทัพให้พื้นที่จ.นครราชสีมาได้มากแค่ไหน และจะมาช่วยงานพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยนายวีระศักดิ์มีปัญหาด้านสุขภาพ ขอพักรักษาตัวแต่ก็ได้ส่งบุตรชาย หลาน และทีมงานเข้ามาเพิ่มศักยภาพพรรคเพื่อไทย ซึ่งจ.นครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงในจ.นครราชสีมา จะส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยในพื้นที่นี้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เดิมทีเราวางโปรแกรมปราศรัยในพื้นที่จ.นครราชสีมาไว้แล้ว ตั้งใจว่าต้นเดือนมีนาคมหลังจากเปิดตัวผู้สมัครแล้ว และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตครบ เราจะทำการปราศรัยใหญ่ที่จ.นครราชสีมา

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตนมองว่ายิ่งเป็นการหาเสียงให้พรรค พท.เป็นอย่างดียิ่ง มั่นใจว่าประชาชนจะเกิดการเปรียบเทียบและเห็นในสิ่งที่มีความชัดเจนในการทำงาน ทำหน้าที่ และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ไปหาเสียงทุกจังหวัด เพราะพรรคเพื่อไทยจะได้หาเสียงได้ง่ายขึ้น

‘ก้าวไกล’ ปักธง 4 เขตครบ จ.สระบุรี ชู!! ล้วงกระเป๋าตังค์ไปไม่ว่างเปล่า

‘ก้าวไกล’ ลุยสระบุรี แนะนำว่าที่ผู้สมัครครบ 4 เขต ‘แป๊ะ บางสนาน’ เอาด้วย ด้าน ‘เพชร กรุณพล’ เผย ประชาชนถูกใจนโยบายรัฐสวัสดิการ หวังได้เห็นก้าวไกลเป็นพรรครัฐบาลนำการเปลี่ยนแปลงใหญ่  

(1 ก.พ. 66) กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขตของจังหวัดสระบุรี และประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ตลาดเช้าหนองแค, ตลาดนัดสามแยกหนองแค, ตลาดล้ง, บขส. และตลาดเสาไห้ 

กรุณพล ระบุว่าจากการพูดคุยกับประชาชน นโยบายที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือนโยบายด้านรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะนโยบายการปรับเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาท และเงินเด็กเล็ก 0-6 ขวบ เดือนละ 1,200 บาท

กรุณพล มองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะประชาชนเคยมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีหนี้ที่น้อยกว่านี้ การลงพื้นที่ทำให้ตนได้เห็นผู้สูงอายุหลายคนที่ยังต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงชีพ ทั้งที่ควรได้พักผ่อนจากการทำงานมาทั้งชีวิต เพราะรายได้ที่ผ่านมาจากการทำงานไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินเก็บไว้ใช้ในชีวิตบั้นปลาย นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่คนไทยต้องเผชิญร่วมกัน และมีแต่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้วหลายปี

8 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลทหารจำแลง วันนี้หลายคนล้วงกระเป๋าเจอแต่ความว่างเปล่า ลูกค้าหายไป กำลังซื้อลดลง เยาวชนจบใหม่ไม่มีงานทำ ค้าขายลำบาก ค่าครองชีพแพงขึ้น ประชาชนตระหนักว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน ประเทศชาติจะดีหรือร้ายล้วนเป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top