Friday, 9 May 2025
SPECIAL

สภาคองเกรสสหรัฐ ลงดาบยื่นถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แม้ว่าจะมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเหลือเพียงแค่สัปดาห์เดียว

หลังจากเกิดเหตุการณ์จราจลครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ที่มีผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ บุกยึดสภาคองเกรสเพื่อขัดขวางการลงมติรับรอง โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก สภาผู้แทนสหรัฐส่วนใหญ่จึงเห็นว่ามีเหตุสมควรที่จะยื่นถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ให้พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะทำให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่โดนยื่นเรื่องถอดถอนถึง 2 ครั้งขณะที่ดำรงตำแหน่งเพียงแค่สมัยเดียว

และการยื่นมติถอดถอนครั้งนี้มีขั้นตอนรวบรัดตัดความกว่าครั้งที่แล้วมาก เมื่อย้อนมาดูขั้นตอนการยื่นถอดถอนทรัมป์ในครั้งแรก ต้องรวบรวมเอกสาร หลักฐาน และพยานนานถึง 5 เดือนกว่าประธานสภาล่าง แนนซี เปอโรซี จะเห็นสมควรว่ามีมูลแน่นหนาพอที่จะชงเรื่องเข้าสู่สภา

แต่มาครั้งนี้ แนนซี เปอโรซี ประธานสภาคนเดียวกันใช้เวลาพิจารณาเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น แถมยังจี้ให้เตรียมเปิดสภาพิจารณาอย่างเร่งด่วนอีกด้วย เพราะอะไรนะหรือ  ? ก็เพราะว่าเห็นความผิดเป็นประจักษ์ แถมมีพยานเพียบ ที่เป็นผู้แทนสหรัฐทั้งสภาบน และ สภาล่าง อยู่เต็มอาคาร The Capital ที่กำลังเริ่มพิจารณารับรองผลเลือกตั้งให้กับโจ ไบเดน ในวันเกิดเหตุนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ มี สส. และ วุฒิสมาชิกสหรัฐจำนวนมากทั้ง 2 พรรค ออกมากดดันให้ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีใช้มาตรา 25 ยึดอำนาจจากทรัมป์เลยทันที ซึ่งมาตรา 25 ตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐจะให้สิทธิ์รองประธานาธิบดีรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีได้ ด้วยเหตุผลว่าประธานาธิบดีไม่อยู่ในสภาพที่จะดำรงตำแหน่งได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุการอสัญกรรม ถูกลอบสังหาร มีปัญหาเรื่องสุขภาพทางร่างกาย หรือ จิตใจ โดนถอดถอน ลาออก หรือ ด้วยความเห็นของรองประธานาธิบดี และเสียงส่วนใหญ่ในสภาเห็นว่า ประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

ซึ่งถ้ามีการใช้มาตรา 25 ขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นมติถอดถอนให้เสียเวลา แต่ว่า เสือไม่กินเนื้อเสือฉันใด ไมค์ เพนท์ ก็คงไม่ทำกับทรัมป์ฉันนั้น แต่มาคราวนี้ สภาข้างมากของสหรัฐเป็นของเดโมแครต ที่ส่วนใหญ่มองว่า มาตรา 25 ไม่ต้องแล้วก็ได้ ยื่นถอดถอนไปเลยดีกว่า แม้ว่าเวลาในตำแหน่งของทรัมป์จะเหลือน้อยแค่ไหนก็ตาม ในเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ อยากสร้างตำนาน ก็จะจัดให้

เพราะนอกจากจะทำให้ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่โดน Double Impeachment โดนคดีถอดถอน 2 เด้งภายในสมัยเดียว และมีโอกาสสูงมากที่จะสำเร็จด้วย และจะทำให้ชื่อของทรัมป์ ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐด้วยว่า เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกถอดถอนสำเร็จด้วย

แต่นอกเหนือจากการถูกถอดถอน ที่ดูเหมือนทำเรื่องให้ยุ่งยากโดยไม่จำเป็น เพราะถึงยังไงทรัมป์ก็อยู่ในตำแหน่งได้อีกไม่กี่วัน แต่คดีถอดถอนประธานาธิบดีมีความหมายมากกว่านั้น เพราะหากถอดถอนทรัมป์ได้จริง จะมีผลทำให้ทรัมป์ไม่สามารถลงชิงตำแหน่งการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2024 ได้อีก

ก็ต้องมาติดตามกันดูว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มาเพื่อสร้างปรากฏการณ์หลายอย่างในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ แม้จะดำรงตำแหน่งเพียงแค่ 4 ปี แต่เป็น 4 ปีที่เต็มไปด้วยความระทึกขวัญทั้งกับคนสหรัฐ และคนทั่วโลก และจะเป็นตำนานให้ชาวโลกได้เม้าท์มอยกันไปอีกนานแสนนาน


แหล่งข่าว
https://edition.cnn.com/2021/01/11/politics/donald-trump-democrats-impeachment-capitol-riot/index.html

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-55611630

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-55611630

https://www.usnews.com/news/national-news/articles/2017-02-10/10-things-you-didnt-know-about-the-25th-amendment

ไม่ใช่แค่เมืองไทย ประเทศบรูไนก็ใช้แอปฯ ติดตามการระบาดโควิด-19 แถมจัดเต็มตรวจทุกสถานที่

คอลัมน์ เสียงจากเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ บรูไน

ประเทศไทยมีประเด็นข่าวเรื่องการโหลดแอปพลิเคชั่น ‘หมอชนะ’ เพื่อใช้ในการติดตามและป้องกันการระบาดโควิด-19 สำหรับที่ประเทศบรูไน มาตรการในการป้องกันโควิด-19 ก็ถือว่าเข้มงวดอย่างมาก โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศบรูไน ได้แจ้งว่า มาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ของบรูไนถือว่าเข้มข้นที่สุด มีการปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงตอนนี้ และจะไม่เปิดประเทศจนกว่าจะมีวัคซีน

ฉะนั้น ใครจะเดินทางเข้าออกบรูไนในช่วงนี้ ต้องทำหนังสือขออนุญาต และทุกคนต้องกักตัว นอกจากนี้เวลาไปไหนก็จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชั่นที่ชื่อ bruhealth ด้วยทุกครั้ง ทุกที่ เนื่องจากจะมีการขอตรวจดูอยู่ตลอดเวลา หากใครที่ไม่สแกนผ่านแอปพลิเคชั่นตัวนี้ จะมีโทษปรับหนัก

เคยมีกรณีตัวอย่างมาแล้ว คนไทยในบรูไน เข้ามาใช้บริการร้านอาหาร จะด้วยความลืมหรือความขี้เกียจก็สุดแท้ ปรากฎว่าไม่ได้สแกนตอนเข้ามา ซึ่งตามกฎระเบียบคือ ต้องสแกนก่อนเข้าร้านทุกครั้ง ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาปิดประตูร้าน ขอเช็กมือถือทุกคน สุดท้ายลูกค้าคนไทยถูกปรับไป 100 เหรียญบรูไน

แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือทางร้านก็โดนด้วย ถูกปรับไปถึง 200 เหรียญ! นี่คือตัวอย่างของการเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ที่ประเทศบรูไน ปฏิบัติงานกันอย่างแข็งขันมาก เพื่อไม่ให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง


อะมีนะห์

สาวไทยมุสลิม เกิดใจกลางกรุงเทพ ชีวิตผกผันแต่งงานกับหนุ่มบรูไน ตั้งรกรากปากกัดตีนถีบแต่มีความสุขดี ยังชีพกับการเผยแพร่อาหารไทย มีความรักผูกพันบ้านเกิดทุกลมหายใจ เลี้ยงลูกสองคน วันนึงจะพาลูกมารู้จักแผ่นดินที่เเม่เกิดให้มากขึ้น แนะนำเพื่อนบ้านบรูไนจากกรุงเสรีเบการ์วันให้คนไทยรู้จักมากขึ้น

10 วิธีง่าย ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง

คอลัมน์ "ข้างครัวริมแม่น้ำบริสเบน"

ปีใหม่ถือเป็นฤกษ์ดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หลาย ๆ คนอาจมีแผนในปีเก่าไว้ว่าฉันจะทำนั่นทำนี่ แต่สุดท้ายแล้วแผนที่วางไว้ก็ไม่ได้ลงมือทำหรือทำไม่สำเร็จเสียที วันนี้เชฟก็เลยขอเขียนอะไรง่าย ๆ เป็นแนวทางในการ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่อยากจะลงมือทำอะไรจริง ๆ จัง ๆให้สำเร็จเสียทีไว้ให้ 10 ข้อตามนี้

1.) เขียนลิสต์แพลนและเป้าหมายที่ชัดเจน

เข้าใจว่าในหัวเรามีอะไรมากมายที่อยากจะทำ และอยากจะประสบความสำเร็จมันทุกอย่าง แต่เมื่อของหลายสิ่งอยู่ในหัว แน่นอนว่ามัน ก็จะดูมั่วๆ ในที่สุดก็ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้น ปีใหม่นี้คุณคิดจะทำอะไรบ้าง เขียนมันออกมาให้เห็นในกระดาษ แปะ ไว้ที่ฝาบ้านหรือจะที่ไหนก็ได้ให้เห็นว่าฉันจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ เขียนถึงสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือ การควบคุมเช่นฉันจะถูกหวย 30 ล้านนั่นเขียนให้ตายสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ก็ไม่มีทางเป็นจริง

2.) ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

โอเค เมื่อเขียนถึงสิ่งที่เราต้องการทำแล้ว ลำดับต่อมาคือต้องหาแนวทางในการ ทำสิ่งนั้น ให้เป็นจริงแบบเป็นขั้นเป็นตอน กำหนดวัน เวลาในการเริ่มปฏิบัติการ กำหนดระยะเวลาที่จะทำ สำเร็จแบบคร่าวๆ เวลาที่กำหนดกับเวลาที่ทำได้จริงอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างก็อย่าไปซีเรียส แต่ไม่ใช่ วางแผนปีนี้จะทำสำเร็จอีก 50 ปีข้างหน้า นั่นก็นานไป สำหรับผู้เริ่มหัดวางแผนใหม่ควรกำหนดแผนระยะ สั้น ๆ และทำสำเร็จได้ง่าย ๆ ก่อน เหนืออื่นใดคือ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะถ้าผัดวันนี้ พรุ่งนี้ก็ผัดอีกไปผลสุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำเสียที

3.) มีไอดอลเป็นของตัวเอง

เลือกให้ดีเลือกให้โดนเลือกคนที่คุณรักและเทิดทูนบูชาที่ว่าชาตินี้จะต้องเป็น แบบเขาให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ให้หาว่าเป้าหมายในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันเขียนขึ้น มานี้ฉันต้องการทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไรเพราะการที่คุณมีไอดอลหรือมีเป้าหมายในสิ่งที่ทำอย่างชัดเจนมันจะเป็นแรงผลักดันให้คุณ ทำสิ่งนั้น ได้อย่างเต็มที่แบบที่ไม่รู้จัก เหน็ดจัก เหนื่อย ยกตัวอย่างเช่น ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม ภายในปีนี้เพราะฉันอยากจะหุ่นดีแบบพี่อั้ม พัชราภา ถ้าคุณเป็นแฟนคลับพี่อั้มตัวยงและอยากสวยอย่างเธอ คุณก็จะมีแรงบันดาลใจไปส่องภาพเธอชุดเธออาหารที่เธอรับประทานและการออกกำลังกายที่เธอทำเป็นประจำ และเมื่อคุณรักเธอ อินกับสิ่งที่เธอทำมาก ๆ คุณ ก็จะพยายามทำในสิ่งนั้น ๆ ให้ได้อย่างที่เธอทำ

4.) มั่นคงในเป้าหมายและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง

ความฝันที่วาดไว้อย่างสวยงามจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าคุณทำแล้วล้มเลิก ไม่ว่าคุณ จะลงมือทำมันมาอย่างยาวนานเพียงใด ถ้ามันยังไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ คุณจำเป็นต้องเดินทางต่อไปจนกว่าจะถึงเป้าหมายนั้น ๆ แต่ถ้าหากคุณ เกิดล้มเลิกกลางคันเส้นทาง สู่เป้าหมายนั้นก็จะมลายหายไปในทันทีงานแต่ละงานเป้าหมายแต่ละอย่างคนแต่ละคนใช้เวลาในการเดินทางไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณทำได้คือ Keep walking while being patient จนกว่าจะถึงเป้าหมายนั้น

5.) ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

เราจะไม่ดูถูกความสามารถของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าคนอื่นเราทาในสิ่งที่เราทำได้มองเฉพาะเป้าหมายที่เราวางไว้และพัฒนา ต่อไปในแต่ละวัน ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ คุณทำอาหารไม่เป็นเลยและคุณตั้งใจว่าคุณจะเริ่มต้นทำอาหารให้ได้ จากวันแรกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย วันต่อมาคุณ ทอดไข่ได้ คุณ ควรภูมิใจในตัวเอง ไม่ใช่ว่าเอาตัวเองไป เปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่เป็นมาสเตอร์เชฟแล้วบ่นกับตัว เองว่าฉันมันไม่เอาไหนเลย ๆ ไข่ดาวของฉันสู้อาหารที่เขาทำก็ไม่ได้หรือในอีกมุมหนึ่งเมื่อคุณทอดไข่ได้แล้วคุณก็ไม่ควรที่จะหลงระเริงคิดว่าฉันมันสุดยอดจนปิดหูปิดตารับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบกายไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม สุดท้ายคุณก็จะเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ทอดไข่ ได้เท่านั้นเอง แต่อาหารอย่างอื่นคือทำไม่เป็น

6.) ไม่บ่นว่าเหนื่อย ยาก ลำบาก

ทุกครั้งที่เราบ่นว่าเหนื่อย มันก็เหมือนกับการ repeat ความเหนื่อยให้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่า บ่นว่ายาก บ่นว่าลำบากก็เช่นกัน ยิ่งบ่นยิ่งตอกย้ำว่าเราทำมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เลิกบ่นกับความเหนื่อยยากลำบากใด ๆ คิดว่าเราทำได้แทนที่จะบั่นทอนตัวเองด้วยพลังลบ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเองซะ

7.) เหนื่อยก็หยุดพักสักพัก แต่ไม่ใช่ล้มเลิก

ในบางเวลาสถานการณ์แม้ว่าเราจะคิดบวกแบบสุด ๆ แล้วแต่มันก็ต้องมีบางจังหวะหละน่าที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยเราท้อจริง ๆ เหนื่อยมาก ๆ ก็หยุดพัก หันไปทำอบ่างอื่นที่ตัวเองชอบที่จะเป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเองเสียก่อน เมื่อหายเหนื่อยหายท้อแล้วก็หันกลับมาสานต่อสิ่งที่ทำไว้กันต่อ เหนื่อยก็พัก พักได้แต่อย่านานเสียจนสุดท้ายคือล้มเลิกไม่ทำมันดื้อ ๆ เสียเลย

8.) เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ให้พิจารณาตัวเองเพื่อปรับปรุงแก้ไข

เป็นปกติที่คนเรามักจะโทษสิ่งต่าง ๆ รอบกาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ โอกาส ดวง หรือแม้กระทั่งบุคคลที่เป็นอุปสรรคทำให้พวกเขาเหล่านั้นไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้สักที ซึ่งจริง ๆ แล้วการโทษสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรานั้นเป็นแค่ข้ออ้างหรือจข้อแก้ตัวว่าเราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่สำเร็จเพราะอะไรเท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราหันกลับมามองตัวเอง สำรวจตัวเองแทนที่จะโทษนั่นโทษนี่ เราก็จะเขยิบเข้าใกล้เป้าหมายของเราได้มากขึ้น เพราะการสำรวจตัวเอง แก้ไขที่ตัวเราเองคือการควบคุมในสิ่งเราควบคุมได้ เมื่อเราแก้ไขมันให้ถูกทิศถูกทางแล้ว สิ่งที่หวังไว้ก็จะไม่ไกลเกินความเป็นจริง

9.) อยู่ใกล้ ๆ คนคิดบวกและห่างให้ไกลพวกลบ ๆ

การมองโลกเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้เช่นเดียวกับการเข้าสังคม ทุกเป้าหมายมีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง ดังนั้นเราจึงต้องหัดเป็นคนมองโลกที่มองโลกในแง่ดีและไม่ท้อถอยกับแม้ปัญหาและอุปสรรคจะถาโถมเข้ามามากมายสักแค่ไหนก็ตาม เราต้องคิดเสมอว่าเราทำได้ และในขณะเดียวกันพยายามรายล้อมตัวเองด้วยผู้คนที่มองโลกในความเป็นจริงและมีพลังบวกให้กับเรา ไม่ใช่ว่า”ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็อย่าทำ ความสามารถอย่างเธอทำงานนี้ไม่ได้หรอก อย่าทำเลยเสียเวลา” อะไรทำนองนี้ ถ้าเจอเพื่อนหรือคนประเภทนี้ควรอยู่ให้ไกลซะ

10.) ให้รางวัลกับตัวเองแม้เป็นความสำเร็จเพียงเล็ก ๆ

ความสำเร็จเพียงก้าวเล็ก ๆ ในแต่ละวันอาจนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้น เราควรให้รางวัลกับตัวเองแม้มันจะเป็นความสำเร็จเพียงก้าวเล็ก ๆ ก็ตาม ใครไม่เห็นความสำคัญของมันแต่ขอให้ตัวเรา เห็นก็พอ รางวัลสำหรับตัวเองนั้นอาจรวมถึงสิ่งของ หรือ อาจเป็นคำชมเชยตัวเองก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งเป้าหมายไว้ปลายภาคปีนี้เราจะกวาดเกรด 4 ให้ได้ในทุกวิชา แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ถึงปลายภาคเรียน เราทำคะแนนเก็บได้ดี เรามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน เราก็ควรภูมิใจในสิ่งที่เราได้ทำลงไปให้รางวัลกับตัวเองด้วยการพักผ่อนบ้าง ออกไปข้างนอกหาอะไรอร่อย ๆ ที่เราชอบทาน ชมเชยตัวเองบ้าง เสร็จแล้วเราก็มานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคกันต่อไป

การสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในแต่คนอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้ทั้ง 10 ข้อนี้ ขณะที่บางคนอาจใช้เพียง 2 หรือ 3 ข้อก็ได้ แต่ไม่ว่าแรงบันดาลใจของคุณจะเป็นอะไร ก็ขอให้คุณหามันให้เจอและนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีใหม่นี้ค่ะ


แพร

อดีตผู้ประกาศข่าว สำนักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชีวิตดิ้นรนมาเป็นเชฟในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย สรรหามุมมองเรื่องเล่าจากดินแดนดาวน์อันเดอร์ มาให้อ่านกันบ่อย ๆ

สาวจีนมาเลย์เครียด! ทำไมจ่ายค่าไฟแพงมา 5 ปี พอรู้ความจริงถึงกับเงิบ!

คอลัมน์ สายตรงเคแอล

หญิงสาวชาวจีนมาเลย์รายหนึ่งได้โพสต์บน Facebook ส่วนตัวจนกลายเป็นกระแสไวรัล ซึ่งเธอเปิดเผยว่า เธอรู้สึกเครียดกับบิลค่าไฟของเธอมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากค่าไฟมันแพงเกินกว่าความน่าจะเป็นมาก ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะพยายามลดการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้น้อยที่สุด แต่จนในที่สุดเธอก็สามารถไขปริศนาคาใจนี้ได้

โดยหญิงสาวรายนี้ใช้ชื่อบนเฟซบุ๊กว่า อีฟ ลิม เธอโพสต์ระบายว่า เธอพบว่ามันแปลกมากที่บิลค่าไฟฟ้าของเธอในทุกเดือนมีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 700-800 ริงกิต (ประมาณ 5,000 - 6,000 กว่าบาท) เธอพยายามโทรหาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าหลายต่อหลายครั้งเพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบปัญหาบิลค่าไฟแพงแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือไปยังรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

เธอพยายามทุกอย่างตั้งแต่การดึงปลั๊กตู้เย็นออก ไปจนถึงลองไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนเพื่อลองลดค่าไฟ แถมยังหมดเงินไปจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่คิดว่ามันอาจเกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า แต่ก็ไม่นำพา !!

“ฉันคาดหวังถึงผลลัพธ์ทุกครั้ง แต่มันไม่ได้ผลเลย ค่าไฟยังคงแพง แต่จะทำยังไงได้ ฉันไม่ต้องการให้ไฟฟ้าถูกตัด ฉันจึงต้องจำใจจ่ายต่อไป และพยายามหาวิธีแก้ปัญหาในเวลาเดียวกัน” เธอกล่าว

แต่แล้วความอดทนของเธอเริ่มสิ้นสุดลง! หลังจากที่เธอได้รับบิลค่าไฟจำนวนถึง 1,500 ริงกิต หรือประมาณหนึ่งหมื่นกว่าบาทในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา! เธอจึงตัดสินใจเรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบอีกครั้งว่าตู้เย็นนั้นเป็นสาเหตุของปัญหาหรือไม่ แต่ช่างไฟไม่พบปัญหาใด ๆ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ จึงขอให้เธอลองขอให้ TNB (Tenaga Nasional Berhad) ซึ่งเป็นหน่วยงานการไฟฟ้ารัฐวิสาหกิจ ลองตัดมิเตอร์ไฟแทนเพื่อดูว่ามิเตอร์ยังคงทำงานอยู่หรือไม่

และนั่นนำมาซึ่งคำตอบที่เธอพยายามไขปริศนามาโดยตลอด...

หลังจากตัดสวิตช์มิเตอร์หลักของเธอแล้ว ก็พบว่าไฟและเครื่องใช้ต่าง ๆ ของเธอยังคงทำงานอยู่ และเจ้าหน้าที่ TNB ก็หัวเราะ อีฟถึงกับงง ถามพวกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น! และเขาขอให้เธอรอ เดี๋ยวคงจะมีใครสักคนออกมา!

และไม่กี่นาทีต่อมา...สาวใช้จากบ้านเพื่อนบ้านของเธอก็ออกมาถามว่า "ทำไมไม่มีไฟฟ้าอ่ะคะ"

ปรากฎว่ามิเตอร์ไฟฟ้าของเธอมีเลขที่สลับกับของเพื่อนบ้านที่คงติดสลับกันตั้งแต่ตอนทำโครงการบ้าน ซึ่งทำให้เธอต้องจ่ายค่าไฟของเพื่อนบ้านแทนเป็นเวลาถึงห้าปี! OMG!

“บางวันฉันต้องยอมไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อประหยัดค่าไฟ…” อีฟบอกเพิ่มเติม (คนที่นี่ติดการอาบน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นมาก ๆ นี่ขนาดไม่ใช่เมืองหนาวนะ 555)

เธอบอกว่า...ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องเครียดกับเรื่องนี้อีกต่อไป และโชคดีที่ทาง TNB จะคืนเงินส่วนต่างให้เธอเป็นเงินราว ๆ 15,000 ริงกิตที่เธอต้องจ่ายเกินจริงไปให้เพื่อนบ้านโดยไม่รู้ตัว และชี้แจงว่าเพื่อนบ้านก็ไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ตั้งใจขโมยใช้ไฟของเธอ!

ในที่สุดเราก็ดีใจกับเธอที่แก้ปัญหาที่ทำให้เธอเครียดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา...เฮ้ออออ


Info via: Eve Wei-Jia Lim / Facebook

https://hitz.com.my/trending/trending-on-hitz/woman-pay-neighbour-tnb-bill-electric-malaysian-vi


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

ความเปลี่ยนแปลงของเมียนมาในปี 2020

คอลัมน์ AEC ภาคปฏิบัติ

ในช่วงเวลาที่เรามีการพูดถึงการแพร่ระบาดกันมากของโควิด-19 ในประเทศไทย โดยพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมาที่ทำงาน ณ ตลาดกุ้งในจังหวัดสมุทรสาครนั้น จะว่าไปแล้ว ปี 2020 ก็เป็นปีที่มีความตื่นเต้นไม่น้อยในเมียนมา

โดยครึ่งปีแรก ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของโควิด-19 ในหลาย ๆ ประเทศ  เมียนมาเองกลับเป็นชาติที่มีอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ และอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำไป   เหตุการณ์เริ่มมาพลิกผันในช่วงไตรมาสที่สามของปีที่การระบาดเริ่มเพิ่มจำนวนสูงขึ้นจากการติดเชื้อมาจากการเดินทางระหว่างพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมายังนครย่างกุ้ง และขยายไปเมืองอื่น ๆ ในระยะต่อมา

ปีที่ผ่านมา ไทยเราติดอันดับ 4 ในการเป็นผู้นำเงินไปลงทุนในเมียนมา โดยที่ผู้ลงทุนมากที่สุดได้แก่ สิงคโปร์  ตามด้วยจีน  และฮ่องกง ที่มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาลงทุนกันมาก กลับกันในปีนี้ ไทยเรากลับไม่ติดในTop 5 ของการลงทุน แต่กลับมีอังกฤษและญี่ปุ่นสอดแทรกเข้ามาในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ในเมียนมาตามลำดับ 

เมียนมา เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงขึ้นทุกปี โดยรัฐบาลมองการเพิ่มขนาดของGDP ให้โตได้เท่าตัวภายในปี 2029 รัฐบาลเองได้วาง 10 กลยุทธ์ 76 แผนปฏิบัติการภายใต้ชื่อ CERP (COVID19 Economic Relief Plan) โดยใช้ Digital economy เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อน (Digital Trading เติบโตถึง 183% ในเมียนมา โตเป็นลำดับ 7 ในอาเซียน)

นอกเหนือจากการวางรากฐานทางการเงิน และอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ การปรับโครงสร้างเรื่องแรงงาน   การจัดการด้านครัวเรือน ประชากรศาสตร์  และให้ความสำคัญด้านระบบสาธารณสุข ปัจจุบัน เมียนมามีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสาธารณสุขอยู่เพียง 130,000 คน มีหมอ 35,000 คน  พยาบาล 35,000 คน  หมอฟัน 12,000 คน และอื่น ๆ อีกไม่มาก

ซึ่งจะต้องเร่งเพิ่มปริมาณให้มีจำนวนมากขึ้นกว่านี้ ล่าสุดเมียนมาได้อัดฉีดเงินเข้าระบบสาธารณสุข โดยทำให้ยอดเงินลงทุนด้านสาธารณสุขปรับมาอยู่ที่ระดับ 5USD ต่อประชากรหนึ่งคน  และนอกจากนี้รัฐบาลยังได้อนุมัติในการกู้เงินเพื่อนำมาซื้อวัคซีนป้องกันโรคระบาด COVID-19 ไว้อีกระดับหนึ่ง  

ท่านผู้อ่านครับ ระบบโรงพยาบาลและสาธารณสุขในเมียนมายังค่อนข้างล้าหลัง และผู้คนต้องออกมารักษากันนอกประเทศปีหนึ่งถึง 250,000 คนโดยประมาณ ซึ่งเราจะพบว่า 56% ที่มาตรวจรักษาในประเทศไทย จนโรงพยาบาลเอกชนเราต้องรับชาวเมียนมา มาเป็นเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและไปเปิดสำนักงานตัวแทนกันถึงเมียนมาในหลากหลายเมือง

ตอนต่อไปจะกลับมาพูดถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในหมวดอื่น ๆ กันต่อครับ


จิรวัฒน์

ผู้บุกเบิกการตลาด อินโดจีน พม่า อาเซียนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ยุคที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกัน เอาประสบการณ์ตรงมาเล่าแบ่งปัน ในวันที่โควิด - 19 ล็อคประตูเพื่อนบ้าน เรายิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น

KPL สำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานว่า แผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นครหลวงเวียงจันทน์ ในนามของรองคณะกรรมการปรับปรุงที่ดินของเขตสงวนสองทางถนนเวียงจันทน์ 450 ปี ได้ประกาศขายสิทธิครอบครองที่ดินในเขตสงวน

ตลอดแนว 2 ฝั่งถนนสาย 450 ปี ลึกฝั่งละ 50 เมตร จำนวน 93 แปลง พื้นที่ 283,500 ตารางเมตร ให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่สนใจ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารแห่งสปป.ลาวและค่าก่อสร้างถนน ผู้ที่สนใจซื้อสิทธิการใช้ที่ดินกรุณาติดต่อสำนักเลขาธิการและสำนักวิชาการที่สำนักงาน 450 ปี ตั้งอยู่ บ้านโพนทอง เมืองไชเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ ติดต่อ 020 22239972 020 55539992 และ 020 22205384

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนตุลาคม องค์กรปกครองนครหลวงเวียงจันทน์และธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้เซ็นสัญญาโอนบสิทธิครอบครองที่ดินให้แก่กลุ่มบริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อส้าง จำกัด เพื่อให้บริษัทดวงจะเลิน จ่ายทั้งค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ที่องค์การปกครองนครหลวงเวียงจันทน์ได้กู้มาเพื่อใช้เป็นค่าก่อสร้างถนนสายนี้ตั้งแต่ พ.ศ.2551

.

ตามสัญญา บริษัทดวงจะเลินฯ หลังได้รับมอบที่ดินแล้ว  บริษัทมีหน้าที่ลงทุนพัฒนาต่อ เช่น ถมที่ดิน น้ำประปา ไฟฟ้า ถนนเข้าถึงในแต่ละพื้นที่โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับนักลงทุนและสามารถขายที่ดินได้ในระยะเวลา 5 ปีต่อมา เพื่อเป็นทุนในการจ่ายเงินให้กับธนาคารแห่ง สปป.ลาว ให้เสร็จสมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐ

.

นายคำไพ ศิลาสา ประธานกรรมการบริษัทดวงจะเลินฯ กล่าวว่า แม้ถนนได้สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

ที่ดิน 2 ฝั่งถนนสายนี้สามารถขายออกไปได้เพียง 20% โดยขายได้เฉพาะที่ดินแปลงที่สวย กับแปลงที่อยู่ติดกับตัวเมือง

ที่ดินส่วนที่เหลือ ซึ่งขายไม่ออกเป็นแปลงที่ไกลจากตัวเมือง รูปที่ดินไม่สวย เป็นท้องทุ่ง หรือหนองน้ำ ไฟฟ้าและประปายังเข้าไปไม่ถึง

.

ที่สำคัญคือ ราคาที่กำหนดไว้เพื่อขายสูงกว่าราคาตลาด ด้วยเหตุนี้ จึงได้หารือร่วมกันกับองค์กรปกครองนครหลวงเวียงจันทน์และธนาคารแห่ง สปป.ลาว เพื่อแก้ไขหนี้และตกลงที่จะชำระหนี้ที่ค้างกับแบงค์ชาติลาว  ตกลงเห็นว่า จะโอนสิทธิการครอบครองใช้ที่ดินส่วนที่ยังขายไม่ได้ให้กลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ นำไปพัฒนา เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่แบงก์ชาติลาวให้สำเร็จเร็วที่สุด

.

กลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นจากการได้รับสัมปทานจากรัฐ โดยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนา กะสิกำ ในเครือกลุ่มดวงจะเลินฯ ได้รับสัมปทานทำสวนกล้วยจากแขวงบ่อลิคำไซ บนเนื้อที่ 150 เฮกตาร์ (937 ไร่) ในเมืองบ่อลิคัน รวมทั้งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2561 กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ได้เซ็น MOU ให้บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อสร้าง เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ โครงการสร้างทางด่วนสายใต้ (เวียงจัน-จำปาสัก) ช่วงจากเมืองท่าแขก (แขวงคำม่วน) ไปยังแขวงสะหวันนะเขต ระยะทาง 117 กิโลเมตร.


เรื่องโดย : หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ค่ำคืนวันที่ 5 ธันวาคม เวทีการประกวดมิสลาว ใช้เวลามากพอสมควร ในการตัดสิน ผู้ที่จะคว้าตำแหน่ง นางสาวลาว 2020

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

และ ในที่สุด คณะกรรมการก็ตัดสินให้ นางบุนพะสอน จินนี่ คว้ามงไปครอง ... เป็นคนที่ 11 โดย นางวินะดา พิสาลาด นางสาวลาว 2019 จากแขวงหลวงพระบาง ร่วมส่งมอบตำแหน่งและสวม มงกุฎ ในค่ำคืนนั้น ซึ่งได้จัดขึ้น ที่ โรงแรมแลนด์มาร์คแม่โขง นครหลวงเวียงจันทน์

รางวัลที่ได้รับในประกวดครั้งนี้ มงกุฏเพชร มูลค่า 70 ล้านกีบ จากร้านทองคำพูวง สายสะพาย พร้อมเงินสด 30 ล้านกีบ ทองคำ 2 บาท ทุนการศึกษา 300 ล้านกีบและ ตัวเธอจะปฎิบัติหน้าที่ต่อจาก นางวินะดา นางสาวลาวปีก่อน

ในความงามแบบแม่หญิงลาว ซึ่งเธอเคยโพสต์ไว้ว่า

" เอกลักษณ์ที่มีมา หญิงลาวขอรักษาไว้ "

" ...เป็น เวทีความฝันของน้อง ทั้งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้แม่หญิงลาว แสดงความสามารถและศักยภาพของตัวเองออกมา .."

และนับแต่นี้ เธอจะได้สืบสานในตำแหน่งนางสาวลาว ในแบบฉบับของ หญิงลาว ตามที่ตั้งใจ

ซึ่งในการประกวดนางสาวลาว ไม่มีการประกวดชุดว่ายน้ำโชว์สัดส่วน เน้นในเสน่ห์ของการรักษาวัฒนธรรมการแต่งกายแบบลาว ต่างจากการประกวดในเวทีสากล ซึ่งการประกวดในสปป.ลาว เริ่มมีการอนุญาติให้ประกวดในชุดว่ายน้ำ ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สลาว มิสแกรนด์ลาว และมิสเวิลด์ลาว ด้วยรูปแบบของเวทีในระดับสากล

จาก โปรไฟล์บนเฟสบุ๊ค www.facebook.com/jinny.bounphasone

..Be Real, stay true.. แสดงถึงตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน

เธอ เป็น สาวงามจากนครหลวงเวียงจันทน์ สวย เก่ง ครบ สมมง ไม่ธรรมดา

จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัย Beijing International Studies University และ

กำลังศึกษาชั้นปีที่สอง ในระดับปริญญาโทธุรกิจระหว่างประเทศ University of International Business and Economics ที่ปักกิ่ง

พักอาศัยอยู่ที่บ้านดงป่าลาน เมืองสีสัตตะนาก นครหลวงเวียงจันทน์

จินนี่ ในวันประกวด ML4 อายุ 24 ปี สูง 169 ซม. ในสัดส่วน 32-24-35

ชุดชนเผ่า ที่เธอสวมใส่ ในวันประกวดและโปรโมท เป็น ชุด ชนเผ่าโลมา

ซึ่งเป็นหนึ่งในชนเผ่าอาข่าที่อาศัยอยู่ใน แขวง พงสาลี ..

มีภาษาพูดภาษาเดียวในส่วนภาษาจีน - ทิเบต

ลักษณะของการแต่งตัว :

- กระโปรงผ้าฝ้ายมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม

- เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำช่วงอกถึงขา

- สวมผ้าคลุมศีรษะและเสื้อชั้นในที่ขา

- ประดับด้วยลูกปัดและเครื่องเงินสวยงาม

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เธอเคยถ่ายแบบสำหรับภาพบนปฎิทินของร้านทองคำแห่งหนึ่งใน สปป.ลาว และ ได้เข้าเรียนการเดินแบบและบุคลิกภาพ

รวมทั้ง เข้าประกวดเวทีแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในเวที Kids and Young Model Contest ที่จัดโดย Centerstage Laos .

เธอได้เข้ารอบ หกคนสุดท้าย ..และ น้องจินนี่ ก็เข้าสมัครประกวดนางสาวลาว 2020 จนในที่สุด คณะกรรมการก็ตัดสินให้ จินนี่ สวมมงกุฎ ในแบบฉบับแม่หญิงลาว เป็นคนที่ 11 45 ปี วันชาติลาว ....

หลังจาก ได้รับตำแหน่ง นางสาวลาว 2020 จินนี่ ได้โพสต์ขอบคุณไว้ว่า

” ฉันรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจมากที่ได้รับเลือกให้เป็นมิสลาว 2020 และ

ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนจากทุกๆทาง รวมถึงส่งเสริมให้ฉันเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับตำแหน่งนางสาวลาวในที่สุด

ขอบคุณกองประกวด นางสาวลาว ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำตามความฝันและพิสูจน์ตัวเองบนเวทีที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ .... "

..Be Real, stay true..

เวที "นางสาวลาว" หลังเปลี่ยนจาก "เวทีนางสาวอาภรณ์ลาว" ได้จัดมา 10 ปี เว้นไปหนึ่งปี 2014 มีนางสาวลาว 10 คน ดังนี้

ปี 2009 ไพลินดา พิลาวัน นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2010 มาไลทิบ สิงสาหะนาด แขวงบ่อแก้ว

ปี 2011 ทิดาลัด วงสิลิ นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2012 คริสตินา ลาดชะสิมมา นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2013 วิไลลัก จันทะวง แขวงไซยะบุลี

ปี 2015 สุติลัก อินทะวง นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2016 บุดสะบา แสงปัน แขวงไซยะบุลี

ปี 2017 ดวงพะไท เมกสีทอง นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2018 สุดทิดา อานุสิน แขวงสะหวันนะเขต

ปี 2019 วะนิดา พิสาลาด แขวงหลวงพระบาง


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

สปป.ลาวมอบของขวัญส่งท้ายปี เปิดแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ให้ประชาชนใช้พักผ่อนหย่อนใจ

คอลัมน์ เบิ่งข้ามโขง

ส่งมอบเป็นทางการ ...

แลนด์มาร์คแห่งใหม่แคมโขงของสะหวันนะเขต..

ภายใต้ " โครงการป้องกันดินเคลื่อนตัวริมฝั่งแม่น้ำโขง "

หนึ่งในเจ็ด กิจกรรม ของโครงการ GMS

ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2019 แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด ได้จัดทำพิธีส่งมอบ ในวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

มีสองส่วนโครงการ

ส่วนแรก : เป็นงานก่อสร้างริมฝั่งแม่น้ำโขง ความยาวรวม 980 เมตร

เริ่มจากท่าเรือเก่าริม ทำเขื่อนหินเรียบลงไปในแม่น้ำโขง

โดยมีการถมทราย ออกไปจากขอบถนนอีก 50 เมตรและ เรียงหินตามริมฝั่งแม่น้ำโขงปริมาณรวม 246,717 ลูกบาศก์เมตร และ งานตกแต่งพื้นสนามคอนกรีตพิมพ์ลายและสวนดอกไม้ จุดนั่งเล่น จุดชมวิว ที่ขายเครื่องดื่มและอาหาร ที่นั่งชมการแข่งขันเรือประจำปี

ส่วนที่สอง : การก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 980 เมตร ตามแนวยาวของเขื่อนกันดิน มีหน้ากว้าง 7 เมตร มีทางเดินสองข้างและที่จอดรถ ตกแต่งประดับประดา ปลูกหญ้าสวยงาม

โครงการนี้ยังรวมงานก่อสร้างระบบระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย ห้วยหลงกง เมืองไกรสอน พมวิหาน

ถือได้ว่า เป็นของขวัญส่งท้ายปีที่แสนลำบากให้ชาวสะหวันนะเขต

โครงการนี้ เสร็จเร็วก่อนกำหนด เดิมว่าจะเสร็จในปี 2021

โดยใช้เงินทุนกู้และเงินช่วยเหลือจาก ADB และการร่วมทุนจากรัฐบาล สปป. ลาว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการประมาณ 8 ล้านกว่าเหรียญสหรัฐ

คิดถึงสะหวัน ใจจะขาด ..

ภาพจาก Sengthong Vangkeomany

เรื่องโดย:

หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ไม่ไหวอย่าฝืน! เปิดภาพโรงแรมสี่ดาว ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ ต้องปิดตัวลง เหตุนักท่องเที่ยวหดหายเพราะโควิด-19

คอลัมน์ "สายตรงจากเคแอล"

ขายโรงแรมถูก ๆ เมื่อท่องเที่ยวแดนเสือเหลืองอาการโคม่า โควิด -19 ยังพุ่งไม่หยุด

ไม่ไหวอย่าฝืน! ภาพโรงแรมสี่ดาว ขนาด 20 ชั้นที่ตั้งอยู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ (KL) ประเทศมาเลเซียต้องปิดตัวลงอย่างเงียบๆ เหตุนักท่องเที่ยวหดหาย มีการสั่งปิดประเทศและล็อคดาวน์เข้มงวดทั่วทั้งประเทศจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2020

ในส่วนของโรงแรมนี้เป็นบริษัททุนจากฮ่องกง ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮแอนด์และมีโรงแรมบูติกระดับ 4 - 5 ดาว อยู่ในฮ่องกง ประเทศจีน เซียงไฮ้ ปักกิ่ง สิงคโปร์และกัวลาลัมเปอร์ ภายใต้แบรนด์ Lanson Place และนี่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรมรายแรกและรายสุดท้ายที่ต้องปิดตัวลงเพราะภาวะเศรษฐกิจขาลงจากฤทธิ์โควิดพ่นพิษในมาเลเซีย

แต่ก็มีข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังเดินทางเข้ามาเลเซียเพราะเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา อธิบดีสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข Dr. Noor Hisham ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทางรัฐบาลลงมติลดจำนวนวันกักตัวในมาเลเซีย จากเดิม 14 วัน เหลือแค่ 10 วัน ยกเว้นรัฐ Sarawak โดยการตัดสินใจเชิงนโยบายนี้เกิดขึ้นหลังจากตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนค่ากักตัวที่ผู้เดินทางจะต้องเป็นคนเสียค่าใช้จ่ายเองนั้นจะลดลงไปจากเดิม 4 วัน ค่ากักตัวเฉลี่ย $1,550 หรือ 4,700 ริงกิต หรือราวๆ 35,000 บาทต่อคน ส่วนค่าตรวจ Covid-19 ยังคงเท่าเดิมคือ 250 ริงกิต

ทั้งนี้ผู้ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้นั้นจะต้องมีประเภทวีซ่าหรือสถานะที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศเท่านั้น


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

กรุงย่างกุ้ง สหภาพเมียนมา คือเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงประเทศมานานแสนนานหลายชั่วอายุคน ในอดีตกรุงย่างกุ้งคือศุนย์กลางที่คนในภูมิภาคต้องไปหาหมอเนื่องจากเป็นศูนย์การแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ย่างกุ้งคือศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาคในหลายด้าน แม่น้ำย่างกุ้ง แม่น้ำ Hlaing โอบล้อมนครย่างกุ้งแห่งนี้และมีท่าเรือสำคัญที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปถึงยุโรป เช่นสกอตแลนด์ หรือ อัมสเตอร์ดัมส์ของเนเธอร์แลนด์ ทำให้ความเจริญของย่างกุ้งเมื่อ 60 ปีก่อนมีสูงมาก

ท่านผู้อ่านไม่ต้องสงสัยกันนะครับว่ายาหม่อง ก็กำเนิดจากเมียนมานี่แหละ ถึงได้เรียกขานว่ายาหม่องกัน โดยมีจุดเริ่มต้นจาก Tiger Hill ที่ผลิตยาหม่องตราเสือมาให้เราได้ใช้กันมานาน ถามว่า Tiger Hill อยู่ที่ไหน คำตอบก็คือตรงบริเวนห้องอาหารของโรงแรม Chatrium ในนครย่างกุ้งนี่หละครับ

ในยุคสมัยของท่านลีกวนยู อดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ ซึ่งถูกมาเลเซียเตะออกมาตั้งประเทศก็ใช้ตัวอย่างการสร้างชาติจากการมาดูเมียนมาหรือพม่าในสมัยนั้นหละครับ เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้างบ้านแปลงเมือง ยุคสมัยนี้กลับกันครับ รัฐบาลเมียนมาต้องวิ่งกลับไปดูต้นแบบของสิงคโปร์ซะแล้ว และสิงคโปร์ก็ร่างพิมพ์เขียวให้เมียนมาได้ใช้เป็นแบบแผนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม

จุดพลุเรียกน้ำย่อยกันไว้อย่างนี้หละครับ แล้วค่อยกลับมาดูกันในตอนหน้าว่า ปี 2020 เกิดอะไรบ้างในเมียนมา และอะไรจะเป็นภาพสำหรับปี 2021 ให้เราได้ติดตามกันต่อไป เจซูทินบาเด ขอบคุณที่ติดตามนะครับ อยากฟังเรื่องใดในอาเซียน แจ้งกันเข้ามานะครับ


จิรวัฒน์

ผู้บุกเบิกการตลาด อินโดจีน พม่า อาเซียนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ยุคที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกัน เอาประสบการณ์ตรงมาเล่าแบ่งปัน ในวันที่โควิด - 19 ล็อคประตูเพื่อนบ้าน เรายิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น

ยุทธศาสตร์ของสปป.ลาว ในการพลิกฟื้น หลีกพ้นความยากจน ใช้ลักษณะภูมิประเทศนำสู่การเป็นผู้นำของภูมิภาคด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการก่อสร้างเขื่อนจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้เพื่อนบ้าน

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

หม้อไฟลูกแรก ที่เขื่อนน้ำงึมขนาดใหญ่ ส่งขายให้ประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดในปี พ.ศ.2514 

หลายปีผ่านไปกับยุทธศาสตร์ของสปป.ลาว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท้วงติงจากการสร้างเขื่อนอาจส่งผลต่อความเสียหายทั้งสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนและสิ่งแวดล้อมก็ตาม แต่ ลาวร้อยเขื่อน ก็ได้ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ... ให้บรรลุยุทธศาสตร์ของชาติลาว ที่จะพลิกฟื้นความเป็นอยู่ของชาวลาว ทั้งประเทศ

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 เป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปีวันชาติลาว เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำอีก 13 เขื่อนจะส่งกระแสไฟฟ้าในปีนี้ ตามรายงานของ ข่าวจากแผนกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SERD) ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)

ทำให้สปป.ลาว มีเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ทั้งหมด 90 แห่งและจะมีกำลังการผลิตรวม 10,704 เมกะวัตต์ เวลาผ่านไป ดูเหมือนไม่นานนัก ..ลาวมีเขื่อน 90 เขื่อนแล้วหรือนี่

สปป. ลาว มีการส่งออกกระแสไฟไปแล้วเกือบ 7,000 เมกะวัตต์

โดยส่งออกไปยังประเทศไทยเกือบ 6,000 เมกะวัตต์ ตามด้วยเวียดนาม 570 เมกะวัตต์ กัมพูชา 20 เมกะวัตต์ และเมียนมาร์ 10 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะส่งออกมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้สปป. ลาวยังขายไฟฟ้าให้กับ ASEAN Grid (100 MW) ผ่านไทยและมาเลเซีย และคาดว่าจะส่งออกได้ 300 เมกะวัตต์ภายในปีหน้า

ปัจจุบัน 95% ของครอบครัวในประเทศลาว มีไฟฟ้าเข้าถึง 93% ของหมู่บ้านทั้งหมดมีไฟฟ้าใช้ และ 100% มีไฟฟ้าใช้ครบสำหรับเมืองใหญ่ของแต่ละแขวง

ซึ่ง ADB ร่วมกับภาคเอกชน เป็นหุ้นส่วนภาคีการพัฒนาและ รัฐบาลลาวได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคพลังงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการภาคเอกชนของ ADB เป็นรายงาน ในจดหมายข่าว SERD ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ในที่สุด สปป.ลาว ก็ใกล้บรรลุยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็น ยุทธศาสตร์ชาติที่สำคัญและได้ดำเนินการต่อเนื่อง จากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่า ประเทศไทย จีน เกาหลี ในการสร้างหม้อไฟแห่งเอเชีย

สิ่งที่สปป.ลาวคำนึง นั่นคือ ความมั่นคงทางพลังงานและไฟฟ้า

เพราะอย่างไร ทุก ๆ ประเทศล้อมข้าง ผู้คนย่อมมากขึ้น ความต้องการย่อมมากขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ประเทศเหล่านั่น มีปัญหาการต่อต้านการสร้างพลังงานไฟฟ้า ด้วยเหตุผลสภาพสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้คน และการเมืองระหว่างประเทศ

ในที่สุด สปป.ลาว ใกล้บรรลุสู่ .. แบตเตอรี่แห่งเอเชีย

มั่นคง มั่นยืน ให้แก่ชาวลาวและเพื่อนบ้าน .. ดีใจนำเด้อ


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

โควิด-19 ส่งผล ทำให้เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา แห่ง สปป ลาว ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ดึงดูดนักลงทุนมากกว่า 80 บริษัท ต้องชะลอตัว ผลกระทบส่วนใหญ่ เป็นเรื่องบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ

คอลัมน์​ "เบิ่งข้ามโขง"

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา นครหลวงเวียงจันทน์  ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบันมี บริษัท จดทะเบียน 86 บริษัท และ บริษัท จาก 7 ประเทศในภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ บริษัทโฮย่า จากญี่ปุ่น, บริษัทปิโตรเคมีลาว - จีน ,บริษัทยาสูบลาว - จีน , บริษัทความหวังใหม่ , บริษัท โกลเด้นลาว และ บริษัทที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในภูมิภาค

การลงทุน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ท่านหว่าง เหว่ย คุน อำนวยการบริษัทลาว - จีน ได้ให้สัมภาษณ์

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา  นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทก่อสร้างและลงทุนมณฑลยูนนาน หุ้นส่วนจำกัด กับองค์กรนครหลวงเวียงจันทน์ ร่วมทุนจัดตั้ง และ เป็นโครงการร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างประเทศแห่งเดียวของจีนในสปป. ลาว ..

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวียงจันทน์ครอบคลุมพื้นที่ 1,149 เฮกตาร์โครงการลงทุนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โครงการมุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมืองอย่างผสมผสาน

โดยแบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่

ระยะที่ 1 -  จะเน้นการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม

ระยะที่ 2 และ 3 - ได้รับการพัฒนาในด้านการคมนาคมการค้าที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวและ จะพยายาม สร้างเมืองเวียงจันทน์ใหม่

คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ.2573 

ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมพื้นที่ 400 เฮกตาร์ รวมถึง ก่อสร้างในระยะแรก แล้วเสร็จ เช่น ถนน พื้นที่สีเขียว ระบบท่อน้ำรวม  สถานีไฟฟ้า 115 กิโลวัตต์

ก่อสร้างโรงงานมาตรฐาน บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตรเสร็จสิ้น

การก่อสร้างหอพักพนักงานเพื่อรองรับและสามารถตอบสนองความต้องการบริการขั้นพื้นฐานของสถานประกอบการในพื้นที่

กำลังดำเนินการพัฒนาโครงการในระยะที่สองและสาม ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง โครงการริเริ่มในตัวเมืองใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จประมาณ 60%

มีการสร้างงานมากกว่า 1,800 ตำแหน่ง และ ภายในสิ้นปีนี้ จะมีการสร้างงานมากกว่า 5,000 ตำแหน่ง

ภายใต้ความเอาใจใส่และการสนับสนุนของสองรัฐบาลลาวและจีน ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง

แต่จนถึงปีนี้เนื่องจากการระบาดของโรคระบาดโควิด - 19

ทำให้โครงการได้รับผลกระทบอย่างมาก ในแง่ของการดึงดูดนักลงทุนและงานก่อสร้าง จำนวนบริษัทใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาลงทุนและการทำสัญญา

และ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่าง ๆ

นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการก่อสร้าง บางส่วนในพื้นที่ก็ล่าช้าออกไปด้วย


ที่มา  ປະເທດລາວ Pathedlao

หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชน​และภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนํา​ภาคเอกชนไทย​ บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า​ วีถีชีวิต​ วัฒนธรรม​ เศรษฐกิจ​ การเมืองประเทศฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง​  หรือ​ มุมมองเบิ่งข้ามโขง

 

กลางปีหน้า เขื่อนพลังงานไฟฟ้า น้ำกง 1 เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้า แขวงอัตตะปือปี 64 โครงการคืบหน้ากว่า 80 %

โครงการเขื่อนพลังงานไฟฟ้า น้ำกง 1 ในประเทศลาว ตอนนี้คืบหน้าไปถึง 81.9 % ของงานทั้งหมดหลังจากเริ่มการก่อสร้างอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป คาดว่า ภายในกลางปี พ.ศ.​​2564 ในเดือนพฤษภาคม จะทดลองดำเนินการ จากนั้นเริ่มอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2564

นาย เสิน ยู สว่าน ผู้อำนวยการโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำกง 1 กล่าวรายงานในโอกาสที่ นายสินาวา สุพานุวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานและการเหมืองแร่ พร้อมด้วยคณะติดตามและตรวจสอบโครงการ เมื่อเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำกง 1 เสร็จสิ้นภารกิจ โดยเฉพาะที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อรองรับในการสนับสนุนแผนการกักเก็บน้ำของโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างตัวเขื่อนเสร็จสิ้น

ที่ปรึกษาโครงการได้ดำเนินการประเมินคุณภาพการก่อสร้างและการประเมินความปลอดภัยของเขื่อนและส่วนประกอบก่อนอ่างเก็บน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนกักเก็บน้ำ

ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบเขื่อนเสร็จสมบูรณ์ จัดตั้งทีมเทคนิคเพื่อดำเนินการกักเก็บน้ำ ได้เผยแพร่แผนการกักเก็บน้ำและแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้แก่หน่วยงานในพื้นที่และประชาชนใต้เขื่อนใน 14 หมู่บ้าน และ งานสำคัญอื่น ๆ

โครงการเริ่มกักเก็บน้ำตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2563

งานที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ การสร้างสันเขื่อน , ติดตั้งประตูน้ำล้น, ติดตั้งเครื่องจักรเบอร์ 2 ,ไลน์นิ่งคอนกรีตท่อหายใจ โครงสร้างประตูน้ำท้ายเครื่องจักร , และ งานดึงสายเคเบิล 115 KV

ในโอกาสนี้นายบัวเทพ มาลัยคำ หัวหน้ากรมคุ้มครองพลังงาน กระทรวงพลังงานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า "เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำกง 1 เป็นเขื่อนหินถมด้านหน้าด้วยคอนกรีต กักเก็บน้ำได้ 650 ล้านลูกบาศก์เมตร จากการตรวจสอบนี้จะเห็นว่า การก่อสร้างเขื่อนล่าช้าเล็กน้อยจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด -19"

"แต่การก่อสร้างโดยรวมมีความคืบหน้าไปด้วยดีและคาดว่าโครงการจะทดสอบโรงไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 หลังจากนั้นจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2564"

"อย่างไรก็ตามแม้ว่าโครงการจะแล้วเสร็จ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและในพื้นที่จะติดตามการดำเนินงานของเขื่อนต่อไป เช่น การตรวจสอบชุดเขื่อนโครงสร้างเขื่อนน้ำรั่วในเขื่อน ฯลฯ เพื่อให้เขื่อนสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมั่นใจในความปลอดภัยของเขื่อน"

โครงการไฟฟ้าพลังน้ำน้ำกอง 1 ตั้งอยู่บนลำน้ำกง ในเขตเมืองภูวง แขวงอัตตะปือ ด้วยความสูง 90 เมตร โรงผลิตไฟฟ้าอยู่ใต้ดิน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 160 เมกะวัตต์ (2x80 เมกะวัตต์) ผลิตไฟฟ้า 469 GWh / ปี มูลค่าการก่อสร้าง 335.8 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุสัมปทาน 25 ปี ซึ่ง บริษัท น้ำและพลังงานไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CWE) ถือหุ้น 65% รัฐวิสหกิจกิจไฟฟ้าลาว EDL ถือหุ้น 20% และบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนเขื่อนไฟฟ้าจำกัดผู้เดียว (IHC) ถือหุ้น 15%. ไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้จะถูกขายให้รัฐวิสหกิจกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เพียงผู้เดียว


CR : มดแดงตัวน้อย

Assalamualaikum ...อัสลามมุอะลัยกุม จากประเทศปากีสถาน

ตอนนี้ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ

หนูอยู่ในเมือง Passu ประเทศ Pakistan เป็นเมืองทางภาคเหนือ อยู่ในเขตGB (Gilgit Baltistan) มีเขตชายแดนติดต่อประเทศจีน เส้นทางสายไหมโบราณ โดยมีถนนคาราโครัมย์ ไฮเวย์ (ถนนไฮเวย์ลอยฟ้า ที่สูงที่สุดในโลก) เป็นตัวเชื่อม 2 ประเทศ

หนูมีอาชีพทำทัวร์ปากีสถาน เป็นผู้จัดทัวร์และเป็นไกด์ผู้หญิงของเส้นทางนี้ ทำงานเส้นทางคาราโครัมนี้มาเข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ

และปลายปีที่แล้ว ผู้เขียนได้แต่งงานกับผู้ชายพาสสุ ชื่อคุณทันเวียร์ อาหมัด เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ hunzavalleyexperience และเจ้าของร้านอาหาร Glacier Breeze Restaurant เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของครอบครัว และเปิดมายาวนานถึง 17 ปี มีเค้กแอปริคอทที่โด่งดังมาก ๆ ใครผ่านไป ผ่านมาก็ต้องแวะที่ร้านของเราค่ะ

และครอบครัวของเราทำทัวร์นำเที่ยวปากีสถาน

เส้นทางท่องเที่ยวสวยงามมาก มีภูเขาหิมะสูงใหญ่ มี3เทือกเขาสวยงามระดับโลก คือเทือกเขาหิมาลัย คาราโครัม และฮินดูกูซ และทะเลสาบสีฟ้ามากมาย และตามรอยเส้นทางสายไหม

คนไทยมาเยือนที่นี่พอสมควร

เดือนธันวาคม ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวค่ะ อากาศทางเหนือหนาวมาก ๆ และมีหิมะตกหลายที่

หนูจะนำเรื่องราวและรูปภาพจากประเทศปากีสถานมาฝากเรื่อย ๆ นะคะ

หนูเป็นคนไทย คนเดียวในเมืองพาสสุ ที่นี่ต้องเป็นคนชอบธรรมชาติจริง ๆ ถึงจะอาศัยอยู่ได้ เพราะช่วงหน้าหนาว หนาวมาก-10 ถึง -25 องศา และที่นี่ไฟฟ้าไม่เสถียร บางช่วงไฟดับ 1 - 2 วัน

และช่วงหน้าหนาว น้ำปะปาของเราก็แทบไม่มีเพราะน้ำในท่อเป็นน้ำแข็ง

หลาย ๆ ท่านจากไทย เคยถามหนูว่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

นั่นสิคะ ?!!

พวกเราอยู่กับธรรมชาติจริงๆ และที่เมืองนี้ไม่มีโควิดนะคะ ที่เมืองนี่ไม่เคยมีผู้ติดเชื้อโควิดเลยค่ะ

ฝากติดตามชีวิตของพวกเรา จากปากีสถานด้วยนะคะ


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

ชุดนักเรียน...กับที่มาของแต่ละประเทศ

คอลัมน์ "ข้างครัวริมแม่น้ำบริสเบน"

หลายวันมานี้ แว่วหูมากับข้อเรียกร้องของผู้ไม่จำนนต่อกฎระเบียบว่า....

“หนูจะไม่ยอมใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอีกแล้ว” คำถามที่ตามมา คือ แล้วหนูจะใส่ชุดอะไรไปเรียนคะ ?

ราตรีสั้น ราตรียาว บิกินี่ หรือ กิโมโนดี ? เอาเวลาคิดว่าจะใส่อะไรไปโรงเรียน ไปทำการบ้านให้เสร็จทันส่งครูดีกว่าไหม ?

ยกตัวอย่างง่าย ๆ วันนี้มีชั่วโมงพละศึกษา นักเรียนทุกคนต้องลงสนามเล่นบาสเกตบอล ทุกคนอยู่ในชุดพละศึกษา แต่ถ้าหนูจะมาในชุดราตรียาว หนูจะวิ่งไล่ลูกบาสยังไง?

ไอ้ที่ร่ายยาวมาก็แค่เกริ่นขำ ๆ เรามาดูประวัติชุดนักเรียนในแต่ละประเทศกันดีกว่า

ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎให้นักเรียนต้องสวมเครื่องแบบ บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุในช่วงปีค.ศ.1222 สัญลักษณ์โรงเรียนและรูปแบบบางอย่างถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายที่นี่ซึ่งทำให้นักเรียนแตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษเครื่องแบบยังเป็นแหล่งแห่งความภาคภูมิใจ แจ็คเก็ต กางเกงขายาว เนคไท และแม้แต่ถุงเท้าไม่ควรเบี่ยงเบนไปจากประเพณีที่กำหนดไว้ นี่ไม่ใช่แค่การละเมิด แต่ยังเป็นการดูหมิ่นสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะ

ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 3 เดือนมกราคม ปีค.ศ.1996 ประธานาธิบดี บิลล์ คลินตั้น กล่าวกับสภาคองเกรสว่า "If it means that teenagers will stop killing each other over designer jackets, then our public schools should be able to require their students to wear school uniforms." จากนั้น กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกาก็ออกคู่มือพิเศษเกี่ยวกับชุดนักเรียนซึ่งระบุถึงประโยชน์ของเครื่องแบบ อธิบายถึงการทดลองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแนะนำแบบฟอร์มในบางโรงเรียน ซึ่งผลจากนโยบายยังทำให้การก่ออาชญากรรมในโรงเรียนน้อยลงและวินัยทางการศึกษาทั่วไปก็ดีขึ้น

ในประเทศไทยการแต่งกายด้วยชุดนักเรียนมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ.2428 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทำสยามให้ทันสมัยทัดเทียมชาติตะวันตก โดยกำหนดให้เครื่องแบบนักเรียนต้องมีหมวกฟาง เสื้อราชปะแตนสีขาว กางเกงขาสั้น และรองเท้าสีดำ

ประเทศญี่ปุ่น การปลูกฝังเรื่องเครื่องแบบนักเรียนมีขึ้นในช่วงยุคปฏิวัติเมจิ (ในช่วงปี ค.ศ.1868 - 1912) ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นพยายามพัฒนาทั้งชาติด้วยการศึกษา ยุคนี้เป็นช่วงหนึ่งของยุคลัทธิจักรวรรดินิยมแบบนานาชาติ ไอเดียการใส่เครื่องแบบนั้นได้รับความนิยมในญี่ปุ่นอย่างมากเนื่องจากในหลายพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น ประชาชนยังพยายามถีบตัวเองจากสถานะความเป็นไพร่พล ด้วยเหตุนี้เองเครื่องแบบนักเรียนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรับผิดชอบและความทันสมัยของเยาวชนในช่วงยุคเมจิ แล้วก็เพราะเหตุนี้เอง เครื่องแบบนักเรียนในยุคแรกของญี่ปุ่น จึงเป็นการสะท้อนภาพความฝันและความหวังของผู้ปกครองด้วย

ชุดนักเรียน นักศึกษา คือ ความภาคภูมิใจของผู้มีการศึกษาในอังกฤษ คือการลดปัญหาความรุนแรงในอเมริกา คือการประกาศก้าวว่าเราทันสมัยทัดเทียมต่างชาติในไทย คือความหวังความฝันของผู้ปกครองในญี่ปุ่น เครื่องแบบธรรมดาที่ทุกคนสวมใส่เหมือนกัน ยังบ่งบอกถึงความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน บ่งบอกถึงวัยแห่งความฝัน ฉะนั้น เมื่อยังมีโอกาสสวมใส่มัน ก็จงสวมใส่อย่างภาคภูมิใจเสีย อย่ารอให้หน้าแก่หนังเหี่ยวแล้วคิดจะมาใส่ เพราะถึงเวลานั้นมันไม่ใช่วัย เดี๋ยวจะหาว่าป้าไม่เตือน

ในออสเตรเลียก็เช่นกัน โรงเรียนแห่งหนึ่งมีเด็กเพิ่งกลับจากเที่ยวต่างประเทศย้อมผมและตัดผมแฟชั่น โรงเรียนไม่ให้เข้าเรียนจนกว่าจะทำผมให้กลับเป็นเหมือนเดิม แม้จะมีการถกเถียงเรื่องการใส่ชุดนักเรียนและระเบียบวินัยต่างๆในโรงเรียน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ออสเตรเลียก็ยังคงกฏระเบียบชุดนักเรียนไว้ตามเดิม เพราะนอกจากจะความเป็นระเบียบวินัยแล้ว ยังช่วยลดความรุนแรงในสังคม "เมื่อพวกเขาสวมใส่ชุดนักเรียน นั่นบ่งบอกว่าเขามีชื่อเสียงของโรงเรียนอยู่กับตัวเขา จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงโรงเรียน รวมถึงเมื่อมีใครสักคนของเราโดนรังแก เราก็สามารถรู้ได้ทันทีและเข้าช่วยเหลือได้ทัน" เจ้าหน้าที่โรงเรียนแห่งหนึ่งได้กล่าวไว้

แหล่งข้อมูล

https://www.carondeleths.org/resources/uniforms/

https://taleb.com.au/cumberland-high-school-uniform-shop/


แพร

อดีตผู้ประกาศข่าว สำนักริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ชีวิตดิ้นรนมาเป็นเชฟในเมืองบริสเบน  รัฐควีแลนด์ประเทศออสเตรเลีย  สรรหามุมมองเรื่องเล่าจากดินแดนดาวน์อันเดอร์ มาให้อ่านกันบ่อยๆ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top