สปป.ลาว เริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกผู้บริหารประเทศอีกครั้ง หลังรัฐบาลชุดปัจจุบันหมดวาระ 5 ปี รู้ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดสำคัญภายในวันที่ 15 มกราคมนี้

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

การประชุมใหญ่ของ ผู้แทนทั่วประเทศของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว จัดเป็นประจำทุก 5 ปี ในระหว่างวันที่ 13-15 มกราคม 2564

โดยเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2564 กองประชุมใหญ่ ได้ทำการลงคะแนน ในการคัดเลือกคณะกรรมการกลางพรรค และคณะกรรมการกรมการเมือง ซึ่งผลการเลือกตั้งจะแถลงอย่างป็นทางการในวันนี้ 15 มกราคม 2564

การเลือกคณะกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ จำนวน 11 คน ซึ่งถือเป็นคณะผู้บริหารสูงสุดของพรรค และ เลือกคณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรคชุดใหม่อีก 9 คน รวมถึงผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรค

ซึ่งเมื่อได้รายชื่อคณะกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ ขั้นตอนต่อไป เป็นการคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการบริหารของประเทศ ประกอบด้วย ประธานประเทศ โดยปกติผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรค คือ ผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง

ที่สำคัญ คือ การคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การประชุมพรรคนี้ ถือเป็นการสิ้นสุดวาระการทำหน้าที่ของคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มีอายุครบ 5 ปี

การจัดกองประชุมครั้งนี้ นายบุนโจม อุบนปะเสิด เลขาคณะบริหารงานพรรค กระทรวงการเงิน และหัวหน้าอนุกรรมการงบประมาณ ใช้งบประมาณเบื้องต้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมของคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ จนถึงวันประชุม เป็นเงิน 70,000 ล้านกีบ หรือ ประมาณ 209 ล้านบาท

มีองค์กรทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ จำนวน 26 แห่ง แสดงเจตจำนงให้การสนับสนุนทั้งในรูปเงินสดและวัตถุปัจจัย เพื่อให้การประชุมประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

มี 8 บริษัทที่ให้สนับสนุนเป็นเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านกีบ (ประมาณ 3 ล้านบาท) ขึ้นไป ซึ่งบริษัทเอสทีและธนาคารเอสที สนับสนุนมากที่สุด 1,200 ล้านกีบ และบริษัทเอสวี กรุ๊ป อีก 100 ล้านกีบ (บริษัททั้งสองอยู่ในกลุ่มเดียวกัน)

รองลงมาเป็น บริษัทลาวโทละคมมะนาคม 1,100 ล้านกีบ ยังมีรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐ ร่วมมอบเงินสนับสนุน โดยบริษัทเบียร์ลาว ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว และธนาคารแห่ง สปป.ลาว (แบงก์ชาติลาว) สนับสนุนหน่วยงานละ 500 ล้านกีบ บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนา มอบเงินสนับสนุน 300 ล้านกีบ กลุ่มบริษัทดาวเรือง ไม่ได้มอบเป็นเงิน แต่ได้นำผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำดื่ม กาแฟ ชา ผลไม้อบแห้ง มาร่วมสนับสนุนคิดเป็นมูลค่า 120 ล้านกีบ

ผู้สนับสนุนเหล่านี้ ในทางการเมืองบ้านเรา ก็ถือว่า เป็นกลุ่มทุน และย่อมมีบทบาทต่อไป หลังการประชุมครั้งนี้ เสร็จสิ้นลง


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ