Friday, 29 March 2024
LAOS

โควิด-19 ส่งผล ทำให้เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา แห่ง สปป ลาว ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ดึงดูดนักลงทุนมากกว่า 80 บริษัท ต้องชะลอตัว ผลกระทบส่วนใหญ่ เป็นเรื่องบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่างๆ

คอลัมน์​ "เบิ่งข้ามโขง"

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา นครหลวงเวียงจันทน์  ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบันมี บริษัท จดทะเบียน 86 บริษัท และ บริษัท จาก 7 ประเทศในภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ บริษัทโฮย่า จากญี่ปุ่น, บริษัทปิโตรเคมีลาว - จีน ,บริษัทยาสูบลาว - จีน , บริษัทความหวังใหม่ , บริษัท โกลเด้นลาว และ บริษัทที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในภูมิภาค

การลงทุน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ท่านหว่าง เหว่ย คุน อำนวยการบริษัทลาว - จีน ได้ให้สัมภาษณ์

โครงการนิคมอุตสาหกรรม เขตพัฒนา กวมลวมไชเชดถา  นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทก่อสร้างและลงทุนมณฑลยูนนาน หุ้นส่วนจำกัด กับองค์กรนครหลวงเวียงจันทน์ ร่วมทุนจัดตั้ง และ เป็นโครงการร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างประเทศแห่งเดียวของจีนในสปป. ลาว ..

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวียงจันทน์ครอบคลุมพื้นที่ 1,149 เฮกตาร์โครงการลงทุนรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โครงการมุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมืองอย่างผสมผสาน

โดยแบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่

ระยะที่ 1 -  จะเน้นการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม

ระยะที่ 2 และ 3 - ได้รับการพัฒนาในด้านการคมนาคมการค้าที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวและ จะพยายาม สร้างเมืองเวียงจันทน์ใหม่

คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ.2573 

ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมพื้นที่ 400 เฮกตาร์ รวมถึง ก่อสร้างในระยะแรก แล้วเสร็จ เช่น ถนน พื้นที่สีเขียว ระบบท่อน้ำรวม  สถานีไฟฟ้า 115 กิโลวัตต์

ก่อสร้างโรงงานมาตรฐาน บนพื้นที่ 80,000 ตารางเมตรเสร็จสิ้น

การก่อสร้างหอพักพนักงานเพื่อรองรับและสามารถตอบสนองความต้องการบริการขั้นพื้นฐานของสถานประกอบการในพื้นที่

กำลังดำเนินการพัฒนาโครงการในระยะที่สองและสาม ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง โครงการริเริ่มในตัวเมืองใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จประมาณ 60%

มีการสร้างงานมากกว่า 1,800 ตำแหน่ง และ ภายในสิ้นปีนี้ จะมีการสร้างงานมากกว่า 5,000 ตำแหน่ง

ภายใต้ความเอาใจใส่และการสนับสนุนของสองรัฐบาลลาวและจีน ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง

แต่จนถึงปีนี้เนื่องจากการระบาดของโรคระบาดโควิด - 19

ทำให้โครงการได้รับผลกระทบอย่างมาก ในแง่ของการดึงดูดนักลงทุนและงานก่อสร้าง จำนวนบริษัทใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาลงทุนและการทำสัญญา

และ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของบุคลากรและการนำเข้าวัตถุดิบต่าง ๆ

นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการก่อสร้าง บางส่วนในพื้นที่ก็ล่าช้าออกไปด้วย


ที่มา  ປະເທດລາວ Pathedlao

หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชน​และภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนํา​ภาคเอกชนไทย​ บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า​ วีถีชีวิต​ วัฒนธรรม​ เศรษฐกิจ​ การเมืองประเทศฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง​  หรือ​ มุมมองเบิ่งข้ามโขง

 

ยุทธศาสตร์ของสปป.ลาว ในการพลิกฟื้น หลีกพ้นความยากจน ใช้ลักษณะภูมิประเทศนำสู่การเป็นผู้นำของภูมิภาคด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการก่อสร้างเขื่อนจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้เพื่อนบ้าน

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

หม้อไฟลูกแรก ที่เขื่อนน้ำงึมขนาดใหญ่ ส่งขายให้ประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดในปี พ.ศ.2514 

หลายปีผ่านไปกับยุทธศาสตร์ของสปป.ลาว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท้วงติงจากการสร้างเขื่อนอาจส่งผลต่อความเสียหายทั้งสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนและสิ่งแวดล้อมก็ตาม แต่ ลาวร้อยเขื่อน ก็ได้ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ... ให้บรรลุยุทธศาสตร์ของชาติลาว ที่จะพลิกฟื้นความเป็นอยู่ของชาวลาว ทั้งประเทศ

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 เป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปีวันชาติลาว เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำอีก 13 เขื่อนจะส่งกระแสไฟฟ้าในปีนี้ ตามรายงานของ ข่าวจากแผนกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SERD) ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)

ทำให้สปป.ลาว มีเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ทั้งหมด 90 แห่งและจะมีกำลังการผลิตรวม 10,704 เมกะวัตต์ เวลาผ่านไป ดูเหมือนไม่นานนัก ..ลาวมีเขื่อน 90 เขื่อนแล้วหรือนี่

สปป. ลาว มีการส่งออกกระแสไฟไปแล้วเกือบ 7,000 เมกะวัตต์

โดยส่งออกไปยังประเทศไทยเกือบ 6,000 เมกะวัตต์ ตามด้วยเวียดนาม 570 เมกะวัตต์ กัมพูชา 20 เมกะวัตต์ และเมียนมาร์ 10 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะส่งออกมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้สปป. ลาวยังขายไฟฟ้าให้กับ ASEAN Grid (100 MW) ผ่านไทยและมาเลเซีย และคาดว่าจะส่งออกได้ 300 เมกะวัตต์ภายในปีหน้า

ปัจจุบัน 95% ของครอบครัวในประเทศลาว มีไฟฟ้าเข้าถึง 93% ของหมู่บ้านทั้งหมดมีไฟฟ้าใช้ และ 100% มีไฟฟ้าใช้ครบสำหรับเมืองใหญ่ของแต่ละแขวง

ซึ่ง ADB ร่วมกับภาคเอกชน เป็นหุ้นส่วนภาคีการพัฒนาและ รัฐบาลลาวได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคพลังงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการภาคเอกชนของ ADB เป็นรายงาน ในจดหมายข่าว SERD ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ในที่สุด สปป.ลาว ก็ใกล้บรรลุยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็น ยุทธศาสตร์ชาติที่สำคัญและได้ดำเนินการต่อเนื่อง จากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่า ประเทศไทย จีน เกาหลี ในการสร้างหม้อไฟแห่งเอเชีย

สิ่งที่สปป.ลาวคำนึง นั่นคือ ความมั่นคงทางพลังงานและไฟฟ้า

เพราะอย่างไร ทุก ๆ ประเทศล้อมข้าง ผู้คนย่อมมากขึ้น ความต้องการย่อมมากขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ประเทศเหล่านั่น มีปัญหาการต่อต้านการสร้างพลังงานไฟฟ้า ด้วยเหตุผลสภาพสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้คน และการเมืองระหว่างประเทศ

ในที่สุด สปป.ลาว ใกล้บรรลุสู่ .. แบตเตอรี่แห่งเอเชีย

มั่นคง มั่นยืน ให้แก่ชาวลาวและเพื่อนบ้าน .. ดีใจนำเด้อ


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ค่ำคืนวันที่ 5 ธันวาคม เวทีการประกวดมิสลาว ใช้เวลามากพอสมควร ในการตัดสิน ผู้ที่จะคว้าตำแหน่ง นางสาวลาว 2020

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

และ ในที่สุด คณะกรรมการก็ตัดสินให้ นางบุนพะสอน จินนี่ คว้ามงไปครอง ... เป็นคนที่ 11 โดย นางวินะดา พิสาลาด นางสาวลาว 2019 จากแขวงหลวงพระบาง ร่วมส่งมอบตำแหน่งและสวม มงกุฎ ในค่ำคืนนั้น ซึ่งได้จัดขึ้น ที่ โรงแรมแลนด์มาร์คแม่โขง นครหลวงเวียงจันทน์

รางวัลที่ได้รับในประกวดครั้งนี้ มงกุฏเพชร มูลค่า 70 ล้านกีบ จากร้านทองคำพูวง สายสะพาย พร้อมเงินสด 30 ล้านกีบ ทองคำ 2 บาท ทุนการศึกษา 300 ล้านกีบและ ตัวเธอจะปฎิบัติหน้าที่ต่อจาก นางวินะดา นางสาวลาวปีก่อน

ในความงามแบบแม่หญิงลาว ซึ่งเธอเคยโพสต์ไว้ว่า

" เอกลักษณ์ที่มีมา หญิงลาวขอรักษาไว้ "

" ...เป็น เวทีความฝันของน้อง ทั้งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้แม่หญิงลาว แสดงความสามารถและศักยภาพของตัวเองออกมา .."

และนับแต่นี้ เธอจะได้สืบสานในตำแหน่งนางสาวลาว ในแบบฉบับของ หญิงลาว ตามที่ตั้งใจ

ซึ่งในการประกวดนางสาวลาว ไม่มีการประกวดชุดว่ายน้ำโชว์สัดส่วน เน้นในเสน่ห์ของการรักษาวัฒนธรรมการแต่งกายแบบลาว ต่างจากการประกวดในเวทีสากล ซึ่งการประกวดในสปป.ลาว เริ่มมีการอนุญาติให้ประกวดในชุดว่ายน้ำ ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สลาว มิสแกรนด์ลาว และมิสเวิลด์ลาว ด้วยรูปแบบของเวทีในระดับสากล

จาก โปรไฟล์บนเฟสบุ๊ค www.facebook.com/jinny.bounphasone

..Be Real, stay true.. แสดงถึงตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน

เธอ เป็น สาวงามจากนครหลวงเวียงจันทน์ สวย เก่ง ครบ สมมง ไม่ธรรมดา

จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัย Beijing International Studies University และ

กำลังศึกษาชั้นปีที่สอง ในระดับปริญญาโทธุรกิจระหว่างประเทศ University of International Business and Economics ที่ปักกิ่ง

พักอาศัยอยู่ที่บ้านดงป่าลาน เมืองสีสัตตะนาก นครหลวงเวียงจันทน์

จินนี่ ในวันประกวด ML4 อายุ 24 ปี สูง 169 ซม. ในสัดส่วน 32-24-35

ชุดชนเผ่า ที่เธอสวมใส่ ในวันประกวดและโปรโมท เป็น ชุด ชนเผ่าโลมา

ซึ่งเป็นหนึ่งในชนเผ่าอาข่าที่อาศัยอยู่ใน แขวง พงสาลี ..

มีภาษาพูดภาษาเดียวในส่วนภาษาจีน - ทิเบต

ลักษณะของการแต่งตัว :

- กระโปรงผ้าฝ้ายมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม

- เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำช่วงอกถึงขา

- สวมผ้าคลุมศีรษะและเสื้อชั้นในที่ขา

- ประดับด้วยลูกปัดและเครื่องเงินสวยงาม

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เธอเคยถ่ายแบบสำหรับภาพบนปฎิทินของร้านทองคำแห่งหนึ่งใน สปป.ลาว และ ได้เข้าเรียนการเดินแบบและบุคลิกภาพ

รวมทั้ง เข้าประกวดเวทีแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในเวที Kids and Young Model Contest ที่จัดโดย Centerstage Laos .

เธอได้เข้ารอบ หกคนสุดท้าย ..และ น้องจินนี่ ก็เข้าสมัครประกวดนางสาวลาว 2020 จนในที่สุด คณะกรรมการก็ตัดสินให้ จินนี่ สวมมงกุฎ ในแบบฉบับแม่หญิงลาว เป็นคนที่ 11 45 ปี วันชาติลาว ....

หลังจาก ได้รับตำแหน่ง นางสาวลาว 2020 จินนี่ ได้โพสต์ขอบคุณไว้ว่า

” ฉันรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจมากที่ได้รับเลือกให้เป็นมิสลาว 2020 และ

ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนจากทุกๆทาง รวมถึงส่งเสริมให้ฉันเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับตำแหน่งนางสาวลาวในที่สุด

ขอบคุณกองประกวด นางสาวลาว ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำตามความฝันและพิสูจน์ตัวเองบนเวทีที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ .... "

..Be Real, stay true..

เวที "นางสาวลาว" หลังเปลี่ยนจาก "เวทีนางสาวอาภรณ์ลาว" ได้จัดมา 10 ปี เว้นไปหนึ่งปี 2014 มีนางสาวลาว 10 คน ดังนี้

ปี 2009 ไพลินดา พิลาวัน นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2010 มาไลทิบ สิงสาหะนาด แขวงบ่อแก้ว

ปี 2011 ทิดาลัด วงสิลิ นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2012 คริสตินา ลาดชะสิมมา นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2013 วิไลลัก จันทะวง แขวงไซยะบุลี

ปี 2015 สุติลัก อินทะวง นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2016 บุดสะบา แสงปัน แขวงไซยะบุลี

ปี 2017 ดวงพะไท เมกสีทอง นครหลวงเวียงจันทน์

ปี 2018 สุดทิดา อานุสิน แขวงสะหวันนะเขต

ปี 2019 วะนิดา พิสาลาด แขวงหลวงพระบาง


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

สปป.ลาวมอบของขวัญส่งท้ายปี เปิดแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ให้ประชาชนใช้พักผ่อนหย่อนใจ

คอลัมน์ เบิ่งข้ามโขง

ส่งมอบเป็นทางการ ...

แลนด์มาร์คแห่งใหม่แคมโขงของสะหวันนะเขต..

ภายใต้ " โครงการป้องกันดินเคลื่อนตัวริมฝั่งแม่น้ำโขง "

หนึ่งในเจ็ด กิจกรรม ของโครงการ GMS

ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2019 แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด ได้จัดทำพิธีส่งมอบ ในวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

มีสองส่วนโครงการ

ส่วนแรก : เป็นงานก่อสร้างริมฝั่งแม่น้ำโขง ความยาวรวม 980 เมตร

เริ่มจากท่าเรือเก่าริม ทำเขื่อนหินเรียบลงไปในแม่น้ำโขง

โดยมีการถมทราย ออกไปจากขอบถนนอีก 50 เมตรและ เรียงหินตามริมฝั่งแม่น้ำโขงปริมาณรวม 246,717 ลูกบาศก์เมตร และ งานตกแต่งพื้นสนามคอนกรีตพิมพ์ลายและสวนดอกไม้ จุดนั่งเล่น จุดชมวิว ที่ขายเครื่องดื่มและอาหาร ที่นั่งชมการแข่งขันเรือประจำปี

ส่วนที่สอง : การก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 980 เมตร ตามแนวยาวของเขื่อนกันดิน มีหน้ากว้าง 7 เมตร มีทางเดินสองข้างและที่จอดรถ ตกแต่งประดับประดา ปลูกหญ้าสวยงาม

โครงการนี้ยังรวมงานก่อสร้างระบบระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย ห้วยหลงกง เมืองไกรสอน พมวิหาน

ถือได้ว่า เป็นของขวัญส่งท้ายปีที่แสนลำบากให้ชาวสะหวันนะเขต

โครงการนี้ เสร็จเร็วก่อนกำหนด เดิมว่าจะเสร็จในปี 2021

โดยใช้เงินทุนกู้และเงินช่วยเหลือจาก ADB และการร่วมทุนจากรัฐบาล สปป. ลาว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการประมาณ 8 ล้านกว่าเหรียญสหรัฐ

คิดถึงสะหวัน ใจจะขาด ..

ภาพจาก Sengthong Vangkeomany

เรื่องโดย:

หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

วันนี้ 20 ธันวาคม พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ มอเตอร์เวย์สายแรกของสปป.ลาว

คอลัมน์ “เบิ่งข้ามโขง”

วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2563 พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ มอเตอร์เวย์สายแรกของสปป.ลาว

" นครหลวงเวียงจันทน์ - วังเวียง "

โดย นายบุนยัง วอละจิต ประธานประเทศ เข้าร่วมพิธี เป็นประธานในการเปิดมอเตอร์เวย์สายแรก อย่างเป็นทางการ

มูลค่าการก่อสร้าง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนในแบบ BOT

โดยบริษัทก่อสร้าง - ลงทุนมณฑลยูนนาน ถือหุ้น 95% รัฐบาลลาว 5% ในนามบริษัทร่วมทุนพัฒนาลาว - จีน อายุสัมปทาน 50 ปี


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

KPL สำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานว่า แผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นครหลวงเวียงจันทน์ ในนามของรองคณะกรรมการปรับปรุงที่ดินของเขตสงวนสองทางถนนเวียงจันทน์ 450 ปี ได้ประกาศขายสิทธิครอบครองที่ดินในเขตสงวน

ตลอดแนว 2 ฝั่งถนนสาย 450 ปี ลึกฝั่งละ 50 เมตร จำนวน 93 แปลง พื้นที่ 283,500 ตารางเมตร ให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่สนใจ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารแห่งสปป.ลาวและค่าก่อสร้างถนน ผู้ที่สนใจซื้อสิทธิการใช้ที่ดินกรุณาติดต่อสำนักเลขาธิการและสำนักวิชาการที่สำนักงาน 450 ปี ตั้งอยู่ บ้านโพนทอง เมืองไชเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ ติดต่อ 020 22239972 020 55539992 และ 020 22205384

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนตุลาคม องค์กรปกครองนครหลวงเวียงจันทน์และธนาคารแห่ง สปป.ลาว ได้เซ็นสัญญาโอนบสิทธิครอบครองที่ดินให้แก่กลุ่มบริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อส้าง จำกัด เพื่อให้บริษัทดวงจะเลิน จ่ายทั้งค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย ชำระหนี้ให้แก่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ที่องค์การปกครองนครหลวงเวียงจันทน์ได้กู้มาเพื่อใช้เป็นค่าก่อสร้างถนนสายนี้ตั้งแต่ พ.ศ.2551

.

ตามสัญญา บริษัทดวงจะเลินฯ หลังได้รับมอบที่ดินแล้ว  บริษัทมีหน้าที่ลงทุนพัฒนาต่อ เช่น ถมที่ดิน น้ำประปา ไฟฟ้า ถนนเข้าถึงในแต่ละพื้นที่โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับนักลงทุนและสามารถขายที่ดินได้ในระยะเวลา 5 ปีต่อมา เพื่อเป็นทุนในการจ่ายเงินให้กับธนาคารแห่ง สปป.ลาว ให้เสร็จสมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐ

.

นายคำไพ ศิลาสา ประธานกรรมการบริษัทดวงจะเลินฯ กล่าวว่า แม้ถนนได้สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

ที่ดิน 2 ฝั่งถนนสายนี้สามารถขายออกไปได้เพียง 20% โดยขายได้เฉพาะที่ดินแปลงที่สวย กับแปลงที่อยู่ติดกับตัวเมือง

ที่ดินส่วนที่เหลือ ซึ่งขายไม่ออกเป็นแปลงที่ไกลจากตัวเมือง รูปที่ดินไม่สวย เป็นท้องทุ่ง หรือหนองน้ำ ไฟฟ้าและประปายังเข้าไปไม่ถึง

.

ที่สำคัญคือ ราคาที่กำหนดไว้เพื่อขายสูงกว่าราคาตลาด ด้วยเหตุนี้ จึงได้หารือร่วมกันกับองค์กรปกครองนครหลวงเวียงจันทน์และธนาคารแห่ง สปป.ลาว เพื่อแก้ไขหนี้และตกลงที่จะชำระหนี้ที่ค้างกับแบงค์ชาติลาว  ตกลงเห็นว่า จะโอนสิทธิการครอบครองใช้ที่ดินส่วนที่ยังขายไม่ได้ให้กลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ นำไปพัฒนา เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่แบงก์ชาติลาวให้สำเร็จเร็วที่สุด

.

กลุ่มบริษัทดวงจะเลินฯ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นจากการได้รับสัมปทานจากรัฐ โดยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนา กะสิกำ ในเครือกลุ่มดวงจะเลินฯ ได้รับสัมปทานทำสวนกล้วยจากแขวงบ่อลิคำไซ บนเนื้อที่ 150 เฮกตาร์ (937 ไร่) ในเมืองบ่อลิคัน รวมทั้งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2561 กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว ได้เซ็น MOU ให้บริษัทดวงจะเลิน พัดทะนาก่อสร้าง เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ โครงการสร้างทางด่วนสายใต้ (เวียงจัน-จำปาสัก) ช่วงจากเมืองท่าแขก (แขวงคำม่วน) ไปยังแขวงสะหวันนะเขต ระยะทาง 117 กิโลเมตร.


เรื่องโดย : หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

สปป.ลาว เริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกผู้บริหารประเทศอีกครั้ง หลังรัฐบาลชุดปัจจุบันหมดวาระ 5 ปี รู้ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดสำคัญภายในวันที่ 15 มกราคมนี้

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

การประชุมใหญ่ของ ผู้แทนทั่วประเทศของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว จัดเป็นประจำทุก 5 ปี ในระหว่างวันที่ 13-15 มกราคม 2564

โดยเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2564 กองประชุมใหญ่ ได้ทำการลงคะแนน ในการคัดเลือกคณะกรรมการกลางพรรค และคณะกรรมการกรมการเมือง ซึ่งผลการเลือกตั้งจะแถลงอย่างป็นทางการในวันนี้ 15 มกราคม 2564

การเลือกคณะกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ จำนวน 11 คน ซึ่งถือเป็นคณะผู้บริหารสูงสุดของพรรค และ เลือกคณะเลขาธิการศูนย์กลางพรรคชุดใหม่อีก 9 คน รวมถึงผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรค

ซึ่งเมื่อได้รายชื่อคณะกรรมการกรมการเมืองศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ ขั้นตอนต่อไป เป็นการคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการบริหารของประเทศ ประกอบด้วย ประธานประเทศ โดยปกติผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรค คือ ผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง

ที่สำคัญ คือ การคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การประชุมพรรคนี้ ถือเป็นการสิ้นสุดวาระการทำหน้าที่ของคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มีอายุครบ 5 ปี

การจัดกองประชุมครั้งนี้ นายบุนโจม อุบนปะเสิด เลขาคณะบริหารงานพรรค กระทรวงการเงิน และหัวหน้าอนุกรรมการงบประมาณ ใช้งบประมาณเบื้องต้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมของคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ จนถึงวันประชุม เป็นเงิน 70,000 ล้านกีบ หรือ ประมาณ 209 ล้านบาท

มีองค์กรทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ จำนวน 26 แห่ง แสดงเจตจำนงให้การสนับสนุนทั้งในรูปเงินสดและวัตถุปัจจัย เพื่อให้การประชุมประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

มี 8 บริษัทที่ให้สนับสนุนเป็นเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านกีบ (ประมาณ 3 ล้านบาท) ขึ้นไป ซึ่งบริษัทเอสทีและธนาคารเอสที สนับสนุนมากที่สุด 1,200 ล้านกีบ และบริษัทเอสวี กรุ๊ป อีก 100 ล้านกีบ (บริษัททั้งสองอยู่ในกลุ่มเดียวกัน)

รองลงมาเป็น บริษัทลาวโทละคมมะนาคม 1,100 ล้านกีบ ยังมีรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐ ร่วมมอบเงินสนับสนุน โดยบริษัทเบียร์ลาว ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว และธนาคารแห่ง สปป.ลาว (แบงก์ชาติลาว) สนับสนุนหน่วยงานละ 500 ล้านกีบ บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนา มอบเงินสนับสนุน 300 ล้านกีบ กลุ่มบริษัทดาวเรือง ไม่ได้มอบเป็นเงิน แต่ได้นำผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำดื่ม กาแฟ ชา ผลไม้อบแห้ง มาร่วมสนับสนุนคิดเป็นมูลค่า 120 ล้านกีบ

ผู้สนับสนุนเหล่านี้ ในทางการเมืองบ้านเรา ก็ถือว่า เป็นกลุ่มทุน และย่อมมีบทบาทต่อไป หลังการประชุมครั้งนี้ เสร็จสิ้นลง


หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ธุรกิจโรงแรมยักษ์ใหญ่เมืองไทย ‘เซ็นทารา’ เดินหน้าขยายเชนโรงแรมใน สปป.ลาว เข้าบริหาร 2 โรงแรมที่เมืองวังเวียง คาดเปิดบริการปลายปี 2564

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

เซ็นทารา #รุกขยายธุรกิจในลาว ลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่วังเวียงในลาว และ 1 แห่งที่เขาใหญ่ในไทย

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า

"..เซ็นทาราได้ลงนามสัญญา  บริหารร่วมกับ ทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เพื่อเข้าบริหาร 2 โรงแรมสวยวิวแม่น้ำในเมืองวังเวียง

โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำซองและมีสะพานเชื่อมตรงกลางระหว่าง 2 โรงแรม ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปี 2564..

โรงแรมทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท วังเวียง (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ไอส์แลนด์) และทวีสุข ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ทและสปา วังเวียง เซ็นทารา บูติกคอลเลกชัน (ชื่อเดิม โรงแรมทวีสุข ริเวอร์ไซด์)

“เซ็นทารารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทวีสุข โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท"

 #เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดลาวของทวีสุขโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จะสามารถนำความสำเร็จมาสู่เซ็นทาราและการท่องเที่ยวในลาวได้อย่างแน่นอน” นายธีระยุทธกล่าว

“ลาวเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติอันสวยงามและกำลังเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว เรามุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์การบริการอันอบอุ่นเสมือนครอบครัวของเซ็นทาราก้าวไปสู่ระดับสากลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก”


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว มีรัฐบาลโดยกระทรวงการเงินถือหุ้น 100% มาตลอด จะมีการเปิดประมูลซื้อ-ขายหุ้นออกมา 49% ภายในกุมภาพันธ์นี้ นับเป็นการแปรรูปกิจการของภาครัฐ ของสปป.ลาว

คอลัมน์ "เบิ่งข้ามโขง"

12 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่แค่เป็นวันตรุษจีน ของชาวเชื้อสายจีนเท่่านั้น แต่ยังเป็นวันสำคัญของ นักลงทุนใน สปป.ลาวด้วย เพราะต้องจับตาว่านักลงทุนเจ้าไหนบ้าง!!!จะยื่นซอง ประมูลซื้อ-ขายหุ้น 49% ของรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว

กำหนดยื่นซองประมูลและเปิดซอง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคาร 2 กรมคุ้มครองวิสาหกิจรัฐลงทุนและการประกันภัย กระทรวงการเงิน บ้านโพนไซ เมืองไซเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์

รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว เคยเป็นส่วนหนึ่งของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม ซึ่งเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2518 โดยตั้งเป็นกระทรวงไปรษณีย์โทรคมนาคม และเปลี่ยนเป็นกระทรวงขนส่งไปรษณีย์ในปี 2525

ปี 2529 ลาวได้มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐ โดยยุบกระทรวงขนส่งไปรษณีย์ กระทรวงก่อสร้าง และกระทรวงคมนาคม รวมเป็นกระทรวงเดียว คือ กระทรวงคมนาคม ขนส่ง ไปรษณีย์ และก่อสร้าง

ปี 2530 มีการปรับโครงสร้างอีกครั้ง โดยจัดตั้งเป็นกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง แยกกิจการไปรษณีย์ออกมาจัดตั้งเป็นบริษัทไปรษณีย์โทรคมนาคม

ปี 2538 ได้แยกกิจการไปรษณีย์และกิจการโทรคมนาคมออกจากกัน โดยกิจการโทรคมนาคมได้ร่วมทุนกับบริษัทชินวัตร อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจผสมลาวโทรคม ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัทลาวโทรคมนาคม เจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ Lao GSM

ส่วนกิจการไปรษณีย์ได้ตั้งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว มีรัฐบาลโดยกระทรวงการเงินถือหุ้น 100% มาตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่จะมีการเปิดประมูลขายหุ้นออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ นับเป็นการแปรรูปกิจการของภาครัฐ ของสปป.ลาว

ภารกิจในปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาวให้บริการรับส่งจดหมาย พัสดุภัณฑ์ ธนาณัติ และรับชำระค่าบริการสาธารณูปโภค.

จึงน่าสนใจไม่น้อยว่าการแปรรูปครั้งนี้ จะเกิดผลทำให้เศรษฐกิจและกิจการไปรษณีย์ของลาวคล่องตัวมากน้อยแค่ไหน เพราะแม้จะเปิดประมูลแค่ 49 % แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และกิจการไปรษณีย์ซึ่งอยู่ในประเภทขนส่ง การแข่งขันในตลาดเสรีนั้นมีความตื่นตัวมาก การปรับตัวครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญของภาคธุรกิจของสปป.ลาว เช่นกัน


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ

ลูกน้ำ ทิดาลัด วงสิริ Miss Laos 2011 และนักแสดงชื่อดังของลาว สุดปลื้มได้รับรางวัล Lao Star Model Award 2020 เป็นคนแรกของลาว ในงาน Asia Model Festival 2020

“เป็นตาฮักหลาย” หากพูดด้วยสำเนียงแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่าในกลุ่มประเทศอาเซียน วันนี้คอลัมน์เบิ่งข้ามโขงของเราจะกล่าวถึง สปป.ลาว แต่ที่น่าสนใจก็คือ วันนี้จะพาไปร่วมแสดงความยินดีกับ ลูกน้ำ ทิดาลัด วงสิริ Miss Laos 2011 และนักแสดงชื่อดังของลาว ที่สำคัญเคยข้ามฝั่งมาแสดงละครที่ประเทศไทย ในละครเรื่องดอกคูณเสียงแคน เนื่องด้วยเพราะเธอได้รับรางวัลส่งตรงมาจากเกาหลี

 

เจ้าตัวตกใจสุดขีด ถึงขั้นโพสต์ลงไอจีอย่างตื่นเต้นเป็นภาษาลาวว่า

ເຍ່ໃນທີ່ສຸດກາເດີນທາງມາຮອດ????????????????

???????? ຂອບໃຈຫລາຍໆເດີ້

ສຳຫລັບລາງວັນ Lao Star Model Award 2020 ສົ່ງມາໃຫ້ແຕ່ Korea ເລີຍ

 

ຂອບໃຈທີ່ເລືອກນ້ຳເປັນ ຄົນລາວຄົນທຳອິດ ທີ່ໄດ້ຮັບ

ລາງວັນນີ້ Asia Model Festival ເປັນລາງວັນແລກໃນຊີວິດເລີຍ

ດີໃຈເວີ້ໆໆໆໆ ກອດໆໆໆ

 

ຂອບໃຈ Steve Kang ແລະ ອ້າຍ ເຜັດ ລາວສະຕາຮ

ຂອບໃຈທີມງານທຸກໆຄົນ Bank Singhalath

ແລະ ຂອບໃຈຄອບຄົວນ້ຳ ແຟນຄັບ ແລະຄົນທີ່ຮັກນ້ຳທຸກໆຄົນ ????????????????????????????????

 

แปลเป็นไทยคือ

ลูกน้ำ ได้รับรางวัล Lao Star Model Award 2020 เป็นคนแรกของลาว

ในงาน Asia Model Festival 2020. ซึ่งประกาศผลเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา แต่เธอไม่ได้เดินทางไปรับรางวัล เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

#ModelStarAward

#ລູກນໍ້າທິດາລັດວົງສິຣິ

#ຊຸບຕຣາລາວ

 

ซึ่งงาน Asia Model Festival 2020 ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 แล้ว ถือเป็นเวทีนายแบบ-นางแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังเป็นเวทีที่ผลักดันให้วงการแฟชันเติบโตและก้าวสู่ระดับโลกอีกด้วย ไม่ใช่แค่ฝั่งลาว ฝั่งไทยเรานักแสดงมากความสามารถของไทยก็ได้รับรางวัลเช่นกัน คือ พิม พิมประภา จากละครพรหมพิศวาส ก็ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน

คอลัมน์เบิ่งข้ามโขงขอแสดงความยินดีกับลูกน้ำอีกครั้งเพราะเธอได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องชาวลางจริงๆ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังคงระบาดไปทั่วโลก รอบฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งไทย ลาว ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด น่าเสียดายจริงๆ หากเป็นสถานการณ์ปกติก็คงจะได้เห็นสาวงามอย่างลูกน้ำ เชิดฉายในงาน Asia Model Festival 2020 แน่นอน คนอะไร ทั้งสวยทั้งเก่ง ทั้งมากความสามารถ ยกนิ้วให้เลย


เรื่องโดย: หนุ่มโคราชคลุกคลี กับเมืองลาวทั้งด้านธุรกิจเอกชนและภาครัฐมานานหลายปี ยินดีแนะนําภาคเอกชนไทย บุกตลาดอินโดจีน สรรหาเรื่องเล่า วีถีชีวิต วัฒนธรรม เศรษฐกิจ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top