10 วิธีง่าย ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง

คอลัมน์ "ข้างครัวริมแม่น้ำบริสเบน"

ปีใหม่ถือเป็นฤกษ์ดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หลาย ๆ คนอาจมีแผนในปีเก่าไว้ว่าฉันจะทำนั่นทำนี่ แต่สุดท้ายแล้วแผนที่วางไว้ก็ไม่ได้ลงมือทำหรือทำไม่สำเร็จเสียที วันนี้เชฟก็เลยขอเขียนอะไรง่าย ๆ เป็นแนวทางในการ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่อยากจะลงมือทำอะไรจริง ๆ จัง ๆให้สำเร็จเสียทีไว้ให้ 10 ข้อตามนี้

1.) เขียนลิสต์แพลนและเป้าหมายที่ชัดเจน

เข้าใจว่าในหัวเรามีอะไรมากมายที่อยากจะทำ และอยากจะประสบความสำเร็จมันทุกอย่าง แต่เมื่อของหลายสิ่งอยู่ในหัว แน่นอนว่ามัน ก็จะดูมั่วๆ ในที่สุดก็ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้น ปีใหม่นี้คุณคิดจะทำอะไรบ้าง เขียนมันออกมาให้เห็นในกระดาษ แปะ ไว้ที่ฝาบ้านหรือจะที่ไหนก็ได้ให้เห็นว่าฉันจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ เขียนถึงสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือ การควบคุมเช่นฉันจะถูกหวย 30 ล้านนั่นเขียนให้ตายสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ก็ไม่มีทางเป็นจริง

2.) ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

โอเค เมื่อเขียนถึงสิ่งที่เราต้องการทำแล้ว ลำดับต่อมาคือต้องหาแนวทางในการ ทำสิ่งนั้น ให้เป็นจริงแบบเป็นขั้นเป็นตอน กำหนดวัน เวลาในการเริ่มปฏิบัติการ กำหนดระยะเวลาที่จะทำ สำเร็จแบบคร่าวๆ เวลาที่กำหนดกับเวลาที่ทำได้จริงอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างก็อย่าไปซีเรียส แต่ไม่ใช่ วางแผนปีนี้จะทำสำเร็จอีก 50 ปีข้างหน้า นั่นก็นานไป สำหรับผู้เริ่มหัดวางแผนใหม่ควรกำหนดแผนระยะ สั้น ๆ และทำสำเร็จได้ง่าย ๆ ก่อน เหนืออื่นใดคือ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะถ้าผัดวันนี้ พรุ่งนี้ก็ผัดอีกไปผลสุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำเสียที

3.) มีไอดอลเป็นของตัวเอง

เลือกให้ดีเลือกให้โดนเลือกคนที่คุณรักและเทิดทูนบูชาที่ว่าชาตินี้จะต้องเป็น แบบเขาให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ให้หาว่าเป้าหมายในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันเขียนขึ้น มานี้ฉันต้องการทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไรเพราะการที่คุณมีไอดอลหรือมีเป้าหมายในสิ่งที่ทำอย่างชัดเจนมันจะเป็นแรงผลักดันให้คุณ ทำสิ่งนั้น ได้อย่างเต็มที่แบบที่ไม่รู้จัก เหน็ดจัก เหนื่อย ยกตัวอย่างเช่น ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม ภายในปีนี้เพราะฉันอยากจะหุ่นดีแบบพี่อั้ม พัชราภา ถ้าคุณเป็นแฟนคลับพี่อั้มตัวยงและอยากสวยอย่างเธอ คุณก็จะมีแรงบันดาลใจไปส่องภาพเธอชุดเธออาหารที่เธอรับประทานและการออกกำลังกายที่เธอทำเป็นประจำ และเมื่อคุณรักเธอ อินกับสิ่งที่เธอทำมาก ๆ คุณ ก็จะพยายามทำในสิ่งนั้น ๆ ให้ได้อย่างที่เธอทำ

4.) มั่นคงในเป้าหมายและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง

ความฝันที่วาดไว้อย่างสวยงามจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าคุณทำแล้วล้มเลิก ไม่ว่าคุณ จะลงมือทำมันมาอย่างยาวนานเพียงใด ถ้ามันยังไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ คุณจำเป็นต้องเดินทางต่อไปจนกว่าจะถึงเป้าหมายนั้น ๆ แต่ถ้าหากคุณ เกิดล้มเลิกกลางคันเส้นทาง สู่เป้าหมายนั้นก็จะมลายหายไปในทันทีงานแต่ละงานเป้าหมายแต่ละอย่างคนแต่ละคนใช้เวลาในการเดินทางไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณทำได้คือ Keep walking while being patient จนกว่าจะถึงเป้าหมายนั้น

5.) ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

เราจะไม่ดูถูกความสามารถของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าคนอื่นเราทาในสิ่งที่เราทำได้มองเฉพาะเป้าหมายที่เราวางไว้และพัฒนา ต่อไปในแต่ละวัน ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ คุณทำอาหารไม่เป็นเลยและคุณตั้งใจว่าคุณจะเริ่มต้นทำอาหารให้ได้ จากวันแรกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย วันต่อมาคุณ ทอดไข่ได้ คุณ ควรภูมิใจในตัวเอง ไม่ใช่ว่าเอาตัวเองไป เปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่เป็นมาสเตอร์เชฟแล้วบ่นกับตัว เองว่าฉันมันไม่เอาไหนเลย ๆ ไข่ดาวของฉันสู้อาหารที่เขาทำก็ไม่ได้หรือในอีกมุมหนึ่งเมื่อคุณทอดไข่ได้แล้วคุณก็ไม่ควรที่จะหลงระเริงคิดว่าฉันมันสุดยอดจนปิดหูปิดตารับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบกายไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม สุดท้ายคุณก็จะเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ทอดไข่ ได้เท่านั้นเอง แต่อาหารอย่างอื่นคือทำไม่เป็น

6.) ไม่บ่นว่าเหนื่อย ยาก ลำบาก

ทุกครั้งที่เราบ่นว่าเหนื่อย มันก็เหมือนกับการ repeat ความเหนื่อยให้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่า บ่นว่ายาก บ่นว่าลำบากก็เช่นกัน ยิ่งบ่นยิ่งตอกย้ำว่าเราทำมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เลิกบ่นกับความเหนื่อยยากลำบากใด ๆ คิดว่าเราทำได้แทนที่จะบั่นทอนตัวเองด้วยพลังลบ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเองซะ

7.) เหนื่อยก็หยุดพักสักพัก แต่ไม่ใช่ล้มเลิก

ในบางเวลาสถานการณ์แม้ว่าเราจะคิดบวกแบบสุด ๆ แล้วแต่มันก็ต้องมีบางจังหวะหละน่าที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยเราท้อจริง ๆ เหนื่อยมาก ๆ ก็หยุดพัก หันไปทำอบ่างอื่นที่ตัวเองชอบที่จะเป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเองเสียก่อน เมื่อหายเหนื่อยหายท้อแล้วก็หันกลับมาสานต่อสิ่งที่ทำไว้กันต่อ เหนื่อยก็พัก พักได้แต่อย่านานเสียจนสุดท้ายคือล้มเลิกไม่ทำมันดื้อ ๆ เสียเลย

8.) เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ให้พิจารณาตัวเองเพื่อปรับปรุงแก้ไข

เป็นปกติที่คนเรามักจะโทษสิ่งต่าง ๆ รอบกาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ โอกาส ดวง หรือแม้กระทั่งบุคคลที่เป็นอุปสรรคทำให้พวกเขาเหล่านั้นไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้สักที ซึ่งจริง ๆ แล้วการโทษสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรานั้นเป็นแค่ข้ออ้างหรือจข้อแก้ตัวว่าเราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่สำเร็จเพราะอะไรเท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราหันกลับมามองตัวเอง สำรวจตัวเองแทนที่จะโทษนั่นโทษนี่ เราก็จะเขยิบเข้าใกล้เป้าหมายของเราได้มากขึ้น เพราะการสำรวจตัวเอง แก้ไขที่ตัวเราเองคือการควบคุมในสิ่งเราควบคุมได้ เมื่อเราแก้ไขมันให้ถูกทิศถูกทางแล้ว สิ่งที่หวังไว้ก็จะไม่ไกลเกินความเป็นจริง

9.) อยู่ใกล้ ๆ คนคิดบวกและห่างให้ไกลพวกลบ ๆ

การมองโลกเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้เช่นเดียวกับการเข้าสังคม ทุกเป้าหมายมีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง ดังนั้นเราจึงต้องหัดเป็นคนมองโลกที่มองโลกในแง่ดีและไม่ท้อถอยกับแม้ปัญหาและอุปสรรคจะถาโถมเข้ามามากมายสักแค่ไหนก็ตาม เราต้องคิดเสมอว่าเราทำได้ และในขณะเดียวกันพยายามรายล้อมตัวเองด้วยผู้คนที่มองโลกในความเป็นจริงและมีพลังบวกให้กับเรา ไม่ใช่ว่า”ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็อย่าทำ ความสามารถอย่างเธอทำงานนี้ไม่ได้หรอก อย่าทำเลยเสียเวลา” อะไรทำนองนี้ ถ้าเจอเพื่อนหรือคนประเภทนี้ควรอยู่ให้ไกลซะ

10.) ให้รางวัลกับตัวเองแม้เป็นความสำเร็จเพียงเล็ก ๆ

ความสำเร็จเพียงก้าวเล็ก ๆ ในแต่ละวันอาจนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้น เราควรให้รางวัลกับตัวเองแม้มันจะเป็นความสำเร็จเพียงก้าวเล็ก ๆ ก็ตาม ใครไม่เห็นความสำคัญของมันแต่ขอให้ตัวเรา เห็นก็พอ รางวัลสำหรับตัวเองนั้นอาจรวมถึงสิ่งของ หรือ อาจเป็นคำชมเชยตัวเองก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งเป้าหมายไว้ปลายภาคปีนี้เราจะกวาดเกรด 4 ให้ได้ในทุกวิชา แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ถึงปลายภาคเรียน เราทำคะแนนเก็บได้ดี เรามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน เราก็ควรภูมิใจในสิ่งที่เราได้ทำลงไปให้รางวัลกับตัวเองด้วยการพักผ่อนบ้าง ออกไปข้างนอกหาอะไรอร่อย ๆ ที่เราชอบทาน ชมเชยตัวเองบ้าง เสร็จแล้วเราก็มานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคกันต่อไป

การสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในแต่คนอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้ทั้ง 10 ข้อนี้ ขณะที่บางคนอาจใช้เพียง 2 หรือ 3 ข้อก็ได้ แต่ไม่ว่าแรงบันดาลใจของคุณจะเป็นอะไร ก็ขอให้คุณหามันให้เจอและนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีใหม่นี้ค่ะ


แพร

อดีตผู้ประกาศข่าว สำนักริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชีวิตดิ้นรนมาเป็นเชฟในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ประเทศออสเตรเลีย สรรหามุมมองเรื่องเล่าจากดินแดนดาวน์อันเดอร์ มาให้อ่านกันบ่อย ๆ