'พิธา' ลั่น!! คืนที่ดินนายทุนให้ประชาชน พร้อมปฏิรูปที่ดิน ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล
(5 ก.พ.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่วัดแม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน และที่บ้านห้วยงิ้ว อ.จุน จ.พะเยา โดยผู้สนใจเข้าร่วมเวทีส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มีปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน ในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ป.ก. ซึ่งมีข้อจำกัดในการทำกินที่ทำให้ไม่สามารถต่อยอดได้
พิธา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีปัญหา '3 ท.' คือ ทัศนคติ, เทคโนโลยี และทุน การแก้ปัญหาทั้ง 3 ท. นี้ จะเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เพราะเรามีทัศนคติที่ต่างออกไป ว่าเราต้องปลูกคนไปปลูกป่า ให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่า ทำกินกับป่า และรักษาป่าไปพร้อมกันได้ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการสนับสนุนการกระจายที่ดิน เช่น การข้อบัญญัติท้องถิ่นแบบในต่างประเทศ ที่อนุญาตให้ประชาชนตัดไม้ได้ แต่ต้องปลูกทดแทน เช่น ตัด 1 ต้นต้องปลูก 3 ต้นมาทดแทน เป็นต้น
ในเรื่องของเทคโนโลยี วันนี้เรามีเครื่องมือในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ นั่นคือเทคโนโลยี One Map ที่มีอัตราส่วนละเอียดขึ้นเป็น 1 : 4,000 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากหน่วยงานรัฐทั้ง 8 กระทรวงต่างคนต่างไม่ยอม แต่ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ตนจะบูรณาการนำเทคโนโลยี One Map ที่มีอยู่แล้วมาใช้ทันที
สุดท้ายคือเรื่องของทุน รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณในการพิสูจน์สิทธิจาก 300 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท ให้เกิดการพิสูจน์ได้ทันทีทั่วประเทศ
พิธากล่าวอีกว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ เพื่อจบปัญหาคาราคาซังด้านที่ดินที่ตกอยู่ในมือของนายทุนขุนศึกศักดินามาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว โดยจะดำเนินการทั้งหมด 5 ข้อ อันประกอบด้วย...
หนึ่ง การพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน และเพิกถอนสภาพที่ดินของรัฐที่ประกาศทับพื้นที่ชุมชนที่อยู่มาก่อน โดยจะจัดตั้งกองทุนในการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้พิสูจน์สิทธิในที่ดินที่มีข้อพิพาททั้งหมดประมาณ 13 ล้านไร่ ภายในเวลา 5 ปี และแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ร.บ.ที่ดินราชพัสดุ และมติครม.ที่เกี่ยวข้อง และปรับปรุงปัญหาทับซ้อนของแผนที่ให้แล้วเสร็จ
สอง มองสิทธิในที่ดินตามความเป็นจริง 3 ประเภท คือ สิทธิของเอกชน สิทธิของชุมชน และสิทธิของรัฐ และปรับโครงสร้างอำนาจการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับรูปแบบสิทธิ ผลักดันกฎหมายธนาคารที่ดินเพื่อเป็นกลไกการกระจายการถือครองที่ดิน
สาม ให้กรรมสิทธิ์ประชาชน เริ่มจากเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนดเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกรตัวจริง ทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก. จากนายทุน ผ่านร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อประชาชน
สี่ ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการปรับปรุงกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าแบบรวมแปลง
ห้า คืนความยุติธรรม ด้วยการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวกับป่าไม้และที่ดินที่มีการดำเนินคดีทั้งหมด
ทั้งนี้ พิธาและอภิชาติ ยังได้ร่วมเดินสำรวจที่ดินที่มีปัญหาทับซ้อน ในพื้นที่ อ.จุน จ.พะเยา พร้อมเปิดแผนที่ดาวเทียมเปรียบเทียบ พบว่านอกจากมีการกินพื้นที่ของรัฐเข้ามาทับซ้อนที่ดินของประชาชนแล้ว ยังมีการทับซ้อนกันเองระหว่างที่ ส.ป.ก. และที่ป่าสงวนอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเคยยื่นขอให้หน่วยงานรัฐเข้ามาแก้ปัญหา แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานใดกล้าอ้างสิทธิบนที่ดินผืนดังกล่าว ซึ่งพิธาระบุว่านี่คือตัวอย่างที่ัชัดเจนที่สุด ของการจัดการที่ดินภายใต้แนวทางและวิธีคิดของรัฐที่เป็นมาจนถึงปัจจุบันนี้ และยิ่งเป็นเหตุผลว่าเหตุใดการปฏิรูปที่ดินจึงต้องเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื้อรังนี้อย่างถาวร