Monday, 2 December 2024
SPECIAL

รทสช. เนื้อหอม บิ๊กเนม จ่อซบเพียบ หลังกระแสนิยมพุ่งสวนทาง พปชร.

(30 ม.ค. 66) รายงานข่าวจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งว่า หลังจากที่ พรรคสร้างอนาคตไทย ที่มี นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค ตอบรับการกลับไปร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้กลุ่มการเมือง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย กำลังพิจารณาในการหาสังกัดเพื่อร่วมงานทางการเมืองใหม่ เพราะมองว่ากระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ไม่ดีนัก ตรงข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสมาชิกพรรค ตลอดจนกระแสตอบรับหลังการปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร

โดยเฉพาะในส่วนของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ที่มีแนวโน้มมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากมาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยในส่วนกลุ่มของ นายกูเซ็ง ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

‘ลุงหนู’ ลั่น ‘บุญจง’ พร้อมชิงพื้นที่โคราช มั่นใจ!! นโยบายพรรคเรียกความเชื่อมั่น ปชช. ได้

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.20 น. ที่ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กลับมาร่วมงานกับพรรค ภท. ว่า นายบุญจง จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.นครราชสีมา แทนนายอภิชา เลิศพชรกมล ที่ลาออกไป โดยนายบุญจง ถือเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรค ภท. มาตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว เคยเป็นรมช.มหาดไทย สมัยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคคนเก่า เป็นรมว.มหาดไทย และในพื้นที่นครราชสีมา ตนเป็นหัวหน้าทีมเองร่วมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภท. จะช่วยกันดูแล เนื่องจากนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล หัวหน้าทีมคนเดิมแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ และลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี ในโควตาของพรรคภท.

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรค ภท. พร้อมรับมือกับคู่แข่งในพื้นที่ดังกล่าว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปมองว่าใครเขาจะส่งหรือไม่ส่งลงสมัคร เพราะในทางการเมืองยังไม่เคยเจอเขตพื้นที่เลือกตั้งไหนที่ไม่มีคู่แข่ง หากคนนี้ไม่ลงแข่งก็ต้องลงแข่งกับคนนั้น เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญคือทำอย่างไรให้คนของเราแข็งแรงมากที่สุด และลงไปใกล้ชิดทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แม้แต่ตนยังเดินทางตลอดเวลา หมดเวลาราชการวันศุกร์ วันเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องอยู่ต่างจังหวัด เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาเต็มทน

เมื่อถามว่ากฎหมายลูกสองฉบับประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว พรรค ภท.จะมีการปรับแผนอะไรในการหาเสียง หรือทำงานการเมืองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงเลือกตั้งมีแผน มีกำหนดการ มีวิธีการนําเสนอนโยบาย มีการประชุมวางกลยุทธ์ทุกอย่างตลอดเวลา และช่วงนี้พรรคได้นำเสนอทีมงานใน กทม.ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับชาวกทม. สมัยก่อนเราเอาผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครมาสมัคร ส.ส. แต่ในครั้งนี้ทีมงานที่พรรคนําเสนอ เป็นอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี ที่ทำงานได้ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ลาออกแล้วย้ายมาอยู่กับพรรคภท.แสดงว่าเขามีความมั่นใจในพรรคและนโยบาย จึงลาออกจากส.ส.มาอยู่กับเรา เป็นมาตรการวัดให้เห็นว่านโยบายของพรรค ที่ทำให้คนระดับส.ส.เชื่อมั่นและตัดสินใจมาร่วมงานด้วย

'พปชร.' ฟุ้ง!! คนแห่ร่วมงานระดมทุนพรรคล้น เหตุกระแส 'พรรค' ดี ชี้!! มีแต่คนคุณภาพไหลร่วม

(30 ม.ค. 66) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดขึ้นที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ในวันที่ 30 ม.ค. 2566 ว่า เรื่องการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐได้ดําเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่มีผู้แสดงความจํานง ซื้อโต๊ะร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ประมาณ 170 โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

นายสันติ กล่าวต่อว่า อีกนัยยะหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดก็จะมีพี่น้องประชาชน และนักลงทุนหลายส่วนให้การสนับสนุนถึง 1,700 คนขึ้นไป ก็ต้องถือว่าพรรคเป็นที่ชื่นชม และเป็นความมั่นใจของนักเศรษฐกิจ นักลงทุน นักวิชาการ ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่พร้อมให้การสนับสนุนในการทำงานของพรรค

'ชูวิทย์' ยัน!! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง แถมแต่งเรื่อง-ทำลายหลักฐาน-ไม่ยอมรับความจริง

(30 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสตฺข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

หลังจากเมื่อเย็นวันก่อน ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ 

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน

ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ

ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!

ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง...

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง 

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน

พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง

ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด

เรื่องสำนวน 'ตู้ห่าว' ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย

ยังมาทำเรื่อง 'สาวไต้หวัน' ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

'ลุงหนู' ขอคนกรุงเชื่อมั่น!! 'พรรค ภท.' เลือกแต่คนมีของ ขอโอกาสได้ลองทำงานตามสไตล์พรรครับใช้กรุงเทพฯ

'อนุทิน' เสนอตัวทำงานให้คนกรุงเทพฯ ครั้งแรก ดึงส.ส.กรุงเทพฯ หวังแก้ปัญหาให้ สั่น พร้อมเป็นนายกฯ หาก ภท.ชนะเลือกตั้ง ไม่หวั่นเสียงส.ว. ระบุ ทำงานได้กับทุกคน แจง ปมย้าย 'หมอสุภัทร' ไม่ใช่หน้าที่รมต. พร้อมไม่เคยมองใครในกระทรวงเป็นเสี้ยนหนาม

(29 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดมะกอก เขตสามเสนใน กรุงเทพฯว่า การลงพื้นที่นี้ก็ถือเป็นการมาศึกษาปัญหาของพี่น้องที่อยู่ในชุมชนที่ตนเองเกี่ยวข้อง และแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเราก็เป็นครั้งแรกที่มาเสนอตัวเป็นตัวเลือกให้กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ โดยตนเชื่อว่าถ้าคนกรุงเทพฯ รู้จักพรรคภูมิใจไทยแล้วก็น่าจะชอบในสไตล์พรรคที่กล้าตัดสินใจ

โดยคนกรุงเทพฯ ก็คงได้เห็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำไว้ทั่วประเทศที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2562 ในหลาย ๆ เรื่องเราก็ได้ส่วนงานที่เราเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้กรุงเทพฯ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯ เลยก็ตาม วันนี้เราได้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และส.ส.หลายมา เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะผลักดันนโยบายและเจตนารมณ์ได้ด้วยสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เรามีของ มีน้ำมีเนื้อ ไม่ใช่ว่าเอาใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จักกันมาเสนอให้คนกรุงเทพฯ แต่นี่เราเอาส.ส.กรุงเทพฯ มาเสนอจะได้ทำงานต่อเนื่องไป

เมื่อถามพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ติด 1 ใน 4 ของกรุงเทพฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็สาเหตุนี้เราจึงต้องเชิญนายพุทธพงษ์ และส.ส.กรุงเทพฯ มาทำงาน เราเลือกส.ส.ที่เข้าใจ ปัญหาต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และใกล้ชิดกับประชาชน 

'อุ๊งอิ๊ง' ลุยบ้านโป่ง แย้ม!! 'ทักษิณ' บอกเคยมาบ่อยๆ อ้อน!! เลือก 'เพื่อไทย' ให้แลนด์สไลด์ทั้งราชบุรี

'เพื่อไทย' เผย ภาพบรรยากาศ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ และทีมเพื่อไทย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ ราชบุรี ผลงานสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ฟาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ อ้อนคนบ้านโป่ง เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

(29 ม.ค.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส. และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้และห้องสมุด ภายใต้แนวคิด 'ศึกษาอดีต พัฒนาปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต เพื่อลูกหลานชาวตำบลท่าผา' ผลงานในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร

โดยทางคณะได้ร่วมสักการะ ถวายพวงมาลัยดาวเรือง องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี และชมนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ด้วย

จากนั้นทางคณะพรรคเพื่อไทย ได้พบปะประชาชนในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยมีประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ พร้อมทั้งมอบดอกไม้ พวงมาลัยให้กำลังใจกันอย่างเนืองแน่น

แพทองธาร ชินวัตร กล่าวทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับว่า "วันนี้มีเวลาสั้นๆ ได้มีโอกาสมาทักทายพี่น้องชาวราชบุรี พรรคเพื่อไทยมากันอย่างเต็มที่ เมื่อสักครู่คุณพ่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร โทรมา บอกว่าเคยมาเขตนี้บ่อยๆ เรื่องงบประมาณที่สร้างพิพิธภัณฑ์ก็มาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย"

'ศักดิ์สยาม' ลุย!! 'อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-ยโสธร' เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตอกเสาเข็ม 'ภท.' ในอีสาน

เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินทางลงพื้นที่ในกิจกรรมประชุมชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวน 10 เขต ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร ท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนอย่างคึกคักในแต่ละจุดจำนวนหลายพันคน

โดยนายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ล้วนมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ที่ตนเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อการันตีความเป็นภูมิใจไทยว่า พูดแล้วทํา และมาตอกเสาเข็มทุกต้นให้ทุกพื้นที่เจริญก้าวหน้าต่อไป ส่วนว่าที่ผู้สมัครฯ บางคน แม้จะยังไม่มีตำแหน่ง ส.ส. แต่ที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ได้ลงพื้นที่คอยอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เลือกตั้งรอบนี้จึงอยากให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ

‘ก้าวไกล’ โหมโรงเลือกตั้ง ติดป้ายหาเสียงทั่วกรุงฯ ‘ปิดสวิตช์ 3ป.’ เด่นหน้าสภาฯ ‘หยุดส่วยฯ’ โผล่หลาย สน. 

(29 ม.ค.66) พรรคก้าวไกลโหมโรงศึกเลือกตั้ง ติดป้ายนโยบายทั่วกรุงเทพฯ รับการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พร้อมข่าวลือสะพัดว่าจะมีการยุบสภาเร็ว ๆ นี้

ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ประชาชนผู้สัญจรไปมาในเขตกรุงเทพมหานคร ต่างโพสต์และแชร์รูปจอ LED ขนาดยักษ์กลางวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งปรากฏภาพสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล พร้อมข้อความ ‘กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงที่เพิ่งเปิดตัวในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา 

ตม.ประจวบฯ ตะครุบ 21 เมียนมาหนีเข้าเมือง มุ่งไปมาเลเซีย

(29 ม.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.ท ณัฐพงษ์ จันทร์แจ่มหล้า รอง ผกก.ตม.จว.น่าน ปฏิบัติราชการ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สว.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับชุดฉก.จงอางศึก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ สภ.ห้วยยาง โดยวันที่ 27 มกราคม 2566 สนธิกำลังร่วมกันจับกุม น.ส.วิลัยพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 21 คน และรถยนต์กระบะแบบหลังคาทึบ ยี่ห้อโตโยต้า กทม. จับกุมได้ที่บริเวณจุดตรวจ สภ.ห้วยยางสืบเนื่องจากขณะตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบมีหลังคาทึบ ซึ่งมี น.ส.วิลัยพร เป็นคนขับ ท่าทางน่าสงสัย จึงขอตรวจค้นพบแรงงานหลบหนีเข้าเมือง เป็นชาวเมียนมา 21 คน ซึ่งได้เดินเท้าข้ามแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่มีเอกสารใดให้ตรวจสอบ 

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ ‘พปชร.’ VS ‘รทสช.’ ปชช. มอง ‘ป้อม-ตู่’ ไม่แตกกัน พร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ การแข่งขันระหว่าง ‘พี่ป้อม’ พลังประชารัฐ ปะทะ ‘น้องตู่’ รวมไทยสร้างชาติ พบส่วนใหญ่เชื่อ ‘บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม’ ไม่ได้แตกกัน มอง ทั้ง 2 พรรคได้ ส.ส. เท่า ๆ กัน และพร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

(29 ม.ค.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปะทะ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)’ ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 23-25 มกราคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแข่งขัน ทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ กับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พบว่า 

- กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 46.56 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้แตกกัน เป็นเพียงแค่การแข่งขันทางการเมือง 
- รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศรัตรูที่ถาวร 
- ร้อยละ 20.53 ระบุว่า เป็นสีสันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 
- ร้อยละ 12.52 ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารประเทศ 
- ร้อยละ 10.76 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วน้อยกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 9.01 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ แตกกันอย่างแน่นอน 
- ร้อยละ 8.78 ระบุว่า พลเอกประวิตร และ พรรคพลังประชารัฐ เป็นอิสระมากขึ้น สามารถร่วมรัฐบาลกับฝั่งไหนก็ได้หลังการเลือกตั้ง
- ร้อยละ 6.56 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วมากกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 6.34 ระบุว่า ผู้ที่เคยสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ แต่ไม่ชอบ พรรคพลังประชารัฐ จะกลับมาสนับสนุน พลเอกประยุทธ์มากขึ้น 
- และร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

'ไตรรงค์' ลั่น!! 'บิ๊กตู่' นี่โง่จริงๆ เป็นนายกฯ มา 8 ปี ไม่กินสักบาท ยกคำ 'ตู่-จตุพร' นักการเมืองที่โกงประชาชน เลวกว่าหมา

เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.66) บรรยากาศเวทีปราศรัยใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นเวทีแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเป็นครั้งแรก ภายใต้ม็อตโต้ ลุงตู่เปิดประตูสู่ภาคใต้ 

นายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ุ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายวิชัย สุดสวาทดิ์ เขต 1 นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 และ นายสุพล จุลใส หรือลูกช้าง เขต 3  และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ รวมถึงแกนนำพรรค เช่น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค บอกกับชาวชุมพรว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน ชาวอีสานให้การต้อนรับ ลุงตู่ และกระแสดี อยากให้ลุงตู่อยู่ต่อ พร้อมเย้ยพรรคเพื่อไทย ที่เปิดเวทีปราศรัยเมื่อวานนี้ที่ จ.เลยว่ามีคนมาแค่หลักพันเท่านั้น 

นอกจากนี้นายเอกนัฎ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะชนะยกจังหวัดชุมพรเพียงจังหวัดเดียวไม่ได้ เพราะ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ก็ชนะยกจังหวัด จึงหวังว่าในภาคใต้ จะได้ไม่น้อยกว่า 30 ที่นั่ง

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แนะนำว่าตนเองเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มาทำงานกับลุงตู่ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่นำพาประเทศหลุดพ้นวิกฤตมาได้ พร้อมยกตัวอย่างนโนยบายที่สำเร็จแล้ว คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้มีนักการเมืองจังหวัดตนเองที่มีแกนนำพรรคไม่ติดคุกหรือหนีไปต่างประเทศนำมาโจมตี แต่บอกว่าได้เต็มปากว่านโยบายนี้เป็นความคิดของพล.อ.ประยุทธ์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำด้วยว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน ทุกสิ้นเดือนชาวบ้านจะรอคอยและเรียกว่าบัตรลุงตู่ พร้อมพูดถึงการทำงานของลุงตู่ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เช่นการแก้ปัญหาโควิด เพราะลุงตู่ตัดสินใจเด็ดขาด ทำให้เราผ่านพ้นสถานการณ์โควิดมาจนถึงทุกวันนี้

นายสุชาติ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ ออก พรบ.นิรโทษกรรม โดยบอกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์สุดซอยในคืนนั้น เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้เห็นด้วย และในคืนนั้น ได้ยิน เจ๊คนหนึ่งที่อยู่ภาคเหนือ กล่าวว่า "อ้ายๆ ตีสามเอาให้จบเลยนะ" จึงเป็นเหตุผลให้ตนมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ เราจะสนับสนุน ลุงตู่ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต่อไป เพราะลุงตู่เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมชม นายชุมพล จุลใส หรือ ส.ส.ลูกหมี และ นายสุพล จุลใส หรือส.ส.ลูกช้าง ว่าจัดเวทีได้ยิ่งใหญ่ ถ้าตนจะจัดเวทีชลบุรี ไม่รู้ว่าจะทำได้ยิ่งใหญ่เท่านี้หรือไม่

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางเสียงเชียร์ของประชาชน โดยยอมรับว่า กลายเป็นประเพณีที่ตนเองไปขึ้นเวทีปราศรัยในภาคใต้ จะมีคนแก่นำหมากมาให้กิน สร้างเสียงหัวเรา วันนี้ตั้งใจมาขอบคุณประชาชน เคยมาหาเสียงให้ นายชุมพล หรือ ส.ส.ลูกหมี ไปต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทักษิณ ที่โกงไปนับหมื่นล้าน และยังออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ตัวเอง เพราะอยากกลับประเทศ แต่คดีมีการตัดสินไปแล้ว 12 ปี ยังมีอีกหลายคดี ยังไม่รวมคดีฆ่าคนไป 2,500 คน ในสมัยปราบปรามยาเสพติด มีแต่ประเทศไทยที่ทำได้ในสมัยนั้น จึงขอขอบคุณประชาชนได้วางมาตรฐานให้คนในชาติ ในการเลือกตั้งว่าคนที่ต่อสู้แบบ ส.ส.ลูกหมี ที่ต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นคนดี  

ตนมาพูดครั้งนี้ ออกจากพรรคนั้นแล้ว แต่จำชื่อไม่ได้ แต่พรรคนี้มีอุดมการณ์มั่นคง รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเลือกคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกริดสีดวงตนเอง หรือ ถูกใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นี่โง่จริง ๆ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ไม่กินสักบาท พร้อมดูนาฬิกาว่ามีเวลาพูดไม่มาก แต่นาฬิกานี้ภรรยาซื้อให้ ไม่ได้ยืมใครมา 

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ ‘ตลาด อ.ต.ก.’ พบปะ ปชช. พ่อค้า-แม่ค้า แห่ถ่ายรูป เชียร์นั่งนายกฯ คนที่ 30

(29 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช้เวลาวันหยุดลงพื้นที่ โดยไปเดินตลาด อ.ต.ก. เมื่อเวลา 08.00 น. จับจ่ายซื้ออาหารและผลไม้ ซื้อแกงเขียวหวานเนื้อ ปลาดุกกรอบ หน่อไม้ดอง ผัดพริกขิง แกงเทโพ ต้มข่าไก่ เมนูโปรด และแวะร้านประจำ ซื้อกะปิโหว่ มะม่วง ตะลิงปลิง ระหว่างทางได้ทักทายพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน อย่างอารมณ์ดี สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และถ่ายรูปร่วมกับประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และเด็ก ๆ มาขอถ่ายรูป อย่างเป็นกันเอง

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566

"คนดี" พอ ๆ กัน
จึงจะคบกันได้...

"คนชั่ว" ก็เหมือนกัน
ต้องเป็นคนชั่วพอ ๆ กัน
มันจึงจะคบกันได้...

'ก้าวไกล' เล่นใหญ่!! 'กาก้าวไกล' ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ด้าน 'พิธา' กร้าว!! ขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

(28 ม.ค. 66) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล ได้มีการเปิดแคมเปญ 'กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม' โดยมีตัวแทนพรรคก้าวไกลแสดงวิสัยทัศน์ 4 คน คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล, รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค

เวทีเริ่มต้นที่พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล ขึ้นพูดเปิดในการแสดงวิสัยทัศน์และเปิดสโลแกนการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล 'กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม' โดยพริษฐ์กล่าวว่า ถ้าเราดูข่าวที่รวบรวมปัญหาประเทศย้อนหลังไป 20 30 40 50 ปีที่แล้ว จะพบว่าปัญหาที่กำลังเผชิญกันอยู่ในปัจจุบัน เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เราเผชิญมาหลายสิบปี แต่ถ้าเราต้องการประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม พรรคก้าวไกลเท่านั้นคือคำตอบ

“ผมเชื่อว่าเมื่อเราบอกว่าก้าวไกลต้องการสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม สำหรับคนบางกลุ่มฟังดูผิวเผินเหมือนเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ผมอยากชวนทุกคนคิดในมุมกลับ ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือประเทศไทยแบบเดิมๆ ต่างหาก ที่ต้องคอยถาม ผบ.ทบ. ว่าจะมีการรัฐประหารไหม กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายแบบเดิม ที่เปิดช่องให้จับคนไปขังคุกได้เป็นสิบๆ ปี เพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง เศรษฐกิจแบบเดิม ที่ 10% ของคนครอบครอง 50% ของทรัพย์สิน และ 60% ของที่ดิน และสวัสดิการ-การศึกษาแบบเดิม ที่เด็กต้องมาขอรับบริจาคหรือแข่งกันร้องเพลงเพื่อได้เรียนต่อ หากไม่อยากวนอยู่กับปัญหาเดิมๆ เหล่านี้ ก็ต้องเลือกคนที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง กาพรรคก้าวไกล เพื่อประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม เป็นประเทศที่การเมืองดี ปากท้องดี และ มีอนาคต”

ต่อมา รังสิมันต์ โรม ปราศรัยเปิดกลุ่มนโยบาย “การเมืองดี” โดยระบุว่าประเทศไทยที่การเมืองแบบเดิม ไม่เคยมีอะไรเป็นของประชาชน อำนาจไม่ใช่ของประชาชน ระบบราชการไม่ใช่ของระชาชน และชาติไม่ใช่ประชาชน แต่การเมืองดี ที่ก้าวไกลจะทำให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่ทำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน พร้อมชูนโบายครบเซ็ต ยกเลิกเกณฑ์ทหาร-ปฏิรูปกองทัพ-ตำรวจ-ราชการ-ดันเพดานเสรีภาพ แก้ ม.112-116-พ.ร.บ.คอมฯ โดยรังสิมันต์ย้ำว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาการเมืองก่อน ก็แก้ปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชนไม่ได้

“ห่างไปจากที่นี่ไม่เกิน 200 เมตร มีคนสองคนกำลังอดอาหารเพื่อเรียกร้องความปกติของสังคม ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อทุกคน แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือประเทศนี้มอบความปกติให้กับพวกเขาไม่ได้ และเอาพวกเขาไปขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น พูด ตั้งคำถาม ประเทศนี้จะเดินหน้าต่อได้อย่างไรถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นเช่นนี้ ถ้าผู้พิพากษาไม่มีหัวใจเป็นของประชาชน และถ้ายังกฎหมายที่ปิดปากอยู่แบบนี้” รังสิมันต์กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับนโยบายปากท้องดี ณัฐชาเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง ซึ่งนโยบายเด่น เช่น ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาททันที และให้มีการขึ้นค่าแรงตามเงินเฟ้อทุกปี ต่อด้วยนโยบายอุดหนุนงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนในทุกเขตเมืองในประเทศไทยมีรถเมล์ไฟฟ้า นอกจากนี้ณัฐชายังย้ำถึงนโยบายรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่จัดสรรให้ประชาชนโดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนแย่งชิงกันอีกต่อไป เด็กเล็กได้ 1,200 บาท ผู้สูงวัยได้ 3,000 บาทต่อเดือน และยังมีนโยบายเร่งออกโฉนด 10 ล้านไร่ ยึดที่สปก.จากนายทุนและเปลี่ยนเป็น สปก. ให้เกษตรกร

“พอกันทีกับนโยบายปากท้องแบบเดิมๆ คือบีบให้จนแล้วแจก กดให้โง่แล้วปกครอง ปล่อยให้ป่วยแล้วรักษา ใช้ภาษีที่รีดมาสร้างบุญคุณ เราต้องการนโยบายปากท้องแบบใหม่ และด้วยนโยบายปากท้องของพรรคก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” ณัฐชากล่าว

ปิดท้ายที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงวิสัยทัศน์คนสุดท้ายในการประชุมใหญ่สามัญพรรคก้าวไกล ในหัวข้อ “มีอนาคต” โดยพิธากล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้ต้องการผู้บริหารที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าซ้ำซากไปวันๆ แต่ต้องเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นโอกาสของอนาคต เปลี่ยนปัญหาของประเทศเป็นงาน อุตสาหกรรมใหม่ๆ หรือ “สร้างงาน ซ่อมประเทศ” เช่นการทำน้ำประปาดื่มได้ ที่ต้องใช้สมาร์ทมิเตอร์ 20 ล้านตัว ให้ 20 ล้านครัวเรือน เราสามารถสร้างระบบประปาที่มีคุณภาพ ซ่อมปัญหาเก่าแก่เรื้อรังของไทย พร้อมสร้างงานคุณภาพ ก่อเกิดอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การผลิตเคสมิเตอร์ที่ทำจากพลาสติก ไปจนถึงการ์ดจอ แบตเตอรี่ลิเธียม แผงวงจร และชิป หรือการจัดทำระบบดูแลผู้สูงวัย ที่ต้องจ้างงานผู้ดูแลผู้ป่วยอีกกว่า 300,000 ตำแหน่ง 

อย่างไรก็ตาม การจะสร้างงาน ซ่อมประเทศ การทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องปิดสวิตช์ 3 ป. เอามรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมออกไป เพื่อเปิดไฟแห่งความหวังให้ประเทศ สร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พร้อมตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชน 

พิธายังประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่ล้างมรดกคณะรัฐประหารและระบบอำนาจนิยม ปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศไทย

“ถ้าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้ 3ป. การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต จะกลายเป็น การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม ประเทศไทยจะไปไกลกว่านี้ได้อย่างไร ถ้าการบริหารประเทศยังอยู่ในมือคนไม่กี่คน อำนาจยังคงรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ ทรัพยากรยังกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มเดียว นี่คืออดีตที่เราต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อที่จะไปสู่อนาคต ดังนั้น เป้าของสังคมไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อเอาการเมืองกลับสู่สภาวะปกติของระบอบประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้ประเทศ ผมขอเขิญประชาชนทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรค มาร่วมกันกับผม สร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” พิธากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top