Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

‘รักษามะเร็งฟรี’ ประโยชน์ที่ดีต่อคนทั้งชาติ เกมฉีกจาก ‘ภูมิใจไทย’ ในจังหวะนโยบายชู ศก.เดือด

ตามกติกา เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะหมดวาระของรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว และหน้าสื่อตอนนี้ ก็เริ่มหันไปสนใจกับนานาพรรคการเมือง ที่ปล่อยก๊อกนโยบายของพรรคตนออกมา ‘ปาดหน้า’ ชิมลาง เรียกคะแนนทิพย์จากประชาชนกันแบบเล่นใหญ่ บ้างชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน บ้างเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการเป็น 700 บาททันทีหากได้เป็นรัฐบาล บ้างปลดล็อกการจ่ายภาษีขั้นต่ำ ฯลฯ

แน่นอนว่า พอปล่อยเป็นนโยบายเชิงหาเสียง ก็ย่อมสัมผัสได้ถึงนานาประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับกันทั้งนั้น แต่จะทำได้จริงหรือไม่ หรือต่อให้ตั้งใจจะทำจริง จะต้องใช้อายุขัยรัฐบาลกี่เดือน กี่ปี ก็ต้องตามดูกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียน มีข้อติดใจเรื่องหนึ่ง คือ นานานโยบายที่ก่อตัวขึ้นในห้วงเวลานี้ ล้วนต่อยอดสถานภาพการเงินแบบเกทับ แต่หลังจากชีวิตผู้คนที่เริ่มหลับนอนในท้องห้องโรงพยาบาลบ้าง ศูนย์พักพิงบ้าง ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา มันก็พลันให้คิดว่า มิมีใครอยากจะถอยนโยบายด้านสุขภาพมาให้ประชาชนได้ฝากผีฝากไข้กันบ้างเลยหรือ

ทั้งที่เรื่องสาธารณสุข หรือเรื่องสุขภาพ มันเป็นเรื่องใกล้ตัว และประชาชนทุกคนหากคิดจะเดินหน้าไปทำมาหากินได้ ก็ต้องมีสุขภาวะที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องเสียทั้งเงินและเสียเวลาไม่มากก็น้อย แล้วจะไปต่อยอดชีวิตได้อนาคตได้เยี่ยงไร 

พลันคิดได้เช่นนี้ ก็แอบเซ็ง แต่ก็เอาวะ เพราะแนวนโยบายเปิดปฐพีในช่วงแรก มันก็ต้องยิงกระแสแรง ๆ ไว้แซงพรรคเพื่อนพ้องไว้ก่อน เพียงแต่หลังจากได้เห็นกระแสนโยบายเกทับด้านการเงินแรง ๆ ไปช่วงหนึ่ง ก็ต้องจ้องอ่านอย่างคนสงสัย เมื่อยังมีพรรคที่ชูนโยบายสุขภาพขึ้นแรงดูดี 

นโยบาย ‘รักษามะเร็งฟรี’ ของพรรคภูมิใจไทย เป็นอีกข้อความที่สะกดใจ และรู้สึกว่า ‘หมอหนู’ อยู่สาธารณสุขจนอิน เลยเบนเข็มจากกัญชาเสรี มารักษามะเร็งฟรี หรือเป็นกลยุทธ์แสนครีเอทที่เข้าใจปัจจัยแห่งทุกข์พื้นฐานของประชาชนกันแน่

โฆษก ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีสาวชาวไตหวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้น ไถเงินกว่า 20,000 จนปล่อยตัว

วันนี้ (26 ม.ค.66) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
กรณีสาวชาวไตหวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้น ไถเงินกว่า 20,000 จนปล่อยตัว

จากเพจ มติชน: สาวชาวไต้หวัน อ้างถูก ตร.ไทยค้นตัว เรียกเงิน 27,000 บาท เตือน นทท.อย่าพกเงินสดเยอะ 
(วันที่ 25 มกราคม 2566 - 15:42 น.) สาวชาวไต้หวัน อ้างถูก ตร.ไทยค้นตัว เรียกเงิน 27,000 บาท เตือน นทท.อย่าพกเงินสดเยอะ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม เฟซบุ๊กแฟนเพจ หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม ในไต้หวัน ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เล่าข่าวที่เกิดขึ้นกับสาวชาวไต้หวันรายหนึ่ง ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย โดยอ้างว่าถูกตำรวจไทยขอค้นตัว และรีดไถเงินกว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งเธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง โดยเฟซบุ๊กหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “สาวชาวไต้หวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 20,000 บาท จนยอมปล่อยตัว” นั้น

ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า 

- ผู้กล่าวอ้างเป็น หญิงสาวชาวไต้หวัน อายุ 33 ปี  ให้ข่าวว่าเหตุเกิดวันที่ 4 ม.ค.66 เวลาประมาณ 01.00 น.
- พบว่ามีการเช็คอิน FB ที่แอสคอท(Ascott) ทองหล่อ ระหว่างที่พักในไทย
- เริ่มออกข่าววันที่ 7-8 ม.ค.ที่ไต้หวัน เพราะโพสในสตอรี่ IG ทุกสำนักข่าวออกข่าวเพียงวันเดียว แล้วก็ไม่มีข่าวออกมาอีกเพราะไม่มีหลักฐานมาขยายความต่อ  มีแต่คำกล่าวอ้างของเจ้าตัว
- สอบถามไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนไต้หวันในประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ไม่พบข้อมูลขอความช่วยเหลือ หรือร้องเรียน รับแจ้ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 
- ตรวจสอบกับระบบ สตม.พบว่า เดินทางเข้าเมื่อ 29 ธ.ค.65 ทาง สนามบินสุวรรณภูมิ วีซ่า VISA ON ARRIVAL เพื่อการท่องเที่ยว  และเดินทางออกเมื่อ 5 ม.ค.66 สนามบินสุวรรณภูมิ 

สอบขยายผล  หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการตามที่เป็นข่าวจริง  จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป

อาละวาดหนัก! ‘ผู้ช่วยฯสมพงษ์-ศปอส.ตร.’ เปิด 4 กลโกงโจรออนไลน์มาแรง เตือนปชช.ระวัง

26 มกราคม 2566 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าอำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบช.ศปก.ตร./หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ฯ ปฏิบัติหน้าที่ ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก./รองหัวหน้าฝ่ายแถลงข่าวและประสานงานสื่อมวลชน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม 2566 ฝ่ายบริหารการรับแจ้งความออนไลน์ ศปอส.ตร. และ บก.ตอท. พบคดีที่น่าสนใจควรเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อฉ้อโกง 4 คดี คือ

1) หลอกให้ลงทุนกับสถาบันติวสอบครูผู้ช่วย
2) ปลอมเพจโรงรับจำนำอีซี่มันนี่หลอกขายสินค้าหลุดจำนำ
3) หลอกให้โอนเงินโดยอ้าง 'โครงการประชารัฐ'
4) หลอกลงทุนอ้างบริษัทยักษ์ใหญ่ 'CP ALL'

นอกจากนี้พบว่ากลุ่มโจรออนไลน์ยังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร หลอกลวงประชาชน โดยหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือระยะไกล ลงในมือถือ หลอกว่าจะคืนภาษี ทวงภาษี หรือให้เราตรวจสอบการเสียภาษี โดยการตรวจสอบผ่านโปรแกรมที่ส่งเป็นลิงค์มาให้โหลด ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเราโดยตรง เมื่อมือถือถูกมิจฉาชีพเข้าควบคุม ซึ่งมีคนตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย เบื้องต้นให้ตั้งสติ แล้วรีบกดปุ่มปิดมือถือให้ไว เพื่อตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในเครื่อง แล้วคนร้ายจะไม่สามารถใช้งานบนมือถือเราได้ แล้วรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงไว้เป็นหลักฐานเพื่ออายัดบัญชีของเราไว้ก่อน 

มหากาพย์ เลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 กกต.ถูกจำคุก-จ้างพรรคเล็ก-ยุบพรรคไทยรักไทย

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยุบสภา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตั้งอีกครั้ง โกำหนดให้วันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป

แต่ทว่า ก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549 ฝ่ายค้านในห้วงนั้นประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ได้ทำหนังสือถึงพรรคไทยรักไทย เรียกร้องให้ทำสัตยาบันร่วมกันว่า หลังการเลือกตั้งจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 313 เพื่อตั้ง ‘คนกลาง’ ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่พรรคไทยรักไทยประกาศไม่ลงสัตยาบันร่วมกับฝ่ายค้าน แต่เชิญหัวหน้าพรรคทุกพรรคให้มาทำสัญญาประชาคมร่วมกันว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างการเลือกตั้ง จากนั้นค่อยมาตั้ง ‘คนกลาง’ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฝ่ายค้านจึงประกาศคว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัคร

การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 จึงเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมาย มีการฉีกบัตรเลือกตั้งเพื่อแสดงอารยะขัดขืน เช่น รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร, มีการกรีดเลือดมาเป็นหมึกกาบัตรเลือกตั้ง, คูหาเลือกตั้งหันหลังออก, มีผู้สมัคร ส.ส. หลายสิบเขตได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนโนโหวต มีการใช้ตรายางประทับบัตรเลือกตั้ง และมีบัตรเสียเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความเคลือบแคลงใจในความโปร่งใสของการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างหนัก

ส่วนผลการเลือกตั้งปรากฏว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีผู้มาใช้สิทธิ 29 ล้านคนเศษ จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 44.9 ล้านคน คิดเป็น 64.77% มีบัตรเสีย 1,680,101 ใบ หรือ 5.78% มีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือ โนโหวต สูงถึง 9,051,706 คน คิดเป็นสัดส่วน 31.12%

และผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต มีผู้มาใช้สิทธิเกือบ 29 ล้านคน หรือ 64.76% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มีบัตรเสีย 3,778,981 ใบ 13.03% มีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนน 9,610,874 คน 33.14%

หลังจากนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพิกถอนการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้งใหม่

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 และคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ 607-608/2549 วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการจัดคูหาที่อาจส่งผลให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยลับ และให้จัดเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549

นอกจากนี้ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ศาลอาญา ได้พิพากษาให้ กกต. ที่จัดการเลือกตั้งมีความผิดเนื่องจากการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม โดยให้ลงโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี แต่ต่อมา เมื่อปี 2556 หลังจากที่ กกต. (สามคนในเวลานั้น) ผ่านการติดคุก/ต่อสู้คดีแล้ว ศาลกลับได้มีคำสั่งยกฟ้อง กกต. ทั้งสาม

หลังจากนั้นก็มีการสรรหา กกต.ใหม่ และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ แต่ยังไม่ทันได้เลือกตั้ง ก็ถูก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการปฏิวัติเสียก่อนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

แต่ผลพวงจากการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสในครั้งนั้น ยังตามหลอนพรรคไทยรักไทยไม่จบสิ้น เมื่อ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน กกต.ว่า พรรคไทยรักไทย จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก อย่างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยลงสมัคร ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.ปลอมแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กเมื่อปี 2549

‘ณัฐธิดา’ รองปธ. อบจ.ปทุมธานี สวมเสื้อ ภท. เผย ชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’

‘ภูมิใจไทย’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘หนึ่ง-ณัฐธิดา’ รองปธ.อบจ. ปทุมธานี เข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เจ้าตัวบอกชื่นชอบนโยบายพรรค ‘พูดแล้วทำ’   

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ น.ส.ณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ลำดับที่ 1 เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทย

‘ไอติม’ อัด!! ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ยิ่งเปิดช่องโรงเรียนออกกฎไร้ขอบเขต

‘พริษฐ์-ก้าวไกล’ ชี้ ศึกษาธิการ ยกเลิกระเบียบทรงผม ไม่ได้แก้ปัญหา ยิ่งเปิดช่องโรงเรียนออกกฎไร้ขอบเขต แนะ ต้องมีมาตรฐานให้ชัด ห้ามโรงเรียนบังคับทรงผมเด็ก พร้อมสะท้อน ศธ. บทบาทกลับหัวกลับหาง เรื่องที่ควรให้อิสระโรงเรียนกลับไม่ให้ เรื่องที่ควรต้องคุ้มครองสิทธิเด็กในทุกโรงเรียน กลับไม่ทำ

(25 ม.ค. 66) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 เปลี่ยนเป็นการกำหนดแนวปฏิบัติกว้าง ๆ เกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษา ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับเอง

พริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าพูดเฉพาะประเด็นการกำหนดทรงผม สิ่งที่รัฐมนตรีทำ ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องทรงผมของนักเรียน และอาจทำให้เป้าหมาย 'เสรีทรงผม' ห่างไกลกว่าเดิม เพราะการยกเลิกกฎระเบียบส่วนกลางเกี่ยวกับทรงผม และโอนความรับผิดชอบและการตัดสินใจทั้งหมดไปที่โรงเรียน จะยิ่งเปิดช่องให้โรงเรียนแต่ละแห่งออกกฎเกณฑ์เรื่องทรงผมที่ละเมิดสิทธิผู้เรียนอย่างไรก็ได้แบบไร้ขอบเขต เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งสามารถออกกฎให้เด็กทุกคนต้องโกนหัวก็ได้ ดังนั้น ถ้าอยากแก้ปัญหาจริง ๆ กระทรวงควรออกระเบียบหรือมาตรฐานขั้นต่ำจากส่วนกลางให้ชัด ห้ามไม่ให้โรงเรียนออกกฎระเบียบตนเองที่บังคับเด็กเรื่องทรงผม

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินแจกตั๋วเครื่องบินฟรีในฤดูกาลท่องเที่ยว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินส่งข้อความสั้น (SMS) และโทรศัพท์ไปหลอกลวงประชาชนแจ้งว่าเป็นผู้โชคดีได้รับคูปองเที่ยวบินฟรี ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) มายังโทรศัพท์มือถือของตน แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สายการบินต่างๆ เช่น สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) พร้อมกับข้อความในลักษณะว่า “ ขอบคุณที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ท่านได้รับบินเที่ยวฟรี ” โดยให้กดลิงก์ที่แนบมากับข้อความดังกล่าวเพื่อเป็นการเพิ่มเพื่อนสายการบินทางแอปพลิเคชันไลน์ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้เสียหายสอบถามข้อมูลต่างๆ และหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของสายการบินที่ส่งให้ทางไลน์อีกครั้ง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว มิจฉาชีพจะหลอกให้เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงิน หรือให้ตั้งรหัส PIN 6 หลัก รวมถึงการให้สิทธิ์แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ทำให้มิจฉาชีพสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ามา และควบคุมหน้าจอโทรศัพท์ของเหยื่อเมื่อใดก็ได้ โดยจะทิ้งระยะเวลาให้เหยื่อตายใจ ระหว่างนี้มิจฉาชีพจะสังเกตพฤติกรรมของเหยื่อ เช่น ใช้ธนาคารใด มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ และจดจำรหัสผ่านจากที่เหยื่อกดเข้าระบบของแอปพลิเคชันธนาคาร กระทั่งเวลาผ่านไปจนเหยื่อเผลอ เมื่อได้โอกาสมิจฉาชีพจะเชื่อมต่อแล้วโอนเงินออกจากบัญชีไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่างๆ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

พิษณุโลก ตำรวจภาค 6 กวดล้างอาชญากรรม ยึดปืน ยาบ้า อาวุธสงคราม

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 66 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรภาค 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมรองผู้บัญชา และผู้บังคับการตำรวจภูธรในสังกัดภาค 6 ร่วมกันแถลงข่าวผลงานการกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด ในช่วงระหว่างวันที่ 15-24 ม.ค. 2566 ตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญกรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 'ป้องราษฎร์ ปราบภัย หัวใจคือประชาชน' 

สำหรับการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในครั้งนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายในภาพรวมของหน่วยอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม โดยใช้ผลวิเคราะห์ข้อมูล สถานภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และนาฬิกาอาชญากรรม เป็นข้อมูลในการวางแผนปฏิบัติ ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม เน้นความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม การพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง อาวุธปืน ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และบุคคลตามหมายจับ บังเกิดผลการปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ 

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ 'บี พุทธิพงษ์' ตัดสินใจเลือก พรรคภูมิใจไทย เป็นเส้นทางใหม่ทางการเมืองให้กับตน

“เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ส่วนตัวมองว่าพรรคภูมิใจไทย มีจุดเด่นที่แข็งแกร่ง คือ 4 ปีที่ผ่านมา พูดจริงทำจริง หาเสียงเสนอนโยบายอะไรเอาไว้สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า…ทำได้จริงเสมอ”

ตำรวจ ปส.ทลายเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ของกลางกว่า 1.1 ตัน

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าว เครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกระดับ เพื่อจะตัดวงจรการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมไปถึงจับกุม และขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศที่สาม เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่ง บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา 3 คดี รวมไอซ์กว่า 1 ตัน  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.4 ร่วมกับศูนย์วิเคราะห์ข่าวสงขลา บก.ขส. จับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ 1.นายอาคม สุทธิโพธิ์ อายุ 27 ปี  ได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถ.เพชรเกษม ต.ท่าแค อ.เมือง จว.พัทลุง 2.น.ส.แหม่ม หมื่นบำรุง อายุ 32 ปี และ 3. น.ส.ชญาดา หมื่นบำรุง อายุ 35 ปี จับกุมได้ริมถนนสาย 41 ระหว่าง กม.128-กม.129 อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี  หลังพบว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค.66 กลุ่มผู้ลักลอบจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลาง นำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ และพบรถของกลาง 3 คัน หนึ่งในนั้นบรรทุกสินค้าทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมา กระทั่งรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั้มพีที สาขาท่าแค อ.เมือง จว.พัทลุง ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบนายอาคม สุทธิโพธิ์ เป็นผู้ขับขี่  สารภาพว่า มียาเสพติดซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตรเพื่อใช้อำพรางการตรวจค้น ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้บริเวณริมถนนสาย 41 ในพื้นที่ ต.ป่าเว อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี ตรวจยึด ไอซ์ 688 กก., รถยนต์กระบะ 3 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติดอำพรางมากับผลผลิตทางการเกษตร และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง สำหรับขบวนการนี้เป็นเครือข่ายขบวนการค้าไอซ์ข้ามชาติ มาจากทางภาคอีสาน ส่งต่อกันเป็นทอดๆ เพื่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม โดยมีขบวนการมารอรับยาเสพติดที่บริเวณชายแดน ซึ่งจะอาศัยช่วงเปิดประเทศ และประชาชนเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับระบบการขนส่งสินค้าเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น เพื่อเตรียมลักลอบลำเลียงไปจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.7 และเจ้าหน้าที่ ศรภ. กองบัญชาการกองทัพไทย จับกุม 4 ผู้ต้องหา คือ 1.น.ส.วรวรรณ หรือโรส นันทรุจินนท์ ที่หน้าร้านบิ๊กซี มินิมาร์ท ถ.เพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร พร้อมของกลางไอซ์ 3.8 กรัม, ยาบ้า 100 เม็ด ก่อนขยายผลจับกุม 2.นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ สมรรถบุตร ที่ ซ.จำเนียรสุข 3 ถ.เพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลาง ไอซ์ 64  กรัม, 3.นายณัฐวุฒิ หรือป็อก แสนเมือง และ 4.นายนัส หรือมอส วัจนลักษณ์ ที่ หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางไอซ์ 43.285 กก. และ ผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเครือข่ายนี้จากการตรวตสอบพบมีการซื้อขายยาเสพติดกันผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ 

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. และ บก.ขส. ร่วมกันจับกุม นายทวีชัย  แซ่ย้า อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.เชียงของ จว.เชียงราย สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนและติดตามกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง ผู้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน/จัดหาคนรับจ้างลำเลียงเสพติด ติดต่อประสานกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลักลอบลำเลียงยาเสพติดประเภทยาบ้า และ ไอซ์ จำนวนมาก จากพื้นที่ภาคเหนือผ่านเข้ากรุงเทพฯ และ ปริมณฑล โดยจะลำเลียงยาเสพติดสู่ไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ จว.สตูล และออกไปยังประเทศที่ 3 จนกระทั่งวันที่ 19 ม.ค.66 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณลานจอดรถห้างบิ๊กซี สาขาบ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย พร้อมตรวจยึดของกลาง (ไอซ์) จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม อยู่ในห่อชาสีเขียว วางบรรทุกอยู่ในห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ MAZDA BT50 สีดำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลที่หลบหนี บุคคลในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

'สกลธี' กลับ พปชร. ขอบคุณ 'บิ๊กป้อม' ไฟเขียวทำงาน รับ!! สนามเมืองกรุงไม่หมู แต่มีกลยุทธ์ทำกระแสขยับ

(24 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะหัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกหลังกลับเข้าพรรคพปชร.อีกครั้ง ว่า ตื่นเต้น วันนี้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ที่ให้โอกาสตนในการดูแลนโยบาย ตัวผู้สมัคร ส.ส.และรายละเอียดต่างๆ ของทีม กทม. ทั้งนี้ตนตอบรับเข้ามาดูแลในภาพรวม ส่วนจะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือบริหารพรรคด้านไหน แล้วแต่หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคจะเห็นสมควร

เมื่อถามถึงนโยบายที่จะเอาชนะใจประชาชน นายสกลธี กล่าวว่า ได้พูดตรงๆ กับหัวหน้าพรรค พปชร.ว่าการเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะหลายพรรคมีตัวผู้สมัครดี ๆ และส่งผู้สมัครกันเยอะ โอกาสมีกันทุกพรรค อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ตนลาออกจาก พปชร.ไปก่อนหน้านี้ เพราะต้องการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ แต่การกลับมาครั้งนี้หัวหน้าพรรคได้ให้โอกาสและอิสระตนเต็มที่ในการหาเสียง ซึ่งความอิสระที่หัวหน้าพรรคมอบให้ทำให้ตนดึงคนที่ช่วยตอนลงสมัครผู้ว่าฯกทม.มาได้ ส่วนสนามเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้คงเป็นการสู้กันด้วยนโยบายและกระแส แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวผู้สมัครก็สำคัญ เพราะเป็นบัตรเลือกตั้งสองใบ แต่สนาม กทม.คาดเดายากเสมอ ในเรื่องกระแสและนโยบายจึงมีส่วนสำคัญอย่างสูง 

เมื่อถามว่าในสนามกทม.มีแต่พรรคที่คุ้นเคย เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสกลธี กล่าวว่า ส่วนใหญ่ฐานเสียงขึ้นอยู่กับตัวผู้สมัครส.ส. ฉะนั้นจะใช้ประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทั้งการเป็นอดีตส.ส.กทม. และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ต่อยอดนโยบายตอนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นโยบายสำคัญของแกนนำพรรค มาระดมสมองให้ตอบโจทย์พี่น้อง กทม.

ครม. ไฟเขียว เกือบ 6 พันล้านบาท ให้ กกต.จัดการการเลือกตั้งทั่วไป

(24 ม.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง จำนวน 5,945 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย รายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ดำเนินการโดยสำนักงาน กกต. จำนวน 5,104,546 บาท อาทิ ภารกิจในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ภารกิจเตรียมความพร้อมบุคลากร วิทยากร และเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกระดับ รวมทั้งภารกิจจัดการเลือกตั้งกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง

ขณะเดียวกันยังมีรายการค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการโดยหน่วยงานสนับสนุน ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ รวม 10 หน่วยงาน วงเงิน  840,614,250 ล้านบาท อาทิ  ภารกิจสนับสนุนการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักร โดยกระทรวงการต่างประเทศ ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภารกิจสนับสนุนการรณรงค์เผยแพร่ความรู้การเลือกตั้ง โดยกระทรวงศึกษาธิการ ภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง หนังสือแจ้งเจ้าบ้านและอื่น ๆ โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นต้น

‘บิ๊กป้อม’ ควงแกนนำ พปชร. เปิดปราศรัยแรก ปักหมุด ‘ป้อมปราบศัตรูพ่าย’ ข่มขวัญคู่ต่อสู้

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์เหรัญญิกพรรค ร่วมกันเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. รวมทั้งสิ้น 71 คน แบ่งเป็นในต่างจังหวัด จำนวน 43 คน ได้แก่ 
จ.ระยอง คือ นายพายัพ ผ่องใส เขต 3
จ.ฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายรัฐสภา นพเกตุ เขต 1, พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ เขต 4
จ.ชลบุรี คือ นายเพิ่มพงศ์ วงศ์ทรายทอง เขต 3
จ.ปราจีนบุรี คือ นายเกียรติกร พากเพียรศิล์ เขต 2
จ.ศรีสะเกษ ได้แก่ นายสุรณัฐ แนบเนียม เขต 3, นายอภิชา ระยับศรี เขต 7
จ.อุดรธานี คือ นายวิฑูรย์ นามคุณ เขต 6 
จ.สุรินทร์ ได้แก่ ว่าที่ ร.ต.ศักดินันท์ศุภนิมิตมนตรี เขต 1, นายพิเชษฐ์ สุทธิศิริวัฒนะ เขต 2, น.ส.ณชณฆ์ ตรงใจ เขต 3
จ.ชัยภูมิ คือ นายพีระพล ติ้วสุวรรณ เขต 6

จ.นครราชสีมา ได้แก่ น.ส.กาญจนา เปรมภิรักษา, นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล, พ.ต.อ.ปริวัฒน์ นาคำ
จ.เลย คือ นายชูศักดิ์ บัวระภาสิริ
จ.สกลนคร คือ นายอภิวัฒน์ มีชัย เขต 1
จ.กาฬสินธุ์ ได้แก่ น.ส.พาวิไล พิมพะสาลี เขต 1, นายสิทธิศักดิ์ พัฒนชัย เขต 4
จ.ร้อยเอ็ด คือ นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล
จ.ขอนแก่น ได้แก่นายอัษฎางค์ แสวงการ เขต 1, นายพัฒนา นุศรีอัน เขต 2, นายปัญญา ศรีปัญญา เขต 3, นายณรงค์เลิศ สุรพล เขต 4, นายสมใจ ชาญจระเข้ เขต 5, นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ เขต 8 นายไพฑูรย์ ผิวผาง เขต 9, นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ เขต 11

จ.แพร่ ได้แก่ น.ส.อาทิตยา อินนะไชย เขต 1, นายสุรสิทธิ์ เพชรปิตุพงษ์ เขต 2, นางปอรวัลย์ มุดเจริญ เขต 3 
จ.ตาก ได้แก่ นายเชิงชัย ก่อประกิจ เขต 3
จ.พิษณุโลก ได้แก่ นายเอกพงษ์ กุลเจริญ เขต 5
จ.นครสวรรค์ ได้แก่ นายธนริชต์ วิเชียรรัตนี เขต 1, นายนัยศาลิน ถนอมมิตรวัฒนา เขต 2
จ.นครปฐม ได้แก่ นายศิรวริศสวนแก้ว เขต 2, นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม เขต 3, นายมนตรี บุญประคอง เขต 5
จ.กาญจนบุรี ได้แก่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์, นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์, พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์, นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ
จ.นครศรีธรรมราช คือ นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ เขต 8

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคได้ร่วมกันเปิดตัว นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่จะรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. พร้อม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ล็อตแรก จำนวน 28 คน ได้แก่ นายธิชดล สกุลำ ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ และดุสิต, นายภูมิพิชัย ธํารดํารงค์ เขตปทุมวัน สาทร บางรัก, น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม ยานนาวา, ร.อ.รชฎ พิสิษฐบรรณกร เขตดินแดง พญาไท, นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ เขตราชเทวี, นายสฤษดิ์ ไพรทอง เขตดุสิต, นายภักดีหาญส์ หิมะทองคํา เขตลาดพร้าว 

นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ เขตจตุจักร, นายศิววงศ์ วงศ์พิชญา เขตดอนเมือง, น.ส.นํ้าฝน ไพรทอง เขตสายไหม, ภ.ญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตบางเขน, นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ, นายรังสรรค์ กียปัจจ์เขตหลักสี่ ดอนเมือง, นายกานต์ กิตติอําพน เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง, น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง เขตบึงกุ่มคันนายาว, นายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ เขตคลองสามวา, นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. เขตหนองจอก, นายพีระพงษ์ รัสมี เขตลาดกระบัง นางนาถยา แดงบุหงา เขตสะพานสูง แขวงประเวศ, นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เขตพระโขนง บางนา, นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขตคลองสาน ธนบุรี

นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ เขตจอมทอง ธนบุรี เฉพาะแขวงดาวคะนอง, นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา เขตทุ่งครุราษฎร์บูรณะ, น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขตทวีวัฒนา หนองแขม เฉพาะแขวงหนองค้างพลู, พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง เขตตลิ่งชัน บางกอกน้อย เฉพาะแขวงบางขุนศรี, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เขตบางกอกน้อย, ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อํานรรฆสรเดช เขตบางซื่อ และนายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล เขตบางพลัด นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เขตบางแค

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้เราเปิดผู้สมัครทั้งหมด 71 คน และเปิดไปแล้ว 350 คน และจะทยอยเปิดให้ต่อเนื่องให้ครบทุกเขตเลือกตั้ง พยายามจะส่งให้ครบทุกจังหวัดทั้ง 400 คน อยากฝากให้ผู้สมัครทั้งหลายลงพื้นที่ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ให้มากที่สุด อยู่ที่ทุกท่านจะทำต้องทำงานอย่างหนัก หลังจากอบรมผู้สมัครแล้วควรรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ฝากทุกคนด้วย ทางพรรคไม่มีอะไร

กรณีศึกษา นโยบายฟรีภาษีของ ‘ประเทศโมนาโก’ สู่ ‘นโยบายลดภาษีบุคคล’ ของชาติพัฒนากล้า

กระแสมาแรงไม่ตกหลังพรรคชาติพัฒนากล้าประกาศนโยบายใหม่ออกมา นั่นคือนโยบาย ‘ลดภาษีบุคคล เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี’ นโยบายนี้ก็เป็นที่พึงพอใจของเหล่ามนุษย์เงินเดือนมาก ๆ เพราะหากนโยบายนี้ทำได้จริง จะทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่หนักพอ ๆ กับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะไม่ได้เจาะลึกถึงนโยบายนี้ (ดูเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/watch/?v=1325406588033087) แต่จะพามาดูตัวอย่างประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่มีนโยบายคล้ายกับพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งได้ฉายาว่า ‘ประเทศที่คนรวยสุดอันดับ 1 ของโลก’ ซึ่งประเทศนี้ประชาชนไม่ต้องเสียภาษี!! 

ประเทศที่กล่าวถึงคือ ‘ประเทศโมนาโก’ เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กมากที่สุด เป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ประเทศนี้มีค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ประชาชนที่นี่ 1 ใน 3 จะเป็นคนที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 35 ล้านบาท เรียกได้ว่าหากมีแฟนเป็นคนประเทศนี้ ให้ทายไปเลยว่า 80% เราจะกลายเป็นคุณหญิงคุณนายไปเลย เพราะคนที่นี่มีแต่คนรวยทั้งนั้น

อาจมีคำถามว่าทำไมประเทศเล็ก ๆ นี้มีแต่คนรวยเดินชนกันเต็มไปหมด นั่นเป็นเพราะว่าประเทศนี้ ‘ไม่เก็บภาษีรายได้แม้แต่บาทเดียว’ ใครทำเงินได้มากมายมหาศาลแค่ไหนก็เก็บไว้กับตัวหมดเลย ไม่ต้องเอาเงินนั้นมาเสียภาษีให้รัฐ ด้วยนโยบายนี้ของประเทศโมนาโก ทำให้เหล่าคนดังจากทั่วโลกเช่น Ringo Starr มือกลองประจำวงสี่เต่าทอง หรือ The Beatles, Novak Djokovic นักเทนนิสระดับโลกชาวเซอร์เบีย, หรือ Sir Lewis Hamilton นักแข่งรถ Formula 1 ก็ย้านถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศนี้กันทั้งนั้น

หากเล่าไปถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนโยบายนี้ จุดเริ่มต้นมาจาก 160 ปีก่อน ในปี 1863 เจ้าหญิง Marie Caroline Gibert de Lametz แห่งโมนาโก ตัดสินใจสร้างกาสิโน ภายในประเทศขึ้น ชื่อว่า ‘Monte Carlo’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูประเทศ ที่กำลังเผชิญกับการเสี่ยงล้มละลาย ซึ่งแนวคิดของเจ้าหญิง Caroline ถือว่ามาถูกทาง เพราะกาสิโนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เดินทางเข้าออกประเทศเป็นจำนวนมาก และสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาล จนในปี 1869 โมนาโกมีรายได้จากกาสิโนมากจนเกินพอ จึงได้ตัดสินใจประกาศยกเลิกการจัดเก็บภาษีรายได้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

‘ลุงหนู’ ปัดตอบ จับมือพรรคเพื่อไทย ชี้!! ทุกอย่างต้องรอดูหลังเลือกตั้ง

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการลาออกของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จากรมช.คมนาคม ได้แจ้งการลาออกอย่างไร ว่า นายวีรศักดิ์ ลาออกตามขั้นตอน และตอนนี้ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอยู่ แต่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค

ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสข่าวที่นายวีรศักดิ์ จะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย รวมถึง นายอภิชา เลิศพชรกลม ที่มีข่าวว่าจะลาออกไปด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ทราบ นายวีรศักดิ์แจ้งเพียงสุขภาพไม่ดี เมื่อท่านตัดสินใจลาออก ก็ต้องให้กำลังใจ ขอให้ไปรักษาตัวให้แข็งแรง 

เมื่อถามย้ำว่ากระแสข่าวว่าจะไปพรรคเพื่อไทย จะทำให้พื้นที่นครราชสีมายวบไปหรือไม่ หรือจะให้ใครมาดูแลแทน นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อวานบอกไปแล้ว การที่มีส.ส.เข้าหรือออก เป็นเรื่องของความสบายใจ ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าสมมุติว่ามีจากฝั่งภูมิใจไทยไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจก็จะได้เคลียร์ที่ว่าใครเป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นประชาธิปไตย และจะได้เลิกคุยเรื่องนี้เพราะเมื่อคนเพื่อไทยมาอยู่กับภูมิใจไทย ตอนนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้คน ภูมิใจไทยไปเพื่อไทย ถามว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะในที่สุดก็สรุปได้ว่าทุกอย่างก็เป็นประชาธิปไตย การย้ายเข้าออกพรรคการเมืองในช่วงเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top