Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

สมรภูมิ ส.ส.กทม. เขต 1 เดือด! ‘ก้าวไกล’ เปิดตัว ‘ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์’ ลงชน ‘กานต์กนิษฐ์’ เพื่อไทย ‘เจิมมาศ’ ปชป. เชื่อมาแรงชนะใจคนกรุงเทพฯชั้นในได้

ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 (ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร สัมพันธวงศ์) อย่างเป็นทางการ พรรคก้าวไกลได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าว คือ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ เพื่อแข่งขันกับนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

นายปารเมศ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวอดีต ส.ส. ลงแข่งในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วมองว่ายิ่งเป็นการเพิ่มความคึกคักให้กับการแข่งขันในศึกเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง โดยมีแรงบันดาลใจในการทำงานการเมืองคือเห็นวิวัฒนาการ ตั้งแต่จีนที่โดนดูถูกว่าสินค้าจีนแดง ไปจนถึงจีนที่ไปดวงจันทร์ได้ เป็นช่วงที่จีนกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะตลอดเวลาที่อยู่จีน เห็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ตอนที่ไปเรียน หยุดพักร้อน 2-3 เดือน มีอะไรใหม่ ๆ ตึกใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่กลับมามองประเทศไทย เรากลับไม่มีการพัฒนาเลย คนจีนบอกว่า ไทยเคยเป็น 'ซื่อเสี่ยวหลง' หรือ 'มังกร 4 ตัว' แต่ตอนนี้เราเป็นแค่หางหมา ไม่ใช่หางมังกร

“ในยุค 90 คนจีนมาเมืองไทยแล้วตื่นเต้นจะเพราะรู้สึกว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรถไฟฟ้า มีตึกสูง ผ่านไป 30 ปี ตั้งแต่เล็กจนโต ผมรู้สึกว่าประเทศไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่แค่ย่ำอยู่กับที่แต่ยังถอยหลังไปอีก ขณะที่ประเทศอื่นเดินหน้าแบบก้าวกระโดด ผมได้เรียนรู้จากคนจีนเรื่องการแก้ปัญหาคอรัปชั่น นโยบายรัฐบาลจีนปัจจุบันเราเห็นข้าราชการระดับสูง นายพล อดีตรัฐมนตรีเข้าคุกไปหลักพันคนแล้ว ถ้าระดับเจ้าหน้าที่เข้าคุกไปหลักแสนคนแล้ว ประเทศจีนเคยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่น มาก ถ้ามีผู้บริหารประเทศที่เอาจริงเอาจัง กล้าตรวจสอบอย่างไม่กลัวเส้นสายก็สามารถขจัดอิทธิพลได้ แต่สำหรับประเทศไทย เราเห็นหลายกรณี เช่น คดีบอสกระทิงแดง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังเต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์ เงินซื้ออำนาจ และทำให้คุณพ้นความผิดได้” นายปารเมศ กล่าว

ในส่วนของกระแสตอบรับของพรรคก้าวไกล นายปารเมศ กล่าวว่า สมัยอนาคตใหม่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราโดนขับไล่ โดนด่า แต่สมัยนี้ผมลงพื้นที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และยิ่งตนเป็นลูกหลานคนจีน เข้าหา นอบน้อมทำให้คนในพื้นที่ตอบรับดีมาก ประชาชนชอบ ส.ส.เจี๊ยบ ทิม พิธา พรรคก้าวไกลเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จัก

“มีบางพื้นที่มีคนที่เห็นเห็นต่างทางการเยอะ เช่น ป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่มีรากฐานจากพรรคประชาธิปัตย์ทำงานมานาน แต่กลยุทธ์เราก็ยังเดินเข้าไปหา เข้าไปแนะนำตัวเพราะ ผมเชื่อว่าคะแนนเสียงของประชาชนทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน” นายปารเมศ กล่าว

นายปารเมศ กล่าวด้วยว่า สำหรับสิ่งที่ต้องการผลักดันถ้าได้เป็น ส.ส. ปารเมศการเข้ามาของคนจีน สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับประเทศไทย ตนจึงอยากส่งเสริมให้พื้นที่กรุงเทพ เขต 1 และประเทศไทยให้ความสนใจกับประเทศจีน เพราะคนจีนที 1,400 ล้านคน มีคนจีนอยู่ทุกที่และมีกำลังซื้อสูงมาก การที่เราเรียนรู้ภาษาจีน และทำการค้าขายกับคนจีนมากขึ้นจะเป็นโอกาสดีถ้าประเทศไทยสามารถจับกระแสนี้ได้

‘ภูมิใจไทย’ ชูนโยบาย รักษามะเร็งฟรี แบ่งเบาทุกข์ของทุกคนในครอบครัว

(18 ม.ค. 66) หลังจากที่พรรคภูมิใจเปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นสมาชิกพรรคไปแล้ว พรรคภูมิใจไทยก็ได้เปิดตัวนโยบาย ‘รักษามะเร็งฟรี’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งเบาความทุกข์ของคนครอบครัว โดยระบุว่า

โรคมะเร็งถือเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่น่ากลัวไปกว่านั้นยังพบว่า มะเร็งมีโอกาสเกิดขึ้นกับคนอายุน้อยลงมากขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าโรคร้ายนี้ไม่มีใครอยากเป็น และไม่มีใครอยากให้โรคนี้เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก เพราะเมื่อเป็นแล้วไม่ใช่แค่ตัวผู้ป่วยเท่านั้นที่ทุกข์ใจ แต่ทำให้ทุกข์ใจทั้งบ้าน นอกจากในส่วนของอาการป่วยแล้ว บางบ้านยังต้องมาทุกข์ใจกับค่าใช้จ่ายในการรักษา จนถึงกู้หนี้ยืมสินมารักษาคนที่เรารัก ถือเป็นความทุกข์หลายต่อ

รวบแก็งกันน็อกแดงเขียวตระเวนลัก จยย.ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑลส่งเอเยนต์ออกนอก

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปรามแก็งโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ซึ่งตระเวนลักรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านซึ่งจอดรถอยู่บริเวณที่พักอาศัยและแหล่งชุมชนในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างหนักเป็นการสร้างความเดือดร้อนและกระทบการดำรงชีวิตของประชาชนทั่วไปอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. IDMB รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนในพื้นที่ย่านพหลโยธินและย่านบางเขน กรุงเทพฯว่าในห้วงตั้งแต่เดือน พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน พบแก็งมิจฉาชีพโจรกรรมรถจักรยานยนต์สร้างความหวาดวิตกกังวลแก่เจ้าของและ ผู้ครอบครองรถจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข จึงได้สั่งการให้ บก.สส.บช.น. เร่งรัดออกสืบสวนปราบปราม

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 เวลา ประมาณ 12.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.1 บก.สส.บช.น. และ ด.ต.อุทัย กิ่งแก้ว ผบ.หมู่ กก.สส.1ฯ ลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว และติดตามพฤติกรรรม เบาะแสและแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายซึ่งก่อเหตุในคดีนี้ โดยพบว่า คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์ตระเวนออกลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีตำหนิพิเศษโดยคนร้ายทั้งสองมักจะใส่หมวกกันน็อกสีเขียวและสีแดงออกตระเวนลักทรัพย์ฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้สืบสวนและจับกุมตัว

1.) นายเจษฏาพร หรือบอล ไพรเวหา อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 71/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม 2566  
2.) นายธรรมนูญ หรือแบงค์ เลิศชัย อายุ 20 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.บาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 72/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม 2566 
3.) นายพจน์ รุ่งแสง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 ม.8 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 

โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 ว่า รับของโจร
พร้อมยึดของกลาง
1. รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 2 คัน
2. รถจักรยานยนต์ที่ลักมาจำนวน 2 คัน
3. รถจักรยานยนต์จำนวน 6 คัน จากการตรวจสอบพบว่าได้แจ้งหายในพื้นที่ กรุงเทพฯ
3. เสื้อผ้า หมวกกันน็อก
4. อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุรวมทั้งสิ้นกว่า 25 รายการ

จับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 306 , 309 บ้านเลขที่ 29/44 แขวงคูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

‘บิ๊กป้อม’ ยัน พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่งานเปิดตัวนโยบายแรก ‘เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 บาทต่อเดือน’ 
ของพรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.อ.ประวิตรว่า พร้อมที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ 

‘ภูมิใจไทย’ ปรับเป้า ขอกวาด 5 ส.ส. เมืองคอน หลัง ‘อารี’ เดินสายถี่ยิบ ทำกระแสเริ่มมาแรง

‘อารี ไกรนารา’ นำทีมผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เดินหน้าเต็มสูบ พบปะประชาชนวันละหลายจุด หลัง กก.บริหารพรรคตั้งเป้าหมายชนะเลือกตั้งเพิ่มเป็น 5 เขต ยืนยันคะแนนนิยมดีวันดีคืน

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านโคกเลา หมู่ 6 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายอารี ไกรนรา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าทีมเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทีมงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ของนายณัฐกิตติ์ หนูรอด ว่าที่ผู้สมัคร โซนชะอวด-จุฬาภรณ์ ร่วมกันจัดกิจกรรม 'เหลียวหน้าแลหลัง พัฒนาบ้านเรา' เปิดตัวนายณัฐกิตติ์ หนูรอด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โซนนี้ของพรรคภูมิใจไทย จ.นครศรีธรรมราช โดยเชิญนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะที่เป็นคน ต.เคร็ง โดยกำเนิด มาร่วมปราศรัยทำความเข้าใจในกฎระเบียบการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นช่วงกลางปี 2566 มีประชาชนในพื้นที่หมู่ 6 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กว่า 200 คนเดินทางมาร่วมกิจกรรมและรับฟังการปราศรัยในแนวนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป 

ในขณะที่พื้นที่ อ.ชะอวด และ ต.เคร็ง ประกาศชัดเจนที่จะสร้าง ส.ส.ของคนพื้นที่เขตป่าพรุควนเคร็งด้วยกันเอง โดยการเลือกนายณัฐกิตติ์ หนูรอด จากพรรคภูมิใจไทยที่เป็นคน ต.เคร็ง อ.ชะอวด โดยกำเนิด และในวันเดียวกันนี้ได้มีการเปิดเวที 'เหลียวหน้าแลหลัง พัฒนาบ้านเรา' ในพื้นที่บ้านเสม็ดงาม หมู่ 8 ต.เคร็ง อ.ชะอวด อีกด้วยและมีประชาชนมาร่วมกิจกรรมกว่า 200 คนเช่นเดียวกัน

นายอารี ไกรนรา กล่าวว่า ตนได้ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติและย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 โดยได้รับความไว้วางใจจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้รับผิดชอบพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง และจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง พบว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีกระแสดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะนายณัฐกิตติ์ หนูรอด ว่าที่ผู้สมัคร เขต อ.ชะอวด ,จุฬาภรณ์ และบางส่วน อ.ร่อนพิบูลย์ 

ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยได้จัดประชุมว่าที่ผู้สมัครในภาคใต้ และสรุปว่าพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง และบางจังหวัดมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะชนะยกจังหวัด สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคตั้งเป้าว่าจะชนะการเลือกตั้ง 3 เขต แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครและตนลงพบปะประชาชนทั่วจังหวัดต่อเนื่องกว่า 1 เดือน และทางพรรคได้ทำโพลสำรวจพบว่าโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งมากถึง 6-7 เขต ทางผู้หลักผู้ใหญ่และคณะกรรมการพรรคจึงปรับการตั้งเป้าหมายที่จะชนะการเลือกตั้งเป็น 5 เขตจาก 9 เขตเลือกตั้ง

‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาว ‘นนทบุรี’ ลั่น!! ไม่สน พปชร. เพิ่มบัตรประชารัฐเป็น 700 บาท

(18 ม.ค. 66) เวลา 08.17 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และชาวคณะ นำทีมเยี่ยมประชาชนตลาดประชานิเวศน์ 3 นนทบุรี

อุ๊งอิ๊งกล่าวว่า เสียงตอบรับจากการลงพื้นที่วันนี้ดีมากมาก ได้รับการต้อนรับอบอุ่นอย่างอบอุ่นจากพี่น้องประชาชนตลาดประชานิเวศน์ 3 ก็มีคนบอกว่าอยากจะเลือกตั้งแล้ว ซึ่งก็ถือว่าสําหรับพรรคเพื่อไทยก็เป็นกําลังใจอย่างมาก ที่ทําให้เราอยากจะเดินสายหาเสียงต่อ เราพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีกว่าเดิม 

“นโยบายเราได้รับการตอบรับดีมาก ระหว่างเดินพบปะก็มีคนโชว์บัตรลายเซ็นต์ของท่านนายกทักษิณ ตั้งแต่ที่อยู่พรรคไทยรักไทย เห็นก็ชื่นใจมากมากนะคะ ที่พี่น้องประชาชนยังไว้ใจเรามายาวนานยี่สิบปีขนาดนี้ค่ะ แล้วก็ แน่นอนค่ะ เราจะไม่ทําให้พี่น้องประชาชนผิดหวังค่ะ” อุ๊งอิ๊งกล่าว

'ประชาธิปัตย์' เล็งกวาด 3 ที่นั่งในพื้นที่สกลนคร หลังอดีต 'ส.ส.สาคร' มั่น!! นโยบายพรรคโดนใจปชช.

อดีต ส.ส.สกลนคร 'สาคร พรหมภักดี' มั่นใจ ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะปักธงได้ถึง 3 คน หลังพรรคประกาศ 8 นโยบายโดนใจประชาชน

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) นายสาคร พรหมภักดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จังหวัดสกลนคร กล่าวเปิดใจถึงการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคฯ ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ พบปะ พูดคุยกับประชาชน ได้เห็นถึงการตื่นตัว และพึงพอใจในนโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย เพื่อมาลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฎรในนามพรรคประชาธิปัตย์

“ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กับการเดินสายพบปะประชาชนพื้นที่จังหวัดสกลนคร ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพรรคประกาศนโยบาย 8 ด้านออกมานั้น โดยเฉพาะนโยบายชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี และการออกกรรมสิทธิ์ทำกิน ให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ รวมทั้งธนาคารหมู่บ้าน - ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท ที่มีความชัดเจนขึ้นนั้น เป็นที่พึงพอใจของประชาชนอย่างมาก และเชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน จะสามารถปักธงในพื้นที่จังหวัดสกลนครได้อย่างแน่นอน หลังพรรคประกาศนโยบายที่โดนใจประชาชน” นายสาครฯ กล่าว

ตำรวจ ปส. รุกหนักเด็ดปีกนักบิน 3 เครือข่าย สกัดยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวจับกุม 3 เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง โดยภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3, พ.ต.อ.ไพฑูรย์ งามลาภ ผกก.1 บก.สกส. และ พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยานนท์ ผกก.3 บก.สกส.  ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมในทุกมิติการทำงาน เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้บริเวณริมถนนทางหลวงชนบท หลักกิโลเมตรที่ 20 ต.เวียง อ.เทิง จว.เชียงราย ซึ่งก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้รับแจ้งว่าเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง กับพวก มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย  เพื่อนำไปพักคอยในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย ก่อนที่จะส่งต่อให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กพ 71X เชียงราย ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 11 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามจนได้พบรถยนต์ที่ได้รับแจ้งจริง และพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน บธ 78XX พะเยา ขับนำ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (คนขับหลบหนี) และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บน 31XX พะเยา (หลบหนี)  

สอบสวน ผู้ต้องหา อ้างว่า รู้จักกับ นายอ้าย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยหาญ ม.9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย ว่าจ้างตน 20,000 บาท  ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพ-71X เชียงราย เพื่อดูต้นทางสำหรับลักลอบลำเลียงยาบ้า โดยจะมีชายไม่ทราบชื่อโดยสารรถคันดังกล่าวไปด้วย ก่อนจะเดินทางเข้าไปเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห้อง A110 เพื่อรอกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกกลุ่มเดินทางมาถึง และขับรถดังกล่าวลำเลียงยาเสพติดไปตามเส้นทาง กระทั่ง นายใจฯ ถูกจับกุม เบื้องต้นตรวจยึดรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด), รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กพ 71X เชียงราย (ขับนำคุ้มกัน สำรวจเส้นทาง), โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  พร้อมตรวจยึดยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราใบกัญชาและตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษ DON’T WORRY BE HAPPY สีน้ำเงิน และ ยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราเลข 999 สีน้ำเงิน เคลือบเทียนไขสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง ถูกซุกซ่อนในรถกระบะ รวมยาบ้าทั้งหมด 3,500 มัด จำนวน 7,000,000 เม็ด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” 

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.และ บก.ขส. ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายมานพ (สงวนนามสกุล) ภูมิลำเนา ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก ได้บริเวณป่าข้างทางริมถนนหมายเลข 33 หลัก กม.ที่ 52-53 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่านายมานพฯ กับพวก มีพฤติการณ์ ร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้า ในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในวันที่ 10-13 ม.ค.66 จะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก และรถยนต์บรรทุก TOYOTA  สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1ฒท 82XX  กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะที่จะใช้ในการนำทาง, สำรวจด่านตรวจ และลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังสกัดกั้นตลอดเส้นทาง ถนนสายหลัก ถนนสายรอง และเส้นทางเชื่อมต่อที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด ในเขตพื้นที่ จว.นครสวรรค์, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเวลา 21.30 น. ของวันที่ 12 ม.ค.66 สามารถสกัดกั้นรถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ไว้ได้ หลังพบวิ่งตามถนนเลียบคลองชลประทาน ทิศทางมุ่งหน้า อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา แต่ระหว่างตรวจค้นจับกุม ผู้ขับขี่ รถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ ได้อาศัยจังหวะเร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปได้ เบื้องต้น ตรวจยึดยาบ้า 604 มัด รวมจำนวน  1,208,000 เม็ด  และ ยึดรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก (ใช้ขับนำทาง/สำรวจด่านตรวจ), รถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 1ฒท 8296 กรุงเทพมหานคร (ยึดได้ที่หน้าร้านหน้าสะดวกซื้อ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาหลบหนี),โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

'อุ๊งอิ๊งค์' ย้ำแนวทางแลนด์สไลด์ เพื่อหนุนนโยบาย พท. ชี้!! ยังเร็วไป หากจะรับไมตรีที่ 'ลุงป้อม' ทอดสะพาน

'ชลน่าน-แพทองธาร' นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เดินตลาด สอบถามปัญหาเศรษฐกิจ ด้าน 'อุ๊งอิ๊งค์' ไม่สน 'พปชร.' ให้บัตร 700 เย้ยกลับค่าแรงเพื่อไทยทำได้จริง พร้อมกั๊กจับมือขั้ว 'บิ๊กป้อม' หลังเลือกตั้ง

(18 ม.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค พท., น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นนทบุรี ร่วมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี โดยมีพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดสดนนทบุรี ให้กำลังใจต้อนรับเป็นอย่างดี

จุดแรก นพ.ชลน่าน พร้อม น.ส.แพทองธารและคณะเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อเสือ ที่พุทธสถานเชิงท่า-หน้าโบสถ์ เพื่อความเป็นศิริมงคล โดยมีนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ให้การต้อนรับและพาชมสถาปัตยกรรมบริเวณโดยรอบ จากนั้นได้เดินทางมาที่ตลาดกรมชลประทาน พบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ที่ทำมาค้าขายภายในพื้นที่

น.ส.แพทองธารพร้อมคณะได้สอบถามถึงการค้าขายและภาวะเศรษฐกิจกับแม่ค้าร้านขนมครก ปาท่องโก๋ ร้านขายไข่ไก่และร้านผักสด รวมทั้งให้กำลังใจอวยพรให้ค้าขายดี ซึ่งนายมนัส พ่อค้าเจ้าของแผงผักในตลาดกรมชลประทาน กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมา คนจนไม่เคยได้อะไรเลย คนรวยมีแต่รวยเอา ขอฝากให้พรรคเพื่อไทยได้ช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วย ปีนี้รับรองได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์แน่นอน น.ส.แพทองธาร รับปากพ่อค้ารายดังกล่าว พร้อมนำเสนอนโยบายที่จะช่วยยกระดับชีวิตให้ประชาชน

ต่อมาคณะ พท.ได้เดินพบปะพูดคุยกับ พี่น้องประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดประชานิเวศน์ 3 เพื่อสอบถามปัญหาราคาสินค้า ในปัจจุบัน โดย น.ส.แพทองธารได้สอบถามและให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า ในตลาดเกี่ยวกับราคาสินค้า และยอดขาย ซึ่งบรรยากาศมีพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนได้เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ ทั้ง 2 ตลาดพบว่า ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนอย่างอบอุ่น พี่น้องประชาชนรู้สึกทนไม่ไหว อยากเลือกตั้งแล้ว ถือเป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทยอยากเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนต่อไป เพื่อยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้พี่น้องประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยตลอดเส้นทางในการลงพื้นที่ในวันนี้พบว่าพี่น้องประชาชนให้การตอบรับให้กับนโยบายของเราเป็นอย่างดี โดยสองข้างทางมีป้ายประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค โดยเฉพาะข้อความที่ว่า นโยบายดี ๆ ใครก็พูดได้ แต่คนที่ทำได้คือพรรคเพื่อไทย รวมถึงมีพี่น้องประชาชน นำเอาบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่มีลายเซ็น ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรู้สึกชื่นใจที่พี่น้องประชาชนไว้ใจเรามาอย่างยาวนานขณะนี้กว่า 20 ปี แน่นอนว่าเราจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพ พปชร. เปิดนโยบายแรก ลั่น ได้จัดตั้ง รบ. เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการทันที 700 ต่อเดือน

‘พปชร.’ คึกคัก ‘บิ๊กป้อม’ เปิดนโยบายแรก ชู เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทย ค่าแรง 600 บาท ยัน พร้อมสานสัมพันธ์ทุกคน ลั่น พร้อมเป็นนายกฯถ้าประชาชนเลือก

เมื่อเวลา 14.30 น. (17 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาเกือบทั้งหมด ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม 

เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค  ส.ส.รวมถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ขณะที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคและโดยรอบพรรค ได้ติดป้ายสโลแกน และป้ายนโยบายบัตรประชารัฐ เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีนโยบายที่เตรียมหาเสียง ครอบคลุม 16 ด้าน โดยชูนโยบายที่เป็นไฮไลต์ “บัตรประชารัฐ เพิ่มเงิน-เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน เป็นการสานต่อนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับประชาชนไปใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการเป็นค่าโดยสารรถสาธารณะ ค่าสาธารณูปโภค ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้าและน้ำประปา ขณะที่นโยบายด้านอื่นจะทยอยแถลงเป็นระยะ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ นโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย

“ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข" พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ 

พล.อ.ประวิตร ประกาศว่า พร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

“เนื่องจากพรรคพปชร.ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน  สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น”พล.อ.ประวิตร กล่าว 

เปิดนโยบาย 4 พรรคการเมืองใหญ่ ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ปชช.

เชื่อว่าช่วงนี้ทุกท่านคงจะเห็นพรรคการเมืองเริ่มรุกกำหนดนโยบายหาเสียงกันแล้ว มีตั้งแต่นโยบายเล็ก ๆ ไปจนถึงนโยบายใหญ่ ๆ ซึ่งวันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพาทุกท่านไปดูว่า พรรคการเมืองพรรคไหนบ้างที่มีนโยบายสนับสนุนปากท้องประชาชน

ขอเริ่มต้นที่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ได้กำหนดนโยบายออกมาคือ ‘เศรษฐกิจประชารัฐ’ คือการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ย้ายแรงงานภาคการเกษตรไปยังภาคอุตสาหกรรม-ภาคของเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมมากขึ้น แล้วก็ส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมในเรื่องของการที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผ่านกองทุนต่าง ๆ หรือรูปแบบอื่นใดก็ตาม 

ต่อมา ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคนี้ได้ประกาศแคมเปญรณรงค์การเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ซึ่งทางพรรคก็เคลมว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในปี 2570 ซึ่งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจปากท้องประชาชน คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ปี 2570 พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศเติบโตอย่างต่ำเฉลี่ยร้อยละ 5% ต่อปี ช่องว่างความเหลื่อมล้ำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวคิด ‘รดน้ำที่ราก’ เพื่อให้ต้นไม้งอกงามได้ทั้งต้น ทั้งที่น้ำมีจำกัด

พรรคถัดมาคือ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ พรรคนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคไว้คือ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ ซึ่งมีนโยบายเสริมปากท้องประชาชนคือ 

1. การประกันรายได้ ซึ่งก็คือการประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด โดยรายละเอียดของการต่อยอดโครงการประกันรายได้นั้นจะเน้นในส่วนของเงินส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกร

2. ให้เงินอุดหนุนกลุ่มประมง ซึ่งในไทยมีกลุ่มประมงกระจายอยู่ทั่วประเทศ 2,800 กว่าแห่ง กลุ่มประมงเหล่านี้คือกลุ่มประมงที่เป็นฐานรากของประเทศ ดังนั้นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างความเข้มแข็งในฐานราก ก็คือการให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปีทุกกลุ่ม ทั้ง 2,800 กว่ากลุ่ม 

ต่อมา ‘พรรคภูมิใจไทย’ ซึ่งพรรคนี้ได้กำหนดนโยบายออกมา 2 นโยบายที่สนับสนุนปากท้องท้องประชาชน ได้แก่

‘สืบสวน ตม.1 - สันติบาล’ บุกรวบแก๊งแรงงานเถื่อน พร้อมพบต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองถูกกักขัง 7 ชีวิต

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.ปิยอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้บูรณาการกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ประชุมสืบสวน หาข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ และความผิดอาญา จนได้รับข้อมูลเชิงลึก จากสายข่าว (ขอปกปิดนาม) ว่ามีคนต่างด้าวกลุ่มหนึ่ง ได้นำคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา ชาย-หญิง จำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนและอาจมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ในสถานที่พักแห่งหนึ่งมีลักษณะเป็นห้องเช่าสองชั้นในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ข้อมูลตามแนวทางการสืบสวน จนสืบทราบว่าสถานที่นำคนต่างด้าวไปกักขังนั้น
อยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้รายงานข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ 

พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 (ชุดปฏิบัติการสืบสวน ๒) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ สืบสวน บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดตามอำนาจ หน้าที่ เมื่อไปถึงพบสถานที่พักดังกล่าวฯ ลักษณะเป็นห้องพักให้เช่าสูง 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องพัก 4 ห้อง ชั้นบนมีห้องพัก 5 ห้อง ซึ่งห้องพักเป้าหมายที่คาดว่าได้มีการนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมามาหลบซ่อนและกักขัง หน่วงเหนี่ยวคนต่างด้าวน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่าง ซึ่งจากการสังเกตมีห้องพักห้องหนึ่งต้องสงสัยมีแม่กุญแจล็อกอยู่บริเวณด้านนอก แต่จากการสังเกตพบว่าด้านหน้าประตูมีรองเท้าวางอยู่หน้าห้องจำนวนหลายคู่และมีเสียงพูดคุยสำเนียงเป็นภาษาเมียนมาออกมาจากด้านใน คาดว่าน่าจะมีคนต่างด้าวถูกกักขังอยู่ด้านในห้องพักดังกล่าวฯ 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนในเวลาต่อมาพบ นายชิ ทูย โช (Mr.Si Thu Soe) อายุ 45 ปี สัญชาติเมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 1) และ นายขาน ไม โก โก (Mr.Chan Myae Ko Ko) อายุ 29 ปี สัญชาติ เมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 2) (ทราบชื่อภายหลัง) ได้เดินมาที่ห้องพักและได้ใช้กุญแจไขห้องพัก เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงบัตรประจำตัวให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงให้เปิดประตูห้องพัก ปรากฎว่าพบคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน เป็นผู้หญิง 2 คน อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จากการสอบถามผ่านล่าม คนต่างด้าวชาวเมียนมาผู้เสียหายทั้ง 7 คน ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ถูกผู้จับที่ 1-2 เป็นผู้ร่วมกันนำคนต่างด้าวจำนวน 7 คน มาพักที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 คนได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 7 ที่รอยต่อชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.66 เพื่อจะมาทำงานโดยคิดค่าดำเนินการรายละ 2,500,00 จ๊าด (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 บาท) แต่ผู้เสียหายมีเงินไม่พอ ผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 จึงกักขังผู้เสียหายไว้ เป็นเวลา 9 วัน จนกระทั่งเจ้าหน้าชุดจับกุมมาพบ

‘กานต์กนิษฐ์’ เปิดใจหลังย้ายซบ ‘เพื่อไทย’ ชี้!! ขอเลือกทำงานกับพรรคที่สบายใจ

(16 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีตส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครส.ส.กทม.เขต 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดใจที่ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า ตนเลือกอยู่กับพรรคที่ทำงานแล้วสบายใจ มองว่าที่พื้นที่กทม.เขต 1 เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ มีพ่อค้าแม่ค้าทำธุรกิจค้าขายเป็นจำนวนมาก นโยบายของพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะช่วยพี่น้องประชาชนได้ เศรษฐกิจในพื้นที่จะดีขึ้น 

ทั้งนี้ การย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย อาจจะทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รู้สึกสับสน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจและชี้แจงแนวทางที่ตัดสินใจมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.ก็ทราบเรื่องที่ตนย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ว่าอะไร ยืนยันว่าจะรักษาเก้าอี้ในพื้นที่ไว้ได้ เนื่องจากตนเป็นนักการเมืองมานาน ที่ผ่านมาก็ทำพื้นที่มาตลอด ขอให้ประชาชนมั่นใจ จะทำให้ดีที่สุด

‘ชาติพัฒนากล้า’ ดันนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ชี้!! ทำได้ง่ายไม่เปลืองภาษี - คนไทยได้ประโยชน์ 5.5 ล้านราย

‘กรณ์ - อรรถวิชช์’ ใส่เต็มแม็กซ์ ออกนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เปิดหน้ารื้อระบบสินเชื่อไทย ได้ประโยชน์ทันที 5.5 ล้านคน ชาวบ้านร่วมแชร์ประสบการณ์ ตกนรกทั้งเป็นเพราะแบล็กลิสต์ หมดโอกาสทำกิน เตรียมเปิดนโยบายอีกเป็นชุดเร็ว ๆ นี้

(16 ม.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดแรก ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ที่มีการติดป้ายนโยบายนำเสนอต่อประชาชนในพื้นที่ไปแล้ว และยืนยันว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยติดแบล็กลิสต์จริง พร้อมนำผู้ติดแบล็กลิสต์กว่า 10 ชีวิต มาร่วมแถลงในครั้งนี้ด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภาระหนี้สินประชาชนเป็นปัญหามาเรื้อรังและสาหัสขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงขึ้น ซ้ำเติมด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ซึ่งตนเองได้ต่อสู้กับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 52 สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกนโยบายแก้หนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 5 แสนราย และติดตามสถานการณ์หนี้สินของประชาชนมาต่อเนื่อง แต่เรื่องหนี้สินยังเป็นปัญหาเรื้อรังมาตลอด วันนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจึงออกนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินภาษีแม้แต่บาทเดียว ด้วยการรื้อระบบเก็บข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้ระบบ Credit Scoring หรือวิธีประเมินสินเชื่อตามจริงแทน

“ผมยืนยันนะครับว่า ระบบเครดิตบูโรยังจำเป็นต้องมี มันเป็นวินัยทางการเงิน แต่รอบหลายปีที่ผ่านมา เรื่องแบล็กลิสต์ยังเป็นปัญหาสำคัญ ที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ที่บอกว่าแบล็คลิสต์ไม่มีจริงนั้น ถามคนติดแบล็กลิสต์สิครับพวกเขาหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะถูกปฏิเสธการกู้ยืมเงินในระบบ ต้องแบกภาระหนี้สินที่หนักอึ้ง ต้องทำงานไปจ่ายหนี้นอกระบบไป และตราบใดที่ยังไม่หลุดจากแบล็กลิสต์ ก็ยังกู้หนี้ไม่ได้ เราจึงเสนอให้ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ เปิดให้เครดิตบูโรนำข้อมูลทุกชนิด ที่บ่งบอกสถานะที่แท้จริงของตัวผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ประวัติทางการเงินที่เป็นบวกมาร่วมพิจารณาด้วย ที่เรียกว่าระบบ Credit Scoring ไม่ใช่เอาแค่ข้อมูลที่เป็นลบมาพิจารณาเพียงอย่างเดียว และนโยบายนี้ไม่ต้องใช้ภาษีเพิ่ม อาศัยเทคโนโลยีและข้อมูลที่เป็นธรรมในการปล่อยกู้ ให้ประชนกลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง นี่คือนโนบายของพรรคชาติพัฒนากล้า” นายกรณ์​ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า ไม่มีนักรบใดไม่มีบาดแผล คนทำธุรกิจกับการขอสินเชื่อเป็นเรื่องคู่กันอยู่แล้ว แต่ระบบการจัดเก็บข้อมูลเครดิตของบ้านเรา เพื่อให้ธนาคารไปวิเคราะห์ มันไม่ยุติธรรม คนตัวเล็กทำมาหากิน มีรอยบาดแผลติดแบล็กลิสต์ แม้หาเงินกลับมาใช้หนี้ได้ สถานะการเงินกลับมาปกติแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมากู้สินเชื่อปกติหรือสินเชื่อธุรกิจที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 7 ได้ ต้องไปหมุนใช้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโน ซึ่งสินเชื่อกลุ่มนี้ดอกเบี้ยสูงมาก เริ่มตั้งแต่ร้อยละ 16-33 ต่อปี บางรายต้องไปยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งดอกเบี้ยโหดกว่านี้อีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้เป็นความผิดปกติที่ชัดเจนที่สุด ผลักให้คนไทยต้องเข้าสู่ระบบสินเชื่อ ที่ดอกเบี้ยสูงเกินจริง ซึ่งเป็นเหตุจากความไม่ยุติธรรมในระบบการปล่อยสินเชื่อ และตอนนี้มีคนติดแบล็กลิสต์ราว 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีถึง 3.2 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เพิ่ม 45 คน คาด!! เปิดตัวครบ 400 เขตภายในต้นเดือนก.พ.

(16 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค แถลงเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ภาคเหนือ กทม. อีสาน กลางและใต้อีก 45 คน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคำนึงถึงเรื่องนี้ที่จะบอกกับประชาชนว่าเราพร้อม วันนี้เรามีว่าที่ผู้สมัคร 45 คนที่เราจะประกาศเป็นว่าที่ผู้สมัคร โดยส่วนที่เหลือเราจะประกาศตัวให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้หรือไม่เกินต้นเดือนก.พ. โดยว่าที่ผู้สมัครที่เราจะประกาศเป็นบุคลากรที่มีความมั่นใจ ว่าเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคัดเลือกมาเป็นผู้สมัครเพราะเข้าใจในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของพรรคเพื่อไทยและผู้สมัครก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเรา เลือกเพื่อไทยให้กลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อจะนำเอาความฝัน ความหวังมาสู่พี่น้องประชาชนอีกครั้ง

นายประเสริฐ​ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ พรรคเพื่อไทยถือฤกษ์ในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. หลังจากนี้เราจะได้ทยอยเปิดตัวไปเรื่อย ๆ จนครบ 400 เขต ในการเปิดตัววันนี้จะส่งผลให้การเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ไปแตะเกือบ 90% ฉะนั้นจะเหลืออีกแค่ประมาณ 10% หรืออีก 40-50 คน ที่เราจะเปิดตัวสัปดาห์แรกของเดือนก.พ. เพื่อสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ให้เกิดทั้งประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

สำหรับรายชื่อผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 45 คน แบ่งเป็น 

กทม. จำนวน 6 คน 
1.น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 
2.นายภัทร ภมรมนตรี 
3.นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน 
4.นายธกร เลาหพงศ์ชนะ 
5.นายเกรียงไกร จงเจริญ 
6.นายอารุม ตุ้มน้อย

ภาคอีสาน ได้แก่ 
จ.กาฬสินธุ์ 
1.นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล 
2.นายพีระเพชร ศิริกุล 
3.นายประเสริฐ บุญเรือง 

จ.ขอนแก่น 
1.น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ 
2.นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข 
3.น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ 

จ.นครพนม 
1.นายไพจิต ศรีวรขาน 
2.นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ 

จ.บึงกาฬ 
1.น.ส.ภัทรพร ราชป้องขันธ์ 
2.นายไตรรงค์ ติธรรม 

จ.มุกดาหาร 
1.นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์ 

จ.สกลนคร 
1.น.ส.จิรัชยา สัพโส
2.น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล 

จ.หนองบัวลำภู 
1.นายณพล เชยคำแหง 

จ.อุดรธานี 
1.นายศราวุธ เพชรพนมพร 
2.นายอนันต์ ศรีพันธุ์ 
3.นายขจิตร ชัยนิคม 
4.นายกรวีร์ สาราคำ 
5.นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ 
6.นายธีระชัย แสนแก้ว 
7.นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม 
8.นางเทียบจุฑา ขาวขำ 
9.นายวัชรพล ขาวขำ 

จ.มหาสารคาม 
1.นายรัฐ คลังแสง

ภาคใต้ ได้แก่ 
จ.นครศรีธรรมราช 
1.น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top