Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรหลอกลวงประชาชนในช่วงยื่นภาษีประจำปี

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ฉวยโอกาสใช้สถานการณ์ต่างๆ สร้างความน่าเชื่อ มาก่อเหตุหลอกลวงประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้...

ตามที่ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาให้ประชาชนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) ซึ่งมิจฉาชีพก็จะฉวยโอกาสในช่วงเวลาดังกล่าว แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ติดต่อไปยังประชาชนหลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงเป็นขบวนการ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) หรือส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกให้กดลิงก์แอดไลน์เพิ่มเพื่อน แล้วให้ติดตั้งโปรแกรมของกรมสรรพากรปลอม หรือแอปพลิเคชันกรมสรรพากรปลอม หรือให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงิน โดยอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อเป็นการตรวจสอบรายได้ของท่าน หรือแจ้งเตือนให้ท่านชำระภาษี หรือให้ทำการยกเลิกเสียภาษีจากโครงการคนละครึ่ง หรืออ้างว่าสามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ผ่านแอปพลิเคชันกรมสรรพากรปลอมดังกล่าว นอกจากนี้แล้วมิจฉาชีพยังมีการใช้สัญลักษณ์ของสรรพากร และเอกสารราชการปลอม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชาผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า รูปแบบการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมิจฉาชีพจะใช้วิธีการเดิมๆ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปตามสถานการณ์ หรือวันเวลาให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ เช่น ช่วงที่มีภัยพิบัติธรรมชาติ ก็อาจจะสร้างเรื่องมาหลอกรับเงินบริจาค หรือช่วงที่มีข่าวการชำระค่าปรับจราจร ก็จะสร้างเรื่องมาข่มขู่ว่าถ้าไม่ชำระจะถูกออกหมายจับดำเนินคดี มิจฉาชีพมักจะอาศัยความไม่รู้ ความโลภ ความกลัว ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง โดยยืนยันทุกคนทุกวัยสามารถตกเป็นเหยื่อได้หมด อย่างไรก็ตาม บช.สอท. ยังคงมุ่งมั่นปราบปราม กดดัน จับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอฝากไปยังภาคประชาชนช่วยแจ้งเตือน ซึ่งกันและกัน หรือรายงานไปยังหน่วยงานรัฐ หากพบแอปพลิเคชันปลอม หรือลิงก์ปลอมน่าสงสัย เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

'สกลธี' ชูแนวคิด 'พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ' จับมือ 'นฤมล' นำ พปชร.สู้ศึกเลือกตั้ง ยึดเมืองหลวง

'สกลธี' รีเทิร์น พปชร. นำแถลงเปิดตัว 30 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 24 ม.ค.นี้ ชูแนวคิด ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ’ ไม่ขายฝัน ทุกนโยบายทำได้จริง จับมือ ‘นฤมล’ นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง

(23 ม.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 24 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะร่วมในงานเปิดตัวครั้งนี้ นำโดยนายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ภายใต้สโลแกน ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ ไม่ขายฝัน ทุกนโยบาย ทำได้จริง’ ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ประมาณ 30 คน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 เขตจะทยอยเปิดหลังจากนี้

ส่อง!! เฟซบุ๊กพรรคการเมืองไทยที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

วันนี้ THE STATES TIMES พามาส่องเฟซบุ๊กเพจของพรรคการเมืองไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนในยุคดิจิทัลว่าแต่ละพรรคมีผู้ติดตามกันมากน้อยขนาดไหน
 

‘ชวลิต’ ลาเพื่อไทย เตรียมย้ายซบ ‘ไทยสร้างไทย’ ยก ‘หญิงหน่อย’ เป็นผู้นำพาไทยหลุดพ้นความขัดแย้ง

(23 ม.ค. 66) เวลา 8.30 น. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม เขต 4 (อ.นาแก อ.ปลาปาก และ อ.วังยาง) แถลงข่าวลาออกจากพรรคเพื่อไทย ที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีทีมงาน และประชาชนในพื้นที่มาร่วมรับฟังจำนวนมาก หลายคนพกข้าวปลาอาหาร และดอกไม้ มาให้กำลังใจ 

นายชวลิต กล่าวว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 โดยไม่มีปัญหาส่วนตัวใด ๆ ในพรรคเพื่อไทย และยังคงให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ของพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึง 2 อดีตนายกรัฐมนตรีเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ตกผลึกความคิดทางการเมืองว่า นับจากปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี การเมืองประเทศไทยยังอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้ง แบ่งเป็นฝัก เป็นฝ่าย ทำลายล้างกัน จนประเทศตกหล่ม ถอยหลังเข้าคลอง วิ่งตามเพื่อนบ้านไม่ทัน และประชาชนยากจนลงแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น

พรรคการเมืองที่เคยสังกัดถูกยุบ 2 ครั้ง ถูกปฏิวัติ 2 ครั้ง รัฐมนตรีของพรรคต้องโทษจำคุกแล้วกว่า 10 คน และยังมีอีกหลายคนที่ต่อคิวเพราะคดีความยังไม่สิ้นสุด ตนเห็นว่าการยุบพรรคการเมืองและการรัฐประหารเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยิ่งกระทำกับพรรคการเมืองที่ตนเคยสังกัด ยิ่งทำให้ความขัดแย้งฝังรากลึก ต่อเนื่อง ยาวนาน ดังนั้น ตนเองจึงตกผลึกทางความคิดว่า ต้องหาพรรคการเมืองที่มีจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตย และต้องมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างการเมืองสองขั้ว เพื่อเป็นทางออกให้กับบ้านเมือง

‘ประชาธิปัตย์’ ชู นโยบายเป็นไปได้ - ทำได้จริง สู่หมุดหมายทวงคืนเก้าอี้ 3 จ.ชายแดนใต้

ประชาธิปัตย์กับสามจังหวัดชายแดนใต้ นโยบายที่เป็นไปได้ ทำได้จริง ไม่วาดฝันแค่ช่วงเลือกตั้ง

‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องย้ำหลายครั้งถึงความอุดมสมบูรณ์ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่มีปัญหาความไม่สงเรียบร้อย จึงต้องการให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคลังอาหารของภาคใต้ นอกจากภาคพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว มีสองจังหวัดที่ติดทะเล คือปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งทางทะเลก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน และยังมีเป้าหมายในการ ‘สร้างสันติภาพให้เกิดสันติสุข’

การเลือกตั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อย มีเพียงครั้งที่ผ่านมา ที่สูญเสียที่นั่งส่วนใหญ่ไป ได้มาเพียงคนเดียว คือ ‘อันวาร์ สาและ’ จังหวัดปัตตานี โดยสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี ส.ส.ได้ 11 คน พรรคประชาชาติได้ไป 6 คน พรรคพลังประชารัฐ 3 คน ประชาธิปัตย์ 1 คน และภูมิใจไทย 1 คน การเลือกตั้งครั้งหน้ามี ส.ส.เพิ่มมา 1 คน เป็น 12 คน ยะลา 3 ปัตตานี 4 และนราธิวาสเพิ่มมา 1 คน เป็น 5 คน

สำหรับ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ นอกจากจะมีนโยบายใหม่ เช่น ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ โดยภาพรวมแล้ว ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ หัวหน้าพรรค ยังเลือกที่จะใช้นโยบายเดิมที่เป็นนโยบายซึ่งทำได้จริงที่เคยประสบความสำเร็จ และเสริมนโยบายใหม่ ๆ ทันสมัย และทำได้จริงเข้าไปและถึงมือประชาชนจริง เช่น นโยบายการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตรของเกษตรกร และจะขยายขอบเขตของการประกันรายได้ไปสู่อาชีพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เกษตรกรด้วย

‘ประชาธิปัตย์’ เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนและต่อเนื่อง ไม่ใช่มีนโยบายเฉพาะกิจในช่วงหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง หวือหวาในช่วงหาเสียง แต่ยังไม่รู้ว่าทำได้จริงหรือไม่ เอางบประมาณมาจากไหน แต่เป็นนโยบายที่วางเป็นรากฐานของการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี เช่น โครงการนมโรงเรียน โครงการอาหารกลางวัน เงินกู้ กยศ. และอีกหลายโครงการที่แยกย่อยลงมาในกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อครั้งที่คนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นรัฐมนตรี

หรือโครงการ อสม. เงินผู้สูงอายุ ยกระดับสถานีอนามัย 10,000 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. เมื่อครั้งที่ ‘จุรินทร์’ คนของประชาธิปัตย์เป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุข

ประชาธิปัตย์ก้าวย่างเข้าไปในกระทรวงไหน ก็จะเข้าไปเป็นผู้วางรากฐาน ที่เป็นนโยบาย เพื่อให้เกิดความมั่นคงที่คนของพรรคการเมืองอื่น เมื่อเข้าไปเป็นเจ้ากระทรวงจะได้สานต่อทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น เพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม. และเพิ่มเงินผู้สูงอายุ และอื่น ๆ ที่ ‘ประชาธิปัตย์’ เป็นผู้ทำเอาไว้ และไม่มีโครงการไหนที่ประชาธิปัตย์ทำไว้แล้วถูกยกเลิก

นโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ในการเลือกตั้งสมัยที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มี ส.ส.เพียงคนเดียวใน จ.ปัตตานี กับอีก 3 คนของ จ.สงขลา แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ละเลยในการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องของความยากจนของคนใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมกับเดินหน้าสรรหาคนเลือดใหม่เข้ามาเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้น จะต้องมี ส.ส.ทุกจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

‘ลุงหนู’ ลั่น!! แนวทาง ภท. ‘ไม่พูด-ด้อยค่า’ นโยบายพรรคอื่น ชี้!! ถ้านโยบายของใครเป็นประโยชน์ พร้อมสนับสนุน

‘อนุทิน’ โว!! กระแส ‘ลุงหนู’ ไม่แพ้ ‘ลุงตู่-ลุงป้อม’ มั่นใจ ปักธง กทม. ลั่น!! ภท.พร้อมเสนอตัวแก้ปัญหาคนกรุง ยัน!! นโยบายค่ารถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาท ศึกษามาดีแล้ว แทงกั๊ก!! จับขั้วการเมือง ชี้!! ให้รอผลเลือกตั้งก่อน 

(23 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าว เราได้ปราศรัยนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยจัดทำ เวลาพูดอะไรไป ประชาชนก็ชอบใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นถูกใจเขา และจะลงไปพื้นที่อื่นด้วย เพราะเราตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

ถ้าถามว่าคาดหวังเขตไหน ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความแข็งแรง ความขยัน และความเป็นที่นิยมของผู้สมัคร ในแต่ละเขต เราจะทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถปักธงได้ใน กทม. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจ ต้องมั่นใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองสำคัญ ซึ่งเราทำประโยชน์ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ไปแล้ว เหลือแต่กรุงเทพฯ ที่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มี ส.ส. จึงอยากเสนอตัวเข้ามา เพราะถ้าเรามี ส.ส.ของเราเอง ก็คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างได้ ในรูปแบบการร่วมมือทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่ไปแข่งหรือแย่งกันทำงาน เพราะกทม.มีผู้ว่าราชการกรุงเทพ อยู่แล้ว เราก็แค่มาเสริม แบ่งเบาภาระ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคอื่นก็ต้องการปักธง ส.ส.ใน กทม. เช่นเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะใช้ผลงานในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และได้ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ครั้งที่แล้วออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย และเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ชอบและไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้ แต่เชื่อว่าการทำงานและทำนโยบายให้ครบถ้วนจะทำให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด และแนวทางของพรรคภูมิใจไทย เวลาหาเสียง เราจะไม่พูดถึงพรรคอื่น ไม่ได้ด้อยค่านโยบายของใคร และถ้านโยบายของพรรคอื่นเป็นประโยชน์ ก็ควรสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกคนปรารถนาดีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง และอุปสรรคใหญ่คือความขัดแย้ง การด้อยค่าและการพูดจาเสียดสีกันเป็นสิ่งที่คนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนไม่ควรทำ และถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน จะหาความร่วมมือกันได้อย่างไร 

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่านโยบายเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอแล้ว จะซื้อใจคนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เวลาที่พูดว่าค่าโดยสารจะไม่เกิน 40 บาท เราได้มีการศึกษาเรื่องการคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งมีต้นแบบ มีข้อมูล ไม่ใช่มาพูดเพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีแล้วมาเลือก คนที่บริหารบ้านเมืองมา 4 ปี ไปพูดชุ่ย ๆ ไม่ได้ แต่พูดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวประกอบ อาทิ มีการศึกษาราคาไม่เกิน 42-43 บาท เราก็หาวิธีการทำให้ราคาไม่เกิน 40 บาท เพื่อให้วิน-วินสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ประชาชนจะขึ้นโดยสารกี่รอบก็ได้ และผู้ประกอบการไม่ขาดทุน เพราะการทำระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชน จะคิดแต่ได้กำไรมากไม่ได้ ถ้าขาดทุนเล็กน้อยหรืออยู่ตัว แต่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องทำให้ เพื่อให้ประชาชนลดต้นทุนการดำรงชีวิต มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง

'กรณ์' มั่น!! นโยบายเศรษฐกิจชาติพัฒนากล้า ตอบโจทย์ ปชช. เผย 24 ม.ค. แถลงใหญ่ สะเทือนหลายวงการ 

(23 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงเหตุผลทำไมต้องลดภาษีให้คนทำงาน ที่เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ว่า มนุษย์เงินเดือนรวมไปถึงฟรีแลนซ์กว่า 4 ล้านคนที่เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ครึ่งหนึ่งหรือ 2 ล้านคนมีรายได้ตํ่ากว่าเดือนละ 40,000 บาท มีส่วนน้อยที่มีรายได้หลักแสนต่อเดือน ได้รับประโยชน์ เนื่องจากคนทำงานกลุ่มนี้เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสมอต้นเสมอปลายที่สุด ถึงเวลาที่เขาควรได้รับการช่วยเหลือ ด้วย 4 เหตุผลหลัก คือ...

1. ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัยหรือเงินผ่อนบ้านคอนโด หรือจะเป็นค่าเดินทาง ค่าผ่อนรถ ค่านํ้ามัน ค่ารถไฟฟ้า คนวัยทำงานมีภาระสองเด้ง คือเลี้ยงลูกเล็กและภาระดูแลผู้ใหญ่ในบ้าน ส่วนค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าประกันสุขภาพ ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ในขณะที่ภาระภาษีแทบไม่เคยปรับลดลง 

2. อัตราภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่ได้รับการปรับลดลงจาก 30% เป็น 20% มาแล้วกว่า 10 ปี เป็นเหตุให้เศรษฐีและผู้มีรายได้สูง เลือกที่จะมีรายได้ผ่านกำไรหุ้นและเงินปันผลมากกว่าผ่านการรับเงินเดือน ซึ่งคนทำงานที่เป็นลูกจ้างไม่มีทางเลือกนี้ 

3. รายได้รัฐเริ่มฟื้น โดยสำนักงบประมาณประมาณการว่ารายรับภาษีรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 270,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะลดภาระคนทำงาน (ซึ่งข้อเสนอของพรรคชาติพัฒนากล้ามีผลต่อรายได้ภาษี 21,000 ล้านบาทต่อปี) 

และ 4. พรรคที่ร่วมรัฐบาลมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 2 พรรคได้หาเสียงไว้ว่าจะลดภาษีเงินได้ แต่ไม่ได้ทำ 

นายกรณ์ ได้ยกตารางคำนวณเปรียบเทียบว่า เงินเดือนไม่เกิน 4 หมื่น ไม่เสียภาษี! สูงกว่านั้นก็คิดตามขั้นบันได ความหมายของเราคือรายได้พึงประเมินต่อปี หลังหักลดหย่อน 0-300,000 บาทแรก อัตราภาษีเป็น 0% พอปรับทอนกลับไปเป็นจำนวนเงิน คนที่รายได้สูงกว่า 4 หมื่นก็จะได้ปรับลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดเช่นกัน 

'พิธา' มั่นใจ ส่ง 'ปารเมศ' เข้าสภาฯ ได้แน่ ยัน!! ไม่จับมือ 'พรรคทหารจำแลง' จัดตั้งรัฐบาล

(22 ม.ค. 66) เวลา 17.00 น. ที่เยาวราช กทม. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยแกนนำพรรคนำทีม พานายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 1 ก้าวไกล ลงพื้นที่พบปะประชาชน ในย่านเยาวราช โดยนายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า เราส่งนายปารเมศ ลูกหลานคนเชื้อสายจีน มีความเข้าใจบริบทความต้องการพื้นที่นี่เราเคยได้ที่ 2 ตอนปี 62 ส่วนส.ก.เขตพระนครล่าสุดเราก็ได้รับความไว้วางใจมา เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งนายปารเมศ เข้าสู่สภาฯ ได้แน่นอน

เมื่อถามว่าส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม ย้ายไปสังกัดเพื่อไทยถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่มีเจ้าของประชาชน แข่งขันกันที่นโยบายว่าใครจะตอบโจทย์คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ย้ายพรรค มาจากพรรคไหน ต้องสู้เต็มที่เพื่อเอาประชาชนเป็นที่ตั้งให้ได้ 

'เสี่ยหนู' อ้อนคน กทม. ขอเปิดใจให้ 'ภูมิใจไทย' ชี้!! แม้ไม่มีฐานเสียงในเมืองกรุง แต่พร้อมดูแลรับใช้

(22 ม.ค.66) เวลา 17.30 น. ที่ชุมชนโรงปูน เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการมารับใช้พี่น้องประชาชน เป็นรัฐบาลมา 4 ปีแล้วได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ มาทั่วทุกภาคแล้ว และคิดว่าสิ่งที่เราทำมาถ้าเราสามารถนำมาเสริมในพื้นที่ กทม.ได้ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น แม้ว่าภท.จะมีฐานส่วนใหญ่อยู่ในต่างจงหวัด แต่คนต่างจังหวัดมาทำงานในกทม.เยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีพื้นที่และตัวแทนของเราในกทม. ก็จะได้ร่วมมือกัน โดยที่เรามีผู้แทนฯของประชาชนมาบอกว่าเราจะต้องทำอะไร ประชาชนต้องการอะไร เนื่องจากกทม.เป็นเขตบริหารพิเศษ เราก็ใช้ความสัมพันธ์การพึ่งพาระหว่างหน่วยงาน เช่น ภท. เรามีทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ซึ่งทั้ง 3 กระทรวงนี้ ถ้าเรามาเสริมให้ กทม.ได้มีเครือข่ายเพิ่มอีก 3 กระทรวง คนที่ได้รับประโยชน์คือชาวกทม คนเสียประโยชน์ไม่มี จะเห็นได้ว่าสถานการณ์โควิด เนื่องจากกทม.เป็นพื้นที่ใหญ่มาก แต่สถานพยาบาลมีไม่มาก ถ้าเราไม่ร่วมมือกันเหมือนที่ผ่านมา คนกทม.ก็จะมีอุปสรรคมากในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข แต่เมื่อมาร่วมมือกันได้เราก็จัดให้มีโรงพยาบาลสนามรายล้อมพื้นที่กทม.ทำให้ชาวกทม.เข้าถึงระบบสถานพยาบาลของรัฐในส่วนที่พรรคภท.ดูแลได้สะดวก 

“ในพื้นที่กทม.ส่วนใหญ่ที่เราสามารถเติมให้ได้ตามอำนาจ ตามกฎหมายของหน่วยงานที่เรากำกับดูแลอยู่เราก็จะเติมได้เลย ส่วนไหนที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้บริหาร ก็คือกทม. เราก็จะประสานให้ ไม่ใช่มาแย่งกันทำงาน ไม่ใช่มากั๊ก" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า ผู้สมัครในกทม.จะแตกต่างจากในพื้นที่อื่นอย่างไร เช่น กลยุทธในการหาเสียง นายอนุทิน กล่าวว่า ตนว่าผู้สมัครทั่วประเทศทุกคนสิ่งที่ไม่แตกต่างคือต้องการรับใช้พี่น้องประชาชน ดังนั้นเขาก็ต้องแสดงให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจ ในกรณีเขตห้วยขวาง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ว่าที่ผู้สมัคร จะเห็นได้ว่าเวลาอภิปรายในสภาฯ จะอภิปรายสิ่งที่เป็นสาระทั้งนั้นไม่เคยอภิปรายดูถูเหยียดหยามคนอื่น นำทุกข์สุขของประชาชนไปตีแผ่ในสภาฯ ซึ่งการอภิปรายเราก็ฟังตลอด เมื่อมีโอกาสเราก็คุยกัน ท่านเหล่านี้ก็ได้เห็นนโยบายพรรคภท.ได้เห็นผลงานของ ภท. สิ่งที่ภท.ทำมาตลอด 4 ปีซึ่งเป็นที่มาของสโลแกน พูดแล้วทำ ท่านก็คงเห็นว่าคนที่มาจากบ้านนอกแท้ ๆ อย่างภท.เขายังมาทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ จึงอยากให้เกิดสิ่งเหล่านี้ในกทม.บ้าง 

ครบรอบ 7 ปี มหพัสต์ ยังสุข ประธานสโมสร ปากน้ำ อะคาเดมี่ จัดเลี้ยงสังสรรค์ ครอบครัวนักเตะเยาวชนร่วมฉลอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในสนามฟุตบอลหญ้าเทียมเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายมหพัสต์ ยังสุข ประธานสโมสรปากน้ำ อะคาเดมี่ เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่างทีมผู้ปกครองของนักเตะน้องๆ หนูๆ รุ่นเยาวชน อายุตั้งแต่ 5 ปี ถึง 17 ปี ของทางสโมสรปากน้ำ อะคาเดมี่ ประจำปี 2566 ณ สนามหญ้าเทียมเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่

โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ในกลุ่มผู้ปกครอง อีกทั้ง ยังเป็นการพบประสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาเข้าร่วมรับการฝึกสอนทักษะ และฝึกความรู้เบื้องต้นของกีฬาฟุตบอลกับสโมสรปากน้ำ อะคาเดมี่ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บินด่วนแก้ปัญหาชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ หลังนายทุนปิดทางสัญจรกระทบชาวบ้านและนักท่องเที่ยว

จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 กลุ่มชาวบ้านและนักเรียนบนเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้รวมตัวกันประท้วงกลุ่มนายทุน เนื่องจากได้สร้างประตูปิดทางและนำสิ่งของมาวางขวางกั้นทางสัญจรซึ่งนักเรียนและชาวบ้านใช้ในการเดินทางเข้าออกโรงเรียนและสถานที่สำคัญหลายแห่งภายในเกาะ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบนเกาะในวงกว้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบปัญหา ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นประธานกรรมการ ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย อาทิเช่น กรมที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นต้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน

‘บิ๊กตู่’ ควง 'พีระพันธุ์' ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดเล่งเน่ยยี่ ท่ามกลางเสียงเชียร์ "นายกฯ สู้ๆ" จากประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของบรรดาพรรคการเมือง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ย่านเยาวราชว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 66 เป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ดอดมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 กทม. ก็มีกำหนดลงพื้นที่เยาวราชในเวลา 17.00 น. อีกทั้งนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็คงพื้นที่ด้วนเช่นกัน

และที่ต้องจับตาคือในส่วนของพรรครทสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ที่มีกำหนดลงพื้นที่ย่านเยาวราชในเย็นวันเดียวกันนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักผ่อนออกรอบตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นการส่วนตัว 

ทั้งนี้ พรรค รทสช. ได้แจ้งปรับเปลี่ยนกำหนดการเดิมของแกนนำพรรค ว่า เมื่อแกนนำมาเดินทางถึงเยาวราชพบกันที่จุดแรกที่นัดพบที่ I'm Chinatown ห้างและโรงแรมใกล้สถานี MRT วัดมังกร ได้เปลี่ยนเป็นพบกันที่ร้าน TORA CHA ในซอยตรงข้ามมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ซึ่งคาดว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เนื่องจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีกำหนดเดินทางมาจุดแรกด้วยเช่นกันในเวลา 17.00 น. รวมถึงในจุดที่สอง มีกำหนดการไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งตรงกับพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม เวลา 17.20 น.ได้มีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง โดยนายพีระพันธ์ุ และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำ รทสช. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. นำแกนนำและสมาชิกพรรค ไหว้ศาลเจ้าพ่อไต่ฮงกงก่อ จากนั้นนั้น แกนนำ รทสช. เดินทางมาเข้ามายังวัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขบวนหาเสียงของนายพีระพันธ์ุ สวนกับ ขบวนหาเสียงของนายพิธา ตรงปากประตูวัดเล่งเน่ยยี่ สบตากันไป ซึ่งสมาชิกของทั้งสองพรรค ได้ตะโกนเชียร์พรรคตัวเองอย่างไม่ยอมกัน ทั้งรวมไทยสร้างชาติ สู้ ๆ พรรคก้าวไกล สู้ ๆ ทำเอาประชาชนที่เดินไปมา ต่างหัวเราะชอบใจ

'ดร.นฤมล' เผย พปชร. เร่งจัดทัพ ส.ส. พร้อมรับศึกเลือกตั้ง ชู 'บิ๊กป้อม' มีภาวะผู้นำ-ไม่ขัดแย้งกับใคร เหมาะนั่งนายกฯ

(22 ม.ค.66) ศ.ดร.นฤมล ลั่น พปชร. พร้อมลุยศึกเลือกตั้งปี 2566 เร่งจัดและเสริมทัพส.ส.เข้มแข็งลงพื้นที่ ไร้ข้อกังวลใด ๆ ชู พล.อ.ประวิตร แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ด้วยลักษณะที่เป็นผู้นำพิเศษ ไม่ข้ดแย้งใครสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริง!! ผนวกกับนโยบาย พปชร. ครอบคลุมทุกมิติมุ่งกระจายรายได้ให้กับประชาชนทั่วถึงทุกพื้นที่  

 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐ ในการสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566 ว่า พปชร. อยู่ระหว่างการจัดทัพและเสริมทัพของว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. และเขตที่ ส.ส. มีแนวโน้มย้ายไปสังกัดพรรคใหม่และพรรคอื่น ๆ และได้ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครมาตลอด โดยยืนยันว่าไม่ได้มีข้อกังวลใด ๆ เพราะเชื่อว่าทุกพรรคก็ดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน

“เราพอจะรับทราบถึงทิศทางของ ส.ส. มาได้สักพักแล้ว ท่านหัวหน้าและเลขาธิการพรรคก็ได้เตรียมผู้สมัครทั้งที่ในเขตที่มี ส.ส. อยู่แล้ว และเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. รวมถึง ส.ส. ที่มีแนวโน้มจะย้ายออกไปอยู่พรรคใหม่และพรรคอื่น ๆ เราก็ได้เริ่มหาตัวผู้สมัครสำรองสำหรับเขตนั้น ๆ ล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งน้ำคงจะค่อย ๆ นิ่งและตกผลึกในที่สุด เพราะมีส่วนหนึ่งขยับออก ก็จะมีส่วนหนึ่งขยับเข้ามาก็จะมาเติมเต็มกัน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา พปชร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายที่วางไว้มาต่อเนื่อง เพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนอยู่ดีกินดีทุกพื้นที่ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะหัวเมือง ต้องกระจายความเจริญออกไป อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรประชารัฐเป็นนโยบายหลักที่ต้องต่อยอด การพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหญ่ก็มีนโยบายที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ภาคการเกษตร นโยบายเหล่านี้จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้ประชาชนเห็น 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 : หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธมฺโม

ลองสังเกตดูนะว่า...
“คนที่ล้มเหลว”
มักเป็นประเภท “น้ำเต็มแก้ว”
ไม่เคยฟังใคร...
มีเหตุผลแก้ตัวให้ตนเองเสมอ
และที่สำคัญ ...
มักจะโยน “ความผิด” ให้คนอื่นเสมอ

'อิ๊งค์-เศรษฐา' ควงแขนลงเยาวราช กั๊กตอบ แคนดิเดตนายกฯ ฟาก 'เศรษฐา' ชี้ พร้อมทำทุกอย่างตามที่พรรคมอบหมาย

(21 ม.ค.66) ที่มูลนิธิเทียนฟ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม. พร้อมด้วย ส.ส.กทม.พรรค พท. รวมถึงผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรค พท. เดินทางมาไหว้เจ้าเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่มีกระแสข่าวจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการปรากฏตัวทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับ น.ส.แพทองธาร เป็นครั้งแรก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทั้งคู่ต่างพูดคุยกันสนิทสนมอย่างเป็นกันเอง และมีบางจังหวะที่นายเศรษฐายื่นแขนให้ น.ส.แพทองธาร ควงระหว่างเดิน 

จากนั้น น.ส.แพทองธารและคณะ เดินเท้าต่อไปยัง ร้านกาแฟ CHATA Specialty Coffee เพื่อพูดคุยกับนักธุรกิจในย่านเยาวราช ยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวเยาวราช และอาหาร Street food ให้กลายเป็น World destination

จากนั้น น.ส.แพทองธาร และ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุย โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การพูดคุยดีมากเลย ทราบว่าเขามีปัญหาเรื่องสายไฟ ซึ่งนายเศรษฐาได้ระบุกับกลุ่มผู้ประกอบการว่า ต้องค่อยๆ เอาสายไฟลงดิน เพราะเอาลงพร้อมกันหมดการจราจรจะติดขัด และยังมีอีกหลายปัญหาหลังโควิด รวมถึงการหยุดขายของวันจันทร์ มีหลายเรื่องที่พรรคเพื่อไทยรับฟังแล้วจะนำไปใช้ได้จริงๆ เพราะคนในพื้นที่รู้ปัญหา 

เมื่อถามว่าจากการรับฟัง จะนำปัญหาอะไรไปทำเป็นนโยบายเพิ่มเติมได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีแน่นอนเราต้องไล่ตามลำดับ ด้านนายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า จากการพูดคุยวันนี้มีประโยชน์ เพราะตนมาช่วยน.ส.แพทองธาร ดูเรื่องเศรษฐกิจอยู่ และคิดว่าจากที่ตนทำธุรกิจมา เราก็อยู่แต่ด้านบน ไม่ได้มาพบผู้ประกอบการจริงๆ วันนี้มาก็ได้รับทราบปัญหาจริงๆ แล้วจะไปช่วยกันคิดออกเป็นนโยบายมาเพื่อทำให้ชีวิตชาวเยาวราชดีขึ้น 

เมื่อถามว่าขณะนี้นายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้เป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มาช่วยเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะดูเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำที่สูงมากในประเทศไทย ขอให้เป็นสเต็ปๆ ไป 

เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้วถ้าต้องรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.พร้อมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่เรียนตอนนี้ตนก็มาช่วยพรรคอยู่แล้ว พรรคมอบหมายให้ทำตำแหน่งอะไรก็พร้อม 

เมื่อถึงตรงนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ครั้งที่แล้วเขาเอาคำว่าเราพร้อมไป ครั้งนี้เขาก็อยากได้คุณเศรษฐา รู้ทันนะคะ นายเศรษฐามาในสถานะสมาชิกพรรค และเคยบอกแล้วว่า นายเศรษฐาเป็นคนเก่ง ฉะนั้นเรื่องเศรษฐกิจเราปรึกษาอยู่แล้ว และเราก็ปรึกษาคนเก่งๆ เยอะ จะได้แก้ปัญหาของประชาชนได้ วันนี้ให้มาช่วยเดินหาเสียงด้วยกันครั้งแรกก็ฝากไว้ด้วย ฝากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพิ่มอีกหนึ่งคน” 

เมื่อถามย้ำว่านายเศรษฐาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพท.หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “นี่ก็จะเอาแต่คำว่าพร้อม เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ค่ะ”

เมื่อถามว่าจะมีความชัดเจนและประกาศเมื่อใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอนว่าเมื่อเราจะประกาศ เราจะประกาศตามกรอบเวลาแน่นอน เหมือนที่ตอบสื่อไปทุกรอบ ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทยว่าการที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ แคนดิเดตนายกฯ เราเลือกคนที่มีคุณภาพให้ประชาชนแน่นอน ฉะนั้นขอให้ไว้ใจตรงนี้

เมื่อถามว่า หากมีการประกาศยุบสภา ทั้ง น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา จะประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวติดตลกว่า “อิ๊งค์ต้องประกาศว่าอิ๊งค์ครบกี่เดือนแล้ว ต้องไปหาเสียงที่ไหนบ้าง” 

เมื่อถามว่านายเศรษฐาจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พท. ในสิ่งที่ตนทำก็มีความปรารถนาอยากให้พรรคพท.ได้คะแนนเยอะที่สุด ไม่เช่นนั้นคงไม่มาช่วย 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะลงทุกพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ณ จุดนี้ตนยังเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บ.แสนสิริ ก็ต้องดูเรื่องเวลาด้วย 

เมื่อถามว่าหากลุยการเมืองเต็มตัวต้องจัดการตรงนั้นเพื่อมาลุยตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “คำว่าถ้า ตอนนี้ยังไม่ทราบเพราะยังถ้าอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ให้ตารางนายเศรษฐาไปแล้ว เพื่อวันไหนถ้าว่างก็มาช่วยกันหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนพูดคุยกัน ก็ต้องช่วยกันเพราะคนเดียวไม่ไหว เพราะเป็นปัญหาระดับประเทศเราต้องช่วยกัน” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top