Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

‘วีระกร’ เชื่อ ‘ภูมิใจไทย’ กวาด ส.ส.เกิน 120 คน ชี้!! ‘เสี่ยหนู’ นั่งนายกฯ ต่อจาก ‘บิ๊กตู่’ แน่นอน

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า คงไม่มีการชวนใครมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคเก่าที่อยู่กับเขามาถึง 4 ปี เป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ว่าเราออกมาด้วยเหตุผลเป็นพรรคที่ไม่ดี หัวหน้าพรรคก็ใจดี แต่สิ่งที่ตนต้องขออนุญาตว่าทำไมต้องย้ายมาพรรคภูมิใจไทยขอให้เหตุผล 2 ข้อ เรามีความคล่องตัวการทำงานการเมืองมากกว่า เราเจอกันในสภา เป็นนักการเมืองด้วยกันเจอกันอยู่ตลอด มีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด แต่ถ้าอยู่พรรคเดิมอาจจะต้องใช้เวลาที่จะพบกับหัวหน้าพรรค ไม่ได้พบกันแบบง่าย ๆ ข้อที่ 2 ตนมั่นใจในนโยบายพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ตนชอบใจมาก และสนับสนุนมาตลอดก็คือเรื่องที่ไม่ยอมขายหรือต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับผู้ถือสัปทาน เพราะอีกไม่กี่ปีจะกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว

เมื่อถามว่า ได้ลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเก่าหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จริง ๆ ตนคุยกับพล.อ.ประวิตรมา 2-3 เดือนแล้ว ตนพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วว่าตนมีปัญหาอะไรในเรื่องงาน อย่างที่เล่าว่าตนไม่ค่อยคล่องตัวในการที่จะทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หลาย ๆ เรื่องจะทำอะไรต้องรอฟังหัวหน้าพรรคก่อน การรอบางทีมันนานเกินไปมันไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบเขา ซึ่งไม่เหมือนนักการเมืองจะเจอกันทุกวันในการประชุมสภา 

เมื่อถามว่า แต่ช่วงหลังพล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้งเป็นรองผอ.พรรค นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อตนพูดไปแล้วหัวหน้าพรรคคงเข้าใจแล้วว่าตนจะลาออกท่านจึงให้ตำแหน่งนี้มา ตนก็เรียนกับท่านว่าอย่างนั้นตนจะเริ่มทำงานเลย เพราะตนเข้าใจว่าจะเข้าพบได้ง่ายแล้ว 

เมื่อถามว่า แล้วฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร นายวีระกร กล่าวว่า ฟางเส้นสุดท้ายคือท่านบอกว่า “จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน” ตนเข้าใจการไปพบผู้ใหญ่ต้องรอ แต่นักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ คล่องตัวกว่า แต่สิ่งที่คุยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเมตตา เข้าใจในเรื่องของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องโรงงานปุ๋ย ตนมาคุยกับนายอนุทินเรื่องนี้เลยชวนตนมาช่วยพรรค

‘อนุทิน’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘วีระกร-ฑีฆะพล’ ชี้!! อุดมการณ์เดียวกัน - พร้อมรับใช้ปชช.

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมต้อนรับนายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.นครสวรรค์ และนายฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.ตาก ที่ได้เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นการสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ ก่อนที่นายอนุทิน จะสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทยให้กับนายวีระกร และนายฑีฆะพล เพื่อเป็นการต้อนรับในฐานะสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มเติมอีก 2 คน ว่า เราต้องไม่พูดว่ามีผู้สนใจเข้ามา แต่เราต้องพูดว่ามีผู้ที่พร้อมจะดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน คนที่จะเข้ามาทำงานที่พรรคภูมิใจไทยต้องศึกษานโยบาย และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ใครก็ตามที่มีความตั้งใจจะรับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชนก็ถือว่าเป็นที่ต้อนรับของมวลหมู่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน

เมื่อถามว่า จะมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มหลังจากนี้อีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคเราเปิดรับผู้ที่พร้อมรับใช้บ้านเมือง และประชาชน ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดชัดเจนว่า จะต้องเป็นสมาชิกพรรคภายในกี่วัน คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมัครอย่างเดียว แต่เรายังมีเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อบ้านเมืองอีกด้วย

เมื่อถามถึงการทาบทามนายวีระกร นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของการทาบทามคงไม่มี เพียงแต่ได้พบเจอกันที่รัฐสภา และมีโอกาสไปเปิดโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และนายวีระกรก็ได้พาตนไปแนะนำให้รู้จักกับคนนครสวรรค์จำนวนมาก ต่างฝ่ายต่างเห็นการทำงานให้กับประชาชน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

หลายพรรคลุยติด ‘ป้ายหาเสียง’ ทั่ว กทม. สร้างสีสัน - หวังคะแนนเสียงจากชาวกรุง

ช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยแล้ว แต่แหม..ยังไม่ทันไร ป้ายจากพรรคต่าง ๆ ก็มาปักให้เห็นกันแล้ว 

วันนี้ (11 ม.ค. 66) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้ลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในหลายเขต หลายพื้นที่ ก็ได้พบเห็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มติดป้ายแนะนำพรรค โปรโมตนโยบายพรรค ที่แฝงมาในรูปแบบสวัสดีปีใหม่ ตรุษจีน พร้อมทั้งติดภาพว่าที่ผู้สมัครของพรรคขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนคุ้นหน้าคุ้นตาก่อนใคร ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างสีสันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

‘กรณ์’ นำทีม ‘ชาติพัฒนากล้า’ ล่องใต้ เปิดที่ทำการพรรค ‘ภูเก็ต - ชุมพร’ เตรียมเลือกตั้ง

‘กรณ์ จาติกวณิช’ นำทัพ ‘ชาติพัฒนากล้า’ ลงใต้ เปิดที่ทำการพรรคจังหวัดภูเก็ต - ชุมพร เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

เปิดปีใหม่ ก็ลุยเปิดตัวแทนเขตเลย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นำทัพลงใต้ เปิดตัวแทนเขตและที่ทำการ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมี 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เทมส์ ไกรทัศน์ อรทัย เกิดทรัพย์ และ จังหวัดชุมพร มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ลิขิต ศรีชาติ เข้าร่วมการประชุมจัดตั้งตัวแทนเขตในครั้งนี้ด้วย 

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 นายกรณ์ พร้อมด้วยทีมงาน ได้ร่วมเปิดที่ทำการและจัดตั้งตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ณ โรงแรม ตูร์ เดอ ภูเก็ต โดยมี อรทัย เกิดทรัพย์, เทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต มาร่วมกันจัดประชุมจัดตั้งตัวแทน พร้อมกับรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้าในพื้นที่ด้วย 

สำหรับโดยที่ทำการตั้งอยู่ ณ เลขที่ 237/10 หมู่ 3 ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110

‘สรวุฒิ’ รับ ‘พปชร.-รทสช.’ ไม่เป็นปรปักษ์ แต่ลงสนามเลือกตั้ง คงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง

‘สรวุฒิ’ เผย กรรมการบริหาร พปชร. ถกหารือชื่อแคนดิเดตนายกฯ รับต้องเป็นคู่แข่ง ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง แย้ม ไม่ปิดประตูจับมือหลังเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่า ยืนยันยังทำงานร่วมกับพรรคพปชร.และที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสตนมาตลอด และในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะดูแลในภาคตะวันออกทั้งหมดและจะจัดวางตัวบุคคล ให้เรียบร้อยภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ สําหรับการสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะหารือว่าจะเสนอชื่อใคร และแต่ละคนมีจุดเด่นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถือเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือไม่ นายสรวุฒิ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาก็ต้องแข่งกัน เป็นการแข่งขันบนหลักว่าไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อกัน อาจร่วมทำงานกันในอนาคตก็ได้ แต่เมื่อลงสนามเลือกตั้งคงไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง ทุกฝ่ายต้องใส่กันเต็มที่

'อนุทิน' จ่อเปิดตัว 'พุทธิพงษ์' 11 ม.ค.นี้ เสริมแกร่ง ภท. เลือกตั้งสนามเมืองหลวง

(10 ม.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงความคืบหน้าการเปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาดูแล กทม. ว่า วันที่ 11 ม.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุมและสรุปนโยบายการดำเนินงาน และแนะนำให้เห็นว่าใครคือว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายพุทธิพงษ์ มาระยะหนึ่งแล้ว และแสดงเจตจำนงมาช่วยงานการเมืองให้พรรคภูมิใจไทย โดยจะมารับผิดชอบพื้นที่กทม. ซึ่งนายพุทธิพงษ์ได้เตรียมการมาระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนคาดหวังจะปักธง ส.ส.กทม.อย่างไร เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีส.ส.มาก่อน นายอนุทิน ระบุว่า เราส่งใครลงสมัครก็อยากให้ชนะหมด ซึ่งนโยบายพรรคต้องดี การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ของพรรคต้องดี มีความพร้อมและความใกล้ชิดประชาชน ผู้สมัครก็ต้องดี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่ามีปัจจัยเหล่านี้ นอกจากนี้มีการคุยกับส.ส.บางคนที่ลาออก ถ้าจะมาสมัครพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อม

‘ชัยวุฒิ’ ยันอยู่ต่อกับ ‘บิ๊กป้อม’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่เคยชวนย้ายค่าย

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกรรมการบริหารพรรคพปชร.ว่า ประชุมกรรมการบริหารพรรคกับคนที่จะทำงานกับพรรคต่อ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยวุฒิ ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังทำงานกันอยู่ และเตรียมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สนิทกับทุกคน เพราะทำงานทั้งกับนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชวนไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี

‘พิธา’ เผย เลือกตั้ง 66 ชี้ชะตาประเทศไทย ยืน!! หากกา ‘ก้าวไกล’ อนาคตสดใสแน่นอน

‘พิธา’ ชี้ เลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ ประชาชนต้องเลือกระหว่างอดีตกับอนาคต ปฏิเสธพรรคสืบทอดอำนาจ ทั้งพรรคประยุทธ์-พรรคประวิตร ย้ำ กาก้าวไกล ประเทศไม่เหมือนเดิม แนะ นายกฯ แข่งขันการเมืองแฟร์เพลย์-ร่วมเวทีดีเบต-ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

(10 ม.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า จริง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก เป็นนักการเมืองตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจใช้กำลังยึดอำนาจการเมืองการปกครองของประเทศแล้ว ที่แย่ก็คือท่านเป็นนักการเมืองที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย ในขณะนั้นประชาชนเลือกอะไรไม่ได้เพราะถูกใช้กำลังบังคับข่มเหง แต่ในเมื่อตอนนี้ ท่านแสดงเจตนารมณ์จะอยู่ต่อให้นานที่สุดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นอำนาจของประชาชนที่จะสามารถพิพากษาเอาท่านออกจากการเมืองได้โดยกลไกที่สงบและเรียบง่ายที่สุด นั่นก็คือการลงคะแนนเลือกตั้ง

พิธากล่าวว่า ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก นั่นคือประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมออกไปจากการเมือง และยืนยันหลักประชาธิปไตย โดยการไม่เลือกพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ อย่างพรรคสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร และถึงเวลาแล้วที่ท่านในฐานะนักการเมืองจะมาแข่งขันกับนักการเมืองด้วยกันแบบแฟร์เพลย์ ไม่ใช้เทคนิควิธีการหรือช่องโหว่ที่ตัวเองร่างกฎหมายมาเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบมากกว่านักการเมืองคนอื่น และต้องเปิดกว้างต่อการตรวจสอบสาธารณะ ไปร่วมทุกเวทีดีเบตประชันนโยบายและจุดยืนการเมืองให้ประชาชนได้เปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ อย่างรอบด้าน ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้โปร่งใส ตอบคำถามของสังคมให้กระจ่างชัดในหลายกรณีทุจริตที่เกี่ยวพันกับรัฐบาลของท่านและตัวท่านเองด้วย

‘เจะอามิง’ ความหวังของ ‘ประชาธิปัตย์’ กับภารกิจทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. ชายแดนใต้

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นอีกสนามที่พรรคการเมืองใหญ่หวังแจ้งเกิด หรือรักษาฐาน ขยายฐานของพรรค แน่นอนว่า จะเป็นการสับประยุทธ์กัน 4-5 พรรค ทั้งประชาชาติ (เจ้าถิ่น) ประชาธิปัตย์ อดีตเจ้าถิ่นที่หวังกลับมายึดฐานที่มั่นคืน พรรคพลังประชารัฐ ที่คราวที่แล้ว แจ้งเกิดไปหลายท่าน พรรคภูมิใจไทย ที่หวังจะขยายฐานมากขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

กล่าวถึงประชาธิปัตย์ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรค ลงไปคุมพื้นที่ด้วยตัวเอง พร้อมกับการคัดเลือกตัวผู้สมัคร และจัดกิจกรรมในพื้นที่ถี่ยิบ ด้วยความหวังว่า จาก 12 ที่นั่ง จะต้องได้กลับคืนมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยนโยบายที่ประกาศไปแล้ว ทั้งเรื่องให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคลังอาหาร การช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานร้านอาหารต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย และการเอาใจใส่ดูแลพี่น้องชาวประมงกับอีกหลากหลายปัญหาที่ยังต้องเจอ

สำหรับนราธิวาสเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องกลับมายึดพื้นที่คืน ดึง ‘เจะอามิง โตะตาหยง’ อดีต ส.ส.5 สมัย กลับมาอยู่บ้านหลังเดิม ที่มั่นคง คราวที่แล้วไม่ได้ลงสนามเลือกตั้ง หลีกทางให้ลูกชาย อาจารย์ เจ๊ะ อิลย๊าส โตะตาหยง ที่ไปลงกับพรรคลุงกำนัน ‘รวมพลังประชาชาติไทย’ หรือพรรครวมพลังในปัจจุบัน แต่เลือกตั้งครั้งหน้า ‘นิพนธ์’ ดึง เจะอามิง กลับมาเข้าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม  

พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาผงาดในจังหวัดนราธิวาสได้อีกครั้ง แต่ไม่ควรมองข้ามคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคภูมิใจไทย

‘พึ่งได้ ใกล้ชิด ติดดิน’ ตามหลักยึด ของ ‘เจะอามิง โตะตาหยง’ เข็มทิศทางความคิดที่มุ่งมั่นขันอาสาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนพรรคประชาธิปัตย์นราธิวาส เขต 5 เดินหน้าต่อไป ในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความมั่นคง ด้วยผลงาน ‘โฉนดชุมชน’ และจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน เพื่อพี่น้องชายแดนใต้มีที่ทำกิน ที่อยู่และสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอ รือเสาะ ศรีสาคร บาเจาะ ยี่งอ สุคิรินทร์ จะแนะ ระแงะ สุไหงปาดี มีเอกสิทธิ์ที่เป็นโฉนดที่ดิน เป็นของตนเอง และผลงานสำคัญด้านการกระจายอำนาจและงบประมาณสู่ท้องถิ่นเข้มแข็ง ทำได้ไว ทำได้จริง

‘เจะอามิง โตะตาหยง’ กล่าวถึงนโยบาย และแนวทางในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง คือพูดถึงนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง พูดถึงในแง่การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ราคายางพารา ทำให้ภาพรวมความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ก็เป็นที่พอใจของประชาชน เงินผู้สูงอายุที่ได้กันทุกคนทุกครัวเรือน นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านพอใจ เงิน อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน) เข้าโรงพยาบาลรักษาโรคฟรีก็เป็นที่พอใจของชาวบ้าน

มีคำถามว่า ต่อไปว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จะยังคงนโยบายเหล่านี้ไว้หรือไม่ ‘เจะอามิง’ ย้ำว่า เป็นแนวนโยบายที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะเดินหน้าต่อ เป็นการสานต่อนโยบายหลักของพรรค

ส่วนมิติการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจะอามิง บอกว่า ได้พยายามสื่อสารกับชาวบ้านว่า ณ วันนี้ รัฐบาลได้แสดงความตั้งใจและจริงใจโดยการออกกฎหมาย ศอ.บต.(พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553) ซึ่งประชาชนยังไม่ทราบว่า มีแนวนโยบายอย่างไรบ้าง ประชาชนยังไม่ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้

แต่เดิม การแก้ปัญหาที่ผ่านมา ที่ไม่ได้ผลส่วนหนึ่งมาจากความไม่เป็นเอกภาพของระบบราชการ วันนี้พอออกกฎหมายฉบับนี้ ทุกหน่วยงานต้องมาอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้หน่วยงานราชการเกิดเอกภาพ ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเดิมต่างคนต่างทำ ทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถเดินหน้าไปได้เท่าที่ควร

“ความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาดูแลโดยตรง และมีรัฐมนตรีดูแลอีกหนึ่งคน ไม่สังกัดกระทรวงมหาดไทยแต่จะขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีโดยตรง สาระสำคัญคือ ชาวบ้านสามารถชี้แนวทางการแก้ปัญหาผ่านสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.(หมายถึง สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้) แนวทางต่าง ๆ ไม่ว่า ด้านการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ ศาสนา”

ส่วนในกรณีที่ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม อันเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนสามารถร้องเรียนไปยังเลขาธิการ ศอ.บต. ถ้ามีมูลความผิดจริง เลขาธิการ ศอ.บต.ก็สามารถสั่งย้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการลดเงื่อนไขต่อประชาชน

มิติการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจะอามิง กล่าวว่า เราจะขับเคลื่อนงบประมาณค้างท่อ ที่เคยสะท้อนติดตาม ขับเคลื่อน ในกระบวนการ สภาผู้แทนราษฎร จนได้รับการแก้ไข จากรัฐบาลจนสำเร็จ เช่น ที่ผ่านมา ถนนสาย ยะลา – สี่แยกดอนยาง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเดิมเป็นเงินค้างท่อ สร้างไม่เสร็จ เราจึงได้ลบล้างข้อครหาที่ว่า งบลงมาแล้วแต่ไม่ดำเนินการอะไรเลย เราดำเนินการจนสร้างเสร็จในสมัยรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ถนนสายสี่แยกตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา – ปาลอบาต๊ะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส หรือ ถนนสาย 4066 ก็เกิดจากเงินค้างท่อ ซึ่งสร้างจนเสร็จอีกเส้นทางหนึ่ง

เจะอามิง กล่าวอีกว่า ในจังหวัดนราธิวาสเราได้พัฒนาสนามบินบ้านทอนให้เป็นสนามบินระดับนานาชาติ เพื่อรองรับชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะใช้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยรัฐบาลอภิสิทธ์ ฯ ได้จัดสรรงบประมาณขยายรันเวย์เพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน ทำให้สามารถรองรับเครื่องบินบินตรงไปยังประเทศซาอุดิอาราเบีย ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ในส่วนของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เดิมมีแค่ป้าย แต่นักศึกษาไปฝากตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ขอนแก่นบ้าง เชียงใหม่บ้าง กรุงเทพบ้าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์บ้าง พอเรียนจบก็จะมาสวมชุดครุยมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ตอนนี้รัฐบาล สมัยอภิสิทธิ์ ฯ ได้ให้งบไทยเข้มแข็งเกือบพันล้าน เพื่อสร้างอาคารต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สามารถรับนักศึกษา เรียนที่สถาบัน ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ตอนนี้ ยกระดับมาเป็นโรงพยาบาลศูนย์แล้ว นี่เป็นผลงานรัฐบาลอภิสิทธิ์เช่นกัน

ในด้านเยาวชน รัฐบาลได้ให้งบพัฒนาการกีฬา โดยทุ่มงบกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบผูกพัน สร้างสนามฟุตบอลในจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนในจังหวัดยะลา รัฐได้ให้งบสร้างสนามบินเบตง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้ว เพื่อให้ผู้คนหลั่งไหลไปเที่ยว เบตง แล้วจะเป็นจุดขายต่อไป

- นโยบายทางด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงแม้ที่ผ่านมาอาจจะดีระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แนวทางการแก้ปัญหาตราบใดที่ยังมีการสูญเสียของประชาชน ก็ยังไม่แฮปปี้ การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ มีหลายขั้นตอนหลายเงื่อนไข การแก้ไขนับตั้งแต่นี้ไป ต้องแก้ไขในแต่ละเงื่อนไข แก้ปมไปทีละปม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

“ขอยืนยันว่า แนวทางการเมืองนำการทหารบวกกับการพัฒนา สร้างอาชีพ อย่างมั่นคงในอนาคตที่ดี แต่ความสำเร็จทั้งหลายมันต้องอยู่บนพื้นฐานกลไกของรัฐ คนที่รับผิดชอบต้องตั้งใจและจริงใจในการแก้ปัญหา”

‘บิ๊กตู่’ เปิดใจร่วมทำการเมือง ‘รวมไทยสร้างชาติ ยอมรับตื่นเต้นนอนไม่หลับหลายวัน สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลั่นไม่ได้หวังมีอำนาจหรืออยากเป็นใหญ่ เหตุผลมายืนตรงนี้เพราะประเทศไทยต้องไปต่อ

“ขอฝากหัวใจน้อย ๆ ไว้ด้วย และขอสัญญาว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อชาติ ศาสนา ประชาชน และสิ่งสำคัญที่สุด ประเทศไทยต้องไปต่อ การเลือกมาสังกัดพรรคนี้ ไม่ได้อยากเป็นใหญ่ แต่ต้องการแก้ปัญหาชาติที่ยังเหลืออยู่”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวในการเปิดตัวร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566

‘บิ๊กตู่’ เปิดใจร่วมทำการเมือง ‘รวมไทยสร้างชาติ ยอมรับตื่นเต้นนอนไม่หลับหลายวัน สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลั่นไม่ได้หวังมีอำนาจหรืออยากเป็นใหญ่ เหตุผลมายืนตรงนี้เพราะประเทศไทยต้องไปต่อ

เมื่อวันที่ 9 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถือฤกษ์ลงนามในใบสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกล่าวบนเวที ว่า วันนี้ขอขอบคุณด้วยใจจริง ตนเดินมาท่ามกลางหัวใจดวงเดียวกัน พวกเราคือคนไทยหัวใจเดียวกัน ทั้งตนที่นี่และที่อยู่ทางบ้านทุกฝ่านในฐานะคนไทย วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกคนคงคุ้นเคยเพราะตนอยู่มาหลายปี คงจำหน้าได้ วันนี้อยากบอกว่าตนลบภาพลักษณ์ของเราไม่ได้ เป็นทหารมาทั้งชีวิตแต่พยายามปรับตัวมาตลอด 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า พูดจนเขิน อะไรก็ดีไปหมด ที่ตนมีวันนี้ได้เพราะพวกเรา เพราะเราคือประเทศไทย คือแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ เราเกิดที่นี่หากินที่นี่ บางท่านก็อยู่ที่นี่ บางท่านก็ไม่อยู่ แล้วแต่บุคคล แต่เราต้องดำรงรักษาแผ่นดินนี้ให้มากที่สุด รู้สึกตื้นตันใจ ตนไม่เคยตื่นเต้นมาก่อน วันนี้ได้พูดกับทุกท่าน ยอมรับว่าตื่นเต้น ปกติไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว เพราะเป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่วันนี้กลัวความรักที่ให้กับท่านจะเพียงพอกันไหม เพราะรักทุกคนจริงๆ เพราะเราคือเจ้าของแผ่นดินนี้ อย่าที่บอกว่าตนเป็นทหารมาทั้งชีวิต ได้รับสั่งสอนมาแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่เป็นทหารชั้นผู้น้อยมาจนเดินหน้าการบริหารประเทศ ยืนยันจะทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ นี่คือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดคนเป็นทหารมาทั้งชีวิตผ่านการถวายสัตย์มาไม่รู้กี่ครั้ง ต้องซื่อสัตย์สุจริต และตนเป็นทหารเสือราชินี มีเครื่องหมายเสือสองตัวหัวใจตรงกลาง ถามว่าทำไมหัวใจสีม่วงไม่ใช่สีแดง เพราะผู้บังคับบัญชาต้องมีหัวใจแห่งความซื่อสัตย์ สีม่วงเป็นหัวใจคนใกล้ตายต้องไม่โกหก มีความสุจริต คนใกล้ตายต้องไม่โกหกไม่รู้วันนี้เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ วันนี้ความมุ่งหมายจะมาพบทุกคนเพื่อดูว่าเรายังคงรักกันเหมือนเดิมหรือไม่ และได้คำตอบในห้องนี้ก็เยอะจริงๆ ไม่เคยเจอคนเยอะแบบนี้ วันนี้ทราบว่าทุกคนมาด้วยใจ หัวใจเป็นสิ่งที่แสดงออกเห็นถึงความรัก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปชักหายตื่นเต้น บางทีเครื่องร้อนเร็ว บางทีอุณหภูมิขึ้นเร็ว วันนี้ไม่ได้มาในฐานะนายกฯ แต่มาเพื่อบอกว่าทำไมตนต้องอยู่ รู้หรือไม่ว่าทำไม จะบอกว่าทำไมมายืนตรงนี้วันนี้เมื่อเรามีหัวใจดวงเดียวกัน ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นหลัก เราต้องเป็นที่พึ่งประชาชนทุกโอกาส เราต้องร่วมมือร่วมใจ วันนี้หลายคนสงสัยว่าตนอยากเป็นนายกฯต่อหรือไม่ ตนไม่ได้อยากเป็นใหญ่ ไม่ได้อยากมีอำนาจ อำนาจมีเยอะแล้วมีมาทั้งชีวิต แต่อำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ การมีอำนาจต้องใช้ให้ถูกต้องเป็นธรรม ตามกระบวนการ ที่มาวันนี้ไม่ได้อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และไม่อยากรับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น วันนี้ที่มายืนตรงนี้เพราะตนเคารพในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย ไม่ได้มาเพราะอยากอยู่ต่อ แต่อยากพูดกับทุกคนว่าประเทศไทยต้องไปต่อ บนพื้นฐาน ความมีศักยภาพ ความมั่นคง เพื่อเดินหน้าสู่การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ตลอดจนการพัฒนาประเทศ วันนี้ถ้ารวมใจ รวมคนไทย รวมไทยสร้างชาติ ทุกอย่างเราแก้ได้แน่

‘เสี่ยหนู’ ตั้งเป้า คว้าเก้าอี้ ส.ส. ในกทม. ชี้!! พรรค-นโยบายพร้อม รอประชาชนพิจารณา

(10 ม.ค. 66) เวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่พรรคภูมิใจไทยกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราให้กำลังใจทุกท่านที่มาทำงานการเมือง ดูแล้วมีความพร้อมเพรียงในการจัดอีเวนต์ จัดงานได้มีสีธงชาติไทย 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วนายกฯ มีความพร้อมเป็นนายกฯ อีกสมัย หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ๊ย ต้องไปถามท่าน เป็นนายกฯ มานานแล้ว จะบอกไม่พร้อมได้อย่างไร ทุกคนที่เป็นแคนดิเดต นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญต้องพร้อม ถ้าเสนอชื่อแล้วบอกไม่พร้อมจะเสนอชื่อได้อย่างไร ประชาชนจะสับสน และช่วงนี้เป็นช่วงการแข่งขัน และช่วงการเลือกตั้ง ทุกคนต้องแข่งขันอย่างเต็มที่ แต่แข่งขันกันทำความดีเพื่อประโยชน์บ้านเมืองและประชาชน ไม่ใช่เรื่องที่ผู้แข่งขัน มาขัดแย้ง เกลียดชังกันและเสียดสีกัน ไม่จำเป็น”

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาดูแลกทม.นายอนุทิน กล่าวว่า วันที่ 11 ม.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุมและสรุปนโยบายการดำเนินงาน และแนะนำให้เห็นว่าใครคือว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายพุทธิพงษ์ มาระยะหนึ่งแล้ว และแสดงเจตจำนงมาช่วยงานการเมืองให้พรรคภูมิใจไทย โดยจะมารับผิดชอบพื้นที่กทม. ซึ่งนายพุทธิพงษ์ได้เตรียมการมาระดับหนึ่งแล้ว

‘จุรินทร์’ ยินดี ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช. ส่วนจะได้เป็นนายกฯ อีกหรือไม่ ผลงานจะเป็นตัววัด

วันนี้เวลา 09.20น. (10 ม.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงประเด็นบิ๊กตู่เปิดตัวที่พรรครวมไทยสร้างชาติวานนี้ว่า เป็นสิ่งที่ดีจะได้มีความชัดเจน ในส่วนจะเป็นคู่แข่งหรือไม่ ตนไม่อยากจะพูดถึงขนาดนั้น แต่ว่าที่จริงทุกพรรคการเมืองก็ต้องแข่งกันโดยปริยายอยู่แล้ว เวลามีการเลือกตั้ง ในส่วน ส.ส.ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ซบรวมไทยสร้างชาติ ส่วนนี้พรรคได้รับทราบมาก่อนแล้ว ความจริงก็ไม่อยากจะพูดซํ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

ในส่วนบรรยากาศงานเมื่อวานนี้ มองว่าพลเอกประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับที่ทําวันนี้ แล้วก็จะส่งผลในอนาคต ตนคิดว่าอนาคตก็จะให้คําตอบ

ด้านนโยบายที่บอกว่าจะมีการเปิดตัวภายในเดือนนี้ จุรินทร์กล่าวว่าเรื่องนโยบายได้กรอบชัดเจน แล้วก็ประชาสัมพันธ์อยู่ คือสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ โดยการสร้างเงินหมายถึงการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับคนไทย และก็ให้กับประเทศไทย ด้วยการสร้างเงินให้กับคนไทยและให้กับประเทศ

‘สันติ’ เผย ไม่ง้อ หาก ส.ส.ย้ายพรรค ลั่น!! พรรคมีตัวสำรองที่มีความตั้งใจเยอะ

วันนี้ (10 ม.ค. 66) เวลา 09.07 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงประเด็นการเช็กลิสต์ ส.ส.ย้ายไปยังพรรคอื่นว่า ส.ส.เมื่อเขาจะไป แล้วตนจะทําอย่างไรได้ ตนในฐานะเลขาพรรคก็ทําหน้าที่ หาดูคนดี ๆ มาสํารองเอาไว้ เพราะคนเหล่านี้เป็นคนดีมีความตั้งใจ เราจึงนำมาสํารองเอาไว้ นี่ก็เป็นตัวหนึ่งที่จะเป็นหลักประกัน ว่าส.ส. ที่คิดจะย้ายไปย้ายมา ก็ต้องคิดให้ดี

ด้านอนาคตทางการเมืองสองพรรคในระหว่างรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ จะจับมือกันได้ไหม สันติกล่าวว่า ให้ทุกคนดูว่าหัวหน้าพรรคนั้นคือพลเอกประวิตร เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน ทุกพรรค ฉะนั้นเรื่องที่จะไปรังเกียจ พรรคนี้ รังเกียจ ส.ส.ของพรรคนี้ มันจะรังเกียจได้ยังไง ในเมื่อพี่น้องประชาชนเลือกมา

ปรากฏการณ์ 'ตู่ - ตุ๋ย - ไตร (รงค์)' แห่งพรรคใหม่ 'รวมไทยสร้างชาติ'

นับเป็นกระแสความสนใจมาตลอดตั้งแต่เปิดพุทธศักราช 2566 สำหรับพรรคการเมืองใหม่หมาด 'รวมไทยรักษาชาติ' ที่ประกาศเปิดตัวร่วมสังฆกรรมทางการเมืองกับ 'พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา' นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความคาดหวัง และคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา

จากความสับสนอลหม่านในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 มกราคม 2566 แหล่งข่าวซึ่งน่าเชื่อถือ ไว สด และท่วงทันต่อเหตุการณ์ที่สุดก็น่าจะมาจากสื่อมวลชนสายการเมืองรุ่นอาวุโสสองท่านนี้

คนแรก 'เป๊ปซี่ - เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ อดีตหัวหน้าข่าวสายทหารแห่งหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ โดยเขาได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยภาษาขำๆ ตามสไตล์ว่า "...นึกว่าราคาคุย ผู้สนับสนุน รทสช.จะมากันหลักหมื่น มวลชนผู้สนับสนุนลุงตู่ มากันเต็มเหนี่ยวจากทั่วประเทศ เต็มห้องโถงใหญ่ของศูนย์ประชุมสิริกิติ์ น่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมืองเปิดตัวสมาชิกพรรค รทสช. ที่มากันมหาศาล มโหฬารจริม ๆ"

พร้อมทั้งยังตอบคอมเม้นต์ของแฟนเพจรายหนึ่ง ซึ่งจงใจถามหรือเพียงแสดงความเห็นก็มิอาจทราบ "ขนมาทั้งนั้นนี่หว่า" แบบ "...ขนมานี่เรื่องปกติครับท่าน ที่ไม่เคยมี คือ ขนมามหาศาลขนาดนี้ :-) ทำข่าวมายาวนาน ไม่เคยเห็นเปิดตัวสมาชิกพรรค ขนมาได้ขนาดนี้ เกินหมื่นครัช.."

ทั้งนี้แหล่งข่าวจากพรรค 'รวมไทยสร้างชาติ' ชี้แจงเบื้องต้นว่า ผู้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติโดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค ตอนแรกคาดว่าจะมีเพียง 5,000 คน แต่พอถึงวันงานเปิดตัวเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับแจ้งว่าผู้สนับสนุนจากหลากหลายทุกภูมิภาคของประเทศ ต่างต้องการเข้ามาร่วมแสดงความยินดีและมีส่วนร่วมครั้งนี้เกินหลักหมื่นคน

นักข่าวอาวุโสผู้คร่ำหวอดจากสายทหารและการเมืองอีกท่าน 'วาสนา นาน่วม' ก็ได้รายงานผ่านสื่อโซเชียลมีเดียถึงงาน 'พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา' กับ 'พรรครวมไทยสร้างชาติ' ไว้อย่างน่าสนใจว่า "...ยิ้ม อิ่มใจ งานเปิดตัวบิ๊กตู่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี กองเชียร์พรึ่บ! กว่า 1.1 หมื่นคน แถมบิ๊กตู่เซ็นใบสมัครสมาชิกพรรค รทสช. แล้ว ปิดงาน ส่งนายกฯ กลับ FC ก็เอากุหลาบ มาให้กำลังใจ 'ท่านตุ๋ย พีระพันธุ์' หัวหน้าพรรค เจ้าตัว ถือกุหลาบ แล้วยิ้มหวาน ก่อนถามว่า หน้าตาผมเข้ากับดอกกุหลาบมั้ย"

‘สตม.’ รวบชาวจีนสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศ หลังหนีหมายจับคดีฉ้อโกง เสียหายกว่า 1,400 ลบ.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ  สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

คดีที่ 1 'รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท' เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม, กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ในข้อหา 'เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต' 

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคล ราย MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน อายุ 44 ปี ซึ่งได้รับการขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจากสำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุณหมิง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศและทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าทำการลงทุน ซึ่งเป็นการหลอกลวง ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณคล้าย MR.Shangguan จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ผู้ต้องหารับว่าตน คือ MR.Shangguan อายุ 44 ปี ไม่มีหนังสือเดินทางจริง และรับว่าได้หลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาที่ประเทศไทย  จึงได้ให้ดูหมายจับประเทศจีน รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันในหมายจับดังกล่าวจริง และจากการตรวจค้นตัว พบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาจากประเทศจีน,เอกสาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top