‘บิ๊กป้อม’ ใช้ใจบันดาลแรง นำทัพ ‘พปชร.’ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่

ถ้าใครได้ฟังสิ่งที่ออกจาก ‘ลุงป้อม’ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากงานกิจกรรมระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่ผ่านมานั้น จะเห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงไป

อย่างแรก ก็คือ แกพูดเยอะขึ้น ไอ้ที่เห็นภาพแบบถามคำตอบคำอย่างที่คุ้นนั้น แทบจะพลิกจนคนเห็นแล้วตกใจ

ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะการตัดสินใจ ประกาศก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย โดยมีทัพ พปชร. ที่ยังคงอยู่ให้ความเคารพ และผลักดันแบบไม่มีใครคิดแตกแถว

แถมทุกคนยังแลดูเชื่อมั่น และอยากให้พี่ใหญ่แห่ง 3ป. นี้ ขึ้นมาอยู่ในสถานภาพสมกับบารมีที่มีอย่างจริงจัง

ในวันนั้น ทุกถ้อยคำของ ‘ลุงป้อม’ บอกเล่าตามแรง ที่แกมักจะพูดว่า มีแรงกลับคืนมาได้ เพราะใช้ใจบันดาล ซึ่งเนื้อความวันนั้น จับสาระสำคัญได้เยอะกว่าที่ผ่านมา เสมือนที่ผ่านมาแกเลือกที่จะไม่พูดเลยยังไงยังงั้น

วันนั้น ลุงป้อม พูดถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันวา่า สังคมไทยยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ ยังคงมุ่งมั่น ยืนหยัด ที่จะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ 'การสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข' ให้พี่น้องประชาชนชาวไทย มีความอยู่ดี กินดี อย่างมีความสุข ใน 3 พันธกิจหลัก...

1.) สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2.) เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถ และโอกาสที่เท่าเทียม
3.) สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง และแบ่งปัน

พิธีกรมีการถามเรื่อง ผมไม่รู้?
ลุงป้อมตอบว่า ที่ผมตอบว่า "ไม่รู้" ความจริงแล้ว ผมอาจจะรู้ก็ได้นะครับ แต่ว่าผมก็จะต้องหาผู้รู้ที่รู้มากกว่าผม มาแนะนำผม คนที่รู้เนี่ย อยู่รอบตัวผมเยอะแยะ ผมก็เอามาใส่ในตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

พิธีกรถามเปิดใจลุงป้อม เรื่องการใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ

ลุงป้อมตอบว่า พลังประชารัฐ ใจบันดาลแรง และตัวเองก็เอาใจนี่แหละครับ ในการที่จะบันดาลแรงที่ได้ร่วงโรยไป ทุกวันนี้เดินก็ไม่ค่อยไหว แต่ก็ใช้ใจบันดาลแรงนี่แหละ ในการเดิน

ตลอดงานในวันนั้น ดู ลุงป้อม จะมีความเป็นตัวเองมากที่สุด มีรอยยิ้มที่แลดูมีความสุขแบบผ่อนคลาย แถมยังมีการฉายพูดถึงสิ่งที่อยากบอกกับผู้ร่วมงานวันนั้นแบบคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ เดินหน้าประเทศไทย ลุงป้อมพูดถึงปัญหาความยากจน พวกชาวนา ชาวไร่ พวกเกษตรกรหาชาวกินค่ำ ที่จะต้องดูแลคนพวกนี้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และก็จะได้ทำให้ประเทศไทยนั้น มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

เคล็บลับให้ได้ใจคน คือ 'ความจริงใจ' ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นฝูง เป็นน้อง พูดอะไรไป “ความจริงใจ ซื้อใจคน”

พูดถึงชีวิตช่วงผ่านศึกสงครามมาหลาย ๆ สงคราม เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งตลอดระยะเวลานั้นก็ได้พยายามทำงานประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และก็เพื่อประชาชน และพอมาทำงานการเมือง ก็หวังที่จะทำการเมืองเพื่อประชาชน ให้ประชาชนเราได้อยู่ดี กินดีขึ้น

ย้อนไปในเรื่องวัยเด็ก ลุงป้อม ก็เล่าถึง ฮีโร่ในดวงใจ ซึ่งก็เป็นคุณแม่ของตน “คุณแม่ผมเลี้ยงผมนะครับ พี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายหมด เลี้ยงได้ดิบได้ดีมาทุกคนเนี่ย เพราะคุณแม่ผมครับ ก็มีความเป็นอยู่ที่ดีทุกคน”

ในมุมความชอบ ลุงป้อม ก็บอกว่าชอบทำอาหาร แถมยังบอกว่า อดีตก็เลี้ยงดู 3 ป. มาโดยตลอดนะ ตั้งแต่หนุ่ม ๆ ส่วนรสชาติอาหารจะว่าทำอร่อยหรือไม่อร่อย ก็ไม่รู้ ต้องไปถามคนรับประทาน โดยลุงป้อมยังโวอีกว่า ทำพวกผัดซีอิ๊ว ราดหน้าเก่งมาก รวมถึงก๋วยเตี๋ยวด้วย

เกี่ยวกับเรื่องราวของ 3 ป. Story ลุงป้อม เล่าให้ฟังว่า ตอนเด็ก ๆ อยู่บ้านเดียวกัน “ตอนเด็ก ๆ เนี่ย อยู่บ้านเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน 3 คน ไม่มีอะไรที่จะแยกจากกันได้ ในความเป็นพี่เป็นน้องเนี่ยนะครับ” โดยถึงท่อนนี้ ลุงป้อมย้ำชัดว่า “ถึงแม้การเมืองจะไปคนละแบบ เราก็แยกกันเฉพาะการเมือง”

แน่นอนว่า สถานการณ์วันนี้ อาจจะเหมือนผลักดันให้ ลุงป้อม ต้องออกมานำทัพพรรคแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงต้องพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทยตามบริบท แต่ถ้าฟังน้ำเสียง และสีหน้าของแกในวันนั้นแลดูมุ่งมั่น พร้อมพูดคำทิ้งท้าย ที่น่าจะทำให้พรรคการเมืองอื่นต้องมองแกในมุมใหม่

“พลังประชารัฐ ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่”

“ถ้าประชาชนเลือกผม ผมก็พร้อม ถ้าไม่เลือกผมก็กลับบ้าน”