Monday, 29 April 2024
SPECIAL

ดูแลตั้งแต่เกิด 'ดร.สฤษดิ์' ลุยเขตดุสิต รับฟังปัญหาประชาชน โชว์นโยบาย 'แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ' หนุนเงินดูแลแม่-เด็ก

‘ดร.สฤษดิ์’ ลุยพื้นที่จริง สร้างความเข้าใจให้ปชช. ต่อนโยบายพรรคในเขตดุสิต พบปัญหาท้องไม่พร้อม

ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตดุสิต พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ในเขตดุสิต เพื่อนำนโยบายของพรรคสร้างการรับรู้และเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยได้นำเสนอนโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน เพิ่มสิทธิประโยชน์สวัดิการ เช่น ค่ารถเมล์ รถไฟ ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำประปา ฯลฯ รวมถึงนำเสนอนโยบายการดูแลผู้สูงวัย คือเพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน

เห็นคนเยอะแล้วคึก!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ เผยตนคือ 1 ใน 3 เเคนดิเดตนายกฯ ของ ‘เพื่อไทย’ ลั่น! เลิกพูดชื่อ ‘ทักษิณ’ไม่ได้ เพราะ ยังอยู่ในใจประชาชน

คนแน่นเต็มที่เวทีโคราช! ต่างจากเวที ‘รทสช.’ ‘อิ๊งค์’ ลั่นคนท้องไม่เหนื่อย รู้สึกฮึกเหิมเมื่อเห็นคนมาแน่น ขอให้มั่นใจทีมเดิมกลับมาพัฒนาประเทศ บอกไม่พูดถึง ‘ทักษิณ’ ไม่ได้ เพราะอยู่ในใจปชช.

(4 มี.ค.66) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่บริเวณตลาดเมืองคง อ.คง จ.นครราชสีมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะเดินทางขึ้นเวทีปราศรัยจุดที่สอง โดยมีประชาชนรอรับฟังการปราศรัยจนล้นพื้นที่ โดย น.ส.แพทองธาร ปราศรัยว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตนเคยมาอ.คง ช่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หาเสียง ขอบคุณสำหรับความต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม 8 ปีที่ผ่านมา ได้ฟังนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยว่าจะพัฒนานครราชสีมาและภาคอีสานอย่างไร แต่กลับถูกรัฐประหารทำให้การพัฒนาชะงัก ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าเพื่อไทยมา ยาเสพติดต้องหมดไป รวมถึงพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เชื่อในความสามารถของเพื่อไทยหรือไม่ นโยบายที่เราพูดแล้วทำได้ทุกครั้ง ขอให้มั่นใจทีมเดิมยังคงอยู่ ประชาชนจะอยู่ดีกินดีอีกครั้ง เราจะจัดสรรให้ประชาชนมีที่ดินทำกินเพิ่มขึ้น ตนขอฝากว่าที่ส.ส.เพื่อไทยทั้ง 16 คน ขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์

จากนั้นเวลา 17.30 น. ที่สนามหน้าศาลากลางอ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เดียวกับที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมมาร่วมปราศรัยด้วย โดยการจัดเวทีปราศรัยครั้งนี้มีประชาชนร่วมรับฟังคำปราศรัยจนเต็มพื้นที่ โดยนพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า การมาโคราชวันนี้เรามา 3 เวที เพราะต้องการแลนด์สไลด์ปักธงให้มั่นคง ณ เมืองย่าโม เพื่อไทยไป 14 เวที ได้ข้อสรุปแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยจะมี 3 รายชื่อ โดยหนึ่งในนั้น ชื่อ น.ส.แพทองธาร

นิ่งสยบ!! ‘จุรินทร์’ ลั่น! ไม่ตอบโต้ ‘รวมไทยสร้างชาติ’  มุ่งหาเสียงภาคใต้ พร้อมเปิด 5 ผู้สมัครส.ส.ปัตตานี พรุ่งนี้

‘จุรินทร์’ เผย ปชป. พร้อมเปิด 5 ผู้สมัครส.ส.ปัตตานี พรุ่งนี้ หลังกกต.ปรับแบ่งเขตเลือกตั้ง ชี้ พรรคไม่ต้องการโต้ตอบกับใคร ขอมุ่งหาเสียงอย่างเดียว

(4 มี.ค.66) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปรับการคำนวณจำนวนประชากร ทำให้เกิดแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้จ.นครศรีธรรมราชและปัตตานีมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้น ว่า เป็นเรื่องดีที่มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น โดยจ.ปัตตานี เพิ่มจาก 4 เป็น 5 เขต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ปัตตานีทั้ง 5 เขต ในวันพรุ่งนี้(5 มี.ค.) ส่วนที่จ.นครศรีธรรมราช เพิ่มเป็น 10 เขต โดยเรากำลังดำเนินการ แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครเกินจำนวนเขตเลือกตั้งอยู่แล้ว

ขอเคียงข้างชาวพัทลุง!! ‘มาดามเดียร์’ อ้อน! ขอโอกาส ส.ส. ‘ประชาธิปัตย์’ จับมือชาวใต้ โชว์อุดมการณ์แรงกล้า ‘เงินซื้อไม่ได้’

‘มาดามเดียร์’ ปราศรัยอ้อนชาวพัทลุงให้โอกาสผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ชวนแสดงอุดมการณ์ว่าคนภาคใต้เงินซื้อไม่ได้

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่จ.พัทลุง น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีปราศรัย “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ โอกาสปักษ์ใต้บ้านเรา” ในการเปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ที่สนามโรงเรียนพัทลุง ว่า วันนี้รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มาเจอพี่น้องชาวพัทลุง ซึ่งวันนี้ตนตั้งใจมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาหาพี่น้องชาวพัทลุง และที่ผ่านมาทุกคนอาจจะได้เห็นข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์มีเลือดไหลออก ทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกกังวล แต่การมายืนอยู่ของตนเป็นสิ่งที่จะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีเลือกไหลเข้าไม่จบ เลือดเก่าที่ไหลออก แต่เลือดใหม่ที่ไหลเข้าเป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยืนอยู่คู่คนไทยไม่เปลี่ยนแปลง 

“เราไม่ใช่พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นเพียงฉาบฉวย ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่คู่คนไทย อยู่คู่คนพัทลุงมา 77 ปี เพราะฉะนั้นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เราจะทำงานบนความรับผิดชอบ บนอุดมการณ์ที่ยึดมั่น และก็จะไม่เกิดขึ้นเพียงฉาบฉวย โดยที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของคนรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคตข้างหน้า และสิ่งที่อยากจะบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยังคงก้าวเดินต้อไปและจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งประชาธิปัตย์ได้” น.ส.วทันยา กล่าว 

น.ส.วทันยา กล่าวตอว่า จังหวัดพัทลุงมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 1,000 ปี และที่สำคัญบรรพบุรุษได้เคยสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศไทยหลายครั้งหลายคราว อย่างเช่น ในสมัยรัชกาลที่ 1 บรรพบุรุษชาวพัทลุงได้ช่วยกันสู้ศึกกับพม่าและสามารถรักษาเอกราชให้กับคนไทยไว้ได้ และตลอดระยะเวลากว่า 77 ปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดพัทลุงได้มีพรรคการเมืองเข้ามาแล้วก็จากไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเห็นอยู่ คือ คนพัทลุงและพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทอดทิ้งกัน เราร่วมต่อสู้และช่วยเหลือชาวพัทลุงมาโดยตลอด เราเป็นพรรคที่เกิดจากอุดมการณ์ที่มาจากประชาชน และมีรากฐานมาจากประชาชน และเป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีหัวใจเป็นประชาชน พรรคเราไม่มีเจ้าของ ไม่มีกลุ่มทุนที่มาคอยชี้นำ และไม่มีอำนาจรัฐที่จะขู่เข็ญประชาชน แต่พรรคประชาธิปัตย์เรายืนยัดอยู่คู่คนพัทลุงได้นั้น เพราะเรามีศรัทธาของคนพัทลุงเป็นหลังพิงเท่านั้น 

ขอความปรองดอง!! 'ชัยวุฒิ' ป้อง 'บิ๊กป้อม' โต้ 'ปิยบุตร' อย่าจมกับอดีต  ย้ำ!! ก้าวข้ามความขัดเเย้ง เน้นปรองดอง

'ชัยวุฒิ' ควง 'สันติ' ปราศรัย ปทุมธานี ชู คนรุ่นใหม่ มีหัวใจเดินหน้าพัฒนาปทุมฯ พร้อม โต้ ปิยบุตร อย่าจมกับอดีต ป้องบิ๊กป้อม ก้าวข้ามความขัดเเย้ง 

(4 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมว่าผู้สมัครจังหวัดปทุมธานี  ประกอบด้วย เขต 1 นายเสวก ประเสริฐสุข, เขต 2 นายนพดล ลัดดาแย้ม, เขต 3 นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า, เขต 4 นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง, เขต 5 นายปรีชา ชื่นชนกพิบูล, เขต 6 นายวิรัช พยุงวงษ์ และ เขต 7 น.ส.กฤษณา วงศ์คำ เข้าสักการะบูชา เซียนแปะโรงสี เพื่อความสิริมงคล และพบปะประชาชน ณ ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง ปทุมธานี ประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้สมัครส.ส. ปทุมธานีทั้ง 7 เขต  

โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า พาผู้สมัครของซึ่งมีครบทุกเขตแล้วมาเดินหาเสียง แนะนําตัวกับพี่น้องประชาชนที่ตลาดวัดศาลเจ้า ให้ความมั่นใจกับชาวปทุมธานีว่าทีมงานของพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่มีประสบการณ์ทั้งการเมืองท้องถิ่น อย่างผู้สมัครเขตนี้ก็คือ สจ.ตุ้ย ก็เป็นคนที่พี่น้องประชาชนรู้จักอยู่แล้วเป็น สจ. แล้วก็ลาออกมาลง สส ให้พรรคพลังประชารัฐ  หัวหน้าทีมก็พี่ใหญ่เป็นรองนายก อบจ. ก็จะมีประสบการณ์ มีความพร้อมที่จะทํางาน เพราะทีมงานทุกคนก็อยากจะมาช่วยกันพัฒนาปทุมธานี ปัญหาต่างๆที่ยังไม่รับการแก้ไข เราจะเร่งแล้วดําเนินการ เรื่องการจราจร ปัญหาเรื่องน้ําท่วม ปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อพัฒนาจังหวัดปทุมธานีให้ดียิ่งขึ้นให้ได้แน่นอน ก็เชื่อว่าสามารถยกจังหวัดได้ ถ้าเราทําการรณรงค์หาเสียงแล้วก็มีนโยบายต่างๆ ที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน สื่อไปถึงประชาชนให้เข้าใจให้ได้ทุกพื้นที่  ก็มีโอกาสที่จะชนะทุกเขตเพราะผู้สมัครของเราก็มีความพร้อมทุกคนที่จะทํางานเพื่อประชาชน โดยจะชูนโยบายเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาเมือง เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้การค้าขายดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น

สำคัญสุดเรื่องนโยบายพรรค ผู้สมัครต้องลงพื้นที่แล้วก็มีเครือข่าย มีการประชาสัมพันธ์ ปราศรัย ลงไปพบประชาชนทุกบ้าน ให้ประชาชนยอมรับ ให้เข้าใจนโยบายของพรรคมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อาจจะเป็นจุดอ่อนในรอบที่แล้ว ที่เราอาจจะลงพื้นที่น้อยไป หรือตัวผู้สมัครเราก็ไม่ได้มีพื้นฐานจากการเมืองท้องถิ่นก็ทําให้ลงพื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง รอบนี้ทางพรรคพลังประชารัฐผู้สมัครส่วนใหญ่ก็จะมาจากการเมืองท้องถิ่น เป็นอดีต ส.ส. เป็นอดีตรองนายก อบจ. เป็นอดีต ส.จ. เพราะฉะนั้นทุกคนก็จะมีพื้นฐานท้องถิ่น จะเข้าถึงชาวบ้าน ใกล้ชิด เข้าใจชาวบ้านได้ดีขึ้น                                                          

ลุยถิ่นย่าโม!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ อุ้มท้อง 7 เดือน นำ ‘เพื่อไทย’ สักการะย่าโม ลั่น! การบริหารประเทศ ต้องใช้องค์ความรู้หลายด้าน

"อุ๊งอิ๊ง" นำทีมสักการะย่าโม ชักดาบประกาศ ชัยชนะแลนด์สไลด์ยกโคราช ป้อง"เศรษฐา" ไม่ได้ประกาศต้องเป็นนายกฯ เท่านั้น วางคิวหาเสียงถึงสิ้นมีนา เตรียมคลอด

(4 มี.ค.66) เวลา 13.30 น. ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรค พท. อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค รวมทั้งว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 16 เขต เข้าสักการะย่าโมเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยได้ทำพิธีชักดาบเพื่อประกาศชัยชนะ และห่มสไบให้กับย่าโม เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ทั้งจังหวัดซึ่งมีประชาชนมารอต้อนรับและให้กำลังใจจำนวนมาก 

จากนั้นน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราหวังว่าที่โคราชจะต้องแลนด์สไลด์ ส่วนคำอธิฐานนั้นตนขอไว้ในใจแล้ว 

เมื่อถามว่าวันนี้พกความมั่นใจมาให้ชาวโคราชอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้เรามาเสนอนโยบายให้คนโคราชฟังว่า เมื่อเลือกพรรคเพื่อไทยคนโคราชจะได้อะไรบ้าง เราจะทำอะไรให้คนโคราชบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้วในการปราศรัยทุกพื้นที่เราจะมีนโยบายในแต่ละพื้นที่ เพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาไม่เหมือนกัน วันนี้เราได้เสนอเรื่องของที่ดินทำกิน น้ำท่วม และการเกษตร

เมื่อถามว่าการที่ได้ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจ เข้ามาร่วมงานด้านเศรษฐกิจ จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจให้กับชาวโคราชได้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าจากการที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ และรวมถึง นายเศรษฐาด้วย ก็รู้สึกมีกำลังใจว่าเราได้คนที่มีความสามารถจริง ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ มาช่วยเหลือประชาชนได้ เป็นความหวังที่ทีมเศรษฐกิจเราแข็งแรง มีแต่คนเก่งๆ และหลายคนตอนที่ตนอยู่ในธุรกิจโรงแรม ตนก็ได้มีการขอคำปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง 

ต้องขอถามว่า นายเศรษฐา คือหนึ่งในคนที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนคิดว่าเหมาะสมแน่นอน เพราะท่านเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และอิงค์คิดว่าจากการที่ท่านบริหารธุรกิจประสบความสำเร็จมาก ไม่ใช่ใคร ๆ ก็ทำได้ ส่วนการจะประกาศชื่ออย่างเป็นทางการก็ต้องรอกรรมการบริหารพรรค 

เมื่อถามอีกว่า นายเศรษฐา ชัดเจนว่าตำแหน่งที่ต้องการคือนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนคิดว่า นายเศรษฐาต้องการจะพูดว่า ต้องการจะขับเคลื่อนนโยบาย เพราะก่อนที่จะมีการเปิดตัว เป็นทีมเศรษฐกิจท่านก็เข้ามาช่วยงานด้านนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งท่านก็พูดว่าตำแหน่งนายกฯ จะเป็นตำแหน่งที่ผลักดันนโยบายได้มากที่สุด และก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาก็ไม่ได้สนใจจะเป็นนักการเมือง ท่านคงพูดในภาพรวมว่า ถ้าจะเป็นจริง ๆ นายกฯ จะสามารถผลักดันนโยบายได้แต่ตำแหน่งอื่น ๆ ท่านไม่ได้มีความรู้และความสนใจ 

เมื่อถามต่อว่าท่าทีของ นายเศรษฐา จะเป็นการกดดันพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่เลย ท่านก็พูดเองว่าหากไม่เสนอท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านก็ทำเรื่องนโยบายอย่างนี้ นายเศรษฐา ไม่ได้พูดว่า ต้องเป็นนายกฯ เท่านั้น ไม่งั้นไม่ช่วย ไม่ใช่เลย นายเศรษฐา ช่วยมาตลอด

ไม่ลืมผู้อยู่เบื้องหลัง!! ‘อนุทิน’ นำทัพ ‘ภูมิใจไทย’ หนุน ‘อำนาจ วิลาวัลย์’ ชู ‘ปราจีนบุรี’ เป็นจังหวัด แห่งความภาคภูมิใจ

‘อนุทิน’ ยกทีม ‘ภูมิใจไทย’ ช่วย ‘อำนาจ วิลาวัลย์’ หาเสียง ยกเป็นจังหวัดแห่งความภาคภูมิใจ ให้ผู้แทนคนแรกของพรรค ขอกาบัตร 2 ใบ เลือกภูมิใจไทยเท่านั้น ผลักดันเพิ่มค่าตอบแทน อสม.ตุลาฯ 66 เริ่มรับ 2,000 บาท

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ศูนย์อาหารโตริโน่ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำคณะผู้บริหาร อาทิ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย นายนายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย เดินทางลงพื้นที่ช่วยนายอำนาจ วิลาวัลย์ หาเสียงเลือกตั้ง ประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ 

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่นี่มีบุญคุณกับพรรคภูมิใจไทย เป็นอย่างยิ่ง ที่นี่คือเกียรติยศแรกของเรา เราชนะการเลือกตั้งครั้งแรก ก็ที่นี่ ในตอนปี 2550 ตอนนั้น คนลงสมัคร และทำให้เรายิ้มไม่หุบชื่อ อำนาจ วิลาวัลย์ เป็นคนที่ผมลงมาช่วยหาเสียงในวันนี้ และผมมีความมั่นใจว่า ท่านเป็นคนคุณภาพของพรรค ไม่ต่างกับผู้สมัครของพรรค ทุก ๆ คน การที่ท่านให้ ส.ส.คนแรกของพรรค ท่านทำให้เรามีความมั่นใจ ที่จะเดินหน้าต่อไป

นโยบายกัญชา ผมไม่ลืมว่าชาวปราจีนบุรีอยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่เกิดขึ้นเพราะโรงพยาบาลอภัยภูเบศรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการแพทย์แผนไทย ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดของท่าน

“นี่คือความผูกพันระหว่าง พรรคภูมิใจไทย กับพี่น้องชาวปราจีนบุรี พรรคภูใจไทย เป็นพรรคที่สมบูรณ์ เพราะชาวปราจีนบุรี หลังจากนั้น ท่านไม่เคยทิ้งเรา ผมอ้างชื่อชาวปราจีนบุรี คุ้มกะลาหัว ไปจังหวัดไหน ผมจะบอกว่า ขอให้เลือกภูมิใจไทยยกจังหวัด แบบที่ชาวปราจีนบุรีได้ทำไว้ ซึ่งท่านให้เรามาแบบยกจังหวัดทุกสมัย ตั้งแต่มีพรรคภูมิใจไทย และตอนนี้ หลายจังหวัด ก็เลือกเราแบบยกจังหวัด เหมือนที่ท่านให้เรา ซึ่งไม่ผิดหวัง เพราะเราทำงานตอบแทนความวางใจของท่านอย่างสุดความสามารถ เพราะท่านไม่เคยลืมเรา” นายอนุทิน ระบุ 

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่นี่เพิ่งมีรัฐมนตรีเป็นคนปราจีนบุรี ทำงานกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งที่ท่านทำไว้มีคุณค่ามาก ท่านยกเลิกผู้ค้ำประกันผู้กู้ กยศ. เพิ่มโอกาส การศึกษาให้ลูกหลาน จากนี้ เราจะต้องทำให้กองทุน กยศ. ต้องไม่มีดอกเบี้ย นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ 

ปักธงแลนด์สไลด์!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ บุกเมืองย่าโม อ้อนคนโคราช ขอชนะทั้ง 16 เขต ลั่น!! พร้อมนำโอกาส-อนาคตประเทศกลับคืนมา

(4 มี.ค. 66) ที่อาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมือง อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชายของน.ส.แพทองธาร และแกนนำพรรค พท. อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต โดยมีประชาชนร่วมเวทีปราศรัยจนเต็มพื้นที่

โดย นพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า เรามีความตั้งใจยกทัพใหญ่มาโคราช ซึ่งโคราชเป็นเมืองที่มีโอกาสมากที่สุดในประเทศ เพราะมี ส.ส.มาถึง 16 เขตเลือกตั้ง ฉะนั้น ต้องปักธงแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น เริ่มต้นจากปักธงชัย ปักธงมั่งคงที่ อำเภอคง และปักธงให้ยกจังหวัดที่เมืองย่าโม เสียงสะท้อนประชาชนทุกเวที เมื่อพูดถึงว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ทุกเสียงบอกว่า น.ส.แพทองธาร โคราชเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น ถ้าเราไม่คิดใหญ่พอ โอกาสของทุกคนที่สูญเสียไป 8 ปีจะสูญหาย เพื่อเอาโอกาสอนาคตประเทศกลับคืนมา ขอสัญญาใจพี่น้องชาวโคราชว่า จะคิดใหญ่ได้ต้องชนะทั้ง 16 เขต ถล่มทลายยกโคราช อย่างน้อยต้องได้ 250 ที่นั่งขึ้นไป

นพ.ชลน่าน ปราศรัยต่อว่า เมื่อเดือนที่แล้วโพลที่ทำโดยหน่วยงานลับออกมาบอกว่า เพื่อไทยทั่วประเทศ จะได้ 270 ที่นั่ง ดังนั้น หากต้องการเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต้องกาเพื่อไทยทั้งสองใบทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป ถ้าเราไม่ได้ 250 เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตั้งแต่นโยบายที่ทำได้ คือเพื่อไทย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยกินได้และเราทำเป็น จากผลสำรวจโพลทุกสำนักเพื่อไทยมาเป็นอันดับหนึ่ง เราไม่มีพลังใหม่ ไม่มีพลังเก่า แต่เอาทุกมาผสมผสานเพื่อทำหน้าที่ให้ประชาชน

ต่อมา นายประเสริฐ ปราศรัยว่า ตนเป็นคนโคราชตัวจริงเสียงจริง ไม่เหมือนนักการเมืองบางคน บอกว่าเป็นคนโคราช แต่ไม่มีบ้านอยู่โคราช แอบใช้บ้านหลวงใช้ไฟฟรี ซึ่งโคราชเป็นเมืองหญิงกล้า และวันนี้นางสาวแพทองธาร เป็นอีกหนึ่งหญิงกล้า ที่เปรียบเป็นนารีขี่ม้าขาวมาอาสาทำงานกอบกู้วิกฤติประเทศ วันนี้ถึงเวลาของสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของโคราชแล้ว 8 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย บอกว่าจะปฏิรูปหลายอย่าง เอา ส.ว.ที่ตัวเองแต่งตั้งเลือกนายกฯ อย่างหน้าด้าน คนไทยตัวเล็กลงแต่ระบบราชการใหญ่ขึ้น จาก 8 ปีที่ผ่านมา โดย 4 ปี แรกไปพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อสืบทอดอำนาจ และไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็สืบทอดอำนาจ ถ้าเลือกอีก 4 ปี ก็เลือกเผด็จการ และ 8 ปีที่ผ่านมาโคราชไม่ได้อะไรเลย

“ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลราคาสินค้าเกษตร ทั้งอ้อย ข้าว ข้าวโพด จะราคาสูงขึ้น ราคาปุ๋ยลดลง รวมทั้งจะฟื้นฟูโครงการสินค้าโอทอปที่เกิดในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้นเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ถ้าไม่แลนด์สไลด์ คนที่เราไม่อยากให้เป็นนายกฯจะกลับคืนมา” นายประเสริฐ กล่าว

แก้ปัญหาตรงจุด!! ‘กรณ์’ ลุยบางคอแหลม ‘พูดคุย-รับฟัง’ ปัญหาชาวบ้าน ปลื้ม!! ส่วนใหญ่ขานรับนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ แก้หนี้ทั้งระบบ

(4 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตบางคอแหลม ถนนเจริญกรุง โดยนายกรณ์ แนะนำตัวผู้สมัครและสอบถามความเป็นอยู่ของพี่ประชาชน ซึ่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนให้ความสนใจนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะหลายคนก็พบเจอปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถกู้เงินในระบบได้

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายการหาเสียงที่ชัดเจนว่า มุ่งเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่เน้นประชานิยม เนื่องจากมองว่านโยบายประชานิยม เช่น พักหนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการผลักปัญหาออกไปโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร เราจึงเลือกที่จะนำเสนอนโยบายที่สร้างโอกาสให้ประชาชนปลดหนี้ ลดหนี้ โดยยกตัวอย่างในช่วงวิกฤตโควิด พรรคได้ทำโครงการกล้าปลดหนี้ มีประชาชนมาขอคำปรึกษาว่าเขามีหนี้นอกระบบอยู่ 50,000 และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ เราจึงช่วยหาสถาบันการเงินมาปล่อยกู้ให้ 100,000 บาท เพื่อปลดหนี้นอกระบบที่มี และอีก 50,000 บาทเขานำไปวางเงินดาวน์เปิดร้านหมูกระทะ จนปัจจุบันกิจการรุ่งเรือง สามารถปลดหนี้ได้ และหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ เพราะเขาได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้เขาเดินต่อได้

นายกรณ์ กล่าวว่า วันก่อนได้มีโอกาสได้คุยกับคนรุ่นใหม่แถวสามย่าน เขาเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน เขาบอกว่า บ้านที่คนส่วนใหญ่บ้านคนสนใจราคาอยู่ประมาณ 2 ล้าน และถ้าคนเจตนาจะมีบ้าน 10 คน แบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้เพียง 2 คนเท่านั้น ในขณะที่อีก 8 คน ก็ยังต้องเช่าบ้านที่ราคาแพงกว่าเงินที่ใช้ผ่อนบ้าน แทนที่จะให้เขากู้เงินแล้ว เอาเงินค่าเช่ามาเป็นเงินผ่อน ที่ต้องจ่ายไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา โอกาสการในการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อเทียบกับออสเตรเลีย ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 4% ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 5% ส่วนต่าง 1% เช่นเดียวกับมาเลเซีย ถ้าอัตราส่วนต่างไม่เกิน 2% ในขณะที่ประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1% และดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 6% ทำไมส่วนต่างเราสูงกว่ากันมาก แต่บ้านเราไม่มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีคนคิดเชิงโครงสร้าง ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“ชีวิตผมเอง 20 ปี ผมทำธุรกิจมา เหมือนกับคุณปรัชญา ก็ทำธุรกิจ และไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามในทุกประสบการณ์ก็เป็นประโยชน์ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจ มีความสำคัญ ที่จะเป็นเส้นแบ่งสำคัญของนักธุรกิจกับนักการเมืองคือ จิตสาธารณะ ความเสียสละ ที่เราต้องปรับตัว เพราะเรามีหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า หรือคนที่เลือกเรา ความเข้าใจตรงนี้ นักธุรกิจมองข้ามไม่ได้ และต้องปรับตัวให้ได้” นายกรณ์ กล่าว

‘พิธา’ ยันคำเดิม ไม่ร่วมส่วนผสมกับพรรคทหารจำแลง ครม.ไหนมี ‘ตู่-ป้อม’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

‘พิธา’ ควง ‘ปิยบุตร’ ขึ้นซาเล้งแห่หาเสียง ดัน ‘ทนายป๊อก’ ย้ำแชมป์ขอนแก่นเขต 1 ไม่หวั่นแบ่งเขตเปลี่ยนไปมา มั่นใจรอบนี้คนแห่เลือกตั้งเพื่ออนาคตมากขึ้น ยืนยันคำเดิม ครม. ไหนมี ‘ประวิตร-ประยุทธ์’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

(4 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแห่หาเสียง โดยใช้ขบวนรถสามล้อและมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแห่ไปรอบตัวเมืองขอนแก่น ทักทายประชาชน แนะนำตัวผู้สมัครและนโยบายของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง โดยกิจกรรมตลอดช่วงเช้านี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวขอนแก่นตลอดสองข้างทางเป็นอย่างดี

ก่อนเริ่มขบวนแห่ ทั้งสามคนร่วมให้สัมภาษณ์และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ซึ่งถามถึงความมั่นใจของพรรคก้าวไกลต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยปิยบุตร ระบุว่าจากการติดตามผลสำรวจคะแนนนิยมอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลยังคงอยู่ เมื่อ 4 ปีที่แล้วทุกคนก็ปรามาสพรรคอนาคตใหม่ว่าจะไม่ได้คะแนนนิยม แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถึง 88 ที่นั่ง รวมทั้งที่ขอนแก่นเขต 1 ด้วย มาครั้งนี้ก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะยังคงเก็บชัยชนะได้

ด้านนายพิธา ระบุว่าในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลตั้งเป้าหมายว่าจะต้องได้จำนวน ส.ส.เขตมากขึ้น ให้มี ส.ส.เขตในทุกภาค และต้องมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงจะต้องได้คะแนนนิยมรวม หรือพอปพิวลาร์โหวตมากขึ้นด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นไปได้ แม้วิธีการคำนวณคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้อาจต่างกัน แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในปัจจัยที่เราควบคุมได้ เรามีแผนการหาเสียงยาวไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งแล้ว ทั้งการเปิดตัวนโยบาย ลงพื้นที่ เปิดตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อ

แต่หากจะมีสิ่งใดที่ยังเป็นข้อกังวลอยู่บ้าง ก็คงจะมีการเขียนเขตที่ไม่แน่นอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการไม่มีระบบรายงานผลแบบเรียลไทม์ การใช้เวลาราชการและการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาเสียงโดยฝ่ายรัฐบาล แต่เราก็จะทำในสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องไปยัง กกต. ให้จัดการการเลือกตั้งอย่างมีระบบ มีความชัดเจน มีบรรทัดฐานที่ต่อเนื่อง และไม่สร้างความสับสนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

นายพิธายังกล่าวต่อไปว่า สำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนและพรรคก้าวไกลคาดแล้วว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้มีการวางแผนให้ผู้สมัครเดินหาเสียงไปพร้อมกัน 2-3 ทีมในเขตใกล้เคียงกันหลายที่ ให้ประชาชนได้เห็นตัวผู้สมัครครบทุกคน ทำงานเป็นทีมและส่งพลังให้แก่กันด้วย

ทั้งนี้ การแบ่งเขตแบบที่นับรวมฐานประชากรแต่เฉพาะคนสัญชาติไทย อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเขตไปอย่างมีนัยยะสำคัญในจังหวัดอย่างเชียงใหม่และเชียงราย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ในทุกรูปแบบ และเชื่อว่าจะสามารถรักษาเขตเดิมและเพิ่มเขตใหม่ได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อถึงกรณีการขยับของพรรคเพื่อไทย ที่มีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจขึ้นมา จะส่งผลต่อการหาเสียงของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธาระบุว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเสมอในการแข่งขันเชิงนโยบายเพื่อเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้สังคมไทย และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคก้าวไกลก็พร้อมที่จะร่วมมือกับแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ในอนาคต เพราะวันนี้ทั้งสองพรรคต่างเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม ที่เมื่อนำมารวมกันจะเป็น ครม. ที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ของประเทศไทยได้

'พิธา' อ้อน!! ปชช. เลือกก้าวไกล ปิดสวิตช์ 3ป มั่นใจ!! ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(4 มี.ค. 66) ‘พิธา’ ปราศรัยขอนแก่น ขอประชาชนเลือกก้าวไกลยกจังหวัด ชี้ การรวมตัวอนาคตใหม่-ก้าวไกล สะท้อนการเมืองคือความเป็นไปได้ ชูนโยบายปากท้อง ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’ เปลี่ยนแรงงานภาคอีสานเป็นเถ้าแก่ ยันรอบนี้ไม่มีงูเห่าแน่นอน

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยบนเวทีหาเสียง ท่ามกลางประชาชนที่รอฟังอย่างคึกคัก ความตอนหนึ่งว่า การที่เราทุกคนมารวมตัวกันวันนี้ พิสูจน์แล้วว่าการเมืองคือ เรื่องของความเป็นไปได้

4 ปีก่อน หลายคนตั้งคำถามว่าการทำการเมืองแบบอนาคตใหม่ ที่ไม่มีหัวคะแนน ที่คนธรรมดามาลง ส.ส. จะทำให้เราได้ ส.ส.สักกี่คน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น หรือการทำงานในสภาฯ ทั้งอภิปรายกระดุม 5 เม็ด หรือเรื่องตั๋วช้าง ที่ได้รับการยอมรับ พวกเราทำได้ เราพิสูจน์ว่าเขาพูดผิด ในการเลือกตั้ง 2562 ที่ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ได้เกือบ 200,000 คะแนน เขต 1 ขอนแก่น ได้คะแนนมากกว่า 40% เจาะไข่แดงได้สำเร็จ

“เขากระทืบเราให้จมดิน แต่ไม่รู้เลยว่าเราคือเมล็ดพันธุ์ ยิ่งเหยียบยิ่งโต เขาเด็ดดอกไม้ได้ แต่หยุดฤดูใบไม้ผลิไม่ได้” นายพิธากล่าว

นายพิธากล่าวต่อว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้ หลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะมาช่วยพรรคก้าวไกลหาเสียง แต่พวกเราคือมิตรแท้ ผูกเสี่ยวกันไว้หมดแล้ว วันนี้เหลืออีกเพียงประมาณ 60 วันก่อนเลือกตั้ง อยากชวนให้ประชาชนเปลี่ยน 3ป เป็น 3P 'พิธา-ปิยบุตร-พรรณิการ์' เลือกตั้งทั้งที อย่าแค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่ต้องเปลี่ยนประเทศ กาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

ไม่เหมือนเดิม คือ การเมืองดี เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ส่งลุงกลับบ้านเลี้ยงหลาน ปิดสวิตช์ 3ป ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 100 วันแรกทันที

ปากท้องดี คือ เปลี่ยนให้ขอนแก่นไม่เหมือนเดิม ตลอดเวลาที่ผ่านมาวิสัยทัศน์ของตนสำหรับภาคอีสานไม่เคยเปลี่ยน และนับวันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ สรุปเป็น 3 คำนี้ คือ ‘ตัดตอน แต้มต่อ ตั้งตัว’

‘ตัดตอน’ คือ ตัดตอนทุนผูกขาด เราต้องเปลี่ยนแรงงานเป็นผู้ประกอบการ เป็นเถ้าแก่อีสานให้ได้ นโยบายก้าวไกล ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาท ผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า สร้างงานซ่อมประเทศไปด้วยกัน

‘แต้มต่อ’ คือ หวย SME ให้แต้มต่อแก่ร้านรายย่อย เปลี่ยนใบเสร็จเป็นหวย ใครช่วยซื้อสินค้าจากรายย่อย ลุ้นได้เงินล้าน

‘ตั้งตัว’ คือกองทุนตั้งตัว ให้เงินทุน SME ตั้งตัวรายละ 1 แสนบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน 2 แสนรายต่อปี

มีอนาคต คือ คนขอนแก่นต้องกำหนดอนาคตตัวเองได้ ซึ่งจะมีอนาคตได้ ต้องกระจายอำนาจ ปลดล็อกท้องถิ่น

ชวนทำความรู้จัก 'ระบบบัญชีรายชื่อ' ให้ลึกและรอบมากขึ้น ก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง

การเลือกตั้งใหญ่ 2566 ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีความแตกต่างจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่ครั้งนั้นใช้บัตรใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส.เขต 350 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ อีก 150 คน ภายใต้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม และคำนวณจากสูตรจำนวน ส.ส. พึงมี

แต่หนนี้จะกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่ง 1 ใบสำหรับเลือก 'คน' ที่รัก อีก 1 ใบสำหรับ 'พรรค' ที่ชอบ โดย ส.ส. 500 คน จะมาจาก ส.ส.เขต 400 และบัญชีรายชื่อ อีก 100 คน 

การเลือก 'ผู้แทนราษฎร' ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือระบบที่ให้ผู้ลงคะแนนเสียงเลือก 'พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง' โดยแต่ละพรรคจะจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครไว้ไม่เกินเพดานจำนวนที่กำหนด และเมื่อผ่านการลงคะแนนแล้ว ผู้สมัครที่อยู่ในบัญชีของพรรคนั้นก็จะได้รับเลือกตามสัดส่วนคะแนนเสียงที่ได้รับ 

สำหรับประเทศไทยนั้น มีจุดเปลี่ยนสำคัญหลังการปฏิรูปการเมืองจนได้มาซึ่ง 'รัฐธรรมนูญปี 2540' ที่มีการนำเสนอระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ที่พลิกโฉมการเมืองไทย คือระบบ 'ปาร์ตี้ลิสต์' เป็นครั้งแรก เจตนารมณ์เพื่อ 'เพิ่มบทบาทของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรค' ทำให้พรรคการเมืองมีความสำคัญมากขึ้น และทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือก ส.ส. ในเขตพื้นที่ และพรรคการเมืองที่ชื่นชอบแตกต่างกันได้ 

'ปาร์ตี้ลิสต์' ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2544 โดยมีการแยกที่มาของ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อออกจากกันชัดเจนด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และใช้บัญชีปาร์ตี้ลิสต์เดียวเป็นแบบเขตเดียวทั้งประเทศ

ต่อมา 'รัฐธรรมนูญ 2550' มีการปรับมาใช้ระบบ 'สัดส่วน' แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งทั้งประเทศเป็น 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละพรรคการเมืองจะต้องส่งรายชื่อผู้สมัคร 8 บัญชี ลงสมัครใน 8 กลุ่มจังหวัด บัญชีละไม่เกิน 10 คน เรียงตามลำดับหมายเลข   

อย่างไรก็ตาม รูปแบบดังกล่าวนี้ใช้ได้เพียง 1 ครั้ง  เมื่อต่อมา ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนมือมาเป็น 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' สภาผู้แทนราษฎรก็ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบการเลือกตั้ง ส.ส. กลับไปใช้บัญชีรายชื่อบัญชีเดียวทั่วประเทศ จำนวน 125 คน

กระทั่งถึง 'รัฐธรรมนูญ 2560' มีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง โดยมีการนำ 'ระบบจัดสรรปันส่วนผสม' มาใช้  มีการเพิ่มจำนวน ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อขึ้นเป็น 150 คน และให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส. ระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อ 

จนมาถึงการเลือกตั้ง 2566 นี้ จะมีการปรับกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และใช้การคิดคำนวณแบบคู่ขนาน หรือ Mixed Member Majoritarian System ซึ่งมีจำนวน ส.ส.เขต 400 คน และ ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน เหมือนการเลือกตั้ง ปี 2544 

โจรใต้ลอบวางระเบิดขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ทหารเสียชีวิต 2 เจ็บ 1 ‘พ.ต.ไพศาล’ รอดหวุดหวิด

(4 มี.ค. 66) ‘คุณวาสนา นาน่วม’ ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และโพสต์ทูเดย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

บึ้ม! ขบวนรถ รองแม่ทัพภาค 4 ‘พลตรีไพศาล หนูสังข์’ รอดหวุดหวิด หน่วย EOD พลีชีพ 2 หลังนำทีมเข้าตรวจสอบเหตุยิงฐาน ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส คาดเป็นแผนก่อเหตุ และลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวางระเบิด ดักใต้ถนนลากสายกดชนวนรถ EOD ติดเครื่อง Jammer โดนระเบิด ถือเป็นเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ ‘พลเอก Zulgifli’ ผู้อำนวยความสะดวก การพูดคุยสันติสุขฯ ของรัฐบาลมาเลเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

มีรายงานว่า เมื่อช่วง บ่าย 15.10 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุวางระเบิดในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขบวนรถของพลตรีไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 ที่เดินทางออกจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังยิงฐานปฎิบัติการ ฉก.ทพ. 4906 บ้านไออาร์แซ ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตถ ตั้งแต่เช้า 2 มีนาคม 2566

จากแรงระเบิดทำให้รถนำขบวนที่เป็นชุด EOD ฉก.อโณทัย ได้รับความเสียหาย ทหารหน่วย EOD บาดเจ็บ 3 นาย และพบว่า 2 นาย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ถอนลึกถึงราก!! ‘บิ๊กเด่น’ ลุยหน้า! กวาดล้าง ‘ซัว มาเฟียฯ’ ออกหมายจับ - ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1.4 พันล้าน

(3 มี.ค.66) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ดำเนินการตรวจสอบคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากมีประเด็นกรณีเป็นเจ้าของเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จำนวน 55 บริษัท มีพฤติการณ์ในการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า สารวัตรซัว และบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการพนันออนไลน์ เบื้องต้นเชื่อว่า มีบริษัทกว่า 30 บริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ปที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทผลิตเกมส์, ผลิตโปรแกรม, พัฒนาซอฟแวร์, จัดการบัญชี, จดทะเบียนพาณิชย์, จัดการเงิน, แลกเปลี่ยนเงิน และทำการตลาด

นอกจากนี้ ยังพบว่า เมื่อปี พ.ศ.2555 ได้มีภาพซึ่งปรากฎข้อความที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ติดอยู่บริเวณหน้าบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จากข้อมูลดังกล่าวจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า สารวัตรซัว น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ มาตั้งเเต่ปี พ.ศ.2555  เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยจากการสืบสวนพบมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ของสารวัตรซัวเป็นจำนวนหลายคดี ซึ่งอยู่ระหว่างทำการสืบสวน
 

แต่ละจังหวัดมี ส.ส.ได้กี่คน?

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่แต่ละจังหวัดกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐาน การทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง นั้น คำว่า “ราษฎร” ไม่หมายความรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทย


 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top