Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

‘นิพนธ์’ หนุน!! เพิ่มค่าตอบแทน ‘อบต.-ผู้นำท้องถิ่น’ ชี้เป็นกลไกที่มุ่งไปสู่การทำงาน เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ปชช.

(11 มี.ค. 65) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง การปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการปกครองท้องที่ ในช่วงที่ผ่านมาหลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปว่า การทำงานทั้งสองส่วนคือทั้งท้องถิ่นและท้องที่นั้นถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด ทั้งสองส่วนก็มีส่วนสำคัญในการดูแลป้องกันความปลอดภัยในชีวิตให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และยังมีปัญหาอื่น ๆ ที่จะต้องดูแลแก้ไข เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชนอีกหลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลรวมถึงประชาชนต่างต้องพึ่งพิงการทำงานภายใต้ความรับผิดชอบของทั้งอบต. เทศบาล อบจ. รวมไปถึง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรฯ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาตลอด ซึ่งช่วยให้วิกฤตการณ์ต่าง ๆในประเทศได้คลี่คลาย ผ่านพ้นไปในทางที่ดี

‘กรณ์’ นำทีมลุยพื้นที่หาดใหญ่ ชี้นำแนวทางให้ชาวบ้าน ปชช. ต้อนรับคึกคัก ขอฝาก ‘ประเทศไทย’ ไว้ในมือกรณ์

(11 มี.ค. 66) ที่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1 นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ เขต 3 และ ทนายอาร์ม -นายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลา เป็นวันที่สอง โดยในช่วงเช้า นายกรณ์ และนายจูรี ลงพื้นที่หาดใหญ่บริเวณตลาดคลองเรียน เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ส่งเสียงร้องทัก กันอย่างคึกคัก และขอถ่ายภาพตลอดเส้นทาง พร้อมกับบอกว่า เป็นแฟนคลับทั้งจูรี ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับชาวสงขลา และคนภาคใต้ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยชาวบ้านขายของสร้างรายได้ให้ชุมชน ส่วนนายกรณ์ รู้จักและเห็นฝีมือการทำงานมาแล้วและเชื่อว่าถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในรัฐบาล จะสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างแน่นอน 

ต่อมานายกรณ์ พร้อมด้วย ทนายอาร์มนายพงศธร ผศ.ดร.ประสิทธิ์ และ นายกัณฑ์ พบกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ตามคำเชิญของ ยูนิกิฟาร์ม โดยมีชาวบ้านที่สนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยทางผู้ประกอบการต้องการให้พรรคชาติพัฒนากล้า ผลักดันนโยบายเพื่อเกษตรกรรายย่อย และอยากให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อทำสมาร์ทฟาร์ม ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงกว่าแต่ราคาผลผลิตดีกว่าหลายเท่า และยังมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก ตอนนี้ทางยูนิกิฟาร์มมีออเดอร์จากประเทศมาเลเซีย แต่ไม่สามารถผลิตได้ทันทำให้เสียโอกาสไป 

ซึ่งนายกรณ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร คือการแปรรูป และการจะแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร หัวใจก็อยู่ที่ วิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ชุมชน ยกตัวอย่าง ที่ตนเคยลงไปทำข้าวอิ่มที่ จ.มหาสารคามปีนี้เข้าปีที่ 10 ชาวบ้านขยายผลจากการทำข้าวเกษตรอินทรีย์ ไปสู่การนำปลายข้าว ผลิตเป็นเครื่องสำอาง ขนมอบกรอบหลายชนิด เหล่านี้ล้วนทำได้ หากมีการส่งเสริมกระบวนการแปรรูปอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญต้องปฏิรูปสหกรณ์ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกรอย่างจริงจัง วันนี้ชาวบ้านแบกราคาปุ๋ยที่สูงมาก เราควรมีนโยบายลดต้นทุนโดยการสรรหาวัตถุดิบมาผลิตปุ๋ย ประเทศไทยมีเหมืองแร่โปแตสอยู่หลายแห่ง สามารถนำมาใช้เพื่อลดการใช้ปุ๋ยลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบสมาร์ทฟาร์มคือการใช้ปุ๋ยแบบแม่นยำก็จะสามารถลดต้นทุนลงมาได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องได้คนที่เข้าใจเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ความจนไม่ใช่การส่งต่อข้ามรุ่น แต่แก้ได้ ถ้าได้รับโอกาสที่ดี 

“วันนี้เกษตรกรแบกรับต้นทุนพลังงานที่สูงมาก หากมีการต่อสู้เรื่องพลังงานได้จะลดต้นทุนไปได้มาก  พรรคชาติพัฒนากล้า ต่อสู้เรื่องการรื้อโครงสร้างพลังงาน ชนกับทุนใหญ่ เหตุผลที่เรากล้าทำเพราะคิดว่า การทะเลาะกับทุนใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน คุ้มกว่าทะเลาะกันเองโดยที่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นอกจากนี้ นายกรณ์ ยังได้นำเสนอนโยบายเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งนโยบายสูงวัยไฟแรง จ้างผู้สูงอายุทำงาน 5 แสนตำแหน่ง รวมไปถึง นโยบายสร้างบ้านให้ผู้สูงอายุหรือ อารยสถาปัตย์  50,000 บาทต่อครัวเรือน ลดปัญหาผู้สูงอายุล้มในบ้านที่มีมากถึงปีละ 4 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทั้งประเทศ โดยตั้งเป้า 1 ล้านครัวเรือนต่อปี และยังมีกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำหรับคนทุกวัย เพื่อสร้างธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุด 1 ล้านบาทไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 

'อิ๊งค์' อ้อน 'คนพิจิตร' ขอแลนด์สไลด์ 310 เสียง ฟาก 'ชลน่าน' ย้ำไม่จับมือ 'ลุงป้อม' หลังเลือกตั้ง

(11 มี.ค.66) ที่เวทีปราศรัยวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดย น.ส.แพทองธาร แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย ร่วมเวที มีประชาชนรอรับฟังคำปราศรัยจนเต็มหน้าลานวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร

ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า วันนี้เราต้องชูธง ปักชัย เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียง ถ้าเราไม่ได้ 310 พี่น้องชาวพิจิตรจะต้องอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปอีก 4 ปี ตอนแรกเราต้องการ 250 เสียงเพื่อชนะ ส.ว.ก่อน แต่จากการลงพื้นที่ประชาชนให้มาเกิน 250 เสียงแล้ว เมื่อมีคนออกมาบอกว่าพรรค พท.ได้ส.ส. 270 เสียงก็จะดันพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ถ้าเราไม่ได้คะแนนจากพี่น้องชาวพิจิตร เสียง 310 อาจเป็นไปไม่ได้เลยต้องมาขอคำมั่นสัญญาจากพี่น้องชาวพิจิตรจะเลือกพท.ทั้ง 2 ใบ มีคนออกมาตั้งข้อสังเกตหลังเลือกตั้งพรรคพท.จะจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ยืนยันหลังการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับลุงป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ) พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ถ้าเราได้ 310 เสียงจะได้นายกฯจากประชาชนและเราจะได้ผลักดันนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ 

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ดีใจได้มาเจอคนพิจิตรด้วยตัวเอง คนที่พรรคพูดกันว่าตนจะเดินทางได้ถึงเมื่อไหร่ แต่พอบอกมาพิจิตรจึงต้องมา ถ้าพิจิตรแลนด์สไลด์นายกฯ มาจากพท.แน่นอน ทั้งนี้ จ.พิจิตรมีปัญหามากมาย การเกษตร เราจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรดียกแผง ข่าวราคาดี ปุ๋ยต้องถูกลง พรรคพท.จะมีนโยบายใช้เทคโนโลยีมาช่วยประชาชน พรรคพท.จะทำให้ประชาชนมีที่ดินทำกินอย่างเท่าเทียมกัน ตนขอฝากผู้สมัครทั้ง 3 เขตของจ.พิจิตร ให้แลนด์สไลด์ เลือกพท.ทั้งคนทั้งพรรค และพิเศษที่สุดที่ จ.พิจิตร ตนขอแนะนำนายเศรษฐาที่เป็นประธานที่ปรึกษาของพรรค และอยู่ในทีมเศรษฐกิจ มั่นใจได้เลยว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่นอน

'เศรษฐา' น้อมรับ 'วันชัย' เตือนต้องสลัดภาพนักธุรกิจ ชี้!! ดูกันยาวๆ เชื่อ!! ไม่ซ้ำรอยอดีตสองนายกฯ

(11 มี.ค. 66) ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตส.ส.พิจิตร พรรคพท. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ทั้งนายภูดิท อินสุวรรณ์, นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร และนายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ เข้าสักการะหลวงพ่อเพชรเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ จ.พิจิตรที่เวทีปราศรัยวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร มีประชาชนจำนวนหนึ่งสวมเสื้อแดงรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ 

โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะแนะนำนายเศรษฐาให้ประชาชนได้เห็น เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาปราศรัยร่วมกันกับทีมพรรคพท.โดยมาในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย 

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพื้นที่ จ.พิจิตร เป็นของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขต จะทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "เรามั่นใจอย่างมากด้วยนโยบายของเรา และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ที่ทำงานกันอย่างหนัก ฉะนั้นเรามั่นใจและต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ขอทั้ง 3 เขตเลย"

เมื่อถามถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ออกมากล่าวเตือนนายเศรษฐา ระวังจะเป็นเหมือนอดีตนายกฯ พรรค พท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “สิ่งที่อิ๊งค์เห็นคือคุณพ่อ คุณอาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมากมาย การที่เราขึ้นเวทีและพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่เพิ่มเรื่องเทคโนโลยีเข้ามา นั่นคือบทพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจาก คุณพ่อ คุณอา ที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่เมื่อเป็นมุมมองของคนก็ต้องรับฟัง”

‘โรม’ นำทีมหาเสียงกำแพงเพชร ชี้ 8 ปี รบ.ประยุทธ์ล้มเหลว ชูปราบปรามยาเสพติด-ทุจริตคอร์รัปชัน วอน! ขอโอกาสจาก ปชช.

(11 มี.ค. 66 ) รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางไปที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อช่วยหาเสียง ร่วมกิจกรรมแห่รถรอบเมือง และเดินในงาน ‘นบพระเล่นเพลง’ ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กำแพงเพชร พรรคก้าวไกล จำนวน 4 คน ได้แก่ สุกิจ ศุภกิจเจริญ สมชาย ผลมา ประพันธ์ จิตคำ และ จันทร์ดี หลวงนัน

โดยช่วงเช้า แวะพูดคุยกับประชาชนที่ตลาดศูนย์การค้ากำแพงเพชร รังสิมันต์กล่าวว่า ผลตอบรับที่ได้กลับมาดีเกินคาด เชื่อว่า 8 ปีที่ผ่านมาทำให้ชาวกำแพงเพชรและคนไทยทุกคนเห็นแล้วว่ารัฐบาลที่มีที่มาจากเผด็จการไม่ได้อยู่ข้างประชาชนฝ่ายใดเลย พวกเขาหลอกลวงว่าจะเข้ามาแก้ไขความขัดแย้ง ปราบปรามคอร์รัปชัน แต่ถ้าประชาชนได้ฟังการอภิปรายของตนและ ส.ส. พรรคก้าวไกล ก็จะทราบว่าทุกวันนี้มีการโกงกินบ้านเมืองอยู่ทุกหย่อมหญ้า แม้แต่กระบวนการยุติธรรมก็ถูกสั่นคลอนความน่าเชื่อถือ

ล่าสุดคือกรณี อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ที่มีข้อครหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุนมินลัต’ ตั้งแต่ตนอภิปรายในสภาฯ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นความคืบหน้าของการนำตัว ส.ว.อุปกิต มาแจ้งข้อหาเพื่อจะฟ้องคดีต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจสืบนครบาล (บก.สส. บช.น.) ที่จับทุนมินลัตและขยายผลมาถึง ส.ว.อุปกิต ได้เคยขอหมายจับต่อศาลแล้ว และศาลก็อนุมัติหมายจับให้ แต่ในวันเดียวกันกลับถอนการอนุมัติ จนแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการขอหมายจับอุปกิตยังทนไม่ไหว ต้องออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจง ระบุว่าการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ประวิงเวลาในการดำเนินคดีกับอุปกิต จะก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อศรัทธาของประชาชน และการเพิกถอนหมายจับด้วยเหตุผลว่าเป็น ‘บุคคลสำคัญ’ ก็ทำลายหลักการว่า ‘บุคคลย่อมเสมอภาคภายใต้กฎหมาย’ ดังนั้น หากเราปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมายังอาจถูกแทรกแซง แล้วประชาชนจะหันไปพึ่งพาใครได้ ประเทศไทยจะมีอนาคตได้อย่างไร

เกิดเหตุกราดยิง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ดับ 1 เจ็บ 2 ล่าสุดคนร้ายเข้ามอบตัวแล้ว

(11 มี.ค. 66) มีรายงานว่า เกิดเหตุยิงกันบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเหตุว่าเป็นคนคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ตรวจสอบผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง สถานที่เกิดเหตุอยู่บนคู่ขนานทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ท้องที่ สภ.บางแก้ว ล่าสุดคนร้ายได้เข้ามอบตัวแล้ว

รักทั้งคู่ ‘นิโรธ’ เลือกแล้ว!! ยื่นลาออก ‘พปชร.’ หันหา ‘บิ๊กตู่’ ชี้!! ‘พปชร.’ มีคนเก่งอยู่เยอะ ขอช่วย ‘รทสช.’

‘นิโรธ’ เลือกแล้ว! ยื่นใบลาออก ทิ้งพปชร. ช่วย ‘บิ๊กตู่’ ที่รทสช. ยัน ยังรักทั้งคู่

(11 มี.ค.66) นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตัดสินใจที่จะย้ายพรรค ไปทำงานและช่วยงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพื่อช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค รทสช. ในพื้นที่จ.นครสวรรค์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพื้นที่ดังกล่าวพรรค รทสช.ต้องการกำลังเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อให้ได้ สส.มากที่สุด โดยได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา และเตรียมเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ต่อไป
 

นโยบายครอบคลุม ‘ปชป.’ เดินหน้าปล่อยนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง เอื้อประโยชน์ให้ด้านการเกษตร เพื่อดันเศรษฐกิจไทย

‘ปชป.’ เปิดนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด เรียนฟรีถึงปริญญาตรี 12 สาขา เอื้อความต้องการตลาดแรงงาน เดินหน้ารักษาฟรี ตรวจสุขภาพฟรี บัตรประชาชนใบเดียวไม่ต้องเสีย 30 บาท พร้อมจัดเต็มต่อ SME ลืมตาอ้าปาก พร้อมปลดล็อกกองทุน กบข.ซื้อบ้านได้ เพิ่มเงิน อกม. 1 พันบาทต่อเดือน  

(11 มี.ค.66) เมื่อเวลา 10.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค ร่วมกันแถลงนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

โดย นายจุรินทร์ ได้นำแถลงเปิดตัวชุดนโยบายของพรรคว่า หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัว 1 ชุด 8 นโยบาย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ วันนี้จึงถือเป็นชุดที่ 2 ที่จะเปิดอีก 8 นโยบาย ได้แก่ 

1.อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ทุกห้องเรียน ซึ่งหมายถึงชุมชนในเขตเมือง เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในกทม. ด้วย

2. นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ จากการสำรวจเบื้องต้นโดยกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พบว่า ตลาดมีความต้องการประมาณ 1.8 แสนคน โดยประมาณ ใน 12 สาขาสำคัญ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีในสาขาเหล่านี้ เพื่อที่เรียนจบจะได้มีงานทำได้ทันที 

3. นโยบายตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งมี 2 เรื่องในนโยบายเดียวกัน คือ รักษาฟรี และตรวจสุขภาพฟรี เป็นการต่อยอดนโยบายเดิมของพรรคที่ทำมาตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในปี 2531 และตนเป็นเลขานุการรมว.สธ. ต่อมาเมื่อตนเป็นรมว.สธ ในปี 2553 ตนได้ริเริ่มนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรี 48 ล้านคน โดยไม่ต้องเสีย 30 บาท ซึ่งดำเนินการได้อย่างราบรื่น วันนี้จึงเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว 

เล่นการเมืองแบบเก่า ‘ลิณธิภรณ์’ ซัดคนยื่นยุบพรรค พท. หวังสกัดแลนด์สไลด์ ชี้!! เป็นการทำลายความหวัง เริ่มต้นชีวิตใหม่ของปชช.

‘ลิณธิภรณ์’ สับพวกยื่นยุบพรรคพท. ไร้เหตุผล เล่นการเมืองแบบเก่า หวังสกัดแลนด์สไลด์

(11 มี.ค.66 ) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่ายในการยื่นยุบพรรคพท. ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนที่จะแสดงออกถึงเจตจำนงในการใช้สิทธิที่พึงมี เลือกผู้แทนราษฎรและเลือกพรรคการเมือง 

ซึ่งเป็นที่พึ่งที่หวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ปรากฏว่าผู้ไม่หวังดีกำลังใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมไปในทางที่ผิด เล่นการเมืองแบบเก่าโดยใช้ข้อกฎหมายที่ไม่มีเหตุหรือมูลความจริงมาสกัดกั้น นำมาเป็นเหตุอ้างในการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่เหตุของการยุบพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มี 4 ประเด็นหลัก คือ 

1. กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
2. กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
3. กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 ซึ่งว่าด้วยการดำเนินการของพรรค ว่าจะต้องไม่แสวงหากำไร ไม่ถูกครอบงำ ต้องยึดหลักประชาธิปไตย และปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการเงิน 
4. มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด

กลายเป็นกระแส เมื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกบรรดานักข่าวถามถึง ทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ

กลายเป็นกระแส เมื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกบรรดานักข่าวถามถึง ทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเชื่อมโยงไปถึงทีมเศรษฐกิจของ (ว่าที่) แคนดิเดตนายกฯ แห่งพรรคเพื่อไทย นามว่า “เศรษฐา ทวีสิน” งานนี้ “ลุงตู่” ถึงกับสวนถามนักข่าวทันควัน “เขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ”

 

เท่านั้นยังไม่พอ ยังเน้นแบบชัดเจนอีกประโยค  จำคำพูดผมเอาไว้นะ คำว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่”

ลุยหาเสียงสาทร!! ‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนอากาศสะอาด ลั่น!! พร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทีม กทม. ลุยหาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนพื้นที่สีเขียวให้คนกรุง ลั่นพร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

(11 มี.ค.66) เวลา 7.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. อาทิ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตปทุมวัน-สาทร-บางรัก นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตยานนาวา-บางคอแหลม น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตพญาไท-ราชเทวี นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขตบางกะปิ นายจักรวี วิสุทธิผล เขตสวนหลวง เขตหนองจอก น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตบางบอน-หนองแขม นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขตจตุจักร ลงพื้นที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย พบปะพูดคุยและร่วมออกกำลังกายกับประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนสุขภาพ ทั้ง รำไท้เก๊ก แบดมินตัน ฮูลาฮูป ฯลฯ

น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า จุดลงพื้นที่วันนี้เป็นสุสานที่ปรับพื้นที่เป็นสวนให้ประชาชนเข้ามาดูแลสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุในช่วงเช้า และคนวัยรุ่นในช่วงเย็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อย่างดี

น.ส.วทันยา กล่าวว่า สวนนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับรัฐเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สอย แต่โดยภาพรวมแล้วพื้นที่ กทม. ยังมีความแออัดและพื้นที่สีเขียวที่ต่ำกว่ามาตรฐานโลกเฉลี่ย 6.1 ตร.ม./คน แต่ประชาชนกรใน กทม. เองยังมีประชากรแฝงที่ไม่ได้ถูกรวมไปในผลสำรวจ ทำให้ความเป็นจริงพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐานมาก พรรคจึงมีแนวทางเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดฝุ่น ลดอุณหภูมิโลก และเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมให้ประชาชน

ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทีมประชาธิปัตย์ กทม. ประกาศสงครามชัดเจนกับ PM 2.5 ทุกวันนี้หายใจไม่ได้แล้วจริง ๆ เราจะผลักดันอากาศกฎหมายสะอาดให้เร็วที่สุด และกำหนดเขตพื้นที่มลพิษต่ำ ซึ่งต้องได้รับพลังจากประชาชนร่วมสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค เพื่อที่จะเข้าไปสภาปกป้องประชาชนจากฝุ่น ให้คุณให้โทษกับคนที่ไม่รับผิดชอบ และดูแลภาษีให้คนที่ช่วยป้องกันการเกิดฝุ่นพิษ รวมถึงย้ายโรงงานอุตสาหกรรมออกจากเขตเมือง

แก้กฎหมายไม่เป็นธรรม ‘พีระพันธุ์’ ปูพรมหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

รทสช. คิกออฟแคมเปญหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส  ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน คืนเงินสะสมชราภาพ ปลดหนี้ด้วยงาน  รื้อกฎหมายไม่เป็นธรรม เตรียมเปิดนโยบายชุดใหญ่ ต้นเมษายนนี้  
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยนโยบายหาเสียงภายใต้แคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคว่า นโยบายภายใตแคมเปญนี้ถือเป็นความตั้งใจของพรรคที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่าทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไปได้ 
.
 
นายพีระพันธุ์ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน “ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้  ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้ 
.
1. เพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ เป็น 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน   
2. ตั้ง ‘กองทุนฉุกเฉินประชาชน’ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท     
3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33  
4. โครงการ ‘ปลดหนี้ด้วยงาน’   
5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน  
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ว่า นโยบายนี้เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว  โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว  ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว
 .
“บัตรนี้มีความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลเป็นคนจ่ายเงิน สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรก็ได้  ขณะที่ทางธนาคารออมสินก็มีโครงการให้เงินกู้แก่ชาวบ้านรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยได้ปล่อยกู้ เพราะคนที่มาขอกู้ซึ่งเป็นชาวบ้านระดับฐานรากไม่ค่อยมีหลักประกัน  กลายเป็นว่ามีโครงการให้ มีวงเงินให้ แต่ปล่อยกู้ไม่ได้  ก็สามารถใช้บัตรนี้ซึ่งเป็นบัตรที่รัฐจ่ายเงินแน่นอนทุกเดือนอยู่แล้ว ไปเป็นหลักประกันเงินกู้ให้กับธนาคารออมสิน โดยสามารถหักคืนเงินกู้จากบัญชีของผู้กู้ได้เลย ทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” นายพีระพันธุ์กล่าว 

ถามว่า เมื่อต้นปี 2566 มีอะไรใหม่เกิดขึ้นในเมืองไทย หนึ่งในนั้นคือ การเปิด “อุโมงค์มหาราช” สิ่งปลูกสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

ย้อนเล่าความเป็นมาของ ถนนมหาราช-หน้าพระลาน-วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สถานที่ทั้งสามแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีอายุมากกว่าร้อยปี โดยนับแต่อดีต เคยได้รับการทำนุงบำรุงเรื่อยมา กระทั่งวันเวลาผันผ่าน สถานที่ดังกล่าว ได้กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจ และเดินทางมาเยี่ยมชมปีละหลายล้านคน

 

กระทั่งเมื่อปี 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโบราณสถานเก่าแก่เหล่านี้ จึงหารือในที่ประชุมเกี่ยวกับการก่อสร้างอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยว และเกิดความปลอดภัยในการสัญจร โดยมอบให้กรุงเทพฯ พิจารณาให้มีความเหมาะสม

สองหมื่นกำลังใจร่วมเชียร์!! ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำ ‘ปชป.’ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณฯ ประกาศกร้าว!! ขอโอกาสรับใช้ปชช. อย่างสุจริต ซื่อตรง

คนสุพรรณฯ กว่าสองหมื่นให้กำลังใจ ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำทัพ ปชป. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณฯ ครบ 5 เขต ด้าน ‘พี่เม’ เผยนโยบายด้านการเกษตร ปชป. สอดคล้องกับ จ.สุพรรณฯ ที่เป็นเมือง ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ – ประกาศขอโอกาส ปชช. ทำหน้าที่เป็น ส.ส. รับใช้พี่น้อง อย่างสุจริต ซื้อตรง และมั่นคงในอุดมการณ์ต่อไป

(10 มี.ค.66) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เปิดเวทีปราศรัยเพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส. สุพรรณบุรี ทั้ง 5 เขต ณ ลานปราศรัยสามแยกบ่อพลอย ตำบลจรเข้าสามพัน อำเภออู่ทอง โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคฯ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 5 เขต ได้แก่ นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 2 (อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง) นายกิจจา วงศ์ประเสริฐ เขต 3 (อ.อู่ทอง อ.สองพี่น้อง) น.ส.พิรุณวัลย์ บ้านพลูหลวง เขต 4 (อ.ดอนเจดีย์ อ.หนองหญ้าไซ อ.ด่านช้าง อ.เดิมบางนางบวช) และนายภานรินทร์ อินสกุล เขต 5 (อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก อ.เดิมบางนางบวช)   ได้ขึ้นมาปราศรัยถึงนโยบายของพรรคฯ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 20,000 คน

โดยนายเมฆินทร์  ระบุว่า ต้องขอขอบคุณเลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ที่ได้มาลงพื้นที่และปราศรัยกับประชาชนชาว จ.สุพรรณบุรี ซึ่งยอมรับว่า การเลือกตั้งใน จ.สุพรรณบุรีในคราวนี้ดุเดือดกว่าทุกครั้ง โดยมีหลายๆพรรค ต่างมุ่งหน้ามาที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อมาขอเสียงสนับสนุนจากชาวสุพรรณฯ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เอง ก็ได้มีการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะนโยบายของพรรคฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เพราะ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สมกับคำขวัญของจังหวัดที่ว่า ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ เช่น การสานต่อนโยบายการประกันรายได้และจ่ายเงินส่วนต่าง ของผลผลิต โดยเฉพาะข้าว เพราะที่ จ.สุพรรณฯ ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นดีอีกที่หนึ่งของประเทศ นโยบายชาวนารับ 30,000 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า และอีกส่วนหนึ่งก็คือ หากพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ  ทางพรรคฯ ก็มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินต่างๆ เพราะทางพรรคฯ มองเห็นว่า ที่ดินเป็นหลักประกันของชีวิต จึงควรที่ให้กรรมสิทธิ์เป็นสิ่งที่ยืนยันในการใช้ประโยชน์ ซึ่งทางพรรคฯ ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว ในสมัยที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งถึงยุคนายนริศ ขำนุรักษ์ ซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนให้ความมั่นใจว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะเดินหน้าออกโฉนดที่ดินครบ 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี และออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับประชาชนได้ตามที่พรรคฯ ประกาศไว้  รวมทั้ง ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ตนมั่นใจว่า จะสร้างประโยชน์ให้กับชาวสุพรรณบุรีทุกคนอย่างแน่นอน

รวบคาด่าน!! จนท. สกัดจับ 'ชาวจีน' ที่เชียงราย ลอบข้ามแดนไทย ก่อน 2 ผู้นำชาวไทย พามุ่งหน้าตรงไปเชียงใหม่

จนท.สกัดจับ ชาวจีนนั่งเรือไฟฟ้าลอบข้ามแดนเข้าพักรอเชียงราย ก่อน 2 ผู้นำพาชาวนครนายกและดอยหลวง รับขึ้นรถมุ่งหน้าเชียงใหม่

(11 มี.ค.66) พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตตระกูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ณัฏฐวุุฒิ ยุววรรณ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชายชาวมณฑลฝูเจี้ยน สป.จีน 3 คน คือ นายหวาง เหวิน ซิน อายุ 20 นายอี้ชงฉ่าง อายุ 30 ปี และนายอี้ฟูไห่ อายุ 34 ปี ดำเนินคดีในข้อหาว่า “เป็นต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”

และผู้ต้องหาคนไทย 2 คน คือนายวงศกร (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาว ต.ป่าขะ อ.บ้านนา จ.นครนายก และนายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาวต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้นำพาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายฯ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top