Tuesday, 14 May 2024
SPECIAL

แก้กฎหมายไม่เป็นธรรม ‘พีระพันธุ์’ ปูพรมหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

รทสช. คิกออฟแคมเปญหาเสียง ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ชู 5 นโยบายโดนใจ เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส  ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน คืนเงินสะสมชราภาพ ปลดหนี้ด้วยงาน  รื้อกฎหมายไม่เป็นธรรม เตรียมเปิดนโยบายชุดใหญ่ ต้นเมษายนนี้  
.
(11 มี.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยนโยบายหาเสียงภายใต้แคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคว่า นโยบายภายใตแคมเปญนี้ถือเป็นความตั้งใจของพรรคที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่าทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไปได้ 
.
 
นายพีระพันธุ์ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน “ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้  ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้ 
.
1. เพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ เป็น 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน   
2. ตั้ง ‘กองทุนฉุกเฉินประชาชน’ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท     
3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33  
4. โครงการ ‘ปลดหนี้ด้วยงาน’   
5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน  
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ว่า นโยบายนี้เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว  โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว  ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว
 .
“บัตรนี้มีความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลเป็นคนจ่ายเงิน สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรก็ได้  ขณะที่ทางธนาคารออมสินก็มีโครงการให้เงินกู้แก่ชาวบ้านรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยได้ปล่อยกู้ เพราะคนที่มาขอกู้ซึ่งเป็นชาวบ้านระดับฐานรากไม่ค่อยมีหลักประกัน  กลายเป็นว่ามีโครงการให้ มีวงเงินให้ แต่ปล่อยกู้ไม่ได้  ก็สามารถใช้บัตรนี้ซึ่งเป็นบัตรที่รัฐจ่ายเงินแน่นอนทุกเดือนอยู่แล้ว ไปเป็นหลักประกันเงินกู้ให้กับธนาคารออมสิน โดยสามารถหักคืนเงินกู้จากบัญชีของผู้กู้ได้เลย ทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” นายพีระพันธุ์กล่าว 

ถามว่า เมื่อต้นปี 2566 มีอะไรใหม่เกิดขึ้นในเมืองไทย หนึ่งในนั้นคือ การเปิด “อุโมงค์มหาราช” สิ่งปลูกสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

ย้อนเล่าความเป็นมาของ ถนนมหาราช-หน้าพระลาน-วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สถานที่ทั้งสามแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีอายุมากกว่าร้อยปี โดยนับแต่อดีต เคยได้รับการทำนุงบำรุงเรื่อยมา กระทั่งวันเวลาผันผ่าน สถานที่ดังกล่าว ได้กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต่างให้ความสนใจ และเดินทางมาเยี่ยมชมปีละหลายล้านคน

 

กระทั่งเมื่อปี 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโบราณสถานเก่าแก่เหล่านี้ จึงหารือในที่ประชุมเกี่ยวกับการก่อสร้างอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยว และเกิดความปลอดภัยในการสัญจร โดยมอบให้กรุงเทพฯ พิจารณาให้มีความเหมาะสม

สองหมื่นกำลังใจร่วมเชียร์!! ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำ ‘ปชป.’ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณฯ ประกาศกร้าว!! ขอโอกาสรับใช้ปชช. อย่างสุจริต ซื่อตรง

คนสุพรรณฯ กว่าสองหมื่นให้กำลังใจ ‘เฉลิมชัย–เมฆินทร์’ นำทัพ ปชป. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณฯ ครบ 5 เขต ด้าน ‘พี่เม’ เผยนโยบายด้านการเกษตร ปชป. สอดคล้องกับ จ.สุพรรณฯ ที่เป็นเมือง ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ – ประกาศขอโอกาส ปชช. ทำหน้าที่เป็น ส.ส. รับใช้พี่น้อง อย่างสุจริต ซื้อตรง และมั่นคงในอุดมการณ์ต่อไป

(10 มี.ค.66) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เปิดเวทีปราศรัยเพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ส.ส. สุพรรณบุรี ทั้ง 5 เขต ณ ลานปราศรัยสามแยกบ่อพลอย ตำบลจรเข้าสามพัน อำเภออู่ทอง โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคฯ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 5 เขต ได้แก่ นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 2 (อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง) นายกิจจา วงศ์ประเสริฐ เขต 3 (อ.อู่ทอง อ.สองพี่น้อง) น.ส.พิรุณวัลย์ บ้านพลูหลวง เขต 4 (อ.ดอนเจดีย์ อ.หนองหญ้าไซ อ.ด่านช้าง อ.เดิมบางนางบวช) และนายภานรินทร์ อินสกุล เขต 5 (อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก อ.เดิมบางนางบวช)   ได้ขึ้นมาปราศรัยถึงนโยบายของพรรคฯ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 20,000 คน

โดยนายเมฆินทร์  ระบุว่า ต้องขอขอบคุณเลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ที่ได้มาลงพื้นที่และปราศรัยกับประชาชนชาว จ.สุพรรณบุรี ซึ่งยอมรับว่า การเลือกตั้งใน จ.สุพรรณบุรีในคราวนี้ดุเดือดกว่าทุกครั้ง โดยมีหลายๆพรรค ต่างมุ่งหน้ามาที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อมาขอเสียงสนับสนุนจากชาวสุพรรณฯ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เอง ก็ได้มีการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะนโยบายของพรรคฯ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เพราะ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สมกับคำขวัญของจังหวัดที่ว่า ‘รุ่งเรืองเกษตรกรรม’ เช่น การสานต่อนโยบายการประกันรายได้และจ่ายเงินส่วนต่าง ของผลผลิต โดยเฉพาะข้าว เพราะที่ จ.สุพรรณฯ ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นดีอีกที่หนึ่งของประเทศ นโยบายชาวนารับ 30,000 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า และอีกส่วนหนึ่งก็คือ หากพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ  ทางพรรคฯ ก็มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินต่างๆ เพราะทางพรรคฯ มองเห็นว่า ที่ดินเป็นหลักประกันของชีวิต จึงควรที่ให้กรรมสิทธิ์เป็นสิ่งที่ยืนยันในการใช้ประโยชน์ ซึ่งทางพรรคฯ ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว ในสมัยที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งถึงยุคนายนริศ ขำนุรักษ์ ซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนให้ความมั่นใจว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะเดินหน้าออกโฉนดที่ดินครบ 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี และออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับประชาชนได้ตามที่พรรคฯ ประกาศไว้  รวมทั้ง ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ตนมั่นใจว่า จะสร้างประโยชน์ให้กับชาวสุพรรณบุรีทุกคนอย่างแน่นอน

รวบคาด่าน!! จนท. สกัดจับ 'ชาวจีน' ที่เชียงราย ลอบข้ามแดนไทย ก่อน 2 ผู้นำชาวไทย พามุ่งหน้าตรงไปเชียงใหม่

จนท.สกัดจับ ชาวจีนนั่งเรือไฟฟ้าลอบข้ามแดนเข้าพักรอเชียงราย ก่อน 2 ผู้นำพาชาวนครนายกและดอยหลวง รับขึ้นรถมุ่งหน้าเชียงใหม่

(11 มี.ค.66) พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตตระกูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ณัฏฐวุุฒิ ยุววรรณ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชายชาวมณฑลฝูเจี้ยน สป.จีน 3 คน คือ นายหวาง เหวิน ซิน อายุ 20 นายอี้ชงฉ่าง อายุ 30 ปี และนายอี้ฟูไห่ อายุ 34 ปี ดำเนินคดีในข้อหาว่า “เป็นต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”

และผู้ต้องหาคนไทย 2 คน คือนายวงศกร (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาว ต.ป่าขะ อ.บ้านนา จ.นครนายก และนายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาวต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้นำพาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายฯ”

‘กรณ์’ เผย ว่าที่ผู้สมัครเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง-มีคุณภาพ มั่นใจ ‘ชพก.’ มีโอกาสคว้าชัย พร้อมพาสงขลาไปไกลกว่าเดิม

(10 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสงขลา ระบุว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย พล.ต.ธชา จินตวร รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1, นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2 ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ เขต 3 และ นายพงศธร สุวรรณรักษา หรือ ทนายอาร์ม เขต 9 ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลา

โดยในช่วงเช้า เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และมีคุณธรรมสูงส่งที่ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ต่อช่วงบ่ายเข้าร่วมกิจกรรมงานวันสงขลาครบรอบ 181 ปี ณ บริเวณ ถนนนางงาม นครใน นครนอก โดยแต่ละจุดกิจกรรม ประชาชนให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น และชื่นชมในทีมผู้บริหาร และนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ตลอดจนตัวว่าที่ผู้สมัครว่าเป็นคนคุณภาพ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง จังหวัดสงขลา ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมานานมากแล้ว

นายกรณ์ กล่าวว่า นับแต่เปิดเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 4 คนของ จ.สงขลา กระแสตอบรับดีมาก และดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกเขต ทำให้มั่นใจว่าเราจะได้ ส.ส.จาก จ.สงขลาอย่างแน่นอน แต่จะครบทั้ง 4 คน หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ส่วนการทำงานของว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 คนก็เป็นต้นแบบของการทำงานเป็นทีม เราเปิดเวทีปราศรัยพบพี่น้องประชาชน ก็จัดแบบธรรมชาติ บนรถกระบะบ้าง ในสวนยางบ้าง แต่เป็นแนวการเมืองบริสุทธิ์ในแนวทางสร้างสรรค์ และจากการพบปะพูดคุยกับประชาชน พี่น้องสงขลาอยากเห็นการเมืองมีการพัฒนา อยากเห็นคนรุ่นใหม่ มีโอกาสเข้ามาทำงานการเมือง

ต่อมาในช่วงเย็น ร่วมทอล์กเศรษฐกิจ ณ ไมอามี สงขลา โดยนายกรณ์ และว่าที่ผู้สมัครทั้ง 4 คน มีผู้สนใจเข้ารับฟังกันอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นการจัดแบบธรรมชาติ ไม่มีการจัดตั้งแต่อย่างใด โดยนายกรณ์ กล่าวว่า อยากฝากพี่น้อง จ.สงชลา ชาวใต้ และพี่น้องทั่วประเทศ แม้พรรคเราจะไม่ใหญ่ แต่ความคิดของเรายิ่งใหญ่มาก เราเห็นและเข้าใจประเด็นปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจ เราไม่ได้เน้นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ต้องใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน หรือใช้เงินกู้ แต่เราต้องเข้าไปทำความเข้าใจกันตั้งแต่ต้นตอ และมีความกล้า ที่จะเข้าไปรื้อระดับโครงสร้าง ทั้งโครงสร้างพลังงาน เพื่อให้พี่น้องประชาชน เพื่อค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้าถูกลง โครงสร้างทางการเงิน การปล่อยสินเชื่อ เพื่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบ ในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกับประชาชน มากยิ่งขึ้น แม้แต่ปัญหาเรื่องของฝุ่นพิษ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นปัญหาระดับโครงสร้าง รอนักการเมืองที่เข้าใจและกล้าจะเข้าไปแก้ปัญหาระดับโครงสร้างให้กับพี่น้องประชาชน

‘พิธา’ กล่อม ‘นครศรีฯ’ เอาทหารออกจากการเมือง-ทลายทุนผูกขาด ปลดปล่อยศักยภาพเมือง เติบโตโดยไม่ต้องพึ่งส่วนกลาง

‘พิธา’ เยือนอำเภอทุ่งใหญ่ นครศรีฯ ยก ‘พุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว’ เป็นม้ามืดชิงชัย ประกาศเป้าหมายต้องมี ส.ส.เขตภาคใต้ให้ได้ ย้ำ ‘ก้าวไกล’ ไม่สุดโต่ง หวังสร้างการเมืองดี-การเมืองประชาธิปไตยปกติเท่านั้น

(10 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังเสร็จสิ้นภารกิจในอำเภอเมือง ได้เดินทางต่อไปที่อำเภอทุ่งใหญ่ เพื่อปราศรัยหาเสียงสนับสนุน นายพุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช (อำเภอทุ่งใหญ่) พรรคก้าวไกล บริเวณหน้าตลาดนัดขวัญนารา และเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชน บริเวณศูนย์ประสานงานพรรค โดยมีพี่น้องประชาชนทุ่งใหญ่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายพิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องการเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อใช้อำนาจรัฐทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต สำหรับการเมืองดี ที่ผ่านมาประเทศไทยมีความขัดแย้งและความสูญเสีย หลายคนอาจคิดว่าเป็นไม่ได้ที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ แต่ตนขอยกตัวอย่างประเทศรวันดาที่เคยมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนนับล้านเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำไมสังคมของเขาจึงกลับมาปรองดองสมานฉันท์กันได้ไม่ได้ เป็นเพราะการขอให้สังคมลืมและปล่อยคนผิดไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำ แต่การเมืองจะดีได้ จุดเริ่มต้นสำคัญคือต้องไม่มีวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด และต้องตามหาความจริงที่ทุกฝ่ายยอมรับเพื่อคืนความยุติธรรมก่อน หากไม่ทำเช่นนี้ การปรองดองไม่สามารถเกิดขึ้น ประเทศไทยเดินหน้าต่อไม่ได้

‘มูลนิธิปวีณา’ ขอบคุณ ‘CEO พฤกษา-รพ.วิมุต’ หลังช่วยเหลือหญิงถูกสามีติดยาทำร้ายร่างกาย

(10 มี.ค. 66) ที่ จ.ราชบุรี มูลนิธิปวีณาฯ ขอบคุณ คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ CEO พฤกษา โฮลดิ้ง และรพ.วิมุต ช่วยรักษาสาวเก็บของเก่าวัย 28 ปี ฐานะยากจน ถูกสามีติดยาเอามีดฟันแขนและแผ่นหลัง ไม้ตีแขนกระดูกแตก แถมเอาน้ำร้อนราดใบหน้า ตามตัวเป็นแผลเหวอะ กักขังให้อยู่แต่ในกระต๊อบ หลังสามีเผลอรีบหนีตายมาขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ พาเข้ารักษา รพ.วิมุต ส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดวางยาสลบทันทีเพื่อทำการลอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกตามใบหน้าแขนและลำตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ขณะนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ รพ.วิมุต ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. จนถึงปัจจุบัน สำหรับเรื่องคดีหลังจากออกจาก รพ. มูลนิธิปวีณาฯ จะได้พาไปแจ้งความดำเนินคดีกับสามีเสพยาเสพติดต่อไป

สืบเนื่องจากวันที่ 2 มี.ค.66 น.ส.หนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี เดินทางมากับยายเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในสภาพสะบักสะบอม ตามร่างกายมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวกที่บริเวณใบหน้าและแขนทั้งสอง อีกทั้งมีแผลจากการถูกมีดฟันที่แผ่นหลัง และที่แขนซ้ายถูกไม้ตีจนกระดูกแตกต้องผ่าตัดดามเหล็กไว้ 

น.ส.หนึ่ง แจ้งว่า ตนเองอยู่กินกับ นายเอ้ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สามี ชาวจ.ราชบุรี มา 9 ปี นายเอ้ มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปและขายไก่ชน พอช่วงโควิดไม่มีงานและขายไก่ชนไม่ได้ จึงถูกไล่ออกจากห้องเช่าและถูกยึดรถกระบะ ช่วงเดือนพ.ย.65 ได้พากันย้ายมาปลูกกระต๊อบอยู่ข้างหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และหากินโดยการเก็บของเก่าขาย

ตั้งแต่นั้นนายเอ้ก็มีอารมณ์รุนแรงหาเรื่องด่าทอทำร้ายร่างกายตนเองเป็นประจำ อ้างว่าเครียดไม่มีเงิน เสพยาและดื่มเหล้าเมาแทบทุกวัน วันที่ 18 ม.ค.66 ทะเลาะกัน นายเอ้ได้ใช้ไม้ตีที่เเขนข้างซ้ายของตนจนกระดูกแตก ซี่โครงข้างซ้ายหัก 1 ซี่ ตนต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ รพ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผ่าตัดแขนซ้ายดามเหล็กและเย็บถึง 26 เข็ม 

จากนั้นนายเอ้ก็มาง้อขอคืนดีตนจึงกลับไปอยู่ด้วยเพราะคิดว่าคงจะดีขึ้น แต่นายเอ้ก็ยังทำร้ายร่างกายตนอยู่เป็นประจำ จนวันที่ 27 ก.พ.66 นายเอ้ หาว่าตนเอากุญแจบ้านไปโยนทิ้งก่อนจะด่าทออย่างรุนแรงทำร้ายร่างกาย และต้มน้ำร้อนมาราดที่ใบหน้าและตามตัว ทำให้นอนซมเป็นไข้ปวดแสบปวดร้อน เอาไม้ตีแขนกระดูกแตก อักเสบทั้งตัว

‘กกต.’ ออกประกาศหลักเกณฑ์ติดแผ่นป้ายหาเสียง ใส่รูปผู้สมัคร ส.ส. คู่ ‘แคนดิเดตนายกฯ - หน.พรรค’ ได้

(10 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ลงนามในประกาศ กกต. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำสถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งและสถานที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยในส่วนของการจัดทำประกาศ การกำหนดสถานที่และการจัดสถานที่ปิดประกาศ กำหนดให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง จัดทำประกาศมีขนาดกว้างไม่เกิน 30 เซนติเมตร และขนาดความสูงไม่เกิน 42 เซนติเมตร พร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่เห็นได้ชัดของประกาศ

โดยผู้สมัครและพรรคการเมือง จัดทำประกาศได้ไม่เกินสองเท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น การจัดทำประกาศสามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำของตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง คติพจน์ คำขวัญหรือข้อมูลประวัติ เฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือคิวอาร์โค้ด นอกจากภาพของผู้สมัครแล้วสามารถใส่ภาพของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองใดเท่านั้น

ส่วนวิธีปิดประกาศให้เป็นไปตามที่หัวหน้าหน่วยงานกำหนด โดยให้นายอำเภอกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ว่าการอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่นกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเขต แขวง หมู่บ้าน หรือชุมชน และหัวหน้าหน่วยงานกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ตั้ง ของหน่วยงาน ทั้งนี้หากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองปิดประกาศไม่ถูกต้อง ให้หัวหน้าหน่วยงานมีอำนาจสั่งผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแก้ไขภายใน 5 วัน

'มนตรี เฉียบแหลม' เล็งจองเขต 2 นครศรีฯ สังกัด 'เพื่อไทย' ดีกรี ดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองในเมืองคอนร่วม 20 ปี

มนตรี เฉียบแหลม เปิดเผยกับ #นายหัวไทร ว่า ได้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 และ 2 ในนามพรรคเพื่อไทย

“เขต 1 มีปรีชา แก้วกระจ่าง เสนอตัวด้วย จึงมีการพูดคุยกัน กำนันปรีชา เสนอเงื่อนไขว่า เขตไหนมีตำบลปากนครรวมอยู่ ก็จะลงเขตนั้น ถ้ากำนันปรีชาลงเขต 1 ผมก็จะขอไปลงเขต 2 แทน”

มนตรี เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองในจังหวัดนครศรีธรรมราชมาร่วม 20 ปีแล้ว หลังลาออกจากราชการ ก็มาลงสมัคร ส.ส.เป็นกรรมการบริหารพรรคเสรีธรรม ที่ต่อมาไปรวมกับพรรคไทยรักไทย

“หลังจากนั้นก็อยู่บนเส้นทางการเมืองมาตลอด ไม่กลับเข้ารับราชการอีก และมาจับธุรกิจการบริบาลในภาคใต้มี 8 จังหวัด ทั้งภูเก็ต, พังงา, กระบี่, ตรัง, สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช และต่อยอดสถานดูแลผู้สูงอายุอีก 2 จังหวัด คือนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี”

มนตรี บอกว่า ธุรกิจการบริบาลไปได้ดีมาก เพราะว่าไทยเราเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว 100% มีผู้สูงอายุเกิน 20% ลูกๆ ก็ไม่มีเวลาดูพ่อแม่ ภาคเอกชนก็เข้ามาช่วยดูแลเสริมภาครัฐ มีการพักฟื้น ทำกายภาพบำบัด น้องๆที่จบการบริบาลมาก็มีงานทำ ในการดูแลผู้สูงอายุ

“ตามหลักสูตรการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ จะต้องเรียน 840 ชั่วโมง เป็นภาคทฤษฎี 420 ชั่วโมง ภาคปฏิบัติ 420 ชั่วโมง เด็กจบแล้วมีงานทำ 100%”

‘งดออกเสียง’ ไพ่ตายของ 250 ส.ว. สยบ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จัดตั้ง รบ. ภายใต้ 310 ส.ส.

เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.66) พรรคเพื่อไทยประสานเสียงกันหนักแน่นในที่ประชุมใหญ่สมัยสามัญของพรรคว่าจะก้าวข้ามจำนวน ส.ส. 250 ที่นั่ง หรือแลนด์สไลด์ได้อย่างแน่นอน…โดยตั้งเป้าหมายปักหมุดไว้ที่ 310 เสียง

วันนี้จะพามาย้อนดูอดีตกันสักนิดว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยในอดีต (พรรคสารตั้งต้น) เคยได้คะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลกันเท่าไหร่

เริ่มจากเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย...สารตั้งต้นพรรคเพื่อไทยเคยกวาดมาแล้ว 377 เสียง (เขต 310 บัญชีรายชื่อ 67) ภายใต้กติกาการเลือกตั้งบัตรสองใบเหมือนปีนี้ (2566) แม้บริบทการเมืองพ.ศ.นี้ยากที่จะไปถึงหมุดหมาย 310 เสียงได้ แต่ก็ลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นไปได้จริงจะเกิดอะไรขึ้น…

ฟันธงแบบไม่ต้องนั่งเทียนได้เลยว่า หากได้มา 310 เสียง (พรรคเดียว) จริงๆ แล้วพรรคเพื่อไทยประกาศจัดตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว บรรดา ส.ว. ที่ยังมีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับโดยส่วนลึกว่าต้องเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย…

แต่คำถามมีอยู่ว่าแล้ว 250 ส.ว. จะพร้อมใจโหวตให้ แพทองธาร ชินวัตร หรือเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีโดยดุษฎีอย่างนั้นหรือ

คำตอบคือไม่น่าใช่...

หากดูจากการข่าว...มีโอกาสสูงยิ่งที่ ส.ว.จะงัดมาตรการ ‘งดออกเสียง’ ไม่ค้านแต่ไม่โหวตสนับสนุน…

‘นอท กองสลากพลัส’ รับสารภาพขายสลากเกินราคา ศาลสั่งปรับ 2.6 ล้าน เจ้าตัว เผย รับให้เรื่องจบ ๆ ไป

(10 มี.ค. 66) ที่ศาลเเขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง 1 นำตัว นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ ‘นอท กองสลากพลัส’ ไปยื่นฟ้องคดีจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยในวันนี้ นายพันธ์ธวัชเดินทางมาพร้อมทนายความ

เมื่อถึงเวลานัด นายศุภชัย เศวตกิตติกุล อัยการเชี่ยวชาญสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ได้พิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 3 ราย จากนั้น จึงนำคำฟ้องและผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือทันที

นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้อัยการได้ส่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คนคือ ‘นอท กองสลากพลัส’ นิติบุคคล และกรรมการบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์จำกัด ใน 2 ข้อหา คือ ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่เยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี จำนวน 510 กรรม ตามพยานที่มีการสอบปากคำพยานมากกว่า 300 กว่าคน

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะสอบคำให้การจำเลย หากจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะสั่งปรับและสามารถจบคดีได้เร็ว แต่หากจำเลยให้การปฏิเสธก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล โดยจะมีการนัดสอบคำให้การและสืบพยานในชั้นศาลต่อไป แต่ว่าคดีนี้มีพยานบุคคลจำนวนมาก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบพยานนานพอสมควร

ด้าน นายพันธ์ธวัช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนขณะเดินทางไปศาลแขวงพระนครเหนือซึ่งอยู่ชั้น 2 ของศูนย์ราชการฯ สั้น ๆ ว่า ตนอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ไม่สามารถพูดอะไรมากกว่านี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการ กระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้นำสำนวนการสอบสวน พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายพันธ์ธวัช หลังจากได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์การขายสลากกินแบ่งเกินราคา 2 งวด คือ งวดวันที่ 16 มี.ค. 65 และงวดวันที่ 30 เม.ย. 65

โดยทั้ง 2 งวด พบว่ามีผู้ซื้อทั่วประเทศ 4,214 ราย แต่ตำรวจติดตามได้และได้รับความร่วมมือ 384 ราย จากการกระทำความผิดทั้งหมด 406 กรรม จึงได้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการนำตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องศาลในวันนี้

‘เศรษฐา’ นั่งรถอีแต๊ก ลุย จ.พระนครศรีอยุธยา จับเข่าคุย - รับฟังสารพัดปัญหาของเกษตรกร

(10 มี.ค. 66) ที่อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ ฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรค พท. ทั้ง 5 เขต ประกอบไปด้วย 

1. นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล 
2. นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล 
3. นายองอาจ วชิรพงศ์ 
4. นายจิรทัศ ไกรเดชา 
และ 5. นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ 

ลงพื้นที่พบปะพี่น้องเกษตรกรชาวนา โดยพี่น้องชาวนาได้สะท้อนปัญหาอยากให้ชีวิตคือกินดีอยู่ดีขึ้น ทั้งเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร และปุ๋ยที่ราคาแพง รวมถึงให้ข้าวมีราคาสูงขึ้นกว่านี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อกิโลกรัม และปัญหาหนี้สินของเกษตรกรด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ลงพื้นที่นี้เป็นจังหวัดแรก เพื่อรับฟังความอัดอันตันใจของชาวนาในการทำไร่ทำนา ตนทราบว่าปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราเชื่อว่าเราอยู่ในหลุมดำของกลับดักรายได้ต่ำ ราคา

ข้าวไม่ดีผลผลิตไม่ดี และมีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาโดยตลอด ยืนยันว่าปัญหาน้ำท่วมเรามีแผนงานทำฟลัดเวย์หรือพื้นที่กักน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระในช่วงน้ำหลาก เรื่องน้ำแล้งนั้นจะต้องมีการขุดบ่อและนำปั๊มน้ำเข้ามาในพื้นที่ ส่วนปัญหาหนี้สินก็เป็นปัญหาใหญ่ที่พรรค พท. ตระหนักดีอยู่ เนื่องจากราคาข้าวที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญหรือเปิดตลาดใหม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ทำหน้าที่เซลล์แมนขายของเลย ถ้าพรรค พท. ได้รับความไว้วางใจกรุยทางถนนเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล เพื่อช่วยกันค้าขายยกระดับราคาสินค้าเกษตร รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องระบบสาธารณสุข ในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย

“เป็นครั้งแรกที่ผมลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความอัดอันตันใจของพี่น้องทุกคน ผมก็หนักใจ แต่เรามีความจริงใจเรามีความตั้งใจจริงในการที่จะหาทางแก้และช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่” นายเศรษฐา กล่าว

หลังรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวนา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยเฉพาะประเด็นที่ชาวนาสะท้อนคือเรื่องราคาปุ๋ยแพงและ ราคาข้าวตกต่ำ ว่า ราคาเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง หากราคาแพงต้นทุนก็จะสูง เงินเข้ากระเป๋าก็จะน้อย หน้าที่ของพรรค พท. คือจะต้องเพิ่มเงินสุทธิเข้ากระเป๋าเข้ากระเป๋าให้มากขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า ทั้งการลดราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย ส่วนปัญหาราคาปุ๋ยแพงนั้นสามารถยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลกที่ควบคุมได้ยาก ดังนั้นจึงมี นโยบายสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในท้องถิ่นเพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะทำให้เราสามารถควบคุมราคาปุ๋ยลงได้

เมื่อถามว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ยังไม่ สามารถแก้ไขปัญหาราคาข้าวได้มั่นใจหรือไม่ว่าพรรค พท. จะทำได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงไม่สามารถพูดถึง 8 ปีที่ผ่านมาได้ แต่ทราบถึงความอึดอัดตันใจ ไม่มีความสุข ที่ราคาพืชผลตกต่ำ แต่ตนมั่นใจว่าพรรค พท. สามารถทำได้ในหลายมิติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

เมื่อถามถึงพื้นที่อ.ผักไห่ เป็นพื้นที่รับน้ำและที่ผ่านมารับน้ำนานถึง 4 เดือน พรรค พท. มีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างไรเพื่อให้มีการระบายน้ำในพื้นที่ได้เร็วขึ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ทั้งระบบ ว่าทำไมถึงเป็นพื้นที่รับน้ำและรับน้ำนานถึง 4 เดือน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่แน่นอนว่าพื้นที่ที่เดือดร้อนต้องมีวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

ไม่กลัวแลนด์สไลด์ 'เสธ.หิ' ตีปี๊บ!! กระแส 'บิ๊กตู่' มาเต็ม  มั่น!! 'รทสช.' ปักธงภาคเหนือได้แน่ 

(10 มี.ค.66) นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ พื้นที่ภาคเหนือ กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขต พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคเหนือว่า ถึงตอนนี้การเตรียมงานของพรรคไปได้ดี จากเดิมตอนแรกคิดว่าจะไปได้ยาก แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสกับประชาชนพบว่ากระแสตอบรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในพื้นที่ภาคเหนือดีมาก เพียงแต่ว่าความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเขาอาจไม่ค่อยแสดงออก เพราะเขาอาจเกรงว่าหากแสดงออกแล้วจะมีความขัดแย้งใดๆ ตามมา แต่เมื่อเราได้เข้าไปสัมผัส เห็นชัดว่า กระแสตอบรับของพรรครวมไทยสร้างชาติในภาคเหนือถือว่าดี


เอาเป็นว่า รวมไทยสร้างชาติ น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของพรรคการเมืองที่อยู่ในใจคนภาคเหนือ โดยหากไม่ได้เข้าไปสัมผัส จะไม่รู้สิ่งนี้เลยเพราะด้วยสื่อและกระแสต่างๆ ที่ออกมา เหมือนกับว่าเป็นของบางพรรคการเมืองที่ยึดครองภาคเหนือ แต่พอเข้าไปสัมผัสจริงๆ พบเลยว่ามีแฟนคลับลุงตู่เยอะมาก เราคิดว่าตรงนี้ได้ผล ส่วนที่ว่าจะได้ส.ส.เขต กี่ที่นั่ง บอกเลยมั่นใจว่า ได้มา ก็ฮือฮาแล้วกัน เพราะเราไปสัมผัสพื้นที่มาแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่มีบางพรรคบางพวกพยายามสร้างภาพ

“ดังนั้น จะได้ ส.ส.แค่ไหน ก็อยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสเราแค่ไหน แต่เท่าที่ผมไปสัมผัสประชาชนมา ผมว่า ที่ใครเคยดูถูกพรรครวมไทยสร้างชาติไว้ทางภาคเหนือ ผมว่าได้นั่งร้องไห้กันบ้าง หลังผลเลือกตั้งออกมา ผมตอบแบบนี้ก็แล้วกัน แต่จะให้เราไปพูด คงไม่ได้ เพราะผมเคารพสิทธิประชาชน แต่จากการลงพื้นที่ทำให้ผมเชื่อว่าคนที่รักพลเอกประยุทธ์ในภาคเหนือมีอยู่เยอะ คนที่เข้าใจพรรครวมไทยสร้างชาติมีอยู่มาก ผมจึงมั่นใจว่าจำนวน ส.ส.เขต ที่เราตั้งเป้าไว้ เราจะได้ไม่ต่ำกว่าเป้าแน่นอน” เสธ.หิ ระบุ

เมื่อถามว่าในภาคเหนือ รวมไทยสร้างชาติจะสู้กับกระแสแลนด์สไลด์ กระแสนายทักษิณ ชินวัตร กระแสอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อย่างไร นายหิมาลัย กล่าวว่า “ต้องบอกว่า ท่านทักษิณก็มีสไตล์การบริหารงานในแบบของท่าน คุณอุ๊งอิ๊งก็มีสไตล์ในการบริหารงานต่างๆ รวมถึงความคิดต่างๆ ผมคิดว่าเราก็ดูถูกใครไม่ได้ ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ดูถูกตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ผมไม่รู้จักกระแสแลนด์สไลด์ รู้จักแต่ว่าประชาชนจะเลือกใคร วันนี้หากเราฟังสื่อแต่ว่าแลนด์สไลด์ แล้วทุกพรรคการเมือง ก็กลัวแลนด์สไลด์ ก็ไม่ต้องลงสมัครกัน ก็เหลือพรรคเดียวดีไหม ก็ยกให้ท่านทักษิณ ยกให้เพื่อไทยไปพรรคเดียวเลยดีไหม หากเรากลัวแลนด์สไดล์ เพราะฉะนั้น อย่างที่นายกรัฐมนตรีเคยบอกไว้ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้นถ้ามีคนศรัทธาแม้แต่หนึ่งคน เราก็ต้องต่อสู้”
 

‘นครพนม’ เดือด!! ‘ณพจน์ศกร’ ร้องทุกข์!! ‘เพื่อไทย’ โดน ‘ไอ้โม่ง’ ตระเวนกรีดป้าย ชี้!! เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาอย่าง เร่งตามตัวดำเนินคดี

‘นครพนม’ ส่อเดือด! ‘เพื่อไทย’ โดนแล้ว ‘ไอ้โม่ง’ ตระเวนกรีดทำลายป้ายนับสิบจุด

(10 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่า นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 นครพนม พร้อมทีมงานเดินทางไปยัง สภ.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยนำหลักฐานภาพถ่ายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.กังวาน โคตรตะวงศ์ สว. (สอบสวน) หลังถูกผู้ไม่หวังดีป่วนทำลายป้ายแนะนำตัว และป้ายของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ได้รับความเสียหายหลายจุด

จุดแรกเป็นป้ายนายณพจน์ศกร ถ่ายคู่กับ น.ส.แพรทองธาร ติดตั้งไว้ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2033 สายหนองญาติ-นาแก ป้ายนี้คาดว่าคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์หรืออาจเป็นสปาร์ตากรีดทำลายตรงภาพจนเสียหาย , จุดที่สองอยู่ริมถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2276 สายหนองฮี-ปลาปาก , จุดที่สามอยู่หน้าตลาดชุมชน ต.หนองฮี โดนทำลายถึง 2 ป้าย และจุดที่สี่อยู่ปากทางเข้าวัดป่าเมธาวิเวก รวม  6 ป้าย

จากนั้นนายณพจน์ศกร เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.บรรจบ แสนศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระซอง อ.นาแก แจ้งความเอาผิดกับผู้ทำลายป้ายที่ปักไว้ริมถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2031 สายพระซอง-เรณูนคร จุดแรกหน้าโรงสี ส.อำนวยค้าข้าว , จุดที่สองหน้าโรงเรียนมัธยมพระซองสามัคคี และจุดที่สามบริเวณสามแยกบ้านนาเหนือหน้าวัดศรีสว่าง ป้ายตรงจุดนี้ถูกมือดียกป้ายแนะนำตัวอันตรธานหายไป 3 ป้าย และเป็นที่น่าสงสัยคือมีป้ายแนะนำตัวของนายณพจน์ศกร ซึ่งติดตั้งอยู่ใกล้ๆกับเทศบาลตำบลพระซอง ก่อนหน้านี้ได้ถูกคนร้ายยกหายไปแล้ว พอวันนี้ป้ายดังกล่าวถูกนำมาปักไว้คืนที่เดิม

จากนั้นนายณพจน์ศกรได้เข้าพบ พ.ต.ท.สังเวียน ศรียศ สว.(สอบสวน) สภ.นาแก หลังป้ายแนะนำตัวถูกทำลาย 1 จุด บริเวณริมถนนบ้านต้นผึ้ง ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 223 สายนาแก-ธาตุพนม รวมเสียหายทั้งหมด 10 ป้าย มูลค่าความเสียหายรวมค่าติดตั้งป้ายละ 700 บาท รวมเป็นเงิน 7,000 บาท  เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

สำหรับป้ายแนะนำตัวของนายณพจน์ศกร ที่ถ่ายคู่กับ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตรวจสอบพบว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยใช้คัตเตอร์ หรือมีดสปาต้า กรีดสับที่ใบหน้าของ น.ส.แพทองธาร และนายณพจน์ศกร จนไม่เห็นโครงป้าย โดยที่หน้าโรงเรียนมัธยมพระซองสามัคคี คนร้ายถึงขนาดถอดป้ายไวนิลไป เหลือแต่โครงไม้ให้ดูต่างหน้า ส่วนที่พบว่าหนักสุดคือจุดหน้าตลาดชุมชนหนองฮี เสียหายถึง 6 ป้าย

คุณพระ(ไม่)ช่วย! สืบนครบาลรวบหนุ่มหลอกขายพระเครื่องผ่านเพจเฟซบุ๊กและกลุ่มไลน์

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./  ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT สั่งการให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สืบเนื่องจาก “ชุดลาดตระเวนออนไลน์”สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดว่าพบพฤติการณ์ผู้ต้องหาเปิดเฟจหลอกให้สั่งจองพระเครื่องบูชาพระเกจิชื่อดังแล้วเชิดเงินหลบหนีไป อันสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนศรัทธาในศาสนาเป็นวงกว้าง

วันที่ 8 มี.ค. 66 เวลาประมาณ  21.30 น. พล.ต.ท..ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพันธ์ บุญสม ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 บช.น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บช.น. , ร.ต.อ. วรเวช ปรุงเรณู รอง สว.กก.สส.๒ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลัง ได้ร่วมกันจับกุมตัว

นายพีรพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ที่อยู่ 50 ซอยสุทธิพงศ์ 1 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง  กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.107/2566 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ในคดีอาญาที่ 167/2566

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน' โดยจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 50 ซอยสุทธิพงศ์ 1 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

พฤติการณ์ของนายพีรพงศ์ฯ จะเป็นผู้จัดสร้างพระเครื่องบูชาสายหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน 
หลวงพ่อรวย ปาสาธิโก วัดตะโกและพระเครื่องต่างๆ โดยเปิดให้สั่งจองผ่านเพจเฟชบุ๊คของนายพีรพงศ์ฯ  และกลุ่มไลน์พระเครื่องที่นายพีรพงศ์ฯเป็นแอดมินแต่ในช่วงกลางปี 2565 นายพีรพงศ์ฯ ได้เปิดสั่งจองพระเครื่องหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 100 กล่อง ราคากล่องละ 19,000 บาท และได้ให้คนชื่อ 'ส้ม' เป็นผู้รับผลิต แต่นายพีรพงศ์ฯ ไม่สามารถจัดส่งพระเครื่องให้กับผู้สั่งจองได้ครบตามจำนวน จึงถูกผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.กระทุ่มแบน จนถูกออกหมายจับ และจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top