Monday, 29 April 2024
SPECIAL

รับฟังทุกข์อย่างใกล้ชิด ‘อ๋อม สกาวใจ’ โผล่ ‘เพื่อไทย กทม.’ ลุยบางคอแหลม ลั่น!! พร้อมดันคนรายได้น้อย ให้ลืมตาอ้าปาก

‘เพื่อไทย กทม.’ ลงพื้นที่บางคอแหลม ‘อ๋อม สกาวใจ’ โผล่ร่วมด้วย รับเรื่องร้องทุกข์ปัญหาศก. ‘พวงเพ็ชร’ ลั่นเตรียมพา ‘เศรษฐา’ ลงพื้นที่


เมื่อเวลา 16.00 น. (3 มี.ค.66) ที่เขตบางคอแหลม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายวราวุธ ยันต์เจริญ รองประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล

นายประภัสร์ จงสงวน นายอุเมส ปานเดย์ แกนนำภาค กทม. นายพชร ธรรมมล หรือฟลุ๊ก เดอะสตาร์ นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัครเขตบางพระโขนงพร้อมด้วย น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตสะพานสูง และ น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางคอแหลม-ยานนาวา ลงพื้นที่ชมพื้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์แก้วกัลยาเดโคพาทซึ่งเป็นโอทอปขึ้นชื่อ

จากนั้น คณะได้ขึ้นรถสองเเถวเพื่อมาเดินรับฟังปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าตลาดชุมชนสุดประเสริฐ โดยตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดชุมชนสุดประเสริฐได้มายื่นหนังสือถึงพรรค พท. เพื่อเสนอให้มีนโยบายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องราคาสินค้า ต้นทุนการผลิต และกำลังการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน

ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เราเห็นพรรค พท. ได้คนที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พวกตนก็รู้สึกดีใจ เพราะนายเศรษฐาเป็นนักธุรกิจ ซึ่งจะเข้าใจพ่อค้าแม่ค้าว่าทำมาค้าขายอย่างไร ก็ขอให้นึกถึงพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อยด้วย

เยือนถิ่นปากน้ำ!! 'บิ๊กป้อม' ควง 'เอ๋ ชนม์สวัสดิ์' โชว์พลังทัพ 'พปชร.' อ้อน!! ชาวปากน้ำ ฝากพลังประชารัฐไว้กับทุกคน

(3 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานเปิดตลาดเชิงท่องเที่ยวศูนย์กลางจำหน่ายผลผลิตทางการประมงและศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

.นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม รวมถึง ส.ส.สมุทรปราการปัจจุบันและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก น.ส.ภริม พูลเจริญ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร นายต่อศักดิ์ อัศวเหม นายวรพร อัศวเหม นายจาตุรนต์ นกขมิ้น นายแสน บานแย้ม ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวบนเวทีว่า มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มาเป็นประธานเปิดกิจกรรม "พบปะ พี่น้อง ประชาชน" ที่ตลาดเชิงท่องเที่ยวศูนย์กลางจำหน่ายผลผลิต ทางการประมง และ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ จังหวัด สมุทรปราการ" ในวันนี้ขอชื่นชม การดำเนินงานของทุกภาคส่วน ในจังหวัดสมุทรปราการ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันทำให้จังหวัดสมุทรปราการสวยงาม น่าอยู่ คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ วัฒนธรรม รวมไปถึงวิถีชีวิต ของชาวปากน้ำให้คงอยู่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า การพบปะพี่น้องประชาชนในวันนี้จะทำให้ทุกภาคส่วน เข้าใจถึงความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น และถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาเยี่ยมชมตลาดแห่งนี้ที่จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยให้พี่น้องชาวสมุทรปราการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรปราการต่อไป

หักหน้า 'กกต.' เมื่อ 8 จังหวัดต้องแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ หลังบทสรุป 'ราษฎรไทย' ไม่ได้หมายรวมถึงคนต่างด้าว

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 86 (1) ซึ่งกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ที่ประกาศในปีสุดท้าย ก่อนปีที่มีการเลือกตั้งนั้น คำว่า ‘ราษฎร’ ไม่หมายรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทย

เป็นคำวินิจฉัยที่ตรงใจประชาชน และหักหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ใส่ต่างด้าวเข้ามาเป็นฐานคำนวณในการแบ่งเขตเลือกตั้งด้วย 

โดยให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลตั้งแต่วันนี้ (3 มี.ค.66) เป็นต้นไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และไม่มีผลย้อนหลังไปถึงการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ กกต. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2) ว่า การคิดคำนวณจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี โดยนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรตามที่สำนักทะเบียนกลางประกาศ ณ วันที่ 31 ธ.ค. ของปีที่ล่วงมามาใช้ในการคิดคำนวณจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ถูกต้องหรือไม่ เป็นการยื่นคำร้องหลังจากมีเสียงค้านอื้ออึงในการนำต่างด้านเข้ามาร่วมคำนวณการแบ่งเขตเลือกตั้งด้วย ทำนองว่า ต่างด้าวเกี่ยวอะไรกับการเมืองบ้านเรา และมีการร้องไปยัง กกต.บ้าง ร้องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินบ้าง เพื่อให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และ กกต.ก็สุดจะทนแรงเสียดทาน หรือกลัวคุกก็ไม่ทราบได้ ตัดสินใจส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ต่อต้านยาเสพติด!! ‘ภูมิใจไทย’ ลั่น ไม่ยอมให้ ‘ยาบ้า’ ครองเมือง ประกาศนโยบาย หากมียาบ้าเกิน 1 เม็ด = ‘ผู้ค้า’

(3 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของพรรคภูมิใจไทยว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยในเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า มีการแพร่หลายจำหน่ายกันทั่วทุกอณูของพื้นที่ ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ผู้ที่อยู่ในเรือนจำนี้ประมาณ 80% เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด และในคดียาเสพติดมีถึง 90% เป็นผู้ต้องขังที่มีความผิดในเรื่องของยาบ้า เพราะเราไม่มีมาตรการที่ดีพอในการที่จะทำให้การปราบปรามยาบ้า ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านเรา อาทิ มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ที่โทษเกี่ยวกับยาเสพติดร้ายแรง โทษส่วนใหญ่คือ ประหารชีวิต ทำให้คดีอาชญากรรมเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดไม่มีอะไรเลย เพราะความเข้มแข็งของกฎหมาย และมาตรการที่เข้มข้น

นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะที่ประเทศเราค่อนข้างอะลุ่มอล่วย กฎหมายฉบับใหม่ออกมาว่า ใครครอบครองไว้ไม่เกิน 5 เม็ดให้ตำรวจสันนิษฐานว่า มีไว้เพื่อเสพ แต่ถ้าเกิน 5 เม็ดขึ้นไป คือผู้ค้า ในที่สุดผู้ค้า ก็หลบเลี่ยงโดยแทนที่จะค้ากันหลายสิบเม็ด 100 เม็ด ก็เปลี่ยนใหม่เป็นส่งของกันไม่เกิน 5 เม็ด แล้วให้เด็กจะเป็นคนส่ง วันนี้ยาบ้าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก มีข่าวคนเมายาบ้า คลั่งยาทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนในครอบครัว เกิดขึ้นวนไปวนมา เรื่องยาบ้าไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนพูดเหมือนกันหมด แต่ไม่มีมาตรการที่เข้มแข็ง วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้ทันกล ทันเกม ของผู้ค้า โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว เปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ให้สันนิษฐานว่าแค่ 1 เม็ด คือการมีไว้เสพ ซึ่งโทษก็เบา เกิน 1 เม็ดหรือ 2 เม็ดขึ้นไปถือว่าเป็นผู้ค้า แล้วให้ไปสู้คดีว่า คุณค้ายาหรือไม่
 

ลูบคมนายหัวตรัง รทสช. ฉก 'หลีกภัย' ชน ปชป. จับตา 'โกหน่อ' ช่วยใคร?

พลันที่นายหัวชวน 'ชวน หลีกภัย' ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉว่า มีมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่วิ่งหาคนนามสกุล 'หลีกภัย' มาลงแข่งที่ตรัง ด้วยความอยากช่วยนายกฯ จึงต้องสืบค้นว่า นายตำรวจใหญ่คือใคร ไปทาบทามใคร

สนามการเมืองจังหวัดตรัง ถือเป็นเมืองหลวงของประชาธิปัตย์ ถิ่นกำเนิดของ 'ชวน หลีกภัย' ที่ทุกคนยอมรับในความซื่อสัตย์สุจริต เป็นนักการเมืองมือสะอาดคนหนึ่งของประเทศไทย ที่อยู่ยงคงกระพันบนเวทีการเมืองมาตั้งแต่ปี 2512 จนถึงปัจจุบัน และในการเลือกตั้งสมัยหน้ายังจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ หนุนหลัง 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แบบเต็มกำลัง

'ประชาธิปัตย์' ยึดครองสนามตรัง 3-4 ที่นั่งมายาวนาน เพราะชื่อชั้นของ 'นายหัวชวน' เป็นเครื่องหมายการค้า ที่ประชาชนยอมรับ ดังนั้น ไม่ว่าประชาธิปัตย์จะส่งใครลงสนามตรัง ประชาชนชาวตรังก็ยินดีที่จะเลือกให้เป็นผู้แทนโดยไม่มีข้อกังขา แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของ 'นายหัวชวน' ถูกนักเลงดีจากพรรคพลังประชารัฐ 'นิพันธ์ ศิริธร' อดีตรองผู้ว่าฯ ตรัง มาแย่ง 'หมอสุกิจ' นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.หลายสมัยจากประชาธิปัตย์ ปาดหน้าเข้าวินเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ทำให้ประชาธิปัตย์ได้แค่ 2 ที่นั่งในจังหวัดตรัง จาก 3 ที่นั่ง

กล่าวสำหรับการเลือกตั้งในปี 2566 จ.ตรัง ได้ ส.ส.เพิ่มจาก 3 เขตเป็น 4 เขต โดยเขต 1 'นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์' ปฏิเสธลงสมัคร จึงไปคว้า 'นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น' คนใกล้ชิดคนในครอบครัว 'หลีกภัย' ลงแทน ซึ่งในเขตนี้ 'พลังประชารัฐ' อาจจะส่ง 'กิตติพงษ์ ผลประยูร' อดีตที่ดินจังหวัดตรังลงแทน 'นิพันธ์ ศิริธร' ที่ทำท่าว่าจะไม่ไปต่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ในการเปิดตัวผู้สมัครของพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ยังปรากฏชื่อนิพันธ์ ศิริธร อยู่

ส่วนรวมไทยสร้างชาติ ฮึดสู้ในสนาม 'หลีกภัย' #นายหัวไทร ทราบว่า มีการส่งนายตำรวจใหญ่ชื่อเสียงโด่งดัง ไปทาบทาม 'ถนอมพงษ์ หลีกภัย' รองนายกเทศมนตรีนครตรัง' ให้มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ผ่านกำนันคนดังเจ้าของบ้านทรงไทย นี่แหละคือประเด็นที่นายหัวชวน กล่าวถึง

เขต 2 ประชาธิปัตย์ยังคงส่ง 'เสี่ยตาล' สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงรักษาแชมป์ มี 'ทวี สุรบาล' เจ้าเก่าในนามพลังประชารัฐลงท้าชิง

เขต 3 ประชาธิปัตย์ส่ง 'สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ' ทายาทของ 'โกหน่อ' สมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรังหลายสมัยลงรักษาแชมป์ โดยมี 'พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เรืองนัฐพงษ์' ลงชิง และมี 'อำนวย นวลทอง' เพื่อนซี้โกหน่อ ลงประชันด้วยในนามรวมไทยสร้างชาติ

เขต 4 ประชาธิปัตย์ โดย 'โกหน่อ-สมชาย โล่สถาพรพิพิธ' หักด่านคนในตระกูล 'หลีกภัย' ผ่านผลโพลล์ไม่ส่ง 'สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล' เลขานุการประธานสภาฯ 'ชวน หลีกภัย' ซึ่งเคยเป็น ส.ส.เขตนี้ ส่ง 'สท.กานต์ ตั้งปอง' ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น สายเลือดใหม่ลงในเขตนี้แทน เป็นเหตุให้ 'สมบูรณ์' ลาออกจาก 'ประชาธิปัตย์' และลงสมัครรับเลือกตั้งในนามรวมไทยสร้างชาติ 'พลังประชารัฐ' ส่ง 'พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์' อดีตผู้การจังหวัดตรัง ลงแข่ง

'สมศักดิ์ เทพสุทิน' รมต.ยุติธรรม สายนักสร้าง สร้างมาตรฐานนักโทษในเรือนจำ และสร้างโอกาสใหม่ในชีวิต

หากมองลงไปในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หนึ่งในรัฐมนตรีที่นับว่ามีพรรษาทางการเมืองสูงสุด ก็คือ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' 

จากท้องถิ่น ถึงการเมืองชาติ ผู้นำ 'บ้านใหญ่' พื้นที่ จ.สุโขทัย ในวัย 68 ปี ผ่านประสบการณ์การบริหารบ้านเมืองมานับไม่ถ้วน ทั้งในบทบาทรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง จนกระทั่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากระทรวงยุติธรรม และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค

“42 ปีทางการเมือง ผมยังมีไฟแก้ปัญหา อาจทำได้ไม่ทั้งหมด แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด”

คือประโยคทิ้งท้ายในงานฉลองวันเกิด 13 มกราคม ปีที่แล้วของนักการเมืองรุ่นใหญ่ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเมือง ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในสนามการเมืองท้องถิ่นปี 2523 สู่บทบาททางการเมืองในระดับชาติ และยังคงมีจังหวะก้าวอยู่ในเส้นทางการเมืองจนถึงวันนี้ 

และหากมองเข้าไปถึง หลักคิด วิธีการ และเป้าหมายในการตัดสินใจทางการเมืองของนักการเมืองที่ชื่อ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ว่า เขาให้ความสำคัญกับ ‘ดิน ฟ้า อากาศ’

'ดิน' คือ ประชาชน รากหญ้า ความต้องการของประชาชนคือสิ่งสำคัญ 'ฟ้า' คือต้องดูพรรคการเมืองที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และ 'อากาศ' คือประเมินข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ 

ดิน ฟ้า และอากาศ จึงเป็นสามปัจจัยสำคัญที่เจ้าตัวให้ความสำคัญ และเป็นหลักยึดในการตัดสินใจกับพรรคพลังประชารัฐในช่วงเวลาที่ผ่านมา 

เบื้องหลังการขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง จนนำไปสู่การเป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังเลือกตั้ง 2562 ส่วนหนึ่งมาจากพลังการขับเคลื่อนของกลุ่ม ส.ส. และนักการเมืองในนาม 'กลุ่มสามมิตร' 

'สามมิตร' เป็นกลุ่มการเมืองเฉพาะกิจ มีสามแกนหลักคือ 3 รัฐมนตรีในครม.ชุดปัจจุบัน คือ 'สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ' รมต.อุตสาหกรรม 'อนุชา นาคาศัย' รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม

กัญชาปลอดภัย 'ภูมิใจไทย' ประกาศชัด!! การันตี 'กัญชา' ต้องไม่ถูกนำไปเป็นยาเสพติดอีกต่อไป

(2 มี.ค.66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายทะบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง การมาของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะทำให้กัญชาปลอดภัย ว่า...

“พรรคภูมิใจไทย จะไม่ปล่อยให้กัญชา ต้องถูกนำไปเป็นยาเสพติดอีก หาก กัญชา กลับเข้าไปอยู่ในคุก ไม่ให้ได้ใช้ประโยชน์ บรรดาผู้ที่ใช้ประโยชน์อยู่จำนวนนับล้านคน จะตกเป็นผู้ต้องหาเป็นอาชญากร” ทุก ๆ คนเปิดใจมาดู มาฟัง “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายทะบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย จะมาเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง

ในการนำกัญชาออกมาจากยาเสพติด แทบไม่มีพรรคการเมืองไหนคัดค้านเลย แต่พอพรรคภูมิใจไทย มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่สภาฯ กลับหวังผลการเมือง ตัดแข้งเตะขา ไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน จนลืมประโยชน์ของประชาชน ปล่อยให้เกิดสุญญากาศ ไม่ให้มีกฎหมายในการควบคุมกัญชา ทั้งๆ ที่ปากตัวเองบอกว่า ห่วงเยาวชน

รับฟังเสียงเยาวชน ‘ก้าวไกล’ บุกหน้า รร. ถามความเห็นปฏิรูปการศึกษา พร้อมชูนโยบาย ‘การศึกษา 4 เด้ง’ เน้น นร. มีส่วนร่วม

(2 มี.ค.66) ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง พรรคก้าวไกล และ พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์และการสื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล บุกหน้าโรงเรียนลาดปลาเค้าพิทยาคม 2 เขตลาดพร้าว กทม. เพื่อรับฟังความคิดเห็นให้เยาวชนและประชาชนทุกคน ร่วมกันเขียนอนาคตประเทศที่ทุกคนอยากเห็นกับพรรคก้าวไกล โดยวันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย นักเรียนที่เพิ่งออกจากห้องสอบให้ความสนใจเสนอแนะการศึกษาที่อยากเห็นเป็นจำนวนมาก

ธนเดชกล่าวว่า ถึงแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่เราเจอจะยังไม่มีสิทธิเลือกตั้งในวันนี้ แต่ตนและพรรคก้าวไกลคิดว่าจำเป็นต้องรับฟังความคิดของคนที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมในอนาคต ว่าพวกเขาคิดเหมือนกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เพื่อที่จะเอาความเห็นของพวกเขามาปรับ นโยบายและกลยุทธ์หาเสียงกันในโค้งสุดท้าย

ส่วนพริษฐ์ กล่าวว่ากิจกรรมวันนี้ที่ตนรู้สึกชอบที่สุดคือป้ายหาเสียงที่เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ เปิดให้ประชาชนร่วมเขียน ร่วมโหวตได้ เพื่อใช้รับฟังความคิดเห็น ที่ประชาชนอยากส่งเสียงถึงเรา และส่งเสียงถึงประเทศนี้ เพื่อให้การจัดทำนโยบายของพรรคก้าวไกลมีความครบถ้วนมากขึ้น

ในส่วนของนโยบายการศึกษาที่พรรคก้าวไกลนำเสนอกับประชาชน พริษฐ์กล่าวว่าพรรคก้าวไกลจะออกแบบการศึกษาของประเทศ ที่นักเรียน/เยาวชนมีส่วนร่วม 4 เด้ง

ปราศรัยจุดเดียวกัน!! 'เพื่อไทย' เตรียมปราศรัยใหญ่ 'โคราช-บุรีรัมย์-สุรินทร์' จัดเต็ม 2 วัน 5 เวที ประเดิมเมืองย่าโม หวังเกทับ 'รทสช.'

(2 มี.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4-5 มี.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่หาเสียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใน 3 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะเริ่มเวทีแรก ที่อาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองปักธงชัย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

จากนั้นจะไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนไปเปิดเวทีที่ 2 เวลา 14.00 น. ณ ลานข้างสถานีรถไฟ อ.คง จ.นครราชสีมา และช่วงเย็นเวลา 17.00 น. จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ณ สนามหน้าศาลากลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งสนามนี้เคยมีเวทีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อสัปดาห์ก่อนเชื่อว่าพรรค พท.จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เก้าอี้จะเต็มทุกที่นั่ง

'ขุนศึก กทม.' ของ 6 พรรคการเมืองใหญ่

ศึกนี้ใหญ่แน่ๆ เลยวิ! กำลังพูดถึง 'พื้นที่กรุงเทพมหานคร' ที่ว่ากันว่า ศึกเลือกตั้ง 66 จะเป็นสมรภูมิแห่งการเลือกตั้งที่บรรดาพรรคการเมืองสู้กันดุเดือด โดยเบื้องต้นคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้จัดสรรโควตา ส.ส.กรุงเทพมหานครไว้ที่ 33 คน เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 จำนวน 3 ที่นั่ง แน่นอนว่า ยิ่ง 'เก้าอี้ ส.ส.' มากขึ้น การแข่งขันเพื่อช่วงชิงโควต้า ส.ส.ก็ยิ่งทวีความร้อนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย

มุ่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด ‘ธนาธร’ คัมแบ็คเวทีปราศรัย ‘ก้าวไกล’ ประเดิมอุดรฯ ชี้! แก้ทุกปัญหาไปพร้อมกัน เพื่อทลายความเหลื่อมล้ำในชาติ 

‘ธนาธร’ รีเทิร์นเวทีหลังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียง ‘ก้าวไกล’ ประเดิมที่อุดรธานี ปลุกปรากฏการณ์ ‘อนาคตใหม่’ ร่วมสานต่อภารกิจเปลี่ยนแปลงประเทศ ย้ำ หมดเวลาแก้ปัญหาแบบทีละเรื่อง ต้องลุยทลายความเหลื่อมล้ำ-แก้ปัญหาประเทศอย่างถาวรเท่านั้น*

วันที่ 1 มีนาคม 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ประเดิมร่วมเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกล หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคอย่างเป็นทางการ เวทีแรกของการเดินสายในรอบสัปดาห์นี้คือ จ.อุดรธานี เริ่มต้นด้วยเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่ อ.หนองแสง ก่อนเดินทางร่วมเวทีปราศรัยที่ อ.กุมภวาปี ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น หลังจากร้างลาเวทีหาเสียงระดับชาติมานานกว่า 3 ปีภายหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

ธนาธร เริ่มต้นการปราศรัยด้วยการเล่าถึงการทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าช่วงที่ผ่านมา ได้ไปร่วมทำงานกับท้องถิ่น ทั้งระดับเทศบาล และ อบต. ได้เห็นปัญหาในระดับท้องถิ่นหลายเรื่อง เช่น เรื่องน้ำประปา ที่น่าเหลือเชื่อว่าประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 คนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่มีน้ำสะอาดที่ไหลตลอด 24 ชั่วโมงใช้ทุกวัน ถ้าไม่แกว่งสารส้มเองให้ตกตะกอนก็ต้องซื้อน้ำถังมาใช้ กลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ตอกย้ำความยากลำบากในชีวิตของคนส่วนใหญ่ ที่มีมากพออยู่แล้ว

สิ่งที่ได้ไปเห็นมาจากการทำงานท้องถิ่น ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่ตนเชื่อมาตลอด ว่าประเทศของเราควรดูแลกันและกันได้ดีกว่านี้ คนไทยทุกคนไม่ว่าเกิดที่ไหนควรเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา โรงพยาบาล โรงเรียน ถนนหนทาง ฯลฯ ควรจะดีเท่ากันทุกที่ ซึ่งไม่ใช่ว่าประเทศของเราไม่มีความรู้หรือศักยภาพพอที่จะทำได้ แต่ปัญหาคือการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าไม่ถึงทรัพยากรและงบประมาณ ยกตัวอย่างเช่น เงินทุกบาทที่เอาไปซื้อเรือดำน้ำ ก็คือทุกบาทที่ไม่ได้เอามาทำน้ำประปาให้สะอาดสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศนี้

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล คือการเดินทางไปสร้างสังคมไทยที่จะทลายความเหลื่อมล้ำ เช่น การต่อสู้กับทุนผูกขาดเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทำมาหากินได้ เราไม่เคยสัญญาว่าจะให้ข้าวตันละเท่าไร เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ดีกว่าคือการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้ทุกคนทำมาหากินได้ เช่นที่เราเสนอกฎหมายสุราก้าวหน้า เพื่อยกเลิกการผูกขาดในตลาดสุรากว่า 4 แสนล้านบาท ที่อยู่กับแค่ 2-3 บริษัทมากว่า 40 ปี โดยไม่เคยมีใครคิดจะแก้ไข

มันหยด!! อาญาสิทธิ์ (พปชร.) VS สิทธิรักษ์ (รทสช.) ชิงซีนวิสัยทัศน์ ในจังหวะ ‘บิ๊กตู่’ เยือนเมืองคอน

แม้ว่าเมื่อวานนี้ ‘นายหัวสิทธิ์’ หรือ ‘สิทธิรัก ทิพย์อักษร’ ใส่เสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สวมเสื้อให้ด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชายร่างเล็กผู้น่าจดจำอย่าง ‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ ส.ส.เจ้าของพื้นที่ตกอกตกใจสักเท่าไหร่ เพราะก็ได้เปิดตัวประกาศกร้าวขอรักษาแชมป์ ส.ส. จ.นครศรีธรรมราช เขต 3 ในนามพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม 

อาญาสิทธิ์ ระบุว่า “เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ผมปฏิญาณตน ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ตามที่พี่น้องได้เลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่างลง เมื่อ 7 มีนาคม 2564”

นอกจากนั้นแล้ว นายอาญาสิทธิ์ ก็ยังเห็นว่านโยบายพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้นำมาเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันบริหารประเทศ ใช้แก้ไขปัญหาประชาชนได้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน จับต้องได้ เช่น ด้านสวัสดิการประชารัฐ โดยออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐบาลที่จัดตั้งโดยพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำได้บริหารประเทศด้วยนโยบายที่ทำได้จริง ถึงตัวตนประชาชนเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่รั่วไหล ประชาชนพึงพอใจ และพรรคพลังประชารัฐพร้อมเดินหน้าทำต่อไป ในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ก็จะพัฒนาเพิ่มเติมและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น

อาญาสิทธิ์ กล่าวอีกว่า “ผมมั่นใจในนโยบายแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งอุดมการณ์ นโยบายพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งนำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ซึ่งท่านประกาศชัดเจนว่าจะนำนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไปบริหารประเทศต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพลังของประชาชนขับเคลื่อนสร้างพรรคพลังประชารัฐในระบอบประชาธิไตย ให้เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง มีบุคคลกรการเมืองที่มีคุณภาพ สร้างเสริมการเมืองที่มีคุณธรรม ฟังความเห็นทุกฝ่าย รู้รักสามัคคี ให้อภัย นำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยคำนึงถึงการกินดี อยู่ดี มีความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก โดยการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชนชาวไทย ในระบอบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข”

“ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบเขตเลือกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช ผมเชื่อว่าประชาชนชาวไทยยังต้องการนักการเมืองที่มีคุณธรรม คนนครศรีธรรมราช เป็นคนจริง รักใครรักจริง ชาวนครเป็นคนจริงใจ รักใครรักจริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง “รักจังฮู้” ดังคำกล่าวที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช” อาญาสิทธิ์ กล่าว

อาญาสิทธิ์ ระบุเพิ่มอีกว่า ผมเป็นชาวตำบลสามตำบล อำเภอจุฬาภรณ์ นครศรีธรรมราช หมู่บ้านตำบลเล็ก ๆ ในชนบทซึ่งเป็นแหล่งก่อกำเนิดนักการเมือง นักสู้ทางความคิดที่มีชื่อลือเลื่องมายาวนาน เป็นสถานที่มีการต่อสู้ทางความคิดและอาวุธ ด้วยเหตุผลด้านการเมืองการปกครองที่สำคัญ และความโดดเด่นของเมืองใต้ คนที่กำเนิดในพื้นเพนี้ ภูมิใจในมาตุภูมิ หรือคำสมัยใหม่อาจเรียกว่า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง เรียกว่า ‘คนสามตำบล’ เป็นคนจริง และมีคุณธรรมประจำใจ มีน้ำใจต่อผู้อื่น มีความยุติธรรมประจำใจเป็นที่ตั้ง ไม่ข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอ พร้อมรับมือกับผู้ข่มเหงรังแกที่แข็งแกร่ง เสียชีพอย่าเสียความสัตย์ เป็นเรื่องปฏิบัติจริงของ ‘คนสามตำบล’ มีคำจารึกบนศิลาจารึก หุบเขาช่องคอยเตือนสติ ว่าถ้าคนดีมีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลก็จักมีขึ้นแก่ชนเหล่านั้น”

“ด้วยคุณธรรมของชาวนครฯ ร่วมด้วยคุณลักษณะของคนสามตำบล” ที่ผมยึดถือเหมือนคาถาที่คนโบราณ ยึดถือสัจจะหลักธรรมประจำตัว สิ่งที่ผมไม่กระทำต่อหน้าโดยตรง หรือด้วยเล่ห์ เพทุบาย ในอันที่จะ คิดคดทรยศประชาชน ทรยศต่อพรรคการเมืองที่สังกัด ทรยศต่ออุดมการณ์ นโยบายพรรคที่ได้ให้โอกาสมีบทบาททางการเมือง ทรยศผู้ร่วมอุดมการณ์ในพื้นที่เลือกตั้ง” อาญาสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายอาญาสิทธิ์ยังกล่าวต่ออีกว่า “ผมจึงไม่หนีจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ตีจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านผู้มีความตั้งใจทำความดีเพื่อชาติและประชาชนด้วยความเสียสละ รวมทั้งเพื่อนสมาชิกพรรคที่รักทุกคนและท่านที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นกรรมการบริหารพรรค ในท่ามกลางกระแสความนิยม ชื่นชมความดี นักการเมือง และพรรคการเมืองอื่น มากมายหลายพรรค” อาญาสิทธิ์ กล่าว

“เมื่อหมดวาระตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันนี้แล้ว ผมยังตั้งใจที่จะเป็นกำลังของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบเขต ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเป็นแขน-ขา อวัยวะส่วน เล็กๆ ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะหยิบยื่นนำเสนอถึงอุดมการณ์ นโยบายพรรคพลังประชารัฐให้รับรู้ถึงหูของประชาชนด้วยความนอบน้อม จริงใจ”

“ผมยืนหยัดจะทำตามอุดมการณ์ ที่ผมเข้ามารับใช้ประชาชนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมเป็นกำลังกาย กำลังใจ กำลังขับเคลื่อนอุดมการณ์ และนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับผม ส.ส.นายอำเภออาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ต่อไป” อาญาสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

เปิดตัวล็อตใหญ่!! ‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม พปชร. เปิดหน้าผู้สมัครชุดใหญ่ เสริมแกร่งให้พรรค ลั่น!! จัดตั้งรัฐบาลชัวร์

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในจำนวนนี้ มีทั้ง ส.ส.เก่า และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ประมาณ 50 คน บรรยากาศคึกคัก มี ส.ส. อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เดินทางมาจำนวนมาก

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวครั้งนี้ ประกอบด้วย

ภาคกลาง
- กรุงเทพมหานคร ได้แก่ นายศิริพงศ์ รัศมี ส.ส.กทม. เขต 17
- จังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ นายจาตุรนต์ นกขมิ้น, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ, น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายแสน บานแย้ม ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ, นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรพร อัศวเหม
- จังหวัดราชบุรี ได้แก่ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2, นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส.ราชบุรี, นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์
- จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4
- จังหวัดชัยนาท ได้แก่ นายธนบดี คุ้มชนะ อดีตนายก อบจ.ชัยนาท
- จังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 3
- จังหวัดสระบุรี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี เขต 1
- จังหวัดสิงห์บุรี นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1
- จังหวัดสุพรรณบุรี นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สุพรรณบุรี 

ภาคอีสาน
- จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ นายสุขสันต์ ชื่นจิตร เขต 5 และนายอัครแสนคีรี โล่วีระ เขต 7
- จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายสิตกวิน เตียวเจริญโสภา เขต 5 และนายเสรษฐิพณ แท่นดี เขต 6
- จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น เขต 7, นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น, นายพิพัฒน์พงศ์ พรหมนอก เขต 8
- จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 1, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 4, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 7, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา เขต 8 และนายณัฐพล ชวนกระโทก

ภาคใต้
- จังหวัดตรัง ได้แก่ นายนิพนธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1
- จังหวัดกระบี่ ได้แก่ นายอนันต์ เขียวสด
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1, นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2, นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3
- จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ นายสมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2
- จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1, นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2
- จังหวัดปัตตานี ได้แก่ นายอันวาร์ สาละ อดีต ส.ส.ปัตตานี
- จังหวัดยะลา ได้แก่ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา เขต 1

ภาคเหนือ
- จังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1, นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4
- จังหวัดพิจิตร ได้แก่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร เขต 1, นางณริยา บุญเสรฐ เขต 2, นายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย 
- จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 1, นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 2, นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 3, นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 5
- จังหวัดพะเยา ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 และนายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1

อีอีซี
- จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เขต 2 และนายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว เขต 3 
- จังหวัดชลบุรี ได้แก่ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา, ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายประมวล เอมเปีย, นายโอฬาร์ ปัญญปิติพัฒน, นายบรรจบ รุ่งโรจน์, นายนิพนธ์ แจ่มจรัส, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ อดีต ส.ส.ชลบุรี

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่พรรคนี้ และขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคอื่น ขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ทุกคน ที่จะมาทำชื่อเสียงให้กับพรรคต่อไป ขอบคุณทุกคน รู้สึกตื่นตันใจ โดยเฉพาะ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่กับตน ไม่ไปไหน ขอบคุณมาก วันนี้เราถือว่าเป็นโอกาสดีวันหนึ่งในการเปิดตัวผู้สมัคร ทั้ง ส.ส.เก่าที่ไม่ไปย้ายพรรคอื่น แม้เราจะโดดดูดไปเยอะ แต่ไม่เป็นไร

“พรรคผม ถือเป็นพรรคที่โดนดูดส.ส.มากที่สุด แสดงว่าพรรคเราเข้มแข็ง พรรคอื่นถึงดึงไป ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่พรรคนี้ ขอบคุณคนที่ย้ายเข้ามาในพรรคใหม่ ที่มาจากพรรคอื่นมาอยู่ในพลังประชารัฐ ซึ่งยินดีต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ ที่จะมาเป็นกำลังให้กับพรรค เราหวังว่าจะได้ ส.ส.มาก คราวที่แล้วเราได้อันดับสอง คราวนี้ผมอยากได้อันดับหนึ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เร่งตามล่าผู้ก่อเหตุ!! เกิดเหตุบุกยิง หน้าวิทยาลัยเอกชน เมืองหนองบัวลำภู หญิงเคราะห์ร้ายเจ็บสาหัส คาดเหตุมาจากการหึงหวง

บุกยิงครู หน้าวิทยาลัยเอกชน เจ็บสาหัส ตร.เร่งล่าตัวมือปืน เผยเพิ่งมาทำงานได้วันเดียว

เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 1 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุยิงกันขึ้นภายในวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง (วิทยาลัยเทคโนโลยีเอเชียอินเตอร์) ริมถนนรอบเมืองหนองบัวลำภู คนละฝั่งกับศูนย์ราชการจังหวัดหนองบัวลำภู

ซึ่งขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาพักเที่ยง คนงานที่มาทำการติดประตูทาสีอาคารเรียนได้หยุดพักไปรับประทานอาหารอยู่ด้านใน และเห็นผู้หญิงคนถูกยิง เดินเหมือนกับคุยโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ประมาณ 3-4  นัด ก็เห็นผู้หญิงล้มลง คนงานระบุด้วยว่าเห็นคนที่ก่อเหตุใส่หมวกกันน็อคทั้งใบปิดคลุมใบหน้า ใส่เสื้อสีเขียว แต่เมื่อหลังเกิดเหตุแล้ว ได้วิ่งมาดูคนถูกยิง ก็เห็นล้มลงแล้ว ส่วนคนก่อเหตุไม่รู้ว่าไปทางไหน ไม่เห็นรถยนต์ ไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งออกไป จึงได้รีบโทรแจ้งให้ เจ้าหน้าที่มารับเอาตัวคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลหนองบัวลำภู และเห็นว่า ผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส ตอนนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลอุดรธานี

สอบถามจาก นายพัชรินทร์ นันท์ทอง อยู่ที่บ้านโนนสูงใหม่วังทอง ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ช่างที่มาติดประตูอาคารเรียนของวิทยาลัยที่เตรียมจะเปิดเรียน เล่าว่า ทราบว่าน้องเขาก็เพิ่งจะมาทำงานวันนี้วันแรก และยังไม่ได้เปิดเรียน ส่วนตอนเกิดเหตุตนเองและช่างก็ไปรับประทานอาหารเที่ยง น้องที่ถูกยิงเดินถือโทรศัพท์มาด้านหน้าวิทยาลัย แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ประมาณ 3-4 นัด มองมาไกลๆ ก็เห็นคนยิงใส่หมวกกันน็อคปิดปกคลุมใบหน้า ใส่เสื้อสีเขียว แต่พอก่อเหตุแล้วก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุไปทางไหนเลย ไม่เห็นรถยนต์ ไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ ของคนร้ายที่ก่อเหตุ

‘เศรษฐา’ กั๊กตอบนั่งแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แต่พร้อมช่วย ‘อุ๊งอิ๊ง’ เดินหน้าหาเสียงเต็มที่

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าพรรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังได้รับแต่งตั้ง โดยมี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ให้การต้อนรับ

โดย นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ได้มีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษา และพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคมาโดยตลอด วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด แต่คนที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนก็มีขีดจำกัด ส่วนตัวก็พร้อมที่จะมาช่วยในลักษณะที่ตนถนัด

เมื่อถามว่า นี่คือก้าวแรกของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้น ขอให้เป็นขั้นตอน เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีหลายท่านที่มีความเหมาะสม

เมื่อถามย้ำว่า หลายฝ่ายฟันธงไปแล้วว่า นายเศรษฐา คือ แคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นที่ปรึกษาให้ น.ส.แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าจะช่วยประเทศชาติได้ หลังจากนี้ จะไปช่วยหาเสียง ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจก็อยู่แค่เมืองหลวงอย่างเดียว ซึ่งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การลงพื้นที่ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตนไปทำ แต่ก็ต้องมีความเป็นตัวตนของตนด้วย และทำในสิ่งที่ตนเองถนัด

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการรบริหารเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพร้อมจะรับหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า ต้องให้เกียรติ หากไปพูดก่อนจะเป็นการกดดันคนอื่นที่มีศักยภาพ ตนเป็นน้องใหม่ ยังมีผู้ใหญ่หลายท่านที่มีคุณภาพ

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พร้อมแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จะพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องพูด เป็นระบอบพรรคการเมือง เราไม่ใช่คนตัดสิน ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรคด้วย ที่สำคัญขณะนี้ยังไม่ยุบสภาฯ ขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อน ในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจมากว่า 30 ปี ตนจะขอทำให้เต็มที่จนถึงที่สุด หวังว่าขอเสนอแนะของตนจะเป็นประโยชน์พรรคการเมือง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top