Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

รร.เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ มอบของ - มอบแรงใจ แด่ผู้เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย

(19 มิ.ย. 68) คณะศึกษาดูงานโรงเรียนเสนาธิการทหารบก นำนายทหารนักเรียนหลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ 103 โดยการนำของ พันเอก ชัชวินท์ ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการโรงเรียนฯ จัดกิจกรรม CSR ภายใต้แนวคิด “แนวหน้าอุ่นใจ แนวหลังส่งแรงใจไม่ขาดสาย” ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจให้แก่ทหารแนวหน้าและเยาวชนในพื้นที่ชายแดน

กิจกรรมเริ่มต้นที่โรงเรียนบ้านภูมซรอล อำเภอกันทรลักษ์ คณะได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีนายสวรรค์ ศรีกรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครูและนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเปี่ยมด้วยกำลังใจ

จากนั้น คณะเดินทางต่อไปยังฐานปฏิบัติการผาตุ้มโฮม เพื่อมอบถังเก็บน้ำขนาด 1,050 ลิตร จำนวน 5 ถัง พร้อมสิ่งของจำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ โดยมีพันเอก รัฐพล ศิริทับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 เป็นผู้รับมอบ พร้อมตัวแทนนายทหารนักเรียนมอบดอกกุหลาบแทนความห่วงใย

พันเอก ชัชวินท์ ยิ้มแย้ม ได้กล่าวโอวาทเสริมพลังใจแก่กำลังพลแนวหน้า ย้ำถึงความเสียสละและความเข้มแข็งของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน พร้อมขอบคุณที่ทหารกล้ายังคงปกป้องแผ่นดินไทยอย่างไม่ย่อท้อ

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการมอบสิ่งของ แต่คือการส่งแรงใจแทนความห่วงใยจากคนไทยทั้งแผ่นดินสู่ทหารแนวหน้าและเยาวชนชายขอบ เพื่อเป็นพลังใจให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและศรัทธาร่วมกันปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนต่อไป

รู้จัก ‘บิ๊กเล็ก’ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ผู้กุมบังเหียน ศบ.ทก. สู้ศึก ‘ไทย-กัมพูชา’

(19 มิ.ย 68) เปิดประวัติ ‘บิ๊กเล็ก’ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยฯ กลาโหม กับภารกิจคุมบังเหียน ศบ.ทก. วางแผน แก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เจรจาอย่างสันติ หลีกเลี่ยงการปะทะ

สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับพื้นที่และชายแดน ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา

เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลจึงมีคำสั่งจัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา” (ศบ.ทก.) ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อประสานและบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ศูนย์เฉพาะกิจนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการวางแผน แก้ไข และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนอย่างถูกต้องและเป็นเอกภาพ รวมทั้งสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในแนวทางสันติวิธี บนพื้นฐานของการเคารพในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค และบูรณภาพแห่งดินแดนตามหลักทวิภาคี

พร้อมกันนี้ ยังมีการประสานกับสภาความมั่นคงแห่งชาติในการอนุมัติการดำเนินการต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และสร้างแนวทางสู่การเจรจาอย่างสันติระหว่างประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

สำหรับ พล.อ.ณัฐพล นั้นเป็นผู้ที่เข้าใจในมิติด้านความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังเคยเป็นกรรมการ “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” หรือ“ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19”(ศปก.ศบค.) รวมทั้งยังรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควบคู่กันไปด้วย กล่าวได้ว่าประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤตของชาติมีอย่างเต็มเปี่ยม

เปิดประวัติบิ๊กเล็ก
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ บิ๊กเล็ก เกิดเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ปี 2504 จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 31 (รุ่นเดียวกับพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง) โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

• ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ พ.ศ. 2531
• อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พ.ศ. 2536
• อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก พ.ศ. 2540
• ผู้อำนวยการกอง กรมยุทธการทหารบก พ.ศ. 2550
• เจ้ากรมยุทธการทหารบก พ.ศ. 2558
• รองเสนาธิการทหารบก พ.ศ. 2559
• หัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. 2559
• เสนาธิการทหารบก พ.ศ. 2560
• รองผู้บัญชาการทหารบก พ.ศ. 2561-2563
• กรรมการ บริษัท ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2561-พ.ศ. 2563
• กรรมการอิสระและกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2562-พ.ศ. 2563
• เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2563
• ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563
• ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข พ.ศ. 2564
• รองผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ประวัติการศึกษา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
• พ.ศ.2529 หลักสูตรชั้นนายร้อย รุ่นที่ 74 โรงเรียนทหารราบ
• พ.ศ.2532 หลักสูตรชั้นนายพัน รุ่นที่ 52 โรงเรียนทหารราบ
• พ.ศ.2540 หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับผู้บริหาร กรมยุทธศึกษาทหารบก
• พ.ศ.2542 หลักสูตรความมั่นคงภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ประเทศสหรัฐอเมริกา
• พ.ศ.2560 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 59

สตูล จัดกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและสานสัมพันธ์ไมตรีอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย

ที่ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พลตรีอภินันท์ แจ่มแจ้ง ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และพลตรี ดาโต๊ะ ฮัจญี ฟาซาล บิน ฮัจญี อับดุล ราห์มัน  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 เป็นประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย ในพิธีเปิดกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น ประชาชนจิตอาสา นักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก 

สำหรับกิจกรรม “การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมชุมชนร่วมหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน” จัดขึ้นโดยหน่วยทหาร ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่ตามแนวชายแดนให้มีความอุดมสมบูรณ์และคงอยู่อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายประชาคมหมู่บ้านเข้มแข็งแบบคู่ขนาน ในการต่อต้านการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ พร้อมส่งเสริมและปลูกฝังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้นำแนวคิดด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีสร้างความร่วมมือและทัศนคติที่ดีต่อกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนภาคประชาชน และผู้นำทางด้านทหารฝั่งประเทศมาเลเซียอีกด้วย

 

‘เจือ ราชสีห์’ แจ้งข่าวดีโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา หลังกรมทางหลวงชนบท บรรจุค่าจ้างปรึกษาฯ ในงบปี 69

‘เจือ ราชสีห์’ แจ้งข่าวดีชาวสงขลา หลังกรมทางหลวงชนบท บรรจุค่าจ้างปรึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา - อ.สิงหนคร จ.สงขลา จำนวน 9 ล้านบาท ไว้ในร่างงบประมาณ ปี 2569  

(18 มิ.ย.68) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แจ้งข่าวดีกับพี่น้องชาวสงขลา วันนี้!! กรมทางหลวงชนบทได้เสนอรับการจัดสรรงบประมาณ โครงการศึกษาความเหมาะสมสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ได้บรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 9,000,000 บาท เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา - อ.สิงหนคร จ.สงขลา เพื่อเข้าสู่การพิจารณางบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 105 วัน 

ทั้งนี้ หากงบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎร สามารถเริ่มดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้พี่น้องชาวจังหวัดสงขลาได้ติดตามและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วย 

สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาฯ ดังกล่าวที่นายเจือ ราชสีห์ ได้หารือในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อสำรวจความเหมาะสมเบื้องต้นด้วยตัวเอง และจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงาน โดยได้มีการสอบถามความต้องการของชาวสงขลา ประกอบกับนายเจือ ราชสีห์ ได้จัดส่งรายชื่อพี่น้องชาวสงขลา ผู้ได้รับผลกระทบซึ่งเดิมนั้นต้องใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟากที่ให้บริการโดย อบจ.สงขลา ที่บางครั้งประสบปัญหาความล่าช้า แพเสียกะทันหัน ทำให้ต้องรอคิวเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบทั้งเรื่องของการเรียนและการทำงานและผู้สนับสนุนให้มีการก่อสร้างสะพานฯ จำนวนกว่า 4 หมื่นรายชื่อเพื่อเป็นเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อแก้ปัญหาการสัญจร และหวังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ทางการท่องเที่ยว”

‘แม่ทัพภาค 2’ ยันไม่ติดใจ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ปมคลิปเสียง ลั่นขอเดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ชาติ - ประชาชน

(18 มิ.ย.68) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรมาปรับความเข้าใจ พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เพื่อต้องการให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเบาบางลง เป็นการพูดคุยกันหลังบ้าน

โดยตนได้บอกกับนายกไปว่า “ผมไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจ”

ทั้งนี้นายกฯได้ขอบคุณที่เข้าใจ ถือว่าคุยแล้วเข้าใจแล้ว ก็ไม่ติดใจอะไร ตนทำเพื่อประเทศชาติเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของพี่น้องประชาชน

พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า วันนี้กำลังเดินทางไปเยี่ยม ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับบาดเจ็บจากภารกิจชายแดน ตนทำงานตามปกติไม่มีอะไร

อัยการย้ำเมาแล้วขับริบรถหวังลดความสูญเสีย เผยชลบุรีแชมป์ประเทศไทย

เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.68) ที่ห้องเยอร์บีร่า 2 ชั้น 3 อาคารล็อบบี้ โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด จัดแถลงข่าวแนวทางใหม่ฟ้องคดีเมาแล้วขับ เสนอศาลริบรถ โดยมีนายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด, นายโกเมท ทองภิญโญชัย อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ, นายวรวุฒิ วัฒนอุตภานนท์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ, ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุดและนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมในการแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของอัยการทั่วประเทศ 

นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าอัยการถือเป็นทนายของแผ่นดิน มีหน้าที่ในการฟ้องผู้กระทำความผิดเพื่อขอให้ศาลลงโทษเพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข บทบาทหน้าที่ของอัยการจึงเป็นที่พึ่งของประชาชนในการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม

คดีเมาแล้วขับที่ผ่านมาอัยการได้ทำหน้าที่ฟ้องร้องผู้กระทำความผิดต่อศาลทั่วประเทศมีสถิติสูงมาก ปีพ.ศ.2567 มีคดีที่ฟ้องต่อศาล 101,864 คดี 10 อันดับคดีเมาแล้วขับสูงสุด ได้แก่ 1.จังหวัดชลบุรี 12,346 2.กรุงเทพฯ 11,673 3.จังหวัดนครราชสีมา 7,066 4.จังหวัดอุบลราชธานี 6,038 5.จังหวัดสมุทปราการ 5,557 6.จังหวัดเชียงใหม่ 5,153 7.จังหวัดสุรินทร์ 3,225 8.จังหวัดอุดรธานี 2,696 9.จังหวัดขอนแก่น 2,639 10.จังหวัดระยอง 2,218

ทั้งนี้พฤติกรรมเมาแล้วขับปัจจุบันสังคมมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ตนในฐานะรองอัยการสูงสุดปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือที่ อส 0007(ปผ)/ว 197 เรื่องแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีผู้ขับรถขณะเมาสุราแล้วทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ไปถึงรองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝ้าย เลขานุการอัยการสูงสุด เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ อัยการจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบัน เลขาธิการสำนักงาน อัยการสูงสุด และผู้อำนวยการสำนักงาน โดยให้พนักงานอัยการพิจารณาว่าพฤติการณ์ในการขับรถขณะเมาสุราของผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีมีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงถึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) ด้วยหรือไม่ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดดังกล่าวด้วย และยังมิได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.) 0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ตามที่อ้างถึงด้วย

รองอัยการสูงสุด ยังเปิดเผยต่อไปอีกว่าแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้ตนเชื่อว่าจะช่วยลดพฤติกรรมเมาแล้วขับได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบันประชาชนมีทางเลือกในการที่จะไม่เสี่ยงกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเมาไม่ขับได้หลายทางเลือก โดยเลือกใช้บริการรถสาธารณะก็จะปลอดภัยทั้งกับตนเองและไม่ก่อผลกระทบกับผู้อื่นบนท้องถนน เนื่องจากพฤติกรรมการเมาแล้วขับก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก 

ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าขอขอบคุณท่านอัยการสูงสุดที่เห็นความสำคัญของปัญหาเมาแล้วขับ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละ 5 แสนล้านบาท ทุกๆปีจะมีคนไทยเสียชีวิต 17,000 – 20,000 คน เป็นอย่างต่ำ ย้อนหลังไป 10 ปี พ.ศ.2556 – 2566 คนไทยเสียชีวิตรวม 2 แสนคนทั่วประเทศ เท่ากับประชากรจังหวัดเล็กๆจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยสูญหายไปหมดทั้งจังหวัดเลย แนวทางที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาเรื่องการเสนอขอให้ศาลริบรถคนเมาแล้วขับที่ก่อให้เกิดความเสียหายในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์บนท้องถนนตนเชื่อว่าจะทำให้คนที่คิดจะเมาแล้วขับต้องคิดหนัก เพราะการถูกริบรถที่ก่อเหตุจะส่งผลกระทบกับวิถีขีวิตของบุคคลนั้น ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ในฐานะที่ตนทำงานรณรงค์สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากว่า 30 ปี ขอสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศถ้าไม่อยากถูกริบรถก็อย่าเมาแล้วขับ

ลำปาง – ตร.ลำปาง แถลงจับยาบ้า 198,000 เม็ด ซุกซ่อนในถังแก๊สท้ายรถยนต์ รวบผู้ต้องหา 2 ราย ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดข้ามจังหวัด

(18 มิ.ย.68) เวลา 14.00 น. ณ ที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง (แห่งใหม่) พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. และฝ่ายปกครอง ร่วมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ยึดยาบ้าของกลางจำนวนกว่า 198,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย ขยายผลเครือข่ายขนยาเสพติดจากภาคเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อ Toyota Vios สีดำ ทะเบียน งร 7926 เชียงใหม่ เดินทางจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เส้นทางเลี่ยงด่านผ่าน อ.เถิน และ อ.แม่พริก คาดว่าใช้ลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ภาคกลาง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก และ สภ.เถิน ร่วมกันสกัดจับบริเวณถนนหมายเลข 106 พบผู้ต้องหา 2 ราย คือ นางเอ(นามสมมุติ) อายุ 42 ปี และ นางบี (นามสมมุต) อายุ 51 ปี ชาวอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ แสดงอาการพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำรถเข้าตรวจสอบที่อุโมงค์เอ็กซ์เรย์ด่านตรวจแม่พริก พบซุกซ่อนยาบ้าจำนวน 99 มัด (เม็ดสีส้ม ประทับอักษร WY) รวม 198,000 เม็ด ในถังแก๊ส LPG ด้านท้ายรถ การจับกุมในครั้งนี้ เป็นผลจากการบูรณาการของหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และสำนักงาน ป.ป.ส. ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เน้นการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่ชั้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน 

ร่วมสอดส่องดูแลบุคคลใกล้ชิด หรือแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน 1599, 191 Line@: inthanon1 (ผบช.ภ.5) หรือผ่านแอปพลิเคชัน Police I lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมุทรปราการ-กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ จัดฝึกอบรมอาชีพให้ความรู้ประชาชนในชุมชนได้มีอาชีพ

(18 มิ.ย.68) เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ โดยกองสวัสดิการสังคม จัดโครงการฝึกอบรมกลุ่มอาชีพในเขตตำบลแพรกษาใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกองสวัสดิการสังคม 

โดยมี นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรีฯ ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดโครงการ ฝึกอบรมกลุ่มอาชีพในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกเทศมนตรีฯ นางสาวฎายิน สำราญฤทธิ์ รองปลัดเทศบาล นางอาภรณ์ ฤทัยหรรษา ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม นางสาวเจริญขวัญ เกตุเพชร พัฒนาการอำเภอเมืองสมุทรปราการ และ นางสาวนันทิญา สุขคุ้ม นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ ตลอดจนคณะสมาชิกสภาเทศบาล และกลุ่มประชาชนผู้เข้าร่วมอบรมฝึกอาชีพ ทั้ง 7 ตำบลเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

นอกจากนี้ ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยนางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกฯ และ นางสาวเจริญขวัญ เกตุเพชร พัฒนาการอำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยมี นายณัฐพล บุญริ้ว รองนายกฯ และคณะเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม

อย่างไรก็ตาม การจัดโครงการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ทักษะด้านอาชีพ สร้างโอกาสและทางเลือกให้แก่ประชาชน ที่สนใจในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาใหม่ เสริมสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว และให้กลุ่มผู้สูงอายุใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย โดยการฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารกองสวัสดิการสังคม

‘อ.เจษฎา‘ แชร์ข่าวเก่าย้อนวิกฤตการบินไทยขาดทุนหนัก ชี้ชัด เหตุผลหลักเข้าฟื้นฟูกิจการเพราะรัฐบาลประยุทธ์ทำเจ๊งเอง

เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

ในวันที่การบินไทย ต่อสู้อย่างหนัก จนฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ ... จนศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการการบินไทยแล้ว

ก็มีคนโพสต์ทวงคุณความดีของ ประยุทธ์ ที่เป็นคนอนุมัติให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย หลังจากอัดฉีดเงินช่วยเหลือมาหลายทีมากแล้ว

เลยเอาข่าวเก่ามาให้อ่านกัน ว่าทำไมตอนนั้น รัฐบาลประยุทธ์ถึงต้องให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนขอฟื้นฟูกิจการ หึๆๆ

พร้อมทั้งได้แชร์ข่าวจาก mgronline ที่ระบุว่า
"ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การบินไทยก็เดินเข้าสู่ปากเหวของความหายนะอย่างต่อเนื่องโดยขาดทุนติดต่อกันสามปี ในปี ๒๕๕๖ ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒,๐๔๗ ล้านบาท ๑๕,๖๑๒ ล้านบาท และ ๑๓,๐๖๘ ล้านบาท ตามลำดับ 

และแม้ว่าในปี ๒๕๕๙ จะมีกำไรเล็กน้อย ๑๕ ล้านบาท แต่ก็หวนกลับสู่ภาวะการขาดทุนอย่างมหาศาลอีกครั้งในปี ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๐๗๒ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๑ ขาดทุนเพิ่มเป็น ๑๑,๖๐๕ ล้านบาท และในปี ๒๕๖๒ ขาดทุนถึง ๑๒,๐๔๐ ล้านบาท

หากนำผลการประกอบการของการบินไทยพิจารณาร่วมกับกลุ่มอำนาจที่บริหารประเทศ ภาพที่เราเห็นคือ ในปี ๒๕๕๗ ถึง ๒๕๖๒ เป็นยุคที่ #คสช.ครองอำนาจและมี “#พลเอกประยุทธ์ #จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี การบินไทยขาดทุนรวม ๕๔,๓๘๒ ล้านบาท

ส่วนในปี ๒๕๕๑ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ เป็นยุคที่รัฐบาลกลุ่มทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ขาดทุนรวม ๒๗,๑๙๗ ล้านบาท ขณะที่ระหว่างปี ๒๔๕๒ ถึง ๒๕๕๔ ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ กลับกำไรรวม ๑๑,๘๙๑ ล้านบาท

ภาพหนึ่งที่เราเห็นคือ รัฐบาลเผด็จการทหาร และรัฐบาลเลือกตั้งของกลุ่มทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ที่มีองค์ประกอบของกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองสูงมีความสัมพันธ์กับภาวะการขาดทุนของการบินไทยทั้งคู่ เพียงแต่สมัยที่รัฐบาลเผด็จการทหารบริหารประเทศ ดูเหมือนว่าการบินไทยขาดทุนสูงกว่ารัฐบาลกลุ่มทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ประมาณ 2 เท่า"

(จนคณะรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจลงมติให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นขอฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ. ล้มละลาย ปี 2563 ) 

(ข่าวจาก https://mgronline.com/daily/detail/9630000050799 )


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top