Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ-ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ส่งเสริมการศึกษามอบทุนแก่เด็กเรียนดีได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี

เทศบาลตำบลแพรกษาภายใต้การกำกับดูแลของ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กที่เรียนดี และเด็กที่ฐานะยากจน มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมด้านการศึกษามาโดยตลอด

โดยในวันนี้ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้ให้เกียรติมอบทุนการศึกษาเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดีของโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา

โดยมี คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) คณะครู ร่วมเป็นเกียรติ 

โดยในปีนี้ซึ่งถือเป็น ปีแรกของการจัดมอบทุนดังกล่าว และผู้ที่ได้รับทุนการศึกษา คือ นางสาวพีรดา สมศรี นักเรียนผู้มีความวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นในด้านการเรียน และมีผลการเรียนดีเป็นที่ประจักษ์

ซึ่งทุนการศึกษาดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการศึกษาและสนับสนุนเยาวชนในพื้นที่ ให้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม พร้อมก้าวสู่การเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต

ด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ได้ให้โอวาทแก่เด็กนักเรียนพร้อมทั้งกล่าวว่า “เยาวชนคือกำลังสำคัญของชาติ หากเราเปิดโอกาสให้เด็กที่มีความสามารถได้เรียนต่ออย่างเต็มที่ นั่นเท่ากับเรากำลังสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศในวันข้างหน้า” และจะมอบทุนปริญญาตรี ให้กับลูกๆ PWS ในทุกๆ ปี 

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความชื่นชมและความปลื้มปีติยินดีจากผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนรุ่นน้องที่มาร่วมแสดงความยินดีในโอกาสสำคัญนี้ 

‘ใบตองแห้ง’ ลั่น!! ‘ทหาร’ มีหน้าที่ตายตามคำสั่ง ‘รัฐบาล’ ชี้!! ไม่มีอำนาจ หน้าที่ กำหนดเส้นเขตแดนของประเทศ

(14 มิ.ย. 68) นายอธึกกิต แสวงสุข หรือที่หลายคนรู้จักในนาม 'ใบตองแห้ง' คอลัมนิสต์ที่คร่ำหวอดในแวดวงสื่อมวลชนมานาน ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

ทหารไม่มีอำนาจหน้าที่กำหนดเส้นเขตแดน

ว่าตรงไหนเป็น 'แผ่นดินกู'

เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ภายใต้สนธิสัญญา ข้อตกลง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่จะกำหนดเส้นเขตแดน

จากนั้น ถ้ามีการรุกล้ำ ทหารจึงมีหน้าที่สู้รบตามคำสั่งรัฐบาล

มีหน้าที่ตายตามคำสั่งอะ ไม่ได้มีอำนาจสั่ง!!

เชียงใหม่-กองบิน 41 จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในรั้วกองทัพอากาศ และให้ความรู้พิษภัยยาเสพติด ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 68) กองบิน 41 จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของกองทัพอากาศ และกิจกรรมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ประจำปี 2568 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนจากภัยยาเสพติด โดยมี นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม 200 กว่าคน ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

กิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อแนะแนวการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของกองทัพอากาศ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์แนวทางการศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช, โรงเรียนจ่าอากาศ, และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ภายใต้สังกัดกองทัพอากาศ โดยมี นักบินจากฝูง 411 กองบิน 41, รองผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41, แพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลกองบิน 41 และเจ้าหน้าที่แผนกกำลังพล ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ, หลักสูตรการเรียนการสอน, โอกาสในการทำงานในอนาคต และชีวิตการเป็นนักเรียนทหารอากาศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและทางเลือกให้กับเยาวชนที่มีความใฝ่ฝันอยากรับใช้ชาติในรั้วกองทัพอากาศ

อีกทั้งมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยและผลกระทบของยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม โดยได้รับเกียรติจาก คุณทิพากร  ชีวสกุลยง  นักวิเคราะห์นโยบายและแผน หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ และคุณเอมอัจฉรา คำเวียง นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่, ช่องทางการเข้าถึง, อาการของผู้เสพ, ผลกระทบทางกฎหมาย และแนวทางการป้องกันตนเองจากยาเสพติด ตลอดจนให้คำแนะนำหากพบเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

กองบิน 41 เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมในลักษณะนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกิจกรรมเก็บขยะชายหาดกับกลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ในโอกาสครบรอบการจัดตั้ง  กลุ่มอาสาสมัครใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกันครบ 11 ปี  ต่อเนื่องจากกิจกรรมเก็บขยะชายหาดครั้งที่ 10 เนื่องในวันทะเลโลก

(14 มิ.ย. 68) ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลร่วมกับอาสาสมัครจากกลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” โดยมี นายฝันเด่น จรรยาธนากร (พี่เล็ก) นำทีมเก็บขยะและเคลียร์พื้นที่บริเวณชายหาดหน้าหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากกิจกรรมเก็บขยะชายหาดครั้งที่ 10 เนื่องในวันทะเลโลก จากการเก็บขยะทั้งสองครั้ง มีปริมาณขยะรวมกว่า 6 ตัน สะท้อนถึงปัญหาขยะทะเลที่ยังคงทวีความรุนแรง และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขอย่างจริงจัง

ทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้การสนับสนุนหน่วยงานและเครือข่ายจิตอาสาอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้ยั่งยืน

 

‘เบนซ์ไพรม์มัส’ เปิดมิติใหม่!! สุดลักชูรีย์ ในงาน Mercedes-Benz Driving Events

(14 มิ.ย. 68) 'เบนซ์ไพรม์มัส' เปิดมิติแห่งความหรูหราครั้งใหม่ กับ 2 กิจกรรมสุดลักชูรีย์ 'ล่องเรือยอร์ช ปล่อยปลาฉลาม' ผสาน “ขับสปอร์ตหรู บนสนามแข่งระดับตำนาน 'พีระ เซอร์กิต' พัทยา ในงาน Mercedes-Benz Driving Events” 

จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป กล่าวว่า “ด้วยนโยบายของ 'เบนซ์ไพรม์มัส' ที่มุ่งตอบรับความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ทั้งด้านงานขายและบริการหลังการขาย รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่แตกต่างเหนือระดับ พร้อมการดูแลเอาใจใส่ระดับลักชูรีย์ เพื่อตอบสนองความชื่นชอบของลูกค้าอย่างแท้จริง” 

ล่าสุด 'เบนซ์ไพรม์มัส' ได้ร่วมกับ 'เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)' ชวนลูกค้าคนสำคัญร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 'ล่องเรือยอร์ช ปล่อยปลาฉลาม' พร้อมสัมผัสความท้าทายกับสปอร์ตตัวแรงจากยานยนต์ระดับโลก Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG บนสนามแข่งรถแห่งแรกของประเทศไทย 'พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต' ในงาน 'Mercedes-Benz Driving Events' พัทยา จ.ชลบุรี 

วันแรก นัดรวมพลกันที่โชว์รูมรถยนต์ Mercedes-Benz สาขาไพรม์มัส พัทยา โดยมี ผู้บริหารระดับสูง 'จิระพล รุจิวิพัฒน์' ให้การต้อนรับและกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ Ocean Marina Yacht Club เพื่อร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการปล่อยปลาฉลามคืนสู่ท้องทะเลไทย บนเรือยอร์ชสุดหรูลำใหญ่ ที่พาชมความงดงามของธรรมชาติทะเลอ่าวไทย โดยมุ่งหน้าไปยังเกาะครามน้อย เกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวขนานกับเส้นขอบฟ้าอย่างสวยงาม

จากนั้นเข้าสู่ช่วงสำคัญ นั่นคือ การปล่อย 'ปลาฉลาม' กลับสู่ท้องทะเล เพื่อร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและรักษาระบบนิเวศของทะเลไทย โดยมีวิทยากร บรรยายความรู้เกี่ยวกับปลาฉลาม และสัตว์น้ำทะเล พร้อมวิธีการปล่อยปลาฉลามให้ถูกวิธี จากนั้นแต่ละครอบครัวได้ร่วมปล่อย 'ปลาฉลาม' กลับคืนสู่ท้องทะเลไทย ด้วยความสนุกสนาน และอิ่มเอมใจที่ร่วมปล่อยนักอนุรักษ์ตัวน้อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเสร็จสมบูรณ์

ต่อด้วยการเดินทางเข้าสู่ที่พัก Melia Pattaya Hotel โรงแรมหรูระดับดาว 5 ใหม่ล่าสุด เพื่อเช็กอิน และพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนเข้าสู่ช่วงงานเลี้ยง 'Exclusive Dinner Party' ร่วมลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มที่จัดสรรมาอย่างดี พร้อมเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่สนุก เร้าใจ ทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขของทุกคน

วันที่ 2 เริ่มต้นกิจกรรมความตื่นเต้นกับการขับสปอร์ตตัวแรงของ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG ที่บริษัทแม่ 'เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)' คัดสรรมาอย่างเต็มพิกัดเกือบ 20 คัน อาทิ Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 43, Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLE 53 Hybrid 4MATIC+ เป็นต้น เพื่อเปิดบทพิสูจน์สมรรถนะความเร็ว และความแรง ในสนาม 'พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต' พัทยา

เมื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ ทางทีมงาน Driving Instructor ได้ให้คำแนะนำด้านเทคนิคการขับรถยนต์เบื้องต้น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามจริง เริ่มตั้งแต่การจับพวงมาลัย การวางตำแหน่งมือ การปรับเบาะ และการใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ 

ส่วนการทดลองขับแบ่งออกเป็น 4  สถานี ได้แก่ สถานีการขับขี่บนถนนเปียก, การขับขี่แบบสลาลอม, การเบรกหลบสิ่งกีดขวาง, การขับขี่แบบ HOT LAP ที่เน้นเวลาและความเร็วสูงสุดในการขับรอบสนาม รวมทั้งการขับขี่บนท้องถนนจริง ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์ที่ชื่นชอบทั้งในสนามแข่งและนอกสนามแข่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มเติมความรู้และทักษะการควบคุมรถยนต์ในสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ขับขี่รถยนต์ด้วยความมั่นใจ ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

ปิดท้ายกิจกรรม ด้วยการมอบประกาศนียบัตรแห่งความภาคภูมิใจให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ ในการเปิดประสบการณ์ที่แตกต่าง เหนือระดับกับครอบครัว “เบนซ์ไพรม์มัส ” ในงาน Mercedes-Benz Driving Events ครั้งนี้ ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความประทับใจ

‘มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ’ เดินหน้าสานต่อ ภารกิจตอบแทนสังคม เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ส่งต่อคอมพิวเตอร์ ให้วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร

(14 มิ.ย. 68) มูลนิธอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ เดินหน้าสานต่อภารกิจตอบแทนสังคม โดยมี กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK พร้อมด้วย กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ร่วมกันผนึกกำลัง ตามเจตนารมณ์ที่เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของพันธกิจ ผ่านโครงการ “ITEL I GIVE คอมเก่า สร้างอนาคตใหม่” เพื่อตอบแทนสังคม สนับสนุนการศึกษา และพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของมูลนิธิฯ จัดขึ้นผ่านโครงการ “ITEL I GIVE” โดยเป็นการส่งมอบคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้แก่ แผนกวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 40 เครื่อง ณ อาคาร อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอมฯ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา 

การส่งมอบในครั้งนี้ ดำเนินงานภายใต้การขับเคลื่อนของ มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ (ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Import & Distribution Business) ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) และธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom Business & Data Center) ที่มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม เพื่อสังคม ผ่านการระดมจิตอาสา (CSR) ดำเนินกิจกรรมอาสาสมัครด้านการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทฯ ในการสร้างประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคมไปพร้อมกัน

สำหรับพิธีส่งมอบในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.ชลิดา อนันตรัมพร ประธานมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ และ ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอมฯ ร่วมเป็นผู้แทนมอบ ให้กับ ดร.ชัยณรงค์ คัชมาตย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร โดยส่งต่อคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบรนด์ Acer และ Dell รวมทั้งสิ้น 40 เครื่อง

โดยโครงการ 'ITEL I GIVE คอมเก่า สร้างอนาคตใหม่' เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) หลักของ ITEL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ที่มาจากภายใต้โครงการ “ITEL I GIVE” โดยมุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการส่งต่อคอมพิวเตอร์ให้เยาวชนไทยที่ขาดแคลนอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะในยุคดิจิทัล โดย ITEL มุ่งมั่นขยายโครงการนี้ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และยั่งยืนอีกด้วย

นับว่า มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ซึ่งอยู่ในภายใต้การสนับสนุนของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันผสานรอยต่อ โดยมี ความตั้งใจตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา และบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม และเพิ่มขีดความสามารถของเยาวชนไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล 

อีกทั้ง ยังสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาองค์กรของกลุ่มบริษัทฯ ที่ยึดมั่นในแนวทาง "นำเทคโนโลยี มาพัฒนาประเทศไทย" ไปพร้อมกับสนับสนุนการศึกษา เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยให้เป็น 'คนดี คนเก่ง' ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของความเจริญก้าวหน้าในอนาคตของประเทศ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต และยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการเตรียมความพร้อมเดินหน้าโครงการตอบแทนสังคมในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืนแบบมีคุณภาพต่อไป

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เปิดเวทีถกแถลงสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็น 'เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร' เพื่อเสนอแนวทางรัฐบาลเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 68) เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 406-407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ จัดประชุมถกแถลงอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็น “เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร” เพื่อแสวงหาข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับให้รัฐบาลนำไปใช้แก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เกิดกรณีข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ โดยมีกรรมาธิการ นักวิชาการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม

การแถลงอภิปรายและแสดงความคิดเห็นหัวข้อ “เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร” มีคณาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นในขอบข่ายความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย นายวีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ประเด็น” ปราสาททั้งหลายในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา” นายคำนูญ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ประเด็น “มุมมองข้อกฎหมายและกระบวนการของศาลโลก” และรองศาสตราจารย์ ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเด็น “ปัญหาและการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน” โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ดำเนินรายการถกแถลง การอภิปราย และแสดงความคิดเห็น สำหรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อาทิ ไทยควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ซึ่งต้องอาศัยความชัดเจนและความหนักแน่นบนโต๊ะเจรจา

ฝากรัฐบาล วุฒิสภา หรือรัฐสภา ว่าจะต้องร่วมมือกันตอบโต้กัมพูชาเท่าที่ทรัพยากรของเราและความตั้งใจของเราที่มีอยู่ เพราะโจทก์วันนี้คือกัมพูชาใช้ยุทธศาสตร์กดดันไทยในหลายมิติ แนวรบการต่อสู้ไม่ใช่สถานที่เพียงอย่างเดียวแต่คือการปฏิบัติการทางวัฒนธรรม การช่วงชิงความหมายเชิงสัญลักษณ์ความเป็นชาตินิยมที่เข้มข้นเกินไปของกัมพูชา

พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา แถลงว่า คณะกรรมาธิการได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยประณามการกระทำอันไร้ความจริงใจในฐานะเพื่อนบ้านของกัมพูชา และเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย ต่อมาในวันที่ 9-10 มิถุนายน 2568 ได้เดินทางไปพื้นที่ปฏิบัติการของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เคยเกิดกรณีพิพาทในเขตจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี เพื่อรับทราบข้อมูลแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจพี่น้องทหารหาญที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อดทน โดยหลังจากที่พิจารณารอบด้านแล้วพบว่า สถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและสะสมความตึงเครียดมาเป็นระยะเวลายาวนาน จึงได้เชิญคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้ ด้วยการถกแถลงและแสดงความคิดเห็นมุมมองในประเด็นที่อยู่ในความเชี่ยวชาญของแต่ละท่าน โดยการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเป็นข้อมูลสำหรับรัฐบาลสำหรับนำไปใช้แก้ไขปัญหาสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดกิจกรรมฝึกซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชน ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 68) พลตรีไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 มอบหมายให้ พันเอก อัครสิทธิ์ ปะกิระตา รอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 (2) เป็นประธานในการฝึกซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชน ประจำปี 2568 พร้อมด้วย จิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน, ประชาชนจิตอาสา ผู้นำชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลบักได นายวีรวัติ  เสาะพบดี กำนันตำบลบักได พันตำรวจเอก นพดล  พินิจอักษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ในการนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 25 

ได้กำหนดการดำเนินการฝึกซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชน ในรูปแบบ commander post Exercise (cpx) เพื่อให้ทุกส่วนเข้าใจการปฏิบัติทางทหารที่ถูกต้องและไม่เป็นการขัดขวางต่อการปฏิบัติทางทหารเมื่อเกิดสถานการณ์สงคราม ตลอดจน การฟื้นฟูความเสียหายภายหลังเหตุการณ์สงบ ให้สามารถปฏิบัติงานได้จริงเมื่อเกิดสถานการณ์ ณ โรงเรียนบ้านรุน ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์  

โดยในช่วงเช้าจะเป็นการแนะนำการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) พร้อมหุ่นปฏิบัติ โดยมีวิทยากรจากโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน เป็นผู้ให้ความรู้ และในช่วงสายจะเป็นการฝึกซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชนฯ แบบปฏิบัติจริง และยังด้วยความร่วมมือจากภาคประชาชน, ผู้ปกครอง, คณะครูอาจารย์, นักเรียน, หน่วยทหารพัฒนาการเคลื่อนที่ 54, นักศึกษาวิชาทหาร โรงเรียนพนมดงรัก, นักศึกษาวิชาทหาร โรงเรียนบ้านรุนและเมื่อจบการฝึกซักซ้อมฯ ทุกส่วนมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์จริง โดยมีผู้เข้าร่วมฝึกซักซ้อมฯ ทั้งหมด 475 นาย ด้าน นายวีรวัติ  เสาะพบดี กำนันตำบลบักได กล่าวว่า ตำบลบักได มีความพร้อมในการเผชิญเหตุอพยพประชาชน เนื่องจากได้ประชาสัมพันธ์และบูรณาการฝึกซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชน อย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะพื้นที่ ตำบลบักได อยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน

 

'บรอ.12' บุกนอร์เวย์–เดนมาร์ก ศึกษาความมั่นคง–สัมพันธ์ 400 ปี

รองผบ.ตร. นำคณะ 'บรอ.12' ดูงานยุโรป เสริมแกร่งผู้นำภาครัฐ–เอกชน เจาะลึกนโยบายโลก–สายสัมพันธ์ไทย–เดนมาร์กอันแน่นแฟ้น

ระหว่างวันที่ 7–13 มิถุนายน 2568 พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ได้นำนักศึกษา หลักสูตรการบริหารการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 12 (บรอ.12) จำนวน 38 คน เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศ นอร์เวย์และเดนมาร์ก เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านความมั่นคง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

โดยมีข้าราชการตำรวจ ภารรัฐ เอกชน ประกอบด้วย พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง รองผบช.ศ. / รองหัวหน้าคณะ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รองผบ.ตชด.) , พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส รองจเรตำรวจ (สบ.7) , พล.ต.ต.คธา เกษรมาลา ผู้บังคับการอำนวยการ บช.ส. , พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผู้บังคับการ ปส.2 ,  พล.ต.ต.กัปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 , พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.อก.บช.ก. , พล.ต.ต.ภัคพงศ์ สายอุบล ผบก.อก.ภ.1 , พล.ต.ต.ปราโมทย์ สิมหลวง เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายทรงชัย อันนานนท์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการภาค 2 ,  นายสุรเชษฐ ณ กาฬสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณที่ 12 , นายสุบิน เนตรสว่าง ผู้อำนวยการเขื่อนรัชชประภา , นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี , นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย , นายพินิจ ตันติวิญญูพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

นางสาวณัชพร วรรณเอี่ยมพิกุล รองประธานกรรมการ บริษัทไพลินเลเซอร์ เมทเทิล จำกัด ,  ดร.รัตนาภรณ์ มั่นศรีจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสพีพีทรานสปอร์ต จำกัด ,  นายสุพิชช์ อังศวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทจักรวาลคอมมิวนิเคชั่น ซีสเท็ม , นายพัฒนา สุคนธรักษ์ กรรมการ บริษัทสัมมากรพลัส จำกัด , นายพัชรพงษ์ ธะนะปัด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด เป็นต้น

ซึ่งการเดินทางเยือน เดนมาร์ก เริ่มต้นที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน โดยได้รับเกียรติจาก นายภูวิศ วิสารทสกุล อุปทูต ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปพิเศษในหัวข้อ “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถานการณ์การเมือง–เศรษฐกิจระหว่างไทยกับเดนมาร์ก” ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือที่มีมายาวนานกว่า 400 ปี

โดยเฉพาะในมิติความสัมพันธ์ระดับราชวงศ์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ที่เสด็จประพาสยุโรปสองครั้งในปี 2440 และ 2450 และต่อเนื่องจนถึงปี 2531 เมื่อ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

คณะฯ ยังได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญเพื่อศึกษาระบบการปกครอง เช่น พระราชวัง Rosenborg, จัตุรัส Christiansborg, และ ศาลาว่าการกรุงโคเปนเฮเกน (City Hall) ที่เปิดเผยถึงโครงสร้างทางการเมือง และวิถีชีวิตของประชาชนในประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีระดับความสุขสูงสุดในโลก

จากนั้น คณะได้เดินทางต่อไปยัง ประเทศนอร์เวย์ เพื่อดูงานด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการบริหารจัดการเมือง โดยเข้าชมสถานที่สำคัญ เช่น Oslo Opera House อาคารทรงเรขาคณิตสมัยใหม่ที่สะท้อนแนวคิดการออกแบบร่วมกับธรรมชาติ , พิพิธภัณฑ์ Norsk Folke Museum แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านและประวัติศาสตร์นอร์เวย์ ,  ป้อม Aker Brygge ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรวมศิลปะ-ธุรกิจสุดทันสมัยริมอ่าว

การศึกษาดูงานในครั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศในแนวทาง Pragmatic Idealism ซึ่งหมายถึงการดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบมีอุดมคติ แต่ยังคงความยืดหยุ่น ยึดผลประโยชน์ร่วมเป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวทางที่เดนมาร์กกำลังจับตาไทยอย่างใกล้ชิด

กานดูงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของหลักสูตร บรอ.12 ที่มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจประเด็นระดับมหภาค ทั้งด้านความมั่นคง การปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมของโลก

ภารกิจนี้ตอกย้ำว่า 'ผู้นำในยุคใหม่' ต้องพร้อมทั้งความรู้ ความสัมพันธ์ และวิสัยทัศน์ระดับนานาชาติ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ตม.3 ร่วมกับตำรวจนนทบุรีระดมกำลังตรวจสอบแรงงานต่างด้าวตลาดบางใหญ่ 

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.68) เวลาประมาณ 00.10 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ,พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ตม.จว.นนทบุรี,พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส. บก.ตม.3 ,ว่าที่ พ.ต.ท.จตุรโชค เพชรคง สว.กก.สส.บก.ตม.3  นำกำลังเข้าตรวจสอบร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี, ตม.จว.นนทบุรี, ฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานราชการอื่นๆ ในจังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่ตลาดบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบแรงงานต่างด้าวจำนวนมากภายในตลาด กำลังทำงานตามแผงร้านค้าต่างๆ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้ระดมกำลังรวบรวมแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาตรวจสอบ

พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 เปิดเผยว่าได้ร่วมกับ พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ตม.จว.นนทบุรีพร้อมกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการตัังแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย.68 ถึงเวลา 02.30 น. โดยได้นำแรงงานต่างด้าวทั้งสัญชาติกัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม จำนวนกว่า 400 คน มาตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มีเอกสารประจำตัว และเอกสารการทำงานถูกต้อง ต่อมาได้นำแรงงานต่างด้าวจำนวน 181 คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมาตรวจสอบโดยละเอียด หากแต่พบแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย จำนวน 20 ราย โดยพบคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม 1 ราย กระทำความผิดฐาน “คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และคนต่างด้าวสัญชาติลาวกระทำความผิด จำนวน 3 ราย โดยจำนวน 2 ราย มีความผิดฐาน “คนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และจำนวน 1 ราย มีความผิดฐาน “คนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”  ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของการไม่แจ้งที่พักอาศัยเท่านั้น  เจ้าหน้าที่จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 ยังเปิดเผยอีกว่า ความผิดในข้อหาดังกล่าวแม้มีโทษเพียงการปรับในชั้นศาล แต่ผู้ถูกจับจะต้องถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถูกบันทึกเป็นบุคคลต้องห้าม หรือ blacklist ห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top