Sunday, 16 March 2025
NEWS FEED

‘ไทยพีบีเอส’ น้อมรับคำติเตียน – พร้อมทบทวนข้อผิดพลาดปมเสนอบทความ “เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง”

(5 มี.ค. 68) สำนักข่าวไทยพีบีเอส ชี้แจง บทความ “เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง” ถอดทิ้งทุกแพลตฟอร์มข่าวแล้ว

จากกรณี สำนักข่าวไทยพีบีเอส ได้นำเสนอบทความเรื่อง เผด็จการสร้างชาติ ประชาชน “อาวรณ์” ผู้นำเข้มแข็ง-เศรษฐกิจรุ่ง ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้หลายฝ่ายและมีการท้วงติงถึงการนำเสนอดังกล่าว อาทิ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้โพสต์ข้อความท้วงติง ระบุว่า บทความนี้ตั้งแต่พาดหัวและเนื้อหา ทำให้คนเข้าใจว่าไปได้ว่า ไทยพีบีเอสสนับสนุนระบอบเผด็จการ ไม่ได้พูดด้านร้ายของระบอบเผด็จการ ในฐานะกัลยาณมิตรจำต้องท้วงติง เพราะไม่เห็นด้วยกับการสร้างบรรยากาศโหยหาเผด็จการ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการปูทางและสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการท้วงติงจากหลายฝ่าย ในเวลาต่อมา ทางข่าวออนไลน์ สำนักข่าวไทยพีบีเอส ทนกระแสไม่ไหว จึงได้ทำหนังสือชี้แจง พร้อมถอดบทความชิ้นดังกล่าวออกจากทุกแพลตฟอร์ม โดยข้อความในหนังสือชี้แจงระบุว่า

คำชี้แจงกรณีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง"

ข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อน จาก กรณีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง" พร้อมกับน้อมรับคำติเตียนเพื่อนำไปทบทวนถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และปรับปรุงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อไป 

ตามที่มีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง" เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา (ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด วันที่ 4 มีนาคม 2568) ทางเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th/news และ สื่อสังคม Thai PBS News ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ไม่รอบด้านเพียงพอ อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน นำไปสู่การโต้เถียงและเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยที่ไทยพีบีเอสไม่ได้มีเจตนา 

จึงขอนำบทความดังกล่าวออกจากทุกแพลตฟอร์มข่าวไทยพีบีเอส โดยจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและแจ้งให้ทราบต่อไป

ผบ.ทบ. ต้อนรับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าหารือและร่วมมือในด้านทางทหาร พัฒนายุทโธปกรณ์

(4 มี.ค. 68) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ นายเยฟเกนี โตมีฮิน (Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัว และได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมา รวมถึงยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของกองทัพบกไทย ก่อนเข้าหารือข้อราชการกับผู้บัญชาการทหารบก ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบก

ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับรัสเซียที่มีมาอย่างยาวนาน 128 ปี ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดด้านเศรษฐกิจ 

และความร่วมมือทางทหารอันยาวนานระหว่างไทย-รัสเซียความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร (Agreement Between the Government of The Kingdom of Thailand and The Government of The Russians Federation on Military Corporation) ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 

โดยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง อันเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขยายขอบเขตกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกันให้มีพลวัตมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ได้มีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านการฝึกศึกษาที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียให้การสนับสนุนการฝึกและที่นั่งศึกษารวมถึงความร่วมมืออื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ของกำลังพล อาทิ หลักสูตรนักเรียนนายร้อย, หลักสูตรเสนาธิการร่วม หลักสูตรภาษารัสเซียทั่วไป 

ปัจจุบันมีกำลังพลกองทัพบกเข้ารับการศึกษาในสถาบันศึกษาทางทหารในประเทศรัสเซีย ในหลักสูตรนักเรียนนายร้อย จำนวน 5 นาย อีกทั้งที่ผ่านมา กองทัพบกได้มีโครงการจัดหาอาวุธโธปกรณ์จากรัสเซียในหลายรายการ ซึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพด้านการฐานของกองทัพบกเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคตในด้านไซเบอร์ (Cyber Security) การข่าวกรอง และการต่อต้านการก่อการร้าย อีกด้วย

การเดินทางเยือนกองทัพบกของเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือในประเด็นต่างๆ ซึ่งกองทัพบกพร้อมสานสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารเพื่อการพัฒนาในหลายมิติอย่างยั่งยืน

ตำรวจไซเบอร์จับ ‘มินนี่’ เครือข่ายพนันออนไลน์รอบสอง หลังเคยถูกจับและเชื่อมโยงสะเทือนถึงนายตำรวจใหญ่

(4 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ ‘มินนี่’ รอบสอง หลังจากที่เคยถูกจับแต่ไม่เข็ดหลาบ

เมื่อเช้าวันที่ 4 มีนาคม 2568 ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท) หรือตำรวจไซเบอร์ นำกำลังตรวจค้น 9 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร / จังหวัดเลย และ จังหวัดใกล้เคียง จับตัว น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ มินนี่ ไว้ได้ และควบคุมผู้ต้องหาตามหมายจับในเครือข่ายพนันออนไลน์"มินนี่"กว่า 30 หมายจับ นำตัวไปดำเนินคดี

สำหรับ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี เคยตกเป็นข่าวดัง ถูกจับในคดีพนันออนไลน์ ฟอกเงิน เมื่อสองปีก่อน โดยคดีที่ถูกจับส่งผลกระเทือนถึงตำรวจใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากมีภาพสนิทสนมใกล้ชิดกัน และ มีเส้นเงินพัวพัน ขณะนี้ คดีอยู่ในขั้นอัยการ

คดีแรกยังไม่ทันตัดสินต้องมาถูกดำเนินคดีที่สองอีก โดยตำรวจไซเบอร์ สืบสวนพบว่าเครือข่ายพนันมินนี่ยังคงมีการลักลอบ ดำเนินการเปิดเว็บพนันออนไลน์อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เพราะถือว่ามีคนในเครื่องแบบหนุนหลัง ครั้งนี้ เครือข่ายมินนี่มีการเพิ่มความระมัดระวังตัวในการดำเนินกิจการอย่างมาก

แต่ไม่พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ เมื่อตำรวจพบเบาะแส จึงได้สืบสวนแกะรอย พบพยานหลักฐานสามารถพิสูจน์ความผิด นำไปสู่การขอออกหมายค้นและออกหมายจับมินนี่กับพวก ดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกคดี

มติบอร์ดน้ำเมา ผ่อนเกณฑ์ให้ 5 พื้นที่ เปิดทางขายเหล้า – เบียร์ 5 วันพระใหญ่

(4 มี.ค. 68) คณะกรรมนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ เปิดทางขายเหล้า-เบียร์ 5 วันสำคัญศาสนาในบางพื้นที่ มีผลก่อน 11 พ.ค. 68 ส่วนข้อเสนอเรื่องของการขยายระยะเวลา ยังไม่ได้มีการพิจารณา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนาสำคัญ 5 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา แต่ผ่อนคลายให้ขายได้ในบางสถานที่ ได้แก่

การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ การขายในสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ตามที่ รมว.สาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของ รมว.มหาดไทย
การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามรายชื่อสถานที่ที่ รมว.สาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา

โดยผู้ขายเครื่องดื่มแอกกอฮอล์ตามที่ได้รับการยกเว้นให้ขายได้ตามประกาศที่จะออกมานี้ต้องให้มีการคัดกรองและมาตรการที่จำเป็น เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ความปลอดภัยของประชาชน และการจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชนด้วย

โดยขั้นตอนของการประกาศมาตรการนี้จะมีการนำมติที่ประชุมฯ ไปรับฟังความคิดเห็นภายใน 15 วัน หลังจากนั้นจะส่งให้กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรอง และส่งกลับมาให้นายกรัฐมนตรีลงนามก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จก่อนวันที่วิสาขบูชาที่ตรงกับวันที่ 11 พ.ค.2568 อย่างแน่นอน

ประกาศที่จะออกมาผ่อนคลายการจำหน่ายเครื่องดื่มแอกกอฮอล์ในครั้งนี้จะทำให้ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยว และส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวตามการที่รัฐบาลประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยวในปี 2568 อย่างใน กทม.ก็จะมีพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากไปท่องเที่ยวได้ประโยชน์ เช่น ทองหล่อ และพัฒพงษ์ มาตรการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากเป็นการแก้ไขในส่วนที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา” นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับข้อเสนอเรื่องของการขยายระยะเวลาในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ที่ประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากหากจะแก้ไขในส่วนดังกล่าวต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นกฎหมายใหญ่ ซึ่งต้องหารือกันในขั้นตอนต่อจากนี้

‘เฉลิมพร’ ชี้ รัฐบาลบริหารงานแบบสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ถามเปิดบ่อนคาสิโน หวังอะไร? นักพนันไทย หรือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ

(4 มี.ค.68) นายเฉลิมพร ตันติกาญจนากุล ผู้ดำเนินรายการด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Chalermporn Tantikarnjanarkul' ว่า ผมไม่เข้าใจว่าผู้บริหารประเทศเข้าใจในเรื่องที่ทำแค่ไหน เพราะแต่ละเรื่องดูสับสนและนั่งเถียงกันผิดจุดไปหมด

อย่างเรื่องคาสิโน ถ้าจะมีมุมให้ทำคาสิโนในไทยอย่างสมเหตุสมผล คนไทยส่วนใหญ่น่าจะเห็นด้วย ไม่ต้องเสียเวลาเถียง คือเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อทลายกำแพง 40 ล้านคน ที่น่าจะเป็นกรอบบนของศักยภาพการท่องเที่ยวไทย ณ ตอนนี้ให้ได้ 

ซึ่งถ้ามีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กที่มีคุณภาพ เราอาจขยับเพดานนักท่องเที่ยวไปได้ถึง 50 ล้านคน สร้างเงินเข้าประเทศได้ไม่น้อย

ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาเถียงกันว่า คนไทยต้องมีเงินเท่าไร ต้องมีเงื่อนไขไหน คนไทยถึงเข้าไปเล่นได้ เพราะคนไทยไม่ใช่เป้าหมายเลย โดยส่วนตัวคิดว่าคนไทยไม่ต้องเข้าไปเล่นเลยน่าจะดีที่สุด พาสปอร์ตต่างชาติล้วน ๆ ถึงเข้าไปได้ หรือไม่ก็ตั้งเงื่อนไขว่ามีทรัพย์สิน 50 ล้านขึ้นไป ก็พอรับฟังได้ แต่พอท่านพยายามปรับเงื่อนไขให้คนไทยเข้าไปเล่นได้ง่ายขึ้น ก็แปลว่าท่านหวังพึ่งดีมานด์จากนักพนันไทยอยู่พอสมควร

สรุปแล้ว ท่านต้องการอะไรกันแน่? ทำไมทุกอย่างดูมั่วไปหมดแบบนี้?

‘สนธิ’ ลั่นเดินหน้าสุดซอยสั่งสอนเด็กเมื่อวานซืน ‘Nailname’ ปมใช้ข้อมูลเท็จใส่ร้าย แถมฟ้องหมิ่นแก้เกี้ยว แต่สุดท้ายศาลยกฟ้อง

‘สนธิ’ ลั่นเดินหน้าสุดซอยฟ้อง Nailname ปมใช้ข้อมูลเท็จปั้นน้ำเป็นตัวประเด็น "สนธิ VS ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลือง-แดง"

(4 มี.ค. 68) จากกรณีนางสาวรติศา วิเชียรพิทยา ยูทูบเบอร์สาวที่ใช้ชื่อว่า Nailname ที่เคยออกออกมาไลฟ์สดโดยมีหัวข้อว่า “สนธิ vs ทักษิณ ตํานานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงินจุดเริ่มต้นสงครามเหลือง-แดง” กระทั่งถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ฟ้องหมิ่นประมาท และทางยูทูบเบอร์สาว ก็ได้ฟ้องหมิ่นประมาทนายสนธิด้วยเช่นเดียวกัน

ล่าสุด นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า หลังจากที่คุณเนลเนม ได้ออกมาไลฟ์สด ด้วยการเอาข่าวที่ไหนมาก็ไม่รู้ มาบอกว่าสาเหตุที่ตนทะเลาะกับทักษิณ ชินวัตรเพราะว่าไปยืมเงินไม่ได้ จากนั้นก็ออกมาฟาดฟันทักษิณ พูดง่าย ๆ ก็คือ พูดง่าย ๆ ที่ตนออกมาประท้วงทักษิณนั้น เป็น เพราะว่าไปยืมเงินทักษิณแล้วทักษิณไม่ให้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนั้น ตนจึงฟ้องหมิ่นประมาท และจากการไต่สวนสวนมูลฟ้องแล้ว ในที่สุดศาลอาญาบอกมีมูล 

“ตอนที่เธอถูกฟ้องอยู่นั้น ทนายผมบอกว่า เธอติดต่อมาว่า จะขอไกล่เกลี่ย ขอขมาลาโทษแล้วเธอก็ไม่ติดต่อไปอีกเลย ที่เธอไม่ติดต่อมาอีก คือเธอก็สวมวิญญาณของคุณเดชา (ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์) โดยไปฟ้องผมที่ศาลนนทบุรีว่า ระหว่างที่ผมพูดถึงเรื่องเธอนั้น ได้หมิ่นประมาทเธอหลายเรื่อง ผมก็สู้ด้วยการเข้าไปชี้แจง จนกระทั่งในที่สุดแล้วศาลนนทบุรี ก็มีคําสั่งออกมา ว่ายกฟ้อง เพราะศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า สิ่งที่คุณเนลเนมยกมานั้น ไม่มีมูล”

ทั้งนี้ สุดท้ายแล้วปรากฏว่า ข้ออ้างข้อกล่าวหา ที่เนลเนม บอกว่าตนไปหมิ่นประมาทเธอ อย่างเช่นคําว่า “เด็กเมื่อวานซืน” เธอฟ้องด้วยนะว่าหาว่าหมิ่นเธอ ซึ่งศาลก็บอกว่า ในข้อเท็จจริงแล้วโจทย์ก็อายุน้อยกว่าจำเลยมาก การที่พูดว่าเด็กเมื่อวานซืนจึงไม่ใช่เรื่องผิด หรือแม้กระทั่งที่บอกว่าเธอเคยทํางานในร้านนวด เธอก็เห็นว่า เป็นการดูหมิ่น และด้อยค่า ทางศาลก็ได้ระบุว่า อาชีพหมอนวดเป็นอาชีพสุจริต ทั้งมีวิญญูชนทั่วไป ก็ไม่น่าจะคิดว่าผู้ประกอบเช่นนี้จะไม่สามารถทํางานสื่อได้ ข้อความส่วนนี้จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาท

ส่วนคำว่า เด็กเมื่อวานซืน ซึ่งเป็นการพูดเชิงเปรียบเทียบมา เนื่องจากโจทย์มีอายุน้อยกว่า อีกทั้งยังมีประสบการณ์น้อยกว่าจำเลยมาก ซึ่งเป็นความจริงจึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทย์ และสุดท้ายแล้วศาลก็ยกฟ้อง 

ดังนั้น กระบวนการที่จะฟ้องตนให้คดีมีมูลแล้วนำเอาคดีมาแลกกันนั้น ก็ถือว่าล่มสลายไปแล้ว หลังจากนี้ ในส่วนคดีที่ตนเป็นโจทย์ฟ้องเนลเนมนั้นก็จะยังคงดำเนินต่อ โดยศาลท่านให้ดำเนินการเรื่องสืบพยานโจทย์ ซึ่งทางทนายได้แจ้งมาว่า คุณเนลเนมได้เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว แต่หลังจากนี้ตนจะไม่ให้เลื่อนอีกแล้ว 

นายสนธิ ย้ำว่า สำหรับคดีที่ตนถูกฟ้องนั้น ก็จะสู้คดีโดยไม่ถอย แต่หากเป็นกรณีที่ตนฟ้องคนอื่น ถ้าอะไรที่ยอมได้ก็จะยอมให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ก็จะไม่ยอม จะไม่ไกล่เกลี่ยเด็ดขาด ต้องดำเนินการไปให้สุดซอย

ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ

สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาว่า ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจําหน่าย เน้นการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสกัดกั้นลําเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสําคัญ และข้อสั่งการของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นการปราบปรามแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางที่จะส่งมายังกรุงเทพมหานคร ประกอบกับนโยบาย ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งกําชับการปราบปรามยาเสพติด อย่างเร่งด่วน

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร/ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.อ.ประจวบ  วงศ์สุข  รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. บช.ปส. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส., ผบก.ปส.1 - 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

วันนี้ บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, นบ.ยส.35และ ป.ป.ส. โดย พล.ท.กัณห์ สถิตยุทธการ  ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. โดยมีการจับกุม ดังนี้
 
บก.สกส.

รายชื่อหน่วยร่วมปฏิบัติการ : นบ.ยส.35 นำโด พ.อ.ประณต  ศิริพันธ์ หน.ฝขว.นบ.ยส.35 และ พ.อ.อัศนัย  เมืองมูล หน.ฝนผ.นบ.ยส.35 คดี (ยาบ้า 7,990,000 เม็ด) (ผู้นำเสนอ  พ.ต.อ.จักริน พิริยะจิตตะ ผกก.3 บก.สกส.) เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สกส. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ขอ นบ.ยส.35 สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และจะนำมาส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์ทะเบียน กธ 37xx พะเยา, รถยนต์ทะเบียน บม 16xx พะเยา และรถยนต์ ทะเบียน บพ 44xx พะเยา ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา - จว.แพร่ - จว.สุโขทัย -จว.พิษณุโลก -จว.พิจิตร - จว.นครสวรรค์ ปลายทางพื้นที่ กทม. และปริมณฑล จึงได้เฝ้าติดตามกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 27 ก.พ.68 พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์กลุ่มดังกล่าว ในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จว.พิษณุโลก ลักษณะเป็นขบวนมีรถนำ/ตาม ทิ้งระยะประมาณ 2-3 กม. มุ่งหน้า จว.พิจิตร- จว.นครสวรรค์ จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจพยุหะคีรี ให้หยุดรถยนต์ทั้งสามคัน รถยนต์คันที่ 1 ทะเบียน บพ44xx พะเยา เลยด่านตรวจไป รถยนต์คันที่ 2 ทะเบียน บม 16xx พะเยาสามารถหยุดไว้ได้ที่ด่านตรวจ ส่วนรถยนต์คันที่ 3 ทะเบียน กธ 37xxพะเยา จอดริมถนนก่อนถึงด่านตรวจพยุหะคีรี เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่รถยนต์หลบหนี ทิศทางมุ่งหน้า อ.เมือง จว.นครสวรรค์ โดยสามารถหยุดรถคันดังกล่าวบริเวณริมถนนพหลโยธิน อ.เมือง จว.นครสวรรค์ ผลตรวจค้นพบ ยาบ้า 7,990,000 เม็ด ในห้องผู้โดยสาร ส่วนผู้ขับขี่เป็นชายวัยรุ่น ได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีขณะเข้าจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 05.40 น. ชุดที่ติดตามรถยนต์คันที่ 1ทะเบียน บพ 44xx พะเยา สามารถจับกุมได้ที่โรงแรมฟ้าใส รีสอร์ต ต.ตาคลี อ.ตาคลี จว.นครสวรรค์ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
บก.ปส.3
รายชื่อหน่วยร่วมปฏิบัติการ : 
1. บช.ก. นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.
2. ทหาร : หน่วยข่าวกรองทางทหาร
3. นบ.ยส.35 คดี (ยาบ้า 5,000,000 เม็ด) (ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 ปส.3) จากการที่ กก.2 บก.ปส.3 ทำการจับกุม นายสรวุฒิฯ และพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้า 800,000 เม็ด, ไอซ์ 380 กก. และคีตามีน 265 กก. ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี นั้น เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการขยายผลอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้ร่วมกับ บช.ก., บก.ป., บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ทหาร ขกท.ศปก.นสศ. สืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดนผ่านพื้นที่ อ.เชียงดาว - แม่แตง - สันทราย -เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้เส้นทาง จว.เชียงใหม่ - ลำพูน - ลำปาง - กำแพงเพชร - นครสวรรค์ – ชัยนาท - สิงห์บุรี - อ่างทอง – พระนครศรีอยุธยา จึงได้ทำการเฝ้าระวัง จนพบความเคลื่อนไหวรถยนต์กลุ่มบุคคลในเครือข่าย โดยมีรถยนต์เก๋งมีลักษณะขับนำรถบรรทุก 6 ล้อ ซึ่งบรรทุกพืชผลทางการเกษตร ประเภทข้าวโพด เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม ต่อมาวันที่ 28 ก.พ.68 รถบรรทุก 6 ล้อ ได้มาจอดหน้าปั๊มน้ำมัน ใน ต.หันสัง อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา

เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อทำการจับกุมพบมีนายนเรศฯ เป็นผู้ขับ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นรถบรรทุก พบยาบ้า 5,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอำพรางอยู่ใต้พืชผลทางการเกษตร (ข้าวโพด) และสกัดรถเก๋งที่ขับนำพบจับกุม น.ส.หมวยพองฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผล จับกุมชาย 2 คน ลงจากรถยนต์ตู้มาขับรถบรรทุกยาเสพติดดังกล่าว โดยมีรถเก๋งฟรีดอีก 1 คัน ลักษณะคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด ต่อมาพบว่ารถทั้ง 3 คัน ได้ขับติดตามกันไปจนถึง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง 
จว.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสกัดรถทั้ง 3 คัน โดยรถยนต์ฟรีดที่ขับในลักษณะคุ้มกันพบนายจอมพลฯ ได้ลงจากรถ และวิ่งลงป่าข้างทางหลบหนีไป และรถตู้ที่ขับตามมาแต่รถตู้ได้เร่งความเร็วและเสียหลักลงข้างทาง พบผู้ต้องหาจำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3  ซึ่ง บก.ปส.3 จะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการ
ค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 524 คดี ผู้ต้องหา 520 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 134,797,295 เม็ด, ไอซ์ 11,313 กก., เฮโรอีน 107 กก., คีตามึน 509 กก. และยาอี 575 เม็ด ยืดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,384,689,753 บาท

นราธิวาส-ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมอันประเสริฐของพี่น้องมุสลิมในเดือนรอมฎอน 

(4 มี.ค.68) ที่ มัสยิดบันนังกาแย อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ได้จัดกิจกรรมพบปะระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้นำศาสนา ตลอดจนพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ และรับมอบสิ่งของละศีลอดในเดือนรอมฎอน จาก พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมสำคัญทางศาสนาในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ พร้อมทั้งส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและประชาชน โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขอยึดมั่นในนโยบายที่วางไว้ ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของพี่น้องไทยมุสลิม ที่จะให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก สร้างความมั่นคงปลอดภัยในการประกอบศาสนกิจอย่างเต็มที่แก่ประชาชน เพื่อให้เดือนรอมฎอนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี 

เจ้าหน้าที่และส่วนราชการพร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวก แต่ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นทุกส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันรณรงค์ชักชวนการทำความดีละเว้นความชั่วทั้งปวงสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนร่วมกันสร้างสังคมสันติสุขให้เป็นเดือนรอมฎอนสันติสุข ปราศจากความรุนแรง อย่างไรก็ตามพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมอัตลักษณ์ความงดงามของคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายชุดมลายู หรือการประกวดซุ้มประตู ทั้งนี้ทุกกิจกรรมสามารถกระทำได้ตามความเหมาะสมโดยต้องไม่ละเมิดหรือผิดกฎหมายหรือปล่อยให้บุคคลที่สามมาทำกิจกรรมแอบแฝง ส่งผลกระทบความมั่นคงรวมถึงขอให้ผู้ปกครองให้ช่วยกันกำชับลูกหลานในเรื่องการเล่นจุดประทัดและดอกไม้ไฟเพราะก่อให้เกิดอันตรายเพราะเป็นการกระทำที่ผิดต่อหลักศาสนาและผิดกฎหมายอีกด้วย

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือก่อนออกเดินทางไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ

พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์  ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ  บนเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งมอบโอวาทแก่ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 - 4 ที่จะเดินทางไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567  

การฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียนนายเรือมีวัตถุประสงค์เพื่อ - เพื่อฝึกอบรม นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1-4 ให้มีความรู้พื้นฐานในวิชาชีพทหารเรือและมีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติงานในเรือหลวงเมื่อสำเร็จการศึกษา รวมถึงเพิ่มพูนความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่าง ๆ ในโอกาสที่ หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ แวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ศิลปะและวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
  
สำหรับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มี เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ประกอบกำลังเป็น หมู่เรือฝึก ฯ มี พลเรือตรี บวร พรมแก้วงาม หัวหน้าฝ่ายศึกษาโรงเรียนนายเรือ เป็น ผู้บังคับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ มีกำลังพล จำนวน 763 นาย ประกอบด้วย
- กองบังคับการหมู่เรือฝึก  จำนวน 76 นาย
- นักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 1 - 4 จำนวน 338 นาย
-  กำลังพลเรือฝึก (เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงเจ้าพระยา และเรือหลวง
ประจวบคีรีขันธ์) จำนวน 349 นาย

สำหรับการฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 - 4 ประจำปีการศึกษา 2567 ในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 11 เมษายน 2568 โดยจอดแวะเยี่ยมเมืองท่าต่างประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือมิตรประเทศ จำนวน 3 เมืองท่า ได้แก่ เมืองท่าซูบิค ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองท่าโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเมืองท่าจ้านเจียง ประเทศจีน มีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ อาทิ การฝึกนำเรือเทียบ-ออกจากเทียบ การฝึกยิงอาวุธประจำกาย การฝึกยิงอาวุธในทะเล การฝึกรับ-ส่งจากเฮลิคอปเตอร์ การฝึกสถานีรบ การฝึกรับ-ส่งสิ่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูงเรือ การฝึกเก็บคนตกน้ำด้วยเรือใหญ่ และฝึกการแปรกระบวน เป็นต้น

“เฉลิมชัย” เปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก ชูแนวคิด "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" กรมอุทยานฯ ปลุกกระแสอนุรักษ์ พร้อมภาคีอนุสัญญา CITES ทั่วโลก

(3 มี.ค.68) - ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 กล่าวว่า ปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยได้จัดงานนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยงานในปีนี้มีแนวคิดหลัก คือ "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างด้านงบประมาณและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยและของโลก ด้วยการบอกเล่าถึงความสำคัญของทรัพยากรเหล่านี้ไปยังคนรอบข้าง ร่วมกิจกรรมการอนุรักษ์ หรือสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สู่คนรุ่นหลังต่อไป

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทยสู่เวทีโลกจัดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" มุ่งแก้วิกฤตขาดแคลนงบประมาณด้านการอนุรักษ์ พร้อมดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน หวังสร้างระบบนิเวศการเงินที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตของทรัพยากรธรรมชาติ  

โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลกเกิดขึ้นจากข้อเสนอของประเทศไทยในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ครั้งที่ 16 เมื่อปี 2556 ณ กรุงเทพมหานคร โดยเสนอให้วันที่ 3 มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันลงนามรับรองอนุสัญญาไซเตส เป็น "วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก"  การจัดงานในปีนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมด้านวิชาการ การเสวนาและนิทรรศการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จากหน่วยงานพันธมิตรและผู้สนับสนุนกว่า 20 แห่ง กิจกรรมด้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน อาทิ การประกวดงูบอลไพธอนสวยงาม ซึ่งนำมาจัดแสดงหลากหลายลวดลาย และการแสดงผลงานจากการประกวดภาพวาดสัตว์ป่าและพืชป่าในบัญชีไซเตส ที่มีเยาวชนส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 190 ชิ้น สะท้อนพลังและความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ต่อการอนุรักษ์ นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ ยังได้จัดกิจกรรมมอบรางวัลประกวดภาพวาด มอบเข็มพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ กิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล และกิจกรรมสำรวจสัตว์ป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top