Wednesday, 8 May 2024
NEWS FEED

‘โรงเรียนบุญวัฒนา’ ไฟเขียว!! นร. LGBTQ+ ‘ชายไว้ผมยาว-หญิงไว้ผมสั้น’ ด้าน 'สส.ก้าวไกล-ชาวเน็ต' ปลื้ม!! เป็นโรงเรียนที่ก้าวหน้า ไม่แบ่งเพศ

(5 พ.ค.67) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 3 ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้นำภาพระเบียบการแต่งตัวที่ถูกต้องให้แก่รุ่นน้องที่จะเข้ารับการศึกษาในปีการศึกษา 2567 ที่จะถึงนี้ โดยมีการกำหนดการแต่งตัวทั้งนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษาวิชาทหาร และนักเรียนเพศทางเลือก LGBTQ+ ชายไว้ผมยาว หญิงไว้ผมสั้น

โดยข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า นักเรียนเพศชาย สามารถไว้ผมยาวได้ โดยรวบผมอย่าให้ปอยผมโผล่แล้วผูกโบสีขาว ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กางเกงขาสั้นเหมือนนักเรียนชาย ส่วนนักเรียนเพศหญิง สามารถไว้ผมสั้นได้ แต่ทรงผมไม่ยาวรกรุงรังจนเกินไป ไม่เลยตีนผม ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กระโปรงเหมือนนักเรียนหญิง โดยการขออนุญาตยกเว้นทรงผมนักเรียนเพศวิถี ต้องลงบันทึกการขออนุญาตในการไว้ทรงผมที่ห้องกิจการนักเรียนก่อน

สำหรับข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก และมีเสียงชื่นชมตามมา เช่น นายปิยชาติ รุจิพรวศิน ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคก้าวไกล โพสต์คอมเมนต์ระบุว่า "ชื่นชมแนวคิดสภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนาครับ" ขณะที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างแสดงความคิดเห็น อาทิ

"ดีใจแทนน้องๆ มากเลยค่ะ ขอบคุณแทนน้องๆ จากใจจริง"

"แนวคิดน่ารักกับเด็กๆ มากค่ะ"

"ไม่ได้อยู่ๆก็ทำ กว่าจะได้กระบวนการนี้ขึ้นมา สภานักเรียนก็และฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นแกนนำในการทำประชาพิจารณ์ ทั้งกับนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้บริหารครับ #ทีมเด็กบุญ"

"ยินดีดีใจกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ด้วยนะครับ ปีนี้ถือเป็นการเปิดใหม่ยอมรับในมุมมองของเพศทางเลือก ถ้าทางโรงเรียนสามารถให้นักเรียนที่เป็นชายแต่อยากแต่งหญิง หรือนักเรียนที่เป็นหญิงแต่อยากแต่งชาย ให้สิทธิเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นจะดีมากๆ ครับ สนับสนุนซัพพอร์ตบุญวัฒนาครับ"

"ทำถึงมาก เข้าใจนักเรียน ชอบโรงเรียนเเบบนี้ ทีนี้นักเรียนคงเรียนมีความสุขมากกว่าเดิม ไม่ต้องมาคอยกังวลอะไร เกี่ยวกับเรื่องทรงผม"

"ผมขอชื่นชมทีมงานผู้บริหาร รร.บุญวัฒนาเป็นอย่างยิ่งครับ ที่กล้าที่จะเปิดรับความหลากหลายทางเพศ ความคิดทันยุคทันสมัย ในฐานะศิษย์เก่าผมก็ขอปรบมือให้ครับ เยี่ยมจริงๆ"

"ขอบคุณทางโรงเรียนนี้มากนะคะ ที่เปิดโอกาสและเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ว่า LGBTQ+ ก็มีสิทธิ์เสรีภาพเทียบเท่ากับบุคคลอื่นๆ"

"นี่แหละโรงเรียนที่ก้าวหน้า โรงเรียนที่ไม่แบ่งเพศ ผู้บริหารก็สุดปัง ขอบคุณที่นึกถึงจิตใจและความสำคัญของเด็กทุกคน นี่คือโรงเรียนที่เจริญแล้ว โรงเรียนที่ก้าวหน้าและทันตามยุคสมัย ขอบคุณแทนน้องๆ นะคะดีใจแทนมาก โรงเรียน LGBTQ"

"ดีใจแทนเด็กรุ่นหลังๆ มาก ที่โรงเรียนเปิดรับขนาดนี้ ยินดีกับน้องๆ ด้วยนะคะ อย่าลืมตั้งใจเรียนกันด้วยนะ"

แฉ!! ยุทธวิธีปั่นกระแส - ใส่ร้ายทางการเมือง มักใช้คำสั้นๆ - ซ้ำๆ มากกว่าอธิบายความยาวๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า “เพราะคำใส่ร้าย มันสั้นกว่าคำอธิบายเสมอ”

ทั้งนี้ได้อธิบายความเพิ่มเติมว่า “เรามารู้ทันยุทธวิธีในการใช้โซเชียลปั่นกระแส เขาใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี วิธีใส่ร้ายป้ายสีหรือด้อยค่าด้วยถ้อยคําซ้ำ ๆ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะการใส่ร้าย มันสั้นกว่าคําอธิบายเสมอ เช่น เขาจะใส่ร้ายได้ประโยคซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ”

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ อธิบายต่อว่า “พวกเราสังเกตนะ คำซ้ำๆ เดิม ๆ คําใส่ร้ายสั้น ๆ อย่างเช่นว่า “ประยุทธ์ตรวจสอบไม่ได้” แค่นี้นะ ย้ำคำว่า “ตรวจสอบไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้” แต่เวลาอธิบายมันยาวกว่า คนจะไม่ฟัง ดังนั้น พี่น้องเวลาเสพข่าว ถ้าเห็นคนที่ใช้แค่ถ้อยคําสั้น ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ วนไปวนมา แล้วก็ไม่แสดงตัวตน อย่าไปสนใจ อย่าไปหลงเชื่อ เพราะเขาจะสะกดจิต เขาจะใช้คําซ้ำ ๆ ๆ สะกดจิต เพราะว่าเขารู้ว่าพี่น้องทํางานทําการ ไม่ค่อยมีเวลาดูการเมืองเยอะ ดังนั้นเขาจะใช้คําซ้ำ ๆ แค่นั้น

เพราะคําอธิบาย มันยาวกว่าคําใส่ร้ายเสมอ”

ชาวโซเชียลชื่นชม หนุ่มเจ้าของร้าน ซ่อมรถคู่ใจให้ ‘ลุงเก็บของเก่า’ ฟรี หลังลุงเข็นมาไกลเกือบกิโล นั่งปล่อยโฮหน้าร้าน เพราะไม่มีเงินซ่อม

(4 พ.ค.67) จากคลิปของผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘beawtyfriendly’ ที่ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือคุณลุงเก็บของเก่าคนหนึ่ง นั่งร้องไห้พร้อมกับรถคู่ใจอยู่ที่ร้านซ่อม เจ้าของร้านใจดีซ่อมให้ฟรีๆ พร้อมทำเครื่องรถให้ใหม่ ชาวแห่ชื่นชมโอนเงินช่วยเหลือ

ล่าสุด นายกฤศรา กิจวัฒนโอภา เจ้าของร้านช่างตั้มพนม ได้เปิดเผยว่า ตนกับแฟนเปิดร้านซ่อมรถจยย.อยู่แล้ว และวันนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านจึงไม่เห็นว่าลุงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีพี่ร้านข้างๆ เห็นลุงเดินเข็นรถร้องไห้มาหยุดที่หน้าร้านตน จึงได้ไปตามตนที่หลังร้านให้ออกมาหาลุง

ตอนแรกคิดว่าลุงเอารถมาซ่อมตามปกติ พอออกมาดูก็เห็นว่าลุงนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตอนนั้นแฟนก็เลยบอกกับคุณลุงไปว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวดูให้เดี๋ยวเช็คให้ พอเช็ครถให้คุณลุงก็เห็นว่าคาร์บูเรเตอร์พัง เลยเปลี่ยนให้ และได้คุยกับคุณลุงว่าเข็นมาจากไหน คุณลุงก็บอกว่าเข็นมาจากไฟแดง ซึ่งถ้าเข็นมาจากไฟแดงนั้นห่างจากร้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับบอกว่าจะเป็นลม เหนื่อย และร้อนมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ระหว่างนั้นก็เลยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไปอีกหนึ่งมื้อ จะได้ให้คุณลุงใจเย็น ตอนนั้นคุณลุงก็ดีขึ้นมาก

นายกฤศรา กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติตนเคยเห็นคุณลุงประจำอยู่แล้ว เพราะว่าตนชอบแจกผัก ผลไม้ข้าวสารอยู่ที่หน้าร้าน คุณลุงเขาเป็นคนเก็บของเก่า เวลาเขาผ่านมาแถวนี้เขาก็แวะมาเอาของแจกอยู่ตลอด หรือเวลามีขวดน้ำของเก่าต่างๆ ตนก็จะเก็บไว้ให้ลุง ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

โดยปกติเวลาเห็นคุณลุงจะเป็นคนยิ้มแย้มเฮฮาชอบพูดคุยหัวเราะเสียงดัง แต่วันนั้นพอเจอเหตุการณ์ที่เขานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน ตนก็ตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขั้นต้องร้องไห้ ตอนนั้นก็ปลอบใจกันไป ซึ่งตนคิดว่าเขาคงกลัวเรื่องค่าซ่อมที่ไม่มีเงินจ่าย และอีกอย่างนึงคงกลัวรถพังเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตนก็ตั้งใจที่จะซ่อมให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว เพราะปกติตนก็ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนี้คุณลุงก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาขับผ่านหน้าร้านก็มักจะบีบแตร ยิ้มให้หายเหมือนเดิม และตอนนี้รถของคุณลงก็เปลี่ยนคาร์บูไปแล้วแต่ยังมีส่วนอื่นที่น่าจะมีปัญหาอยู่ น่าจะเครื่องหลวม ก็เลยซ่อมเพิ่มเติมให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะทำสตาร์ทมือให้คุณลุงเพิ่มเติมด้วย ทุกอย่างตนจะทำให้คุณลุงฟรีๆ และก็มีคนใจบุญส่งเงินมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง

ที่ตนก็ตั้งใจจะซ่อมให้เสร็จหมดทุกอย่าง เพราะคุณลุงจะได้นำรถที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปใช้ต่อได้ นอกจากลุงแล้วเวลาตนเจอรถจยย.จอดเสียอยู่ข้างทาง หรือว่ารถเข็นอยู่ ตนก็จะจอดช่วยเหลือตลอด เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าเขาจะเจอร้านซ่อมหรือจะมีใครช่วยเขาหรือไม่ และที่ทำมาโดยตลอดก็คือทำทานแจกกับข้าวให้คนเฝ้าไข้ ตามโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อยข้าวหนึ่งมื้อก็ทำให้เขามีกำลังใจในการอยู่ต่อไป ให้เขาเฝ้าไข้ จะได้มีแรง

ทัวร์ลงหนัก!! หลัง ‘Netflix’ โปรโมตเดี่ยวสเปเชียล ‘โน้ส อุดม’ ฟาด!! ‘ไร้สาระ-คิดแต่ตรรกะฝั่งตัวเอง-นึกว่าจะฉลาดกว่านี้’

(4 พ.ค.67) ทัวร์ลงหนักเลยทีเดียว สำหรับเพจ ‘Netflix’ ที่มีคนติดตาม 91 ล้านคน โดยมีการโปรโมตทอล์กโชว์ เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ของ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ ตัดตอนที่โน้สได้พูดเหน็บแนมเรื่องความพอเพียง แซะคนอยากเป็นเกษตรกรตามดารา อินฟลูฯ อยากอยู่กับธรรมชาติ อีด-ก เขาลงมาจากรถตู้ พอกครีมกันแดดหลายตลบ เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแอร์ อย่าดัดจริต โดยแคปชันระบุว่า

“อยากพอเพียง อยากปลูกผักตามอินฟลูฯ แต่ลืมคิดว่าเขาลงจากรถตู้ พอกครีมกันแดดมาเกี่ยวข้าว กลับมาคราวนี้ พี่โน้ส อุดม เขาจัดเต็ม ไม่กั๊ก ไม่เซ็นเซอร์ เชิญรับชมพร้อมกันได้ใน เดี่ยวสเปเชียว ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ Netflix”

งานนี้ชาวเน็ตฟาดไม่ยั้ง อาทิ พอเพียงเป็นคำที่มีความหมายในตัวเอง คนที่ไม่พอก็ไม่ได้แปลกอะไร คนที่แปลกคือคนที่พยายามด้อยค่ามันเพราะอคติ, พอไม่พออยู่ที่ความพอใจ ความพอใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่าคิดแต่ฝั่งตรรกะตัวเอง ใครไม่พอก็หากันต่อไป ใครพอเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่เขามี แล้วไม่ต้องดินมาก แค่นั้นเอง,

มันไม่เกี่ยวกับง่ายหรือยาก มุงไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแล้วเอามาแซะ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้ ภูมิใจจริงๆ ไม่เคยอุดหนุนอะไรสักอย่าง, คุณนิยามคำว่าพอเพียงผิดมหันต์ มันจึงเหมือนเป็นการเหน็บแนม ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคุณจริงๆ , อยากฟังทฤษฎีใช้เงินไปสวรรค์ของวัดดังแถวปทุมนะ, พอเพียงมันก็คือทางสายกลาง แบบที่พระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ การไม่ยึดติดสุดทางทั้งไม่ลำบากไปไม่สบายไป เอาแบบพอดี แต่โน้ส อุดม คงไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเชื่อคำสอนของธัมมชโยมากกว่า ฯลฯ

โซเชียล ชื่นชม ‘ตร.ทางหลวง’ บึ่งรถนำตัวเด็กป่วย ส่งถึงมือหมอ หลังได้รับแจ้งเหตุ มีเด็ก ‘ช็อก-ไข้สูง-ชักเกร็ง’ บนรถสองแถว

(4 พ.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงสกลนคร’ โพสต์ข้อความระบุว่า 

ประชาชนขอความช่วยเหลือเด็กป่วยบนรถโดยสารมีอาการไข้สูง ชักเกร็ง ก่อนนำขึ้นรถวิทยุตำรวจทางหลวง 4508 ส่งโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ถึงมือคุณหมออย่างปลอดภัย ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือตำรวจทางหลวง

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 02.38 นาที และมีข้อความประกอบในวิดีโอว่า ประชาชนขอความช่วยเหลือมีเด็กป่วยอยู่บนรถโดยสาร บริเวณสี่แยกธาตุ เมืองสกลนคร ซึ่ง รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับไปจอดใกล้กับรถโดยสารแล้ววิ่งลงไป นำทางผู้หญิงสวมเสื้อสีแดงอุ้มเด็กชายรายหนึ่งพร้อมกับหญิงเสื้อขาว ให้ขึ้นบนรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นคลิปก็ตัดไปบนรถ เด็กชายก็ร้องงอแงในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ หญิงเสื้อขาวที่พยายามใช้ผ้าลูบไปที่เด็ก พร้อมกับตบก้นเพื่อเรียกสติของเด็กให้รู้สึกตัว

ขณะเดียวกัน จนท.เปิดสัญญาณไฟไซเรนและรีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลสกลนคร พร้อมกับประสานงานทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกทางจราจร ระหว่างขับรถมีการใช้เสียงขอความร่วมมือจากประชาชนว่าต้องรีบนำเด็กที่มีอาการชักนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนำส่งถึงมือหมออย่างปลอดภัย

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าว การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทรายจ.เชียงใหม่ และ การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.กฤษดา พันธุ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 

กรณีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมีรายละเอียดของคดีดังนี้

- คดีของ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 03.00 น.ถึงเวลาประมาณ 03.17 น. สถานที่ ถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ตั้งแต่สี่แยกข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านหนองไคร้หลวง (ข้างสถานีวิทยุเสียงสามยอด) ม.8 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีดทำร้าย นายเดชา อายุ 19 ปี เสียชีวิต และ นายวิชัย อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บ  
1. เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
2. เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
3. นายแดง อายุ 18 ปีเศษ ที่อยู่ ม.4 ต.ห้วยทราย อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ 
ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
4. นายสมชาย  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จว.แม่ฮ่องสอน ซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

คดี/ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และ “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
โดยมีพฤติการณ์  ผู้ต้องหา 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ถืออาวุธมีดขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คน ตั้งแต่ถนนหน้า รพ.ลานนา ไล่มาจนถึงที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

2. คดีของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ วันที่ 24 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 04.50 น. ถึงเวลาประมาณ 05.10 น.สถานที่  ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย
1.นายอนุเดช  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ซอย7(ถนนลำพูน) ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จว.ชม.
2.เยาวชนชายอายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
3.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
4.นายพีรย์ดน อายุ 19 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่
5.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
6.นายศิลาเสก อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่
7.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่  ม.5 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จว.แม่ฮ่องสอน
8.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.1 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
9.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่  ม.2 ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จว.เชียงใหม่
10. เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
11.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.3 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่

คดี/ข้อหา  “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น ปลอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ , โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันมีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิด , ร่วมกันพาอาวุธ(มีด,วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันสมควร , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และซ่องโจร”

รายละเอียด พฤติการณ์แห่งคดี
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน  แจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 เวลากลางคืน ผู้เสียหายใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เดินทางไปเที่ยวในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเดียวกัน  ผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับที่พัก ก่อนถึงที่พัก ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่บริเวณที่จอดรถ ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ เพื่อซื้อของภายในร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 05.10 น.ของวันเดียวกัน ขณะที่ผู้เสียหายยืนอยู่บริเวณลานหญ้าหน้าร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์หลายคันเป็นพาหนะ ขับตรงเข้ามาหา กลุ่มผู้เสียหายกลัวจะถูกทำร้ายจึงวิ่งหลบหนี ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ  มีวัยรุ่นส่วนหนึ่งลักเอาของภายในรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย  โดยทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไป คือ กระเป๋าสตางค์ มีเงินจำนวน 100 บาท , สายชาร์จไอโฟน จำนวน 1 เส้น ราคา 790 บาท , กุญแจรถจักรยานยนต์จำนวน 1 ดอก ราคา 300 บาท  และลำโพง ราคาประมาณ 300 บาท  และวัยรุ่นส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาทุบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ของผู้เสียหายอีกคันหนึ่ง ได้รับความเสียหาย และอีกส่วนหนึ่งได้โยนระเบิดประดิษฐ์ เป็นถุงพลาสติกภายในมีน้ำมันและระเบิดประดิษฐ์เองแบบกระแทก ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ของร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายได้วิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการตรวจสอบต่อมาพบว่า มีระเบิดแบบประดิษฐ์เองจำนวน 1 ลูก พันด้วยเทปสีดำ ตกอยู่บริเวณข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

การสืบสวน-ติดตามจับกุม
จากการสืบสวนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคือกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ ที่ สภ.หางดง 
    
ผู้ต้องหารับสารภาพ
ผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่าตนคือบุคคลตามภาพถ่ายกล้องวงจรปิดและได้ร่วมไปก่อเหตุตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง สาเหตุทำไปเพราะความคึกคะนอง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบว่า ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีผู้ต้องหารายหนึ่งมีอาวุธปืนในการก่อเหตุดังกล่าวด้วย โดยได้ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลดังกล่าวตามภาพกล้องวงจรปิดจริง 

‘โซลาร์เซลล์’ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบ กลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตวิเคราะห์ ‘ตัวชาร์จแบตเตอรี่ไม่ตัด-ความร้อนเกินมาตรฐาน’

(4 พ.ค.67) โซลาร์เซลล์ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบกลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตหวั่นของไม่ได้มาตรฐาน

ผู้ใช้ TikTok ‘seephumeegarage’ โพสต์คลิปวิดีโอความยาวกว่า 30 วินาที ในคลิป เป็นภาพขณะที่ เสาโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่กลางแดด แต่แล้วมีควันลอยขึ้นมาจนเกิดไฟไหม้ และท้ายสุดโซลาร์เซลล์ ก็หักและหล่นลงพื้น

ผู้โพสต์คลิป ระบุข้อความว่า “ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับอากาศร้อนเปล่า อยู่ดี ๆ โซลาร์เซลล์ก็ไฟไหม้เอง”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามจำนวนมาก ว่า เหตุใดโซลาร์เซลล์ ที่ควรจะต้องทนความร้อน ถึงสามารถไฟลุกได้ 

หรือจะมาจากส่วนอื่นที่ไม่ใช่ 'โซลาร์เซลล์' เช่นแบต หรือตัวเชื่อมแผงวงจรอื่นๆ กันแน่

อย่างไรก็ตาม คนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เช่น

“แล้วที่ติดตั้งตามหลังคาบ้านล่ะ ไม่อยากจะคิดเลย”

“1 ร้อนเกิน 2 ชาร์จเกิน ไม่แน่ใจว่ามีBMSไหมน่ะครับ”

“ความคิดส่วนตัวผมว่าการรับแสงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ยิ่งแดดแรงๆ วัสดุต้องรับความร้อนเป็นอย่างมาก วัสดุจึงทนความร้อนไม่ไหวจึงทำให้ติดไฟ มั่วเอาครับ”

“ไหม้อยู่แล้วเพราะแผงโซลาเซลล์ บนตัวรับแสงมีเนื้อกระจกบางๆ เพราะรับความร้อนเกินมาตรฐานที่กำหนด”

“แบตเตอรี่ไม่ตัดชาร์จตลอดเต็มก็ไม่ตัด”

“แบตลิเธียม ทนความร้อนไม่ไหว”

“แดดดีจัดชาร์ทเต็มอัตราจนแบตบอกไม่ไหวแล้วน้องพลีชีพเลย”

'เชียงราย' ตม.เชียงราย ตรวจเข้มปัองกันกลุ่มจีนเทาแฝงในพื้นที่

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม2567 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย โดยสั่งการของพ.ต.อ.สุรศักดิ์เทียนทองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย นำโดย พ.ต.ท. มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ,พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จังหวัดเชียงรายพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงราย เข้าตรวจสอบบริเวณที่พักภายในหมู่บ้านเทอดไท ต.แม่สลองใน อ.แม่สลอง จ.เชียงราย  ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนเชื้อชาติจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่มต่างชาติอาจจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว หรือเป็นฐานที่มั่นเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางออนไลน์  จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มต่างด้าวดังกล่าวพบเป็นบุคคลสัญชาติจีนจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องสอบถามให้การว่าเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวและมาพบเพื่อนในหมู่บ้านเทอดไท แต่พบว่าบางคนไม่มีการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว จึงทำการเปรียบเทียบปรับเจ้าของรีสอร์ทและได้แนะนำดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ตม.จว.เชียงราย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวน หาข่าวและลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติ ไม่ให้มากระทำความผิดกฎหมายในพื้นที่ และจะได้สืบสวน ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

'รัดเกล้า' เผย!! รัฐบาลมุ่งยกระดับอาชีวไทย-พัฒนาทั้งครูและเด็ก เชื่อ!! เป็นทักษะสำคัญในโลกยุคใหม่ที่ตลาดแรงงานโลกต้องการ

(4 พ.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เสนอรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง อาชีวศึกษา: คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ โดยมีข้อเสนอแนะทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐาน และด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัยและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และสร้างแรงจูงใจให้มีผู้สนใจเข้าเรียนสายอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะให้พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา อาทิ พัฒนาสมรรถนะที่ขาดหายไป ด้วยการ Up-Skill, Re-Skill หรือ New-Skill เพื่อให้ครูมีสมรรถนะในการสอน พัฒนาหลักสูตรให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับกลุ่มอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และให้ความสำคัญกับการฝึกปฏิบัติวิชาชีพจริงในสถานประกอบการที่ตรงกับสาขาอาชีพของผู้เรียน

ส่วนข้อเสนอแนะด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เช่น การสร้างค่านิยมต่อการเรียนอาชีวศึกษาว่าการเรียนทางด้านอาชีวศึกษาจะทำให้ผู้เรียนมีงานทำทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษาในแต่ละระดับ การพัฒนากระบวนการแนะแนว นำเสนอความสำเร็จของผู้เรียนอาชีวศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพให้แพร่หลายผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ และสร้างระบบการเรียนร่วมกับการทำงานและมีรายได้ระหว่างเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ซึ่งผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์จริงและทักษะในการประกอบอาชีพระหว่างที่เรียนด้วย

“การยกระดับระบบอาชีวศึกษาไทย โดยเฉพาะการเสริมทักษะขั้นสูงและเฉพาะทาง ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างแรงงานทักษะให้ตรงกับความต้องการในตลาดแรงงานโลก ซึ่งหากข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นแนวทางให้นักศึกษาและแรงงานอาชีวะไทยได้รับการสนับสนุนเพิ่มทักษะความรู้ ก็จะทำให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่งด้วย” รองโฆษกฯ กล่าว

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MOU กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน การพัฒนาวิชาชีพด้านการเกษตร

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยวิทยาลัยนานาชาติ มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ(MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา  รก.อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้  และ นาย Dasho Thinley Namgyel  ปลัดกระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นผู้แทนลงนาม  ณ  ห้องอินทนิล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

การลงนามในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือ ในการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านการเกษตร สัตวศาสตร์ การประมง รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี  ให้กับ บุคลากร ข้าราชการ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  ผ่านการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ด้วยองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการทุนการศึกษาด้านการเกษตรและการพัฒนาวิชาชีพ โดยรัฐบาลของราชอาณาจักรภูฏาน  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top