Sunday, 16 March 2025
NEWS FEED

หลวงปู่มหาศิลา จัดงานพิธีวางศิลาฤกษ์ พระธาตุเจดีย์โนนสาวเอ้ ณ ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท คนแห่ร่วมงานนับหมื่น !

(13 มี.ค. 68) เมื่อเวลา 09.00น. หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโืท  ได้จัดงานพิธีวางศิลาฤกษ์ “ พระธาตุเจดีย์โนนสาวเอ้ ” ณ ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท ต.เชียงเครือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ 

โดยมีพระเดชพระคุณ เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาส วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร กทม. เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท ท่านเจ้าคุณเทียนชัย ชยทีโป วัดเทพสรธรรมาราม จ.ปทุมธานี ท่านเจ้าคุณสุริยันต์ วัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม ท่านเจ้าคุณต้อม วัดท่าสะแบง จ.ร้อนเอ็ด พร้อมคณะสงฆ์และ เกจิอาจารย์อีกจำนวนมาก 

โดยมี คุณชายแจ๊ค-หม่อมราชวงศ์ โสรัจจ์ วิสุทธิ บุตรชายคนเล็กของหม่อมเจ้าหญิงสุลัภวัลเลง วิสุทธิ (สกุลเดิม สวัสดวัตน์) พระขนิษฐาของ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หลายหมู่เหลา รวมถึงประชาชนจากทั่วสารทิศ  คณะลูกศิษย์จาก ธรรมอุทยานหลวงปู่มหาศิลา และ คุณครูทับทิม วรา ที่ถือว่าเป็นคนสำคัญที่ หลวงปู่มหาศิลา ได้เลือกให้เป็นคนนำสร้าง พระธาตุเจดีย์ โนนสาวเอ้ ร่วมถึงประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานพิธีหลายพันคน

โดยก่อนหน้านี้2 วันได้เกิดฝนตกตลอดทั้งคืนทั้งวันจนถึงวันงานพิธีช่วงเช้าเกิดฟ้าครึ้มฝนตกเป็นละออง จนช่วงเวลาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ หลวงปู่มหาศิลา ท่านมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปแล้วก้มหน้าท่องอะไรบางอย่าง จากนั้นท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็เกิดสว่างขึ้นแสงแดดเริ่มออก พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกรด จนทำให้ผู้ที่มาร่วมงานกล่าวคำว่าสาธุ ซึ่งหลวงปู่ศิลาก็ยิ้มและหัวเราะอย่าง อารมณ์ดีใจซึ่งทำให้เหล่าศิษย์ยานุศิษย์ที่มาร่วมงานต่างๆ ต่างมองดูบนท้องฟ้า ในสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าคนหลายพันคน ภายหลังจากเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์  คุณจารุณี จอมทรักษ์ พร้อมทีมงานธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา ศิริจันโท ได้น้อมถวาย ทองคำแท่ง น้ำหนัก 20 บาท แด่หลวงปู่ศิลา พร้อมถวายทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาท ถวายแด่พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ  เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น จ. มหาสารคาม  และน้อมถวายทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาท แด่ พระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบง จ.ร้อยเอ็ด 

จากนั้นท่านเจ้าประคุณ สมเด็จ พระธีรญาณมุนี หลวงปู่ศิลา และพระเกจิอาจารย์ รวมถึงข้าราชการทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้มงคล หลังจากนั้นท้องฟ้าที่มืดครึ้มก้อนเมฆก็จางหายไปแสงแดดกลับมาสว่างจ้าเหมือนเดิม 

โดยในการสร้าง พระธาตุเจดีย์ โนนสาวเอ้ หลวงปู่มหาศิลา ได้บอกไว้ว่าต้องให้ครูทับทิม หรือ คุณครูทับทิม วรา ทำถึงจะสำเร็จ สำหรับท่านใดที่สนใจจะร่วมบุญเพื่อสร้างพระธาตุเจดีย์  โนนสาวเอ้ และปรับภูมิทัศน์ภายในธรรมะอุทยานหลวงปู่มหาศิลาสามารถร่วมบุญได้ที่บัญชี

ธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 404-357378-2
ชื่อบัญชี : มูลนิธิธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เพื่อสร้างพระธาตุเจดีย์และปรับภูมิทัศน์ ( บัญชีนี้ บัญชีเดียว เท่านั้น )

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอแว้ง 

(13 มี.ค. 68) ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย ทันตแพทย์หญิง ปิยนาถ บุณฑริก รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส, นางเปรมวดี ขวัญเพชร ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ แก่ผู้ที่ได้รับผล กระทบ จากเหตุความไม่สงบในพื้นที่อำเภอแว้ง จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 เวลา 19.09 น. มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน ขับรถพ่วงข้างบรรทุกวัตถุระเบิด มาจอดใกล้บริเวณกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแว้งที่ 3 หมู่ที่ 2 ตำบลแว้ง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ต่อมาได้เกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแว้งที่ 3 และประชาชนได้รับบาดเจ็บ จำนวน 30 ราย  เป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแว้งที่ 3 จำนวน 16 นาย  และประชาชน 14 ราย 

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่อำเภอแว้ง จำนวน 30 รายๆ ละ 10,000.- บาท และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดจังหวัดนราธิวาส  จำนวน 15 รายๆ ละ 2,000.- บาท 

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะพูดคุยและให้กำลังใจสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนฯ และประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ ในครั้งนี้ ด้วย


 

คอนเสิร์ตการกุศล เชิดชูกวีเพลง 3 แผ่นดิน "ไตรกาล" ครูสุรพล โทณะวณิก ศิลปินแห่งชาติ 

(13 มี.ค. 68) สมาคมช่างภาพผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเชิดชูศิลปินแห่งชาติ ครูสุรพล โทณะวณิก เพื่อหาเงินทุนเป็นสวัสดิการรักษาพยาบาลของครูเพลง และเงินทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลของสมาชิก และทุนการศึกษาของบุตรหลานสมาชิก ในปีการศึกษา 2568

นายศิริ สาระผล นายกสมาคมช่างภาพผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
เปิดเผยรายละเอียดการจัดคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้ว่า "สมาคมได้รับเกียรติจาก ครูสุรพล โทณะวณิก ศิลปินแห่งชาติ ให้นำบทเพลงอมตะจำนวนกว่า 30 บทเพลง มานำเสนอ และพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ให้เกียรติเป็น Exclusive Producer งานนี้ครบเครื่องในเรื่องเวที แสง สี เสียงอย่างยิ่งใหญ่

โดยกำหนดแสดง ในวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568 ระหว่างเวลา 17.00 น. - 20.00 น. ณ บีซีซี ฮอลล์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร"

ด้านพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ครูสุรพล โทณะวณิก นับได้ว่าเป็นปูชนียบุคคลท่านหนึ่ง ในวงการเพลงของไทย ท่านได้แต่งเพลงกว่า 1000 เพลง ตลอดระยะเวลา 73 ปี ซึ่งบทเพลงหลายบทเพลงเป็นที่คุ้นหูและรับฟังกันมาตลอด อาทิเช่น โอ้รัก, หนาวเนื้อ, รอ, ฟ้ามิอาจกั้น, ยามรัก, พิษรัก, บาดหัวใจ, ภาษาใจ 

โดยเฉพาะเพลง ใครหนอ, อยากลืมกลับจำ, ในโลกแห่งความฝัน และเพชรตัดเพชร ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ ครั้งที่ 1 ปี 2507 ส่งผลให้ได้รับเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.พ.ศ. 254

" สำหรับศิลปินผู้ที่จะขับร้องถ่ายทอดบทเพลง ได้รับเกียรติจ ศรีไศล สุชาติวุฒิ, วินัย พันธุรักษ์, สุนทร สุจริตฉันท์, นคร เวชสุภาพร, ชรัส เพื่องอารมณ์, ศรัณยา ส่งเสริมสวัสดิ์, อุเทน พรหมมินทร์, ต้อม เรนโบว์, สบชัย ไกรยูรเสน, สุรี แสงเสรีชน, ตั๊ก ลีลา, จิ๊บ รด., นนทิยา จิวบางป้า, ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, นัท เลอทาน่า, ชิสา วิเศษกุล และอลิซ ธนัชศลักษณ์

พร้อมทีมแสงสีเสียงระดับมืออาชีพอิ่มเอม จากบทเพลงอมตะดังกล่าวตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมงเศษ" พี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ กล่าวยืนยัน

เปิดจองตั๋วผ่านช่องทาง ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ในวันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป บัตรราคา 1,000 บาท, 2,000 บาท, 3,000 บาท, 4,000 บาท, 4,500 บาท และพร้อมรับของที่ระลึกทุกที่นั่ง จองบัตรคอนเสิร์ตผ่าน ThaiTicketMajor

‘แยม ฐปณีย์’ เศร้า! ไม่ได้รับเชิญร่วมทริป ‘ภูมิธรรม’ เยือนซินเจียงอุยกูร์ หลังขอไปแล้วหลายทางแต่แห้ว เตรียมส่งจดหมายขอสถานทูตจีนต่อ

‘แยม ฐปณีย์’ สุดเสียดาย หลังไม่มีชื่อร่วมทริป ‘ภูมิธรรม’ เยือนมณฑลซินเจียง ประเทศจีน ตามติดชีวิต 40 อุยกูร์ที่รัฐบาลไทยส่งกลับไปก่อนหน้านี้

จากกรณีที่รัฐบาลไทย ได้ส่งชาวอุยกูร์ จำนวน 40 คน กลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และทางคณะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสว่าการกระทรวงกลาโหม , พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงสื่อมวลชนของไทย มีกำหนดการจะเดินทางไปติดตามชีวิตความเป็นอยู่ชาวอุยกูร์ หลังเดินทางกลับประเทศ ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ 

แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ (13 มี.ค. 68) แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวสายลุยคนดังจากรายการข่าว 3 มิติ โพสต์เฟซบุ๊กหลังจากไม่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนติดตามไปทำข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า น่าเสียดายมากๆเลยค่ะสรุปเราไม่ได้รับเลือก/เชิญให้ไปทำข่าวที่ซินเจียงกับคณะรองนายกฯภูมิธรรมกรณีอุยกูร์ ขอไปหลายทางมากก็ไม่ได้ คิดว่าจะส่งจดหมายขอสถานทูตจีนดูด้วยค่ะ

คณะแพทยศาสตร์ มช.จัดงานวัน 'ต้อหินโลก' ภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดถาวร

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภาควิชาจักษุวิทยา จัดให้มีกิจกรรมงานวันต้อหินโลก เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ ในเรื่องเกี่ยวกับต้อหิน ให้มีการตื่นตัว และทราบถึงความสำคัญของการตรวจตาในเวลาที่เหมาะสม ในวันที่ 13 มีนาคม 2568 ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระบารมี ระหว่างเวลา 08.00 - 12.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี

รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า "โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มีนโยบายจัดกิจกรรมเนื่องในวันต้อหินโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับโรคต้อหินให้กับประชาชน กิจกรรมเหล่านี้มุ่งเน้นการป้องกันและลดภาวะตาบอดจากโรคต้อหิน 

โดยภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลักดันให้มีโครงการตรวจคัดกรองต้อหินประจำปี สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน พัฒนาแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยต้อหินให้เข้าถึงการรักษาได้รวดเร็วขึ้น บูรณาการการให้ความรู้เรื่องต้อหินในการอบรมบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและตรวจคัดกรองต้อหิน โดยหวังว่า มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองต้อหินเพิ่มขึ้น สามารถพัฒนาแนวทางป้องกันและรักษาต้อหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลและเฝ้าระวังโรคต้อหิน"

ผศ.นพ.ดำรงค์ วิวัฒน์วงศ์วนา อาจารย์ประจำหน่วยต้อหิน ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์มช. เปิดเผยว่า "ในปัจจุบันโรคต้อหิน เป็นสาเหตุของภาวะตาบอดของประชากรในเมืองไทยและทั่วโลกคิดเป็นอันดับสองรองจากโรคต้อกระจก แต่ภาวะตาบอดที่เกิดจากโรคต้อหินไม่สามารถรักษาให้กลับมาเห็นได้ตามปกติหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะแรกของโรค อัตราความชุกของโรคต้อหินพบเพิ่มขึ้นตามอายุ 

ในประเทศไทย ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี พบมีความชุกของโรคร้อยละ 2 และเพิ่มเป็นร้อยละ 6 เมื่ออายุมากกว่า 60 ปี ผู้ป่วยต้อหินในระยะแรกจะไม่มีอาการผิดปกติ ไม่มีตามัว ไม่มีปวดตา ดังนั้นหากไม่ได้รับการตรวจตาเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว มองเห็นภาพแคบลงเรื่อยๆจนกระทั่งตาบอดในที่สุด ปัจจุบันมีผู้ป่วยต้อหินเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น"

ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ เสวนาวิชาการ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคต้อหินและแนวทางป้องกัน นิทรรศการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต้อหินและสุขภาพดวงตา บริการตรวจคัดกรองภาวะต้อหินและตรวจตาเบื้องต้น วัดความดันลูกตา ถ่ายภาพจอประสาทตา รับคำแนะนำจาก จักษุแพทย์ ตอบปัญหาชิงรางวัล และจับสลาก ชิงรางวัลฟรี! 

โรคต้อหินเป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดถาวร หากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที

สวนนงนุชพัทยา จัดงานใหญ่วันช้างไทย 13 มีนาคมของทุกปีพร้อมเลี้ยงบุฟเฟต์ขันโตกผลไม้ยักษ์สูงกว่า 3 เมตร

(13 มี.ค. 68) เวลา 07.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยาคณะผู้บริหาร และประชาชนทั่วไปร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ 9 รูป ช้าง 19 เชือก ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามที่ทางสวนนงนุชดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า10 ปี ในพิธีมีการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ผู้เข้าร่วมพิธีและโขลงช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคลกับผู้มาร่วมทำบุญ

เวลา 10.00 น.ได้มีพิธีฮ้องขวัญช้าง(ทำขวัญช้าง)โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี โดยมีการจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่อลังการประกอบไปด้วยนักแสดงและน้องช้างแสนรู้ 60 เชือก และประธานในพิธีเปิดตีฆ้องเปิดบุฟเฟต์ขันโตกผลไม้ยักษ์สูงกว่า 3 เมตรสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สำหรับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปีเป็นวันช้างไทย สวนนงนุชพัทยาจัดงานเพื่อเป็นการยกย่อง “ช้าง” เป็นสัตว์ใหญ่ที่มีความสำคัญกับคนไทย  ซึ่งเป็นสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทยมาตั้งแต่โบราณการ และในอดีตช้างเป็นสัญลักษณ์บนผืนธงชาติไทย และได้รับเกียรติจากหน่วยงานราชการเข้าร่วมพิธีประกอบไปด้วย นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ , นายไพโรจน์ จันทร์ตั้ง ผอ.ส่วนยุทธศาสตร์และสารสนเทศฯสำนักงานปศุสัตว์เขต 2,นายศรายุทธ ธานีวัฒน์นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชลบุรีและนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นประจำทุกปี

รอง ผบ.ตร. มอบเข็ม 'สยบไพรีกิตติมศักดิ์' แก่สมาชิกวุฒิสภา ที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

เมื่อวันที่ (12 มี.ค.68) ที่ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี มอบใบประกาศและเครื่องหมายแสดงความสามารถ สยบไพรีกิตติมศักดิ์ แก่บุคคลผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมี พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา, พล.ต.ท.ศรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ปส.2 และ ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธี

สำหรับผู้ที่เข้าเครื่องหมายปราบไพรี กิตติมศักดิ์อครั้งนี้ ประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา นายกัมพล สุภาแพ่ง นายเดชา นุตาลัย นายธนกร ถาวรชินโชติ นายนิคม มากรุ่งแจ้ง พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายพิบูลย์อัทฒ์ หฤหรรษ์ปราการ นายมานะ มหาสุวีระชัย นายรุจิภาส มีกุศล นายเศก จุลเกษร นายเศรณี อนิลบล
นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ นายสุวิทย์ ขาวดี
นายอะมัด อายุเคน นายอัครวินท์ ขำขุด 

คณะอนุกรรมาธิการด้านปลอดภัยการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ นาวาเอก(พิเศษ) มนตรี ศิริไพศาล ดร.สมชาย กระแจะเจิม นายสมชาย จรรยา เลขานุการ คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา นายอรรถพล เจริญชันษา นายฌาณวัชร์ หุ้นอิทธิดิษฐ์ นิติกรชำนาญการกลุ่มงานคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ สำนักกรรมาธิการ 2 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 

โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ฉัตรชัย โรหิตาภิรมย์พยาบาล (สบ 4) โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.ท.หญิง ภัทรกร ธนกนกบวรกุล พยาบาล (สบ 3) โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.ท.หญิง อรอนงค์ อุทัย นักกายภาพบำบัด (สบ3) โรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. ได้กล่าวแสดงคำขอบคุณและความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับมอบเครื่องหมายสยบไพรีกิตติมศักดิ์ ซึ่ง ตร. จะพิจารณามอบให้แก่บุคคล ผู้เสียสละ ช่วยเหลือสนับสนุนและทำคุณประโยชน์ ให้แก่ทางราชด้วยดีเสมอมา เพื่อเป็นเกียรติ และขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีในอนาคต

พร้อมทั้งได้เชิญผู้เข้ารับเครื่องหมายสยบไพรีกิตติมศักดิ์และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมสดุดีและไว้อาลัย ร.ท.ภูริวัฒน์ คำสง ผบ.มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.ที่ 2 ผู้กล้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ จากเหตุคนร้ายซุ่มยิ่งขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยเป็นน้องชายของ พ.ต.ท.หญิง ฝนอริน คำสง สว.ฝอ.บก.สอท.2 ปฏิบัติราชการสำนักงาน รอง ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นเสมือนสมาชิกครอบครัวของรองแจง และเป็นมดงานในการประสานการจัดพิธีในครั้งนี้

สำหรับเครื่องหมายสยบไพรี เป็นตราสัญลักษณ์รูป นกอินทรีสยายปีก ทำท่าเหินเวหา ปากคาบปืนเอ็ม 16 พร้อมดาบปลายปืนในกงเล็บมือประกายสายไฟ โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร อดีตเจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ประทานนามให้แก่หน่วยกองกำลังชุดปฎิบัติพิเศษในการปราบปรามยาเสพติดว่า “สยบไพรี”

Luckin Coffee บริษัทกาแฟจากจีน พลิกกลับมาชนะคดีเครื่องหมายการค้าในไทย ศาลฯ สั่งคู่กรณีชดใช้ 10 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องวันละ 100,000 บาท

(13 มี.ค. 68) Luckin Coffee บริษัทกาแฟชื่อดังจากประเทศจีน ได้รับชัยชนะในคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย โดยศาลสั่งให้คู่กรณีชดเชยความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท

Luckin Coffee เป็นบริษัทกาแฟจากประเทศจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Starbucks ในตลาดจีน ด้วยกลยุทธ์การขายที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เน้นการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน และมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ Luckin Coffee ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เพราะในปี 2020 บริษัทถูกเปิดโปงว่ามีการ ตกแต่งบัญชี โดยอ้างว่ายอดขายสูงกว่าความเป็นจริงถึง 2,200 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) ส่งผลให้หุ้นของบริษัทในตลาด NASDAQ ร่วงลงอย่างรุนแรง จนต้องถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด

อีกทั้งในปีเดียวกัน Luckin Coffee ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สอบสวนเรื่องการตกแต่งบัญชี ส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายค่าปรับ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,500 ล้านบาท) เพื่อระงับข้อพิพาท และถูกหน่วยงานกำกับดูแลของจีนยังสั่งปรับบริษัท 61 ล้านหยวน (ประมาณ 282 ล้านบาท)

กระทั่งในปี 2023 Luckin Coffee สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้ โดยบริษัททำรายได้กว่า 24.9 พันล้านหยวน (ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีร้านกาแฟมากกว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศจีน
ส่งผลให้ Luckin Coffee เข้ามาเปิดตลาดในไทย แต่ถูกบริษัท R50 ยื่นฟ้องว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Luckin Coffee ในประเทศ 

ต่อมาศาลชั้นต้นตัดสินให้ Luckin Coffee ชนะคดี แต่ในชั้นอุทธรณ์ ศาลกลับตัดสินให้ R50 เป็นฝ่ายถูกต้อง ทำให้ Luckin Coffee ต้องเผชิญกับข้อพิพาททางกฎหมาย ทำให้ต้องว่าจ้างสำนักงานกฎหมาย Tilleke & Gibbins เพื่อหาทางแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าว 

Tilleke & Gibbins เข้ามาจัดการคดีด้วยกลยุทธ์ทางกฎหมายใหม่ โดยอ้างอิงกฎหมายสากลและหลักการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าระดับนานาชาติ ส่งผลให้ Luckin Coffee พลิกกลับมาชนะคดี และได้รับคำตัดสินให้เป็นเจ้าของสิทธิ์เครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้องในประเทศไทย

โดยในปี 2025 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางของประเทศไทยได้ตัดสินให้ Luckin Coffee บริษัทกาแฟรายใหญ่จากประเทศจีน ชนะคดีเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย และสั่งให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท (ประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เคยได้รับในคดีละเมิดเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย 

นอกจากนี้ ศาลยังกำหนดให้จำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายต่อเนื่องเป็นรายวันวันละ 100,000 บาท นับจากวันที่ยื่นฟ้อง (4 มีนาคม 2567) จนกว่าจำเลยจะยุติกิจกรรมละเมิดลิขสิทธิ์ และสั่งให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าทนายความของโจทก์

ในการตัดสินครั้งนี้ ศาลได้สั่งให้ยกเลิกการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยในประเทศไทย รวมถึงสั่งให้จำเลยเปลี่ยนชื่อบริษัทและห้ามใช้หรือแสดงคำว่า “Luckin Coffee” ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในชื่อบริษัท นอกจากนี้ จำเลยยังถูกห้ามใช้คำว่า “Luckin Coffee”, “瑞幸咖啡” และโลโก้รูปกวางในการดำเนินธุรกิจกาแฟ

กรณีของ Luckin Coffee ถือเป็นบทเรียนสำคัญของธุรกิจสตาร์ตอัปที่เติบโตเร็ว แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านกฎหมายและการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัทยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดกาแฟโลกต่อไป

รพ. รามาฯ แจง ไม่พบรังสีรั่วไหลจากเหตุเพลิงไหม้ อพยพผู้ป่วยครบ 191 ราย พร้อมงดให้บริการในอาคารหลัก 48 ชม.

รพ.รามาฯ ออกประกาศฉบับที่ 2 หลังเหตุเพลิงไหม้และกลุ่มควัน บริเวณอาคารหลัก (อาคาร 1) ย้ำไม่พบการรั่วไหลของรังสี อพยพย้ายผู้ป่วยไปยังจุดปลอดภัย ครบถ้วน 191 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสูดเขม่าควัน 1 ราย

จากกรณีที่มีกลุ่มควันและเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่ อาคารหลัก (อาคาร 1) ของโรงพยาบาครามาธิบดี เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 และทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้แจง ออกประกาศฉบับที่ 1 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ (12 มี.ค. 68) ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการอพยพย้ายผู้ป่วยไปยังจุดปลอดภัย จำนวนครบถ้วน 191 ราย โดยเป็นการอพยพย้ายภายในโรงพยาบาล

จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสุดเขม่าควันจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นบุคลากรที่เข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวได้รับการดูแลอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) และได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ผลกระทบดังกล่าว ทำให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับผลกระทบในการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยา ฝั่งอาคารหลัก (อาคาร 1) โดยเบื้องต้นการให้บริการด้านรังสีวิทยาและพยาธิวิทยาบางส่วนต้องข้ายไปให้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ จากข้อกังวลเรื่องรังสีรั่วไหล ทางทีมวิศวกรรมได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหลซองรังสี

สำหรับด้านการให้บริการทางพยาธิวิทยา ได้แก่ การบริจาคโลหิต ในขณะนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลขอขอบคุณผู้ที่ประสงค์จะบริจาคแต่เนื่องจากหน่วยคลังเลือดมีพื้นที่ในการรับบริจาคโลหิตอย่างจำกัด อาจจะไม่ได้รับความสะดวก

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการหน่วยต่าง ๆ ภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ชั้น 1 - 9 ฝั่งใต้ ยังคงปิดให้บริการเพื่อทำการระบายกลิ่นและกลุ่มกวันออกจากอาการอย่างต่อเนื่องทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จะดำเนินการลดจำนวนผู้ป่วยการผ่าตัด ผู้ป่วยที่ในเร่งด่วนออกไป ภายใน 1 2 วัน โดยหากสามารถดำเนินการได้ปกติจะมีการประกาศต่อไปต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรเทาสาธารณภัยกำลังจากตำรวจทหารที่เข้ามาช่วยเหลือรวมทั้งสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงที่พร้อมจะรับผู้ป่วยไปดูแลต่อและต้องขอบคุณบุคลากรของคณะฯทุกท่านที่ได้เซ้ามาช่วยเหลือกันเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยทุกคนบุคลากรทุกท่านทำงานอย่างมืออาชีพตามแผนที่ได้ซ้อมไว้และยังช่วยกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจนสามารถกลับมาดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกประกาศฉบับที่ 1 แจงเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคาร 1 เมื่อคืน (วันที่ 11 มีนาคม 2568) จนต้องเร่งอพยพผู้ป่วย เผยปัจจุบันยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ งดให้บริการภายในอาคาร 1 ทั้งหมด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง

ขณะที่ประกาศ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฉบับที่ 1 พบเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยระบุว่า เนื่องด้วยในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19.20 น. พบเหตุกลุ่มควันและเพลิงไหม้ที่อาคารหลัก (อาคาร 1) โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย เพื่อเข้ามาระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนที่รับการรักษาอยู่ภายในอาคารหลักออกนอกพื้นที่ในทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยเข้าระงับเหตุ

โดยปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดีได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด

ในระยะแรก โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด ทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก รวมทั้งงดการผ่าตัด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยภายในอาคารและของดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน สำหรับงานเวชระเบียน การบริจาคโลหิตและจุดเจาะเลือดขอให้ใช้บริการที่อาคาร สมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ หากมีความคืบหน้าทางโรงพยาบาลรามาธิบดีจะแจ้งให้ทราบต่อไป หรือหากท่านมีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการในระหว่างนี้ได้ที่Call Center 0-2201-1000 IIล: 0-2200-3000

โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประกาศแล้วผลสอบเข้าเรียน ม.4 ผ่านตัวจริง 72 คน และสำรองอีก 121 คน

(12 มี.ค. 68) โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประกาศผลสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวจริง 72 คน และตัวสำรอง 121 คน รวม 193 คน 

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และเอกสารประกอบการมอบตัวได้ที่เว็บไซต์ www.kvis.ac.th ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 เป็นต้นไป พร้อมทั้งส่งเอกสารยืนยันการเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ทั้งทางออนไลน์และทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 19 มี.ค. 68


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top